ตึก Breeze และ Reception ของร้านอาหาร INPARADISE

โพสต์นี้ภาพเยอะหน่อยนะคะ ตัดใจไม่ลงไม่ได้ แบบว่าประทับใจมากกับมื้อนี้ จะว่าไปมื้อนี้ต้องเรียกว่ามื้อ จับพลัดจับพลู เพราะจริง ๆ เป็นมื้อที่น้องสาวจองโต๊ะเอาไว้ ว่าจะไปกับแฟนหนุ่ม เธอตั้งใจมากค่ะ เพราะร้านนี้เรียกได้ว่า Popular มากที่ Taipei จึงต้องใช้เวลาในการจองล่วงหน้านานกว่า 2 เดือน แต่บังเอิญแฟนหนุ่มของเธอดันติดงานไม่สามารถมากับเธอได้ นาทีทองจึงตกเป็นของเรา

บรรยากาศภายในห้องอาหาร สวยหรู ดูดี มีชาติตระกูล

ร้านนี้มีชื่อว่า INPARADISE RESTAURANT ค่ะ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของไทเป ใกล้ ๆ กับตึก ไทเป 101 นั้นหละค่ะ อยู่บนชั้น 46 ของตึก Breeze ซึ่งเป็นตึกกึ่งสำนักงาน กึ่งร้านอาหาร กึ่ง Shopping mall การเข้าออกเลยต้องผ่านมาตรการความปลอดภัยค่อนข้างเข้มงวด ต้องตรวจบัตร สแกนบัตรกันไป แต่ถ้าเราแจ้งว่าเรามารับประทานอาหารร้านนี้ ร้านนี้ เขาจะเปิดช่องทางพิเศษด้านซ้ายให้เราเข้าและพาเราไปที่ลิฟท์ค่ะ

เฟอร์นิเจอร์และการจัดโต๊ะทำให้ดูหรูหรา ราคาแพง

กดลิฟท์ขึ้นมาชั้น 46 ของตึกเราจะได้บรรยากาศอบอุ่นไม่เหงาเพราะเพื่อนเพียบ เรียกว่าเต็มลิฟท์เลยหละค่ะ แต่พอเปิดประตูลิฟท์ออกมาเท่านั้น เราจะงง งง ว่าชั้นจะมากินข้าว หรือจะไปเธค ด้วยบรรยากาศแสง สี ที่ไม่ค่อยมีเสียง แต่พอพ้นโซนมหัศจรรย์บริเวณรีเชฟชั่นที่บรรดาผู้ใช้บริการต้องมาลงทะเบียนรับหมายเลขโต๊ะ ก็จะได้พบกับวิวหลักล้านกันเลยหละค่ะ

กินหลักพัน แต่วิวหลักล้าน

ตึก Breeze เป็นตึกสูงที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ยังไม่มีตึกสูง ๆ มาบดบังทัศนียภาพทำให้เราสามารถมองเห็นเมืองไทเปได้เกือบทั้งเมือง นี่ไม่ต้องพูดถึงตึก ไทเป 101 ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน ทาง INPARADISE ได้จัดโต๊ะพิเศษที่ทำให้เห็นตึก ไทเป 101 ในมุมที่ดีที่สุด และตกแต่งด้วยสติกเกอร์สีสันสดใสเพื่อให้ผู้มาใช้บริการได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เราเดินสำรวจพื้นที่และไลน์อาหารไปเรื่อย ๆ ค่ะ พบว่าอาหารมีความหลากหลายมาก และน่าจะมากเกินกว่าที่เราจะชิมได้หมด ตอนนี้เดินซับน้ำลายไปก่อน ดีนะที่ใส่เสื้อแขนยาวมา ไม่งั้นอาจหยดเรี่ยราดได้

มุมแรกที่เราเข้ามาสำรวจคือ มุมอาหารญี่ปุ่นอย่างซูชิบาร์ มีบริกรสาว ๆ มาปรุงให้ทานกันคำต่อคำเลยทีเดียว ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม รับประกันเลยค่ะว่า ซูชิที่นี่สดทุกคำ ว่าแล้วซับน้ำลายแพร๊พพพพ

เบิร์นกันเห็น ๆ

ซูชิหน้าอื่น ๆ รวมทั้งปลาดิบก็มีบริการหลากหลายทำกันสด ๆ วุ้ย !!! คิดถึงจัง

วัตถุดิบสด ๆ ที่นำมาปรุงให้กินกันสำหรับบาร์อาหารญี่ปุ่น

พอปรุงเสร็จก็จะเอาวางไว้บนหินอ่อน รอให้ลูกค้าไปคีบมาลิ้มลอง

อันนี้เป็นหน้าซูชิค่ะ พวกปลาหมึก แซลมอน และเนื้อวัว

ซูชิและข้าวปั้นหน้าต่าง ๆ ที่ซูชิบาร์


ถัดจากซูชิบาร์ จะเป็นอาหารประเภทปิ้งย่างค่ะ

ปลาย่างกลิ่นหอมฟุ้ง เนื้อสด ๆ หวาน ๆ

อันนี้ของมักของชาวไต้หวัน ไปที่ไหน เจอที่นั่น ปลาหมึกย่าง

ของทอดประเภทต่าง ๆ ทั้งกุ้ง เห็ด สาหร่าย มะเขือม่วง นำมาทอดแบบเทมปุระ จิ้มกับน้ำจิ้มเทมปุระ

