ใครๆก็ชอบคิดแหละ จะพาร่างกายตัวเองไปนอนบนเขาทำไม ที่นอนนุ่มๆก็ไม่มี เดินขึ้นไปก็เหนื่อย อาหารอร่อยๆก็ไม่มีกิน ห้องน้ำก็ไม่มีให้เข้า ทำไมไม่เอาตัวเองนอนสบายๆอยู่บ้านหล้ะ ?

นั่นอาจจะเป็นความคิดของหลายๆคน แต่สำหรับเรา เราว่าไม่ใช่นะ ไปเดินป่า เดินเขา สนุกจะตาย

ไม่ลำบากอย่างที่คิดหรอก เชื่อเราเถอะ ! ลองไปเดินดูสักครั้ง บรรยากาศมันต่างกับเที่ยวแบบอื่นเลยนะ

ท้าวความไปเมื่อต้นปี 2560 เราได้มีโอกาสได้ไปพิชิตเขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

กาญจนบุรี ยอดเขาที่ว่าทำการจองยากมากๆ ซึ่งจะรับแค่วันละ 60 คนเองแกร๊ !! แล้วหนึ่งปีจะเปิดให้ขึ้นแค่หนึ่งครั้งช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม เพราะหลังจากนั้นเขาลูกนี้จะเกิดไฟป่า

แต่ด้วยความที่เราโชคดี ได้คิวขึ้นจากผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งได้ทำการจองให้ ก็เลยได้ขึ้นแบบเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นตลอด เดี๋ยวพายุเข้า อุทยานประกาศปิดอุทยานทั้งๆที่เพิ่งได้คิว ก็เลยจะเปลี่ยนแผนจะไปภูสอยดาว จู่ๆอุทยานก็ประกาศว่าสามารถขึ้นได้ ในวันที่เราจองคิวไว้ ทีนี้ก็กรี๊ดหนักมาก คิดว่าจะไม่ได้ไปสะแล้ว !!

แต่ๆ เหตุการณ์มันยังไม่จบเท่านี้จ้าาาา !

พอไปถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตี 5 ก็นอนรอจนกว่าอุทยานจะเปิดทำการ 8.00 น. พอเจ้าหน้าที่มาเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเพื่อจะลงทะเบียน แต่แล้วทันใดนั้น ทันใดนั้น และทันใดนั้น

เจ้าหน้าที่หารายชื่อกลุ่มเราไม่เจอ แล้วบอกว่าถ้าหาไม่เจอก็จะไม่ได้ขึ้นวันนั้นเพราะรายชื่อเต็มแล้ว !

ทีนี้ก็ช็อคหนักมาก มองหน้ากัน ทำไงดี จะไม่ได้ขึ้นหรอ ?

นึกขึ้นได้ก็ต้องโทรหาพี่ผู้ใหญ่ใจดีของเรา แต่ แต่ แต่ ที่อุทยานไม่มีสัญญาณโทรศัพย์ ต้องเดินขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อไปหาสัญญาณเกือบ 2 กิโลเมตร พอโทรติด พี่ผู้ใหญ่ใจดีก็ได้มาคุยกับเจ้าหน้าที่อุทยานให้ ผลปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ลืมลงชื่อกลุ่มเราค่ะ เกือบไปแล้ววว เกือบไปแล้ววว

หลังจากนั้นกลุ่มเรา และมีอีก หนึ่งกลุ่มที่เป็นเหมือนกันก็ได้ทำการเขียนแบบฟอร์มใหม่ให้ทางอุทยานเพื่อขออนุญาติทำการขึ้นไปบนเขาช้างเผือกค่ะ แล้วก็ทำการลงทะเบียน

หลังจากลงทะเบียนที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเสร็จ ทำการซื้อตั๋วเข้าอุทยาน เช่าเต๊นท์ แผ่นรองนอน แล้วก็ผ้าห่มเสร็จ จ่ายเงินที่อุทยานให้เรียบร้อยเลยนะคะ เราก็ต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านอีต่องคะ เพื่อไปจัดหาลูกหาบ และจะมีเจ้าหน้าที่นำทางของแต่ละกลุ่มไปรอที่นั่น

ถึงหมู่บ้านอีต่อง ก็จัดแจงหาลูกหาบคะ กิโลกรัมละ 30 บาท ลูกหาบหนึ่งคนสามารถหาบได้ 30 กิโลกรัม

พี่ลูกหาบคนนี้แบกของให้กลุ่มพวกเราค่ะ

จัดแจงเรื่องลูกหาบเสร็จก็ถ่ายรูปกับป้ายตรงนี้ก่อนเดินทางขึ้นนะคะ กับพี่ๆเจ้าหน้าที่

กลุ่มเราเจ้าหน้าที่ พี่ตุ้ย ผู้ใจดี

ถ่ายรูปตรงนี้เสร็จกลุ่มไหนพร้อมเดินขึ้นก่อนก็เดินไปได้เลยจ้าาา กลุ่มเราไม่รีบ เกือบกลุ่มสุดท้าย เพราะลงทะเบียนกลุ่มสุดท้าย

ได้เวลา เมื่อยขา เหงื่อแตกแล้วจ้าาา เลทโก !

ทางขึ้นเขาช้างเผือกอยู่หลังหมู่บ้าน

เดินข้ามสะพานไป เห็นหลังพี่ๆลูกหาบเดินไปไวๆ

ตามพี่ลูกหาบทันแล้ววว แต่หลังจากนั้น เราก็ไม่เห็นใครอีกเลย นั่งพักจนกลุ่มอื่นเดินหนีไปไกล ฮ่าๆ

เดินไปสักพัก ก็ถามพี่ตุ้ยเจ้าหน้าที่นำทางกลุ่มเราเรื่อยๆ ทุกๆ สิบก้าวเดินว่าพี่เราใกล้ถึงยัง

พี่แกก็ตอบตลอดเลยว่า นี่เรายังเดินมาไม่ถึงไหนเลยยยยยย

ห้ะ ! นี่เดินมานานมากแล้วนะ ก็เดินไปนั่งพักไป จนเกือบๆ 2 ชั่วโมงก็ถึงป้าย หลงดีใจ ที่ไหนได้ นี่แค่ปากทางขึ้น ที่เดินมาทั้งหมดนั่นยังไม่ใช่เลย

แค่เห็นป้ายก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย

ทุกๆกลุ่มจะต้องถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่ตรงนี้ก่อนทุกกลุ่มนะคะ จุดรายงานตัวจุดที่ 1

แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่เก็บบัตรเข้าอุทยานที่เราซื้อมาตั้งแต่แรกตรงนี้ แล้วก็เซ็นชื่อใหม่อีกรอบ

ระยะทางจากตรงนี้ถึงยอดเขาช้างเผือกประมาณ 6 กิโลเมตร แต่เป็น 6 กิโลเมตรที่ยาวนานนะ ฮ่าๆ

เดินไป พักไป สบายใจ

เรื่อยๆก็เจอจุดพักจุดที่ 1 เดินหิ้วถุงน้ำไว้จิบระหว่างทาง

วิว 360 องศาที่หาในเมืองไม่ได้เลย

เขาลูกนี้ดินค่อนข้างลื่นมากๆ ต้องคอยระวังและจับเชือกดีๆ ขอบคุณพี่คนหนึ่งที่ช่วยดึงมือขึ้นไปนะคะ

พี่ๆลูกหาบ เดินกันอย่างชำนาญเลยทีเดียว

พี่ตุ้ย เจ้าหน้าที่นำทางกลุ่มเรา เป็นทั้งเจ้าหน้าที่เป็นทั้งช่างถ่ายรูปให้

เขาชะมด แต่ไม่มีชะมดนะจ๊ะ ฮ่าๆ

ระยะทางก็เป็นทางเรียบบ้าง ขึ้นเขาบ้าง เดินลงบ้าง !

ผ่านเขาลูกนี้ก่อนนะ เขาช้างน้อย แต่เราก็ไม่เจอช้างอีกตามเคย ฮ่าๆ

พี่ๆลูกหาบบอก อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว

ถึงจุดกางเต็นท์นะ ไม่ใช่ยอดเขาา ฮ่าๆ นั่งพักก่อนๆ ค่อยๆไป

ผ่านทุ่งหญ้าสีทองเหลืองอร่าม กลายเป็นโกโกครั้นซ์ ! เขาช้างเผือกก็คือเขาที่เป็นรูปเหมือนช้าง และทุ่งหญ้าสีทอง นี่แหละคะ

มันดีแบบนี้นี่เองแกร๊ !!

ผ่านเขาลูกข้างหน้าไปก็จะถึงจุดกางเต๊นท์แล้ว

มองมุมนี้เราจะเห็นภูเขาเป็นรูปหลังช้างนะคะ

เราจะไปเดินบนหลังช้างกัน

ตรงโน้นนนนนนนนนะ ยอดเขา

ที่เห็นข้างล่างนั่นคือจุดกางเต๊นท์นะคะ เจ้าหน้าที่จะให้เรานั่งพัก จนถึง 3 โมงเย็น แล้วค่อยขึ้นไปบนยอดเขาช้างเผือกพร้อมกันค่ะ แล้วให้ลงก่อน ห้าโมงเย็นเพราะ ช่วงค่ำอันตราย

เราใช้ระยะเวลาในการเดินจนถึงจุดกางเต๊นท์ประมาณเกือบๆ ห้าชั่วโมงค่ะ เดินไปพักไป

ลงจากตรงนี้เราใช้วิธีคลานลงเลยค่ะ มันชัน ฮ่าๆ

พอถึงจุดกางเต๊นท์พี่ลูกหาบก็ทำการกางเต๊นท์ หาทำเลที่นอนไว้ให้อย่างเรียบร้อยแล้ว

นั่งพักแป๊บนึง กินยาแก้แพ้ ย้ำว่านั่งพักแป๊บเดียว เพราะเดินมาถึงช้า ฮ่าๆ พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็ให้รวมตัวกันขึ้นบนยอดเขา

จุดไฮไลท์ของเขาช้างเผือกก็คือนี่เลย

สันคมมีด !!

ที่เวลาปีนขึ้นไปห้ามมองลงมาข้างล่าง เพราะข้างล่างนี่เป็นเหวเลย เรียกได้ว่าเป็นจุดท้าทายของที่นี่เลยค่ะ

พี่ๆเจ้าหน้าที่แนะนำว่า เวลาขึ้นสันคมมีด ปีนขึ้นไปท่าไหน ต้องลงมาท่านั้น พร้อมกับดูแลอย่างดี

ปล. แอบเอารูปเจ๊ๆเราสองคนมา เพราะตอนเราปีน ไม่กล้าถ่าย ขามันสั่นนนนน ฮ่าๆ พรึ่บพรั่บๆ

เจ๊เราเอง นักรบผ่านสันคมมีดดดดด ฮ่าๆ

ผ่านสันคมมีดไปขาก็สั่นไม่หายพี่เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ย่อตัวต่ำๆ เรานี่ไม่ย่อเลย ต้องเรียกว่าคลานไป ข้างล่างนี่เหวเลย

กางปีกแบบเสียวๆ

ตอนนี้เราเดินบนหลังช้างกันแล้วน้าาา

ก่อนจะถึงยอดเขาเราต้องขึ้นเนินเทเลทับบี้กันก่อน ที่เรียกว่าเนินเทเลทับบี้อาจเป็นเพราะมันชันและลื่นมั้งเหมือนพวกเทเลทับบี้เล่นสไลเดอร์กัน ฮ่าๆ อันนี้เราเดานะ

เดินไปไต่ไปก็ไม่ถึงสักที พักเป็นสิบรอบ

จนเพื่อนบอกอยากจะถอดใจไม่เดินไปต่อ

เราก็แอบถอดใจเหมือนกัน ฮ่าๆ แต่ได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนมาว่าถึงแล้วๆ เห็นธงชาติแล้ว เราเลย ฮึบบบบ

