หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมได้พาทุกท่านไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองโดยการพาไปตะลุยเมืองอิวากิ (Iwaki) จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) ในส่วนของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Aquamarine Fukushima และตลาดปลา Lalamew ตามลิงก์นี้ไปแล้ว วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปตะลุยอีกหนึ่งสถานที่ที่ผมคิดว่าหากเราได้มีโอกาสมาเที่ยวที่เมืองอิวากิแล้วไม่ควรพลาด นั่นก็คือ Spa Resort Hawaiians ซึ่งเป็นสวนน้ำในร่มที่มีขนาดใหญ่มากๆ นั่นเอง

สำหรับการเดินทางมา Spa Resort Hawaiians นั้นจะมีอยู่ 2 วิธีหลักๆ ด้วยกันนั่นก็คือการนั่ง Taxi โดยตรงจากสถานีรถไฟ หรือวิธีที่ 2 คือการนั่ง Share Taxi จากบริเวณ Aquamarine Fukushima และตลาดปลา Lalamew ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมแนะนำวิธีแบบหลังมากกว่านะครับ เพราะหากเราสามารถวางเส้นทางการท่องเที่ยวของทั้ง 2-3 ที่นี้ให้อยู่ในวันเดียวกันได้ มันจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้พอควรเลย โดยจุดที่ผมเลือกนั่ง Share Taxi นั้นคือบริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Aquamarine Fukushima ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายคนละ 800 เยน และใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

ทั้งนี้เราสามารถดูตารางเวลาการนั่ง Share Taxi ตามภาพด้านล่างได้เลยหรือสามารถเช็คข้อมูลอัพเดทได้ที่ลิงก์นี้นะครับ http://www.lalamew.jp/wp-content/themes/lalamew/pdf/aquamarine_taxi.pdf โดยหน้าตาของ Share Taxi นั้น จะเหมือนรถตู้ขนาดเล็ก และผมแนะนำว่าให้เราไปยืนรอที่ป้ายก่อนเวลาซัก 5 นาที หากมีรถตู้คันเล็กๆ มาจอดก็เข้าไปถามคนขับเลยว่าไป Spa Resort Hawaiians หรือเปล่า แต่ถ้าใครไม่แน่ใจกลัวผิด กลัวคุยไม่รู้เรื่อง ก็ print ภาพด้านล่างนี้ติดตัวไปให้เค้าดูได้เลยครับ ^^

หลังจากที่เรานั่ง Share Taxi มาได้ประมาณ 30 นาที เราก็มาถึง Spa Resort Hawaiians โดยจุดที่รถจอดนั้นจะเป็นบริเวณหน้าโรงแรม ซึ่งหากใครอยากจะพักผ่อน อยากจะเที่ยวที่นี่นานๆ ก็สามารถจองห้องพักและค้างคืนที่นี่ได้เลย ส่วนผมกับต๋งนั้นเรามีที่พักในเมืองอยู่แล้วก็เลยตรงดิ่งไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนน้ำเลยครับ

สำหรับค่าเข้าและเวลาเปิดปิดของ Spa Resort Hawaiians ก็ตามรายละเอียดด้านล่างเลยครับ

เวลาเปิด-ปิด : 10:00-22:15 (วันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดตั้งแต่ 9:00)

ค่าเข้า : 3,500 เยน/คน

ค่าเข้าหลังเวลา 15.00 น. : 3,000 เยน/คน

ค่าเข้าหลังเวลา 18.00 น. : 2,800 เยน/คน

ก็ลองดูนะครับ สำหรับใครที่อยากประหยัดหน่อยก็วางแผนเวลาให้เข้าหลัง 15.00 น. ก็ได้ เพราะจะช่วยประหยัดเงินไปได้พอควรเลย ที่สำคัญที่นี่ยังปิดดึกอีกด้วย เพียงแต่ว่าใครที่จะกลับดึกๆ หน่อยก็ควรเช็คเส้นทางและตารางเวลารถไฟกลับให้ดีๆ นะครับ จะได้ไม่พลาดรถไฟไป ทั้งนี้ค่าเข้าดังกล่าวได้รวมค่าเข้าสวนน้ำ รวมไปถึงที่นั่งแบบไม่สำรองที่ในการเข้าชมการแสดงเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับเครื่องเล่นในสวนน้ำ, บริการนวด และการสำรองที่นั่งพิเศษในการชมการแสดงครับ

หลังจากที่ซื้อตั๋วเสร็จแล้วทีนี้ก็ได้เวลาที่เราจะพาทุกคนไปสำรวจภายใน Spa Resort Hawaiians กันแล้ว โดยจุดแรกที่ผมจะพาทุกคนไปนั่นก็คือเวทีการแสดงนั่นเอง โดยที่เวทีแห่งนี้จะมีการแสดงหลักๆ ที่น่าสนใจอยู่ 4 รอบตามภาพด้านล่าง ใครที่สนใจอยากจะดูการแสดงชุดไหนก็อย่าลืมไปอัพเดทตารางเวลาที่ข้างเวทีอีกครั้งนะครับ เผื่อเค้ามีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด เราจะได้ไม่พลาดชมการแสดงที่เราสนใจ

ขนาดของเวทีการแสดงนั้นถือว่าใหญ่มาก มีพื้นที่นั่งที่สามารถรองรับคนดูได้เป็นพันคน โดยรอบการแสดงที่ผมดูนั้นคือรอบ 13.30 น. มีชื่อการแสดงว่า Polynesian Sunlight Carnival ซึ่งจากที่ผมหาข้อมูลมารู้สึกว่าการแสดงรอบนี้กับรอบ 20.40 น. ที่มีชื่อการแสดงว่า Polynesian Grand Stage นั้นถือเป็นการแสดงไฮไลท์ที่ห้ามพลาดของที่นี่เลยครับ

ลักษณะการแสดงของ Polynesian Sunlight Carnival นั้นจะเป็นการแสดงความเป็นฮาวายผ่านรูปแบบต่างๆ ทั้งร้องเพลง, เต้นระบำ และการควงกระบองไฟ โดยใช้เวลาในการแสดงประมาณ 45 นาที และช่วงท้ายๆ ของการแสดงจะมีการเปิดโอกาสให้เด็กๆ และผู้ที่สนใจขึ้นไปเรียนรู้วิธีการเต้นระบำแบบฮาวาย รวมไปถึงการถ่ายรูปกับนักแสดงด้วยครับ

อ้อ สำหรับที่นั่งในการดูการแสดงนั้นจะมี 2 ชั้นนะครับ และบางที่นั่งจะมีการระบุหมายเลขสำหรับคนที่ซื้อตั๋วพิเศษไว้ ดังนั้นสำหรับใครที่ไม่ได้ซื้อตั๋วพิเศษก็ต้องเลือกนั่งตรงที่ไม่มีหมายเลขหรือตัวหนังสืออะไรระบุไว้นะครับ

นอกจากนี้ บนเวทีแห่งนี้ยังมีการแสดงพิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับฮาวายอย่างการแสดงของยอดมนุษย์ขบวนการ 5 สีด้วยนะครับ ซึ่งบอกเลยว่าเด็กๆ หลายคนดูจะชอบการแสดงชุดนี้มากกว่าการแสดงที่เกี่ยวกับฮาวายซะอีก ><

จบจากเวทีกิจกรรมแล้ว คราวนี้เราไปดูกันดีกว่าว่าภายใน Spa Resort Hawaiians นั้นมีอะไรบ้าง เริ่มแรกก็แน่นอนว่าต้องเป็นสวนน้ำครับ โดยสวนน้ำที่นี่ถือว่าเป็นสวนน้ำในร่มที่มีขนาดใหญ่มาก น่าจะสามารถจุคนได้เป็นพันคนและมีการแบ่งออกเป็นหลายโซนทั้งโซนสระสำหรับเล่นน้ำ, โซนแช่สระน้ำร้อน, โซนสระน้ำวน แล้วก็โซนเครื่องเล่นต่างๆ ส่วนบรรยากาศภายในวันที่ผมไปนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าวเลย ซึ่งก็เลยทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะลงไปแช่น้ำ เล่นน้ำกันอย่างมากมายจนแทบจะเต็มพื้นที่เลย

สำหรับใครที่ต้องการจะเล่นเครื่องเล่นนั้นก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มต่างหากนะครับ โดยเครื่องเล่นหลักๆ ก็จะเป็นพวกสไลเดอร์ ทั้งสไลเดอร์แบบเอาตัวลงมาเพียวๆ หรือแบบลงมาพร้อมห่วงยางเดี่ยวกับแบบลงมาพร้อมห่วงยางคู่ ซึ่งตัวผมเองนั้นได้ลองเล่น 2 อย่างคือสไลเดอร์ที่เอาตัวลงมาเพียวๆ แบบระดับสูงสุด แล้วก็เล่นสไลเดอร์ที่ลงมาพร้อมห่วงยางแบบเดี่ยว ที่จะทำการสไลเดอร์ลงมาเป็นขั้นๆ ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ก็เป็นอะไรที่ที่สนุกดีครับ แต่น่าเสียดายที่วันที่ผมไปนั้นคนภายในสวนน้ำเยอะมากจนทำให้กว่าที่ผมจะได้เล่นแต่ละรอบต้องต่อคิวรอนานสุดๆ บางรอบนี่ต้องต่อเกือบชั่วโมงเลยครับ T___T

ในส่วนเรื่องของราคาเครื่องเล่นนั้นจะแบ่งออกเป็นดังนี้ครับ

แบบเล่นครั้งเดียว : ราคา 200 เยน

แบบเล่น 6 ครั้ง : ราคา 1,050 เยน

แบบ Unlimited (เล่นกี่ครั้งก็ได้) : ราคา 2,300 เยน

แบบ Unlimited (หากซื้อหลัง 15.00 น.) : ราคา 1,300 เยน

โดยจุดจำหน่ายบัตรเครื่องเล่นนั้นจะอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องเล่นที่เป็นสไลเดอร์ เมื่อเราจ่ายเงินเสร็จก็จะได้สายรัดข้อมือมา อย่างผมซื้อมาแบบ 6 ครั้ง ก็จะได้สายรัดข้อมือที่มีเลข 1 ถึง 6 และพอเราต่อแถวเล่น 1 ครั้ง ก็จะโดนเจาะหมายเลขไป 1 ที ซึ่งผมจะบอกว่าสายรัดนี่เหนียวมากๆ และเราไม่สามารถถอดให้คนอื่นได้เลยนะครับ หากจะถอดต้องทำการฉีกขาดเลย ดังนั้นใครจะซื้อแบบไหนก็ต้องคำนวนเวลาดีๆ ก่อนว่าวันนั้นคนแล่นเยอะมั้ย ต่อคิวนานแค่ไหน เราจะกลับกี่โมง จะได้ซื้อมาแล้วใช้คุ้มๆ ไม่เหมือนผมที่เวลาไม่พอและได้เล่นไปแค่ 4 ครั้งเอง T___T

หมายเหตุ : ภายในสวนน้ำแห่งนี้จะมีห้อง Locker และห้องน้ำ เพื่อให้เราเปลี่ยนชุดและอาบน้ำด้วยนะครับ โดยห้อง Locker นี้จะอยู่บริเวณชั้นบนของอาคารครับ

จบจากส่วนสวนน้ำกันแล้วทีนี้ไปดูส่วนอื่นๆ กันดีกว่า โดยจากที่ผมลองสำรวจดูจะสามารถแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ส่วนดังนี้ครับ

  • Game Center
  • ร้านขายเสื้อผ้าและของที่ระลึกต่างๆ
  • ร้านอาหาร
  • พิพิธภัณฑ์ฮาวายและบริเวณพักผ่อน

โดยในส่วนของ Game Center นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่มากๆ และมีเกมส์ที่น่าสนใจ น่าเล่นเต็มไปหมดเลย รวมไปถึงการมีตู้กาชาปองให้หยอดด้วย บอกเลยว่าใครที่ชอบเล่นเกมส์ตู้ ให้เตรียมเงินมาเผื่อเยอะๆ เลยครับ

ส่วนร้านขายเสื้อผ้าและขายของที่ระลึกนั้นจะมีกระจายอยู่หลายโซนเลยทั้งในส่วนที่ใกล้ๆ กับสวนน้ำ แล้วก็บริเวณชั้น 1 ด้านหน้า ใกล้ๆ กับทางออก ซึ่งบริเวณหลังนี่จะมีพื้นที่และของให้เลือกซื้อเยอะแยะเลยครับ

ส่วนถัดมาก็คือโซนร้านอาหาร ซึ่งจะมีอาหารขายหลายประเภทเลย รวมทั้งเครื่องดื่มและขนมหวานอีกมากมาย ราคาก็มีตั้งแต่ 400 เยน จนถึง 1,000 เยนครับ ส่วนพื้นที่ที่เราสามารถนั่งทานได้นั้นก็มีหลายบริเวณเลยทั้งโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับสวนน้ำ, บริเวณเวทีการแสดง แล้วก็ห้องแอร์เย็นๆ ใกล้กับ Game Center ซึ่งผมแนะนำว่าควรมานั่งกินที่บริเวณหลังสุดนี่แหละครับ แอร์เย็นฉ่ำ นั่งสบายมาก ^^

ส่วนสุดท้ายของที่นี่ก็คือพิพิธภัณฑ์ฮาวายและบริเวณพักผ่อน โดยทั้ง 2 ที่นี้จะอยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร ส่วนของพิพิธภัณฑ์ก็จะมีการจัดแสดงประวัติและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับฮาวาย เช่น เสื้อผ้า หรือเครื่องใช้ต่างๆ ส่วนของบริเวณพักผ่อนนั้นก็จะมีจุดให้นั่งพักรวมไปถึงบริการนวดผ่อนคลายครับ

หลังจากที่เราได้ใช้เวลาเพลิดเพลินอยู่ในสวนน้ำนี้เป็นเวลานานจนร่างกายเริ่มหมดพลัง คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางกลับกันแล้ว โดยการเดินทางกลับนั้นก็ให้เราเดินไปที่ประตูทางออก และเลี้ยวขวาไปยืนต่อแถวที่ป้ายรถซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ เพราะที่นี่จะมีรถบริการรับส่งฟรีไปยังสถานี Yumoto Station โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที

เมื่อเราเดินทางมาถึงสถานี Yumoto Station แล้ว เราก็เช็คเวลารถไฟใน Hyperdia เพื่อกลับสถานีอิวากิหรือสถานีอื่นๆ ได้เลย โดยหากใครจะไปสถานีอิวากิก็จะใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นครับ

อ้อ...ที่สถานีแห่งนี้มีออนเซ็นแช่เท้าให้เราใช้บริการฟรีๆ ด้วยนะครับ ใครอยากแช่ก็เตรียมใส่กางเกงขาสั้นมาได้เลยจะได้แช่สบายๆ หน่อย ^^

เมื่อเราเดินทางมาถึงสถานีอิวากิ ตอนนี้ก็แล้วแต่คนเลยว่าจะเลือกทำอะไรต่อ ระหว่างการเดินช้อปปิ้งและหาอะไรอร่อยๆ กิน หรือจะกลับที่พัก ส่วนผมกับต๋งนั้นเราเลือกอย่างแรก โดยห้างที่เราคิดว่าโอเคเหมาะสำหรับเป็นที่ช้อปปิ้งรวมทั้งที่ฝากท้องของเราก็คือห้าง Latov ตามในรูปนี้นี่แหละ เพราะเป็นห้างที่อยู่ติดกับสถานีอิวากิเลย แถมภายในห้างยังมีร้านขายเสื้อผ้า, ขายรองเท้า, Supermarket แล้วก็ร้านอาหารมากมายเลยครับ อย่างวันนี้เราก็เลือกฝากท้องที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่บริเวณชั้น 1 ของห้าง รสชาติอาหารอร่อยดี แถมราคาไม่แพงด้วย

และนี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดที่ผมได้เที่ยวในเมืองอิวากิ ตั้งแต่การตะลุย Aquamarine Fukushima และตลาดปลา Lalamew ตามลิงก์นี้ จนมาถึงการได้ไปเที่ยวสวนน้ำอย่าง Spa Resort Hawaiians ซึ่งพึ่งจบไป และต้องบอกว่าตลอดทั้ง 2 วันของเราในเมืองอิวากินั้นเป็นอะไรที่ประทับใจมาก และที่ประทับใจสุดๆ ก็คือในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแรกของเราในเมืองอิวากินั้น ที่เมืองแห่งนี้ได้มีการจัดงานเทศกาลฤดูร้อนพอดี ซึ่งบรรยากาศนั้นสนุกสนานมากๆ ตั้งแต่การเปิดร้านขายของต่างๆ ที่มีทั้งอาหารคาว, ของหวาน จนไปถึงของเล่นและกิจกรรมต่างมากมาย รวมไปถึงกิจกรรมบนเวทีและการปิดถนนสายหลักของเมืองเพื่อร้องรำทำเพลง เต้นกันอย่างสนุกสนานแบบ non stop บอกเลยว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากๆ และผมแนะนำเลยว่าหากใครจะมาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมก็ให้เช็ควันที่เค้าจัดงานให้ดีๆ จากนั้นก็เลือกวันเดินทางมาให้ตรงกับวันนั้นพอดี รับรองว่าคุณจะฟินมากๆ ครับ

และที่ผมฟินสุดๆ ก็คือในวันที่มีงานเทศกาลนั้นผมกับต๋งมีชุดยูกาตะติดตัวอยู่พอดี เราก็เลยรีบเปลี่ยนชุดแล้วไปเดินเที่ยวเล่นงานนี้กับเค้าด้วยเลย บอกเลยว่ามันสนุกและฟินมากกว่าเดิมหลายเท่าเลย ที่สำคัญยังดูกลมกลืนและเนียนไปกับชาวญี่ปุ่นสุดๆ ><

­

และสำหรับใครที่อยากจะชมคลิปบรรยากาศการเที่ยวเมืองอิวากิของผมทั้งสองวัน ก็สามารถชมคลิปสั้นๆ ตามด้านล่างได้เลย โดยคลิปแรกจะพูดถึงตลาดปลา Lalamew กับงานเทศกาลฤดูร้อน ส่วนคลิปที่สองจะเป็นเรื่องของ Aquamarine Fukushima และ Spa Resort Hawaiians ครับ แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองของผมกับต๋ง โดยมีจุดหมายปลายทางต่อไปคือเมืองไอซึ-วากามัตซึ (Aizu – Wakamatsu) หรือเมืองแห่งซามูไรนั่นเอง ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ สวัสดีครับ ^^



ความคิดเห็น