ในซึ้งนั่นคือ ข้าวปรุงรส ค่ะ รสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ หนึบ ๆ อร่อยดีค่ะ

ที่ขาดไม่ได้คือ ซาลาเปา ๆ ที่นี่น่ารักมากค่ะ สีเหลืองเป็นไส้ครีมรสชาติหวานมันมาก ส่วนสีขาวเจ้าแพนด้า เป็นรสงาดำ อยากได้ชาซักถ้วยเลยทีเดียว

สัญลักษณ์แห่งความมั่งมี เป็ดปักกิ่ง แต่ที่นี่เขากินไม่เหมือนเราค่ะ เขาเอาทั้งเนื้อและหนังมาห่อใส่ใบแป้ง แล้ววางผักที่เห็นในถ้วยน่ะค่ะแล้วกิน ส่วนหนังกรอบ ๆ เพียว ๆ เอาไปทำหน้าซูชิซะงั้น

ถัดมาเป็นบาร์น้ำค่ะ มีบริการน้ำผลไม้ ที่เด็ดต้องบอกต่อคือ น้ำกีวี่ และค๊อกเทลประเภทต่าง ๆ อ้อ เบียร์มีแต่ไฮเนเกนท์นะคะ เบียร์ช้างกะลีโอไม่มี เสียดายจัง

แต่ถ้าจะกินไวน์ต้องจ่ายเพิ่มนะคะ ขายทั้งเป็นแก้ว และเป็นขวดค่ะ

ซ้ายคือ น้ำกีวี่ที่ว่าเด็ดค่ะ รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ชุ่มคอดีค่ะ ส่วนขวาบนเป็นนมร้อนค่ะ สั่งตรงมาจากฮ่องกง ก็อร่อยดีค่ะ ส่วนล่างขวา เป็นน้ำหมักผลไม้ค่ะ กินให้ช่วยย่อยอาหารได้ดี ขับลมได้เยี่ยม

ถัดมาเป็นบาร์สำหรับซุป และอาหารกะทะร้อนอื่น ๆ ค่ะ


วันนี้มีบริการซุปสามประเภทค่ะ เป็นซุปก้ามปู ซุปเนื้อ และข้าวต้มเป๋าฮื้อค่ะ ใช่ค่ะไอ้หอยไม่แน่ใจตัวเอง หอยเป๋าฮื้อที่แพง ๆ น่ะหละค่ะ ต้องกินเสียให้เข็ด

ซุปก้ามปู รสชาติหวานหอมค่ะ น้ำซุปเป็นน้ำซุปรสเดียวกับน้ำซุปมิโซะแต่ไม่น่าจะใช้ ไม่ค่อยกล้าถามภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง แต่ก้ามปูนั้นทั้งใหญ่ และสดค่ะ กินกี่ถ้วยก็ได้ แต่จัดไปทีละถ้วยค่ะ


ถัดจากครัวซุปก็จะเป็นครัวทอด วันนี้มีกุ้งลายเสือตัวใหญ่ กับเนื้อแกะค่ะ เสิร์ฟแบบภาพด้านขวาล่างนั้นเลยค่ะ ขุ่นพระ อิฉันขอลาตาย อร่อย ๆ ทั้งนั้น จะกินเข้าไปยังไงไหว วันนี้ยอมตัวแตกตาย


ลูกค้าเริ่มมานั่งกันเต็มแล้วค่ะ แต่บรรยากาศก็ยังผู้ดี๊ ผู้ดีนะคะ

โซนด้านในลูกค้าก็ทยอยกันเข้ามาแล้ว

มุมนี้เป็นมุมไข่ค่ะ

เป็นไข่ตุ๋นในเปลือกไข่ โรยหน้าด้วยไข่ปลาคาร์เวียร์ และไข่ปลาแซลมอน มัน ๆ เค็ม ๆ อร่อยดีค่ะ กลืนลื่นปรื๊ดเลยทีเดียว

ครัวอบ ตรงนี้มีทั้งซี่โครงหมูย่าง และเนื้ออบซอสแดง เครื่องเคียงก็เป็นข้าวโพดในซอสขาว และมันบด รสชาติดีมากทั้งอาหารหลักและเครื่องเคียงเลยค่ะ อิชั้นจะมีชีวิตรอดกลับไปมั้ย

เชฟหนุ่มกำลังปรุงซี่โครงหมู เพื่อเตรียมอบ

เนื้ออบใบไทร์มค่ะ เนื้อยังแดง ๆ ชุ่ม ๆ อยู่เลย อย่างนี้หละค่ะอร่อย ราดด้วยซอสไวน์แดง เฮ้อ !!!

มาถึงจานพระเอก เจ้าหอยไม่มั่นใจตัวเอง "ข้าวต้มหอยเป่าฮื้อ" ค่ะ เชฟทำกันถ้วยต่อถ้วยเลย หั่นหอยชิ้นใหญ่ ๆ นะคะ ไม่ใช่เศษหอย ปรุงกับเห็ดหอมสด น้ำซุปเข้มข้น รสสัมผัