สวัสดีครับ วันนี้ Tummeng Travel ขออาสา แบกเป้ ไปใช้ ชีวิตช้าๆ หรือ Slow life ที่ จังหวัดกระบี่



หากพูดถึง หน้าฝน หลายๆคน คงนึกถึงการเที่ยว ตาม ป่าเขา น้ำตก ทุ่งนาประมาณนี้ ใช่ใหมครับ



แต่ครั้งนี้ ผม จะ พาทุกท่านไป เที่ยว ทะเล จังหวัดกระบี่ ครับ ไปหน้าฝน นี่แหละ



แล้วไปทำไมหน้าฝนมันจะสวยมั้ย ?มันจะมีอะไรให้ทำ ?



ผมจะพาทุกท่านไปพบกับคำตอบ ของคำถามเหล่านี้ ครับ



เช่นเดิมครับขอบคุณทุกกำลังใจ จากทุกทาง ที่สามารถติดตามผลงานของผมนะครับ



=============================

‪#‎Tummengtavel‬ ‪#‎แบกเป้เท่ห์ทั่วโลก‬

IG : tumengtravel

Web : tummengtravel.com

email: [email protected]

เพจ : https://www.facebook.com/TummengMagazine

=============================

แน่นอน อยู่ดีๆ ผมคงไม่คิดจะไปเที่ยว กระบี่ช่วงหน้าฝนเป็นแน่


แต่เมื่อได้ มีโอกาส ได้ พูดคุยกัย ทีมงาน one22 และ ทาง ททท กระบี่แล้ว ซึ่ง

ทาง ททท. ของกระบี่ก็มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวในรูปแบบ 7 Greens อยู่แล้วครับ

และการท่องเที่ยวแบบ 7 Greens นั้นเป็นการร่วมมือทั้งในส่วนของผู้แระกอบการและตัวนักท่องเที่ยวเองครับ



ข้อมูลการเที่ยวแบบ 7 Greens สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่

https://7greens.tourismthailand.org



กระทู้นี้เป็น SR ดังนี้

- การเดินทางในทริปนี้ต่างๆ ททท.กระบี่ ร่วมกับ www.one22.com เป็นผู้ติดต่อและประสานงานให้โดยที่

- ตั๋วเครื่องบิน NokAir เป็นผู้สนับสนุน

- ที่พัก ททท. เป็นผู้สนับสนุน ร่วมกับผู้ประกอบการในจังหวัดกระบี่ร่วมโครงการ 7 Greens ประกอบไปด้วย

Phu Pi Maan Resort & Spa

Koh jum resort

- อาหารมื้อเย็น ที่ ร้าน Sala Talay

ผมเดินทาง จาก เชียงราย มาก กทม.และเดินทาง ต่อไปยัง กระบี่ ด้วยสายการบินนกแอร์ ครับ ซึ่งการไปกระบี่ นั้น ก็มี หลายเที่ยว อยู่ครับ ทั้ง เช้า กลางวัน เย็น เลย



เมื่อมาถึง สนามบิน กระบี่ผมก็ใช้การ นั่งรถ Shutter bus ไปยัง อ่าวนางครับ ซึ่ง คืนแรกที่ผม จะไปพัก แถวๆนั้นครับสนนราคา ก็ คนละ 150 บาท ครับ ไปส่ง ถึง โรงแรม เลยครับ แค่แจ้งคนขับว่าพักที่ไหน

เมื่อมาถึง โรงแรมที่ผม จะต้องพักในคืนแรก คือ โรงแรม ภูพิมาน รีสอร์ท ซึ่งตั่งอยู่ที่อ่าวนาง แต่ เข้าซอยไป อีกนิดจากถนนใหญ่ ซึ่งดูจาก ลูกค้าที่มาพักส่วนใหญ่ เป้นชาวต่างชาติทั้งนั้น ผมจึงถูกทักทายจาก พนักงานต้อนรับเป็นภาษาอังกฤษ



นี้คือสภาพห้องที่ ผม และรุ่นน้อง พักในคืนแรกครับ ห้องกว้างขวางดี มี วิวภูเขาหิน ที่สามารถมองจาก ระเบียงได้ ครับหลังจากเก็บของ และเช็คสภาพห้องแล้วผมและ เพื่อน ก็ ออกมา หาเช่า มอไซค์ ขี่กันครับ ซึ่ง ทริปนี้ ผมเน้น เที่ยวด้วย มอไซค์เป้นหลักครับ ให้ เข้ากับการเที่ยว แบบ Green ตามคอนเซ็ปต์ ครับ


หลังจากได้ มอไซค์ แล้ว พวกผมก็ออกไป แว้นซ์ กัน โดยจุดหมายแรก คือ การขี่รถชม หาดนพรัตน์ธารา และ เลยไปยัง หนองทะเล เพื่อไปดู ลู่ทาง และมาร์กจุด ที่ จะมาเก็บภาพ แสงเช้าตอนเช้ามืดพรุ่งนี้ครับ



ระหว่างทาง เจอฝนตกลงมาเป้นบางช่วง ก็ต้องจอด กันหลบฝนกันเป็นพักๆ ครับ


เผื่อไม่ให้เสียเวลา ก็แอบเก็บภาพ นักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยว ทะเล หน้าฝน ด้วยกัน การมาทะเล หน้าฝน แม้ทะเล อาจจะไม่สวย แต่ สิ่งที่จะได้ คือ คนไม่เยอะ เต็มหาด จนไม่รู้จะทำอะไร


ขี่มอไซค์มาเกือบ 20 โล ก็มาถึงยังหนองทะเลซึ่งต้องหาทางเข้ากันอยู่พักใหญ่ เพราะ หนองทะเล นั้น ยังไม่ใช่ แหล่งท่องเที่ยว ที่คนทั่วไปจะรู้จัก


แต่ จะมี บรรดา เหล่า ตากล้อง และนักถ่ายภาพ ทั้งหลาย เริ่มมา ถ่ายภาพ สถานที่แห่งนี้ กันมากขึ้น ด้วยวิวที่สวย และ สามารถมาเก็บแสงอาทิตย์ยามเช้า ท่ามกลางหนองน้ำ ที่มีไอหมอกลอยฟุ้งขึ้นมา



เมื่อมาถึง ผมก็เดินเข้าไปถาม ยังชาวบ้านที่กำลังหาปลาอยู่ ว่า จุดที่ เข้าไปถ่ายภาพ หนองทะเล นั้น อยู่ตรงใหน เพราะ หนองทะเล เป็นหนองน้ำที่ค่อยข้างใหญ่ ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ จอดมอไซคืทิ้งไว้ แล้ว เดินลัดเลาะ เข้าไปตามในสวนของชาวบ้านอีกประมาณ 300 เมตร จะถึงจุดยอดนิยม ที่คนมาถ่ายภาพกัน

ผมทำการเล็งจุดที่ต้องการไว้ และ ภาวนา ให้ พรุ่งนี้ฝนไม่ตก (แต่ปรากฏว่าฝนตกทั้งสองวันในตอนเช้ามืด อดถ่ายไปตามระเบียบ)



ก่อนจะกลับ ผมเดินไปทักทาย และ ขอบคุณคุณลุง ที่กำลังตกปลาอยู่ เพราะ ฝากรถมอไซค์ ไว้ไกล้ๆแก และถามว่า วันนี้ได้ปลามั้ย และนี่คือคำตอบที่ลุง ตอบกลับมา
ออกจากหนองทะเล เพื่อจะกลับมาทานอาหารเย็น ที่ อ่าวนาง



ก็เลย แวะ เก็บภาพ ทะเล ยามเย็น ที่ หาดนพรัตน์ธารา แถวๆ ประภาคาร ซะหน่อย

และเมื่อถึงเวลาค่ำ ผมกับเพื่อน ก็มาทานอาหาร ที่ร้าน ศาลาทะเล เป็นร้านอาหารที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน


ตั้งอยู่ติดถนนเลียบอ่าวนางเกือบสุดหาด ไปทาง หาดนพรัตน์ธารา บรรยากาศ ค่อนข้างดี มีทั้ง โซน Open air และ ห้องแอร์เย็นฉ่ำให้บริการ


มีบริการทั้ง อาหารไทย และ อาหารทะเล ในราคา ที่ไม่แพง อย่างที่คิด สำหรับ กระบี่ ที่ขึ้นชื่อว่า อาหารแพง


โดยมื้อนี้ เราได้รับการต้อนรับ จาก เจ้าของร้าน ศาลาทะเล ที่ร่วม โครงการ Green travel ครับ โดยสั่งอาหารมาทาน สองคน 5 เมนู เรียกว่า แน่นท้องกลับ โรงแรม เลยครับ


หลังจาก ที่พลาด การไปเก็บแสงเช้าที่หนองทะเล เพราะ ฝนดันตก ตอนตีห้ากว่าจะหยุดเกือบ เจ็ดโมง



วันที่ สอง ในกระบี่ หน้าฝน ผมมีภาระกิจ ไป Green Travelด้วยกิจกรรม Green activity ที่หาดไร่เลย์ครับ



ระหว่างนั่งเรือหางยาว ของชาวบ้านมา ก็ฝนตกปรอยๆ และมีลมพักแรงมาก คลื่น ซัดเรือ โคลงไปมา ลุ้นกันหวาดเสียว ไปหลายตล



แต่พี่คนขับ ก็สามารถบังคับ เรือมาถึง ยังหาดไร่เลย์ได้ และเป็นการมาเยือน ไร่เลย์ เป้นครั้งที่สอง ในรอบ 10 ปี

หาดไร่เลย์ ไม่ค่อยเป็นที่นิยม สำหรับคนไทยมากนัก เพราะ ว่า ตัวหาดนั้นไม่ได้ สวย หรือ มีทราย ที่ขาวสะอาด



แต่ ที่ไร่เลย์ มีกิจกรรม หลายๆ อย่าง ที่ชาวต่างชาติ ชื่รชอบ และบางคนมาพักที่นี่ อยู่กันเป็นเดือนๆ
กิจกรรม เด่นๆ ที่คนมาไร่เลย์ ต้องทำ ก็คือ การปีนผา ครับ เป็นกีฬา ชนิดหนึ่ง ซึ่งต้องใช้พละกำลัง และ การฝึกฝน และต้องอยู่ในความดูแล ของผู้เชี่ยวชาญ ด้วยซึ่งวันนี้ ผมจะมาลองปีนผา ดูครับ เพราะ เป้นกิจกรรม ที่ผม อยากลองมานานแล้ว ครับ เมื่อครั้งนี้มีโอกาส จึง ไม่พลาดที่จะคว้ามันไว้

ททท กระบี่ จัดการติดต่อ เจ้าหน้าที่ ที่จะคอยให้คำแนะนำ และ ดูแล ความปลอดภัย ในการปีนผาครั้งให้แก่ผม ครับ เมื่อมาถึงจุดที่ปีน แถวๆ ถ้ำพระนาง ก็จะมี นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ต่อคิวกัน เพื่อจะทดลองปีนผา กันอย่างคึกคัก


เมื่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่แล้ว ก็บอกว่า ไม่เคยปีนมาก่อน ทางเจ้าหน้าที่เลย จัดเส้นที่ปีนง่าย แต่สูงที่สุดให้ครับ


การปีนผา ต้องใส่อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเซพตี้ตัวเองนะครับ


การปีนผา จริงๆ กับการปีนผา ที่สร้างขึ้น ต่างกันมากนะครับ เพราะ เราต้องคอยดุว่าจะจับตรงใหนเหยียบตรงใหน ไม่เหมือน หน้าผาจำลองที่ ทำที่จับที่เหยียบไว้



ไกล้ถึงคิวผมแล้วยิ่งตื่นเต้น ครับ ซึ่งคนก่อนหน้าผม เป็น หนุ่มชาวจีนครับ ใช้เวลาปีนนานมากเลย ประมาณ เกือบครึ่ง ชั่วโมงได้