และแล้ววววว เราก็ถึงแล้วยอดเขาช้างเผือก บนยอดเขาเราสามารถเห็นวิวเขื่อนด้วยนะ นอนเล่นบนยอดเขาลมเย็น สบายใจ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้เราลงพร้อมกันตอนห้าโมงเย็น

ลงมาถึงพี่ลูกหาบ ก็เตรียมต้มน้ำให้เราไว้กินมาม่าอย่างเรียบร้อย

พี่ลูกหาบเราคนที่ยืนข้างหลังนั่นแหละ แบกของให้พวกเราจนขาเจ็บ เลยให้ยาแก้ปวดพี่เค้าไป ขอบคุณมากนะคะ

กินมาม่าบนเขามันฟินอะไรแบบนี้ อากาศเย็นๆ มาม่าร้อนๆ อื้อหืออออ

ป่าวหรอก เพราะเราไม่มีอะไรจะกิน แบกแต่มาม่าขึ้นไป ฮ่าๆ

พอค่ำๆอากาศก็ยิ่งเย็น เรานี่มุดเข้าเต๊นท์ตั้งแต่ สองทุ่มเลย พี่ๆคนอื่นๆก็รอถ่ายดาวกันไป

อย่าถามว่าน้ำได้อาบไหม ตอบเลยว่าไม่จ้าาา

ที่นี่มีห้องน้ำให้นะเป็นส้วมหลุม ไม่มีน้ำ ต้องเตรียมทิชชู่เปียกไป คนอื่นๆก็ป่าหญ้ากันเลยค่ะ ตามสะดวกกันไป

เช้าแล้วกับชุดเดิม รับอากาศยามเช้า แล้วเดินทางลงค่ะ ลงแต่เช้าจะได้ไม่ร้อน

พี่ลูกหาบก็ต้มน้ำไว้ให้ กินมาม่าเหมือนเดิมจ้าาา เพราะเรื่องกินนั้นสำคัญ อันนี้ขาดไม่ได้ ฮ่าๆ เดี๋ยวไม่มีแรงเดินลง

ตอนขาเดินลงพี่ลูกหาบก็ทำการเก็บเต้นท์ เก็บขยะ ลงมาให้เรียบร้อยค่ะ

ไปป่าอย่าลืมนำขยะลงมาทิ้งข้างล่างนะคะ ช่วยกันรักษา

ตอนขาเดินลงใช้เวลาไม่นานค่ะ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ตรงไหนมีสัญญาณโทรศัพย์ก็พักนานหน่อย

ลงมาถึงอุทยานอย่าลืมปั๊มพาสปอร์ตกันนะคะ

อาบน้ำเสร็จก็แวะถ่ายรูปก่อนกลับ

โบกมือลา ถ้าปีไหนมีโอกาสได้ขึ้นไปอีก เราอยากกจะกลับไปใหม่เลย จะเก็บไว้ในความทรงจำ ...

.....เขาช้างเผือก อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กาญจนบุรี......

เหนือสิ่งอื่นใดในการเดินทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่อยู่ที่มิตรภาพระหว่างทาง

ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ

จนกว่าจะพบกันใหม่ โอกาสหน้าค่าาาา

ค่าใช้จ่าย
- ค่าน้ำมัน ไปกลับ 1500/5 ตกคนละ 300 บาท
- ค่าทางด่วน ไปกลับ 80บ. ตกคนละ 16 บาท
- ค่าเข้าอุทยาน 380/5 ตกคนละ 76 บาท
- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1000/5 ตกคนละ 200 บาท
- ค่าเช่าเต้น ผ้าห่ม ที่รองนอน คนละ 171 บาท
- ค่าจ้างลูกหาบ 2 คน นน.รวม 63 กก. 2780 ตกคนละ 556 บาท
-รวม- 1319 บาท ไม่รวมค่าอาหาร




กาลครั้งหนึ่ง

 วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.05 น.

ความคิดเห็น