เมื่อถึงตาผม ผมใช้เวลา แปบเดียว ไม่ถึง 10 นาที ในการปีนผาที่ สูง ประมาณ 30 เมตร


จนรุ่นน้องที่จะเก็บภาพ เปลี่ยนเลนส์ ไม่ทัน

สุดท้ายปีนผ่านไป อย่างง่ายดาย แต่ ก็ทำเอาปวดแขนไปตลอดทั้งวันเหมือนกันครับ ก่อนกลับ กูถ่ายรูป เจ้าหน้าที่ ที่คอยแนะนำ และดูแล ความปลอดภัย จากด้านล่างครับ



กิจกรรมปีนผา ที่ไร่เลยืนั้น สามารถ ปีนได้ ตลอดปี ราคา 1000 บาท ต่อคน ครึ่งวัน จะปีน กี่รอบก็ได้

หลังจาก ปีนผาเสร็จแล้ว ก็ทานอาหารกลางวัน ก่อนจะ กลับมายัง อ่าวนางอีกครั้ง


ช่วงนี้ก้จะเจอกับ ทั้ง แดดออก สลับ กับฝนตกครับ



เมื่อมาถึง อ่าวนาง กลับเข้าที่พัก เพราะ วันนี้ เราจะย้ายห้องพักที่ ภูพิมาน รีสอร์ท จากห้อง Deluxe เป็น ห้องใหญ่ ขึ้น



มีเตียงแยกเป้นสองเตียงครับ

หลังจาก เหนื่อยกับการปีนผา และประกอบกับ ฝนตกลงมาช่วงบ่าย จึง นอนพักเอาแรง ออกไปไหนไม่ได้

ตกเย็น ผมกับเพื่อน ตกลงกัน จะไปยังหาดคลองม่วง เพราะผมมากระบี่หลายครั้ง ยังไม่เคยไปซะที



เลย แว้นซืมอไซคื ไป ประมาณ 20 กิโลเมตร จากอ่าวนางครับ



การใช้มอไซค์เที่ยว ข้อดี คือ หาที่จอดรถง่ายครับ และยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย ตลอดทริป ผม เติมน้ำมันไปแค่ 70 บาทเองครับ


ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็มาถึงยังหาดคลองม่วง ครับ ที่นี่ แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลยครับ ในช่วงหน้า Low แบบนี้ ก็เป็นข้อดี ที่เราสามารถ



จะใช้เวลา ทำอะไรก็ได้ บนชายหาดนานๆ ไม่ว่าจะนั่ง ซึมซับบรยากาศ หรือ ตั้งกล้องถ่ายรูปครับ

ตอนแรก ที่มาถึง ก็เห็นพระอาทิตย์ ที่กำลัง จะอัสดง ลงน้ำอยู่รำไรแต่พอถึงเวลาจริงๆ กลับมีเมฆ มาบดบัง ซะได้



ผมใช้เวลาอยู่ที่หาดคลองม่วง ตั้งแต่ ประมาณ 5 โมงเย็น จนถึง1 ทุ่มกว่าๆเพื่อเก็บภาพ ทะเล ยามค่ำ



บางที ก้ไม่ได้ ถ่ายภาพนะครับ แค่ นั่งมองคลื่น รอเวลา ที่จะเก็บภาพ สำคัญๆ ตามจินตนาการของเรา

ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรา ชื่นชอบ เชื่อไหม ว่า เวลา กว่า สามชั่วโมง ที่ผม อยู่หาดคลองม่วง ผ่านไปอย่างรวดเร็ว


วันที่สาม ของการเที่ยวกระบี่ ผมต้องเดินทางไปขึ้นเรือ ที่ท่าเรือแหลมกรวดเพื่อไปยังเกาะจำ และเข้าพักยังเกาะจำรีสอร์ท



จะมีเรือวิ่ง ตามเวลา ทุกๆ ชั่วโมง ครับ โดยใช้ เวลาในการนั่งเรือ ประมาณ 40 นาที


ชาวบ้านเกาะจำ ก้ใช้เรือนี้ เดินทางไปมา เดินทางมาทำงาน ในเมืองกระบี่ อยู่ตลอดเวลา


จากการที่พูดคุยกับชาวบ้านที่นั่งมาในเรือ บอกว่า ก่อนผมจะมา ฝนตกทุกวัน มีวันนี้ แหละ ที่ฝนไม่ตก


ผมนั่งเรือไป ดูผู้คน ที่อาศัยเรือลำนี้เดินทาง รับลมเย็นๆ ที่พัดมา ปะทะใบหน้า ไม่นานก้มาถึง ยังท่าเรือมูตู บนเกาะจำ



เมื่อมาถึงเกาะจำ ผมก็ขึ้นรถ กะบะ ของทาง เกาะจำ รีสอร์ท ที่ส่งคนมารับเรา ที่ท่าเรือ มูตู ครับ



เกาะจำรีสอร์ท เป้นรีสอร์ทที่สร้างได้ แอบอิงกับธรรมชาติมากครับบ้านพักอยู่บนเนิน และมีทางเดินลงมายังหาดทรายส่วนตัว


สำหรับห้องพัก จะเป็นบ้านที่ตั้งอยู่บนไหล่เขา เป็นหลังๆ สภาพภายในห้องพัก ก็กว้างขวาง สะอาดดี ครับ


ห้องพักมีหลายขนาดให้เลือกพักแล้วแต่ความชอบ


แต่จะตกแต่งคล้ายๆกันทุกหลัง คือการใช้ ไม้ไผ่ และเสื่อรำแพน มาทำเป้นโครงสร้างหลัก และมุงด้วยจากหนาๆ

เก้าอี้ตัวนี้ และชิงช้า ตัวนั้น คงเป็น อีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ต้องเข้าไปนั่งเป็นแน่แท้ เพราะ การมาพักที่เกาะจำนี้ เป้นการมาพักผ่อนจริงๆ สัญญาณ โทรศัพ อ่อนมากสัญญาณ Wifi มีให้ ตรงบริเวญ ล๊อบบี้



ดังนั้น การมาใช้ชีวิต แบบ Slow lifeที่นี่จึงเหมาะมาก



เมื่อสำรวจรีสอรืทเสร็จแล้ว ผมก็ ขอยืม มอไซค์ ของรีสอร์ท 1 คัน ซ้อนกันไปกับเพื่อน ออกไปสำรวจ รอบๆ เกาะจำซะหน่อย



เกาะจำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่ บนเกาะจำมีทั้งหมด 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านเกาะปู หมู่บ้านเกาะจำ และหมู่บ้านติงไหร ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงมีวิถีชีวิตเฉกเช่นชาวเล ทำประมงเหมือนเมื่อครั้งกาลก่อน รวมถึงยังทำสวนยางพารา และการท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาทักทายทำความรู้จักเกาะจำเมื่อประมาณ 20 ปี พร้อม ๆ กับเริ่มมีรีสอร์ต บังกะโล ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่มายมาก จนรู้สึกว่าแออัดพลุกพล่าน เพราะบนเกาะจำยังมีความสงบเงียบอยู่เสมอ

เกาะจำมีหาดมีหาดที่นิยมอยู่ 2 หาดคือ หาดติงไหร เดิมทีเรียกว่า หาดกิดล อยู่ในเขตบ้านติงไหร เป็นชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน นับว่าเป็นชายหาดที่สวยที่สุดบน มีชายหาดที่กว้าง ยาว ทรายขาวเนียนนุ่ม ไม่มีโขดหิน เหมาะแก่การเล่นน้ำ เล่นกิจกรรมริมหาดได้อย่างเพลิดเพลิน อ่าวลุโบะ หรือ หาดบ้านเกาะปู อยู่ในเขตบ้านเกาะปู เป็นชายหาดสวยงามอีกแห่งของ เกาะจำ รูปทรงโค้งเว้า ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ลงเล่นน้ำ อาบแดด ชมพระอาทิตย์ตกดินได้ แต่เหมาะสำหรับเป็นจุดชมวิวจากเนินที่สูงอ่าวลุโบะมากกว่า



การเดินทางมายังเกาะจำ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การเดินทาง

1. ขึ้นเรือที่ท่าเรือโดยสาร - ท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ (ท่าเรือคลองจิหลาด) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยสามารถนั่งรถสองแถวประจำทางจากตัวเมือง หรือสามารถเหมารถตุ๊ก ๆ แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ได้ ท่าเรือนี้มีเรือโดยสารไปเกาะพีพี เกาะลันตา และเกาะจำ โดยใช้เวลาเดินทางไปเกาะจำ ประมาณ 1 ชั่วโมง เรือออกวันละ 2 เที่ยว คือ 08.30 น. และ 10.30 น.

2. ขึ้นเรือที่ท่าเรือแหลมกรวด โดยนั่งรถสองแถวโดยสารประจำทางจากตัวเมือง มาลงที่อำเภอเหนือคลอง แล้วต่อรถมาลงที่ท่าเรือแหลมกรวดระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ท่าเรือนี้มีเรือหางยาวโดยสารไปเกาะจำ และเกาะศรีบอยา วันละ 2 เที่ยว ในเวลา 12.00 น. และ 15.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที นอกจากนี้ ยังมีเรือเหมาไปเกาะจำ โดยเรือมาจอดที่ท่าเรือบ้านเกาะปู และท่าเรือบ้านเกาะจำ หรือแวะจอดที่หน้าหาดต่าง ๆ แล้วมีเรือหางยาวตอนมารับนักท่องเที่ยวเข้าสู่รีสอร์ตที่พักริมหาด



เครดิต http://www.edtguide.com/review/425940/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B3-
ผมกับเพื่อน ก้ขี่ มอไซค์มาเรื่อยๆ กับมาเจอกับ น้องๆกลุ่มนี้ อดแปลกใจไม่ได้ ที่ ทำไม น้องๆ ไม่ไปโรงเรียน กัน ก็เลย แวะเข้าไปพูดคุยกับน้อง



ปรากฏว่า น้องๆ กลุ่มนี้ ไม่มีเรียน เนื่องจาก โรงเรียนหยุด เพราะ พรุ่งนี้ เป็นวันสำคัญ ของศาสนา อิสลาม ครับ



หลังจาก เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น จากการ สอบถาม พูดคุย กับน้องๆ เหล่านี้จึงได้ รูปนี้มาครับ


เวลาเดินทางทุกทริป ผมมักจะหาโอกาส เข้าไป คลุกคลี กับคนท้องถิ่นเสมอๆ อย่างน้อยก็เป็น เชื่อความสัมพันธ์ หากเกิดอะไรขึ้นกับเราจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ เพราะ เขาคุ้นเคยหรือเคยเห้นหน้าเรามาบ้าง



แต่การจะเข้าหาผู้ใหญ่ ก่อนเลยมันคงยาก วิธีง่ายๆ ที่ผมใช้ได้ผลเสมอก็คือ การเข้าหาเด็กๆก่อน ขอถ่ายรูป แล้ว เรียกเด็กๆมาดู เมือเราคุ้นกับเด็กๆแล้ว กำแพงระหว่างเราผู้ปกครองของเด็กๆเหล่านี้ ก็จะพังทลายลง ครับ



วิธีง่ายๆ เที่ยวแบบ เรียนรู้เรื่องราวระหว่างทาง น่าสนใจ เสมอๆครับ

ตกเย็น ผมมานั่งรอที่หน้าหาด ของ เกาะจำรีสอรืท ครับ เพราะ จะเป้น จุดที่เห้นพระอาทิตย์ ตก สวยๆ ครับ



และแน่นอน เมื่อพระอาทิตย์ ตกไปแล้ว ความมืดก็คืบคลามเข้ามา



ถ่ายภาพเพลิน หันกลับไปหารีสอร์ท อีกที ก็เห็น เปิดไฟสวยงาม ประดับ เนินเขา ประชันกับ ท้องฟ้าสีน้ำเงินครับ



มาดู เกาะจำรีสอร์ท ในบรรยากาศกลางคืน กันบ้างครับ เพราะ เมื่อมืดลงแล้ว เราไม่สามารถออกไปไหนได้แล้ว ครับ 7-11 ก็ไม่มี ร้านอาหาร ก็หายาก ได้แต่อาศัย กินที่ร้านของทางรีสอร์ท ครับ



ที่นี่มีสระน้ำขนาดเล็ก สำหรับบางคนที่ไม่ชอบเล่นน้ำทะเลด้วยนะครับ



ในส่วนของร้านอาหาร ก้ วิวดีมากๆ ครับ



หลังจากทาน อาหาร เสร็จ เราก็ เข้าห้องพัก ดูทีวี นั่งทำรูป ไป พลางๆ สายตาผมก้เหลือบไปเห้น เพื่อน ใน FB โพส รูปทางช้างเผือก ในเชียงราย ก้เลยคิดว่า ถ้าถ่ายที่เกาะจำ นี่จะเห้นม็ยนะ เพราะ จริงๆ วันนี้ ก้ท้องฟ้า เปิด น่าจะเห็นบ้างแหละ โดยส่วนตัวไม่เคยถ่าย ทางช้างเผือกบริเวณทะเล เคยถ่ายแต่บนภุเขา



เมื่อออกมายัง หน้าหาด ก้ตั้งกล้อง แล้ว แหงนมองบนฟ้า เห็นกลุ่ม หมอกและดวงดาว หนาเป้นปื้นๆ ด้วยตาเปล่า ก้คิดว่าตรงนั้นน่าจะใช่แน่ๆ



ก้ถ่ายภาพออกมา ได้อย่างที่เห็นนี่ละครับ เป้นช้างเผือกที่ ชัดมากๆ เพราะฟ้าเคลียร์ไร้เมฆหมอกและฝุ่นควันครับ



ต้องมีคนมาถามแน่ๆ ว่าถ่ายยังไง (รูปเซทนี้มาจาก canon 6D+ 16-35 f2.8 นะครับ)

- ต้องมีขาตั้งกล้อง

- จริงๆเลนส์คิทก็ถ่ายได้นะ

- หาที่มืดๆ ไร้แสงรบกวน

- focus ที่ infinity (ศึกษากล้องของตัวเองเอาเองนะครับ ว่าทำยังไง)

- ISO1600-3200 แล้วแต่สภาวะแสงรอบข้าง ( แต่ถ้ามากเกินไปมันจะสว่างขาวไปหมด)

- F รูปรับแสงกว้างสุด (ค่าน้อยสุด) เท่าที่กล้องจะทำได้

- ความเร็วชัตเตอร์ 20-30 วินาที แล้วแต่สภาวะแสงรอบข้าง

- เพื่อไม่ให้ดาวยืดเป็นเส้นๆ ศึกษากฎนี้ครับ อาจารย์แจ๊ค ศุภฤกษ์ คฤหานนท์เขียนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000154287



และเมื่อคืนสุดท้ายในกระบี่ผ่านไป ทำให้ผมรู้ว่า การเที่ยว ทะเล กระบี่ หน้าฝน ก็เป้นมุมมองใหม่อีกอันนึง เพราะ การมาเที่ยว ในช่วง ที่คนไม่เยอะ ทำให้เราสามารถที่ จะ ทำอะไรได้ อีกหลายอย่าง โดยที่ไม่ต้องรีบร้อน



ส่วนความสวยงาม ของธรรมชาติ นั้น ก้ไม่ได้ ต่างกันมากนัก แต่ก้ต้องอาศัย โชคเข้าข้างบ้าง สักเล็กน้อย ขออย่าเจอฝนตลอดทริป จนออกไปไหนไม่ได้ก็พอ



ดังนั้น เพื่อนๆ คนใหนยังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ใหน ลองเที่ยวกระบี่แบบ Green Travel ดูก็ได้ ครับ ละทิ้ง เทคโนโลยี่ มาเข้าสู่ธรรมชาติ บ้าง



นั่งรอหรือ นั่งปลดปล่อยอารมณ์ ฟังเสียงหายใจ ของตัวเอง บ้าง นึกทบทวน หลายสิ่ง ที่ผ่านมา อาจทำให้เราได้ พบมุมมองใหม่ๆ ขึ้นมาก้ได้ครับ



สำหรับทริปนี้ ผมก้ขอลา ไปเพียงเท่านี้ครับ หวังว่า กระทู้นี้ อาจจะทำให้เกิดแรงบรรดาลใจ แก่ใครบ้างสักคน ก็ยังดีครับ



ขอบคุณสำหรับการติดตามกันเสมอมาครับ



ฝากผลงานเก่าๆ ไว้ด้วยนะครับ



เที่ยว "ญี่ปุ่น" ในวันฝนพรำ กับ "การท่องเที่ยวญี่ปุ่น" 5 วัน จากนากาโน่-โยโกฮาม่า-โตเกียว โดย การบินไทย

http://pantip.com/topic/34013331



แบกเป้เที่ยว "Singapore" ราคาประหยัด "3วัน2คืน" งบไม่เกิน "2500 บาท" ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน

http://pantip.com/topic/33868356



พาบล๊อกเกอร์สายดอยไปคอยรักที่ "เกาหลี" (ตอนที่ 1)

http://pantip.com/topic/33945140



แรกสัมผัสเกาะบอร์เนียว มาเลเซีย "Experience Sabah Borneo"

http://pantip.com/topic/33735363



ล้านบัวผลิบาน...ชมงานบอลลูน เที่ยว"พัทลุง - หาดใหญ่"

http://pantip.com/topic/33610658



ขึ้นเครื่องบินไป นั่งรถไฟ ในเวียดนาม ตามถ่ายรูปเด็กแนว

http://pantip.com/topic/33582657



เที่ยว"ฟิลิปปินส์" มีมากกว่าความสุนก +++ It's more fun in the Philippines +++

http://pantip.com/topic/32774934



ไปเที่ยว"บรูไน" ก่อนไปไม่ได้คาดหวัง.............. ทั้ง สวย สงบ และ ศรัทธา

http://pantip.com/topic/32706975



ทริปแบกเป้เที่ยวสบายๆ เชียงใหม่-หังโจว-เซี่ยงไฮ้ นั่งรถไฟหัวกระสุน

http://pantip.com/topic/32643578



ทริปเที่ยวจีน ตอนที่2 หิมะแรกในชีวิต ที่ ภูเขามังกรหยก ลี่เจียง

http://pantip.com/topic/32355048



ทริปเที่ยวจีน ตอนที่ 1"คุนหมิง-ต้าลี่ เมืองแห่งขุนเขา และสายน้ำ"เที่ยวชมเมืองแห่ 8 เทพอสูรมังกรฟ้า

http://pantip.com/topic/32261106



มาเลเซีย ไกล้แค่นี้ทำไมไม่เที่ยว บุกเมืองตากอากาศ ชมไร่ชาที่ cameron highlands

http://pantip.com/topic/32169939



"50 รูปประทัปใจ ทริปในฝัน พุกาม - มัณฑะเลย์" ทะเลเจดีย์-สะพานอูเบ็ง,Bagan-Mandalay

http://pantip.com/topic/31947877



2หนุ่มแบกเป้เที่ยว "อินเดีย" ตอนที่ 2 สัมผัสสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทัชมาฮาล

http://pantip.com/topic/30871973



2หนุ่มแบกเป้เที่ยว 7 วันมหัศจรรย์ "อินเดีย" ตอนที่ 1 แรกพบสบตาที่ Kolkatta

http://pantip.com/topic/30587872



เรื่องเล่าจาก มัณฑะเลย์ "Road to Mandalay"

http://pantip.com/topic/30267301



Sri Lanka “ เรื่องเล่าจากศรีลังกา ตอนที่ 1 อายุบวร

http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11850328/E11850328.html

แบกเป้เท่ทั่วโลก

 วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 11.07 น.

ความคิดเห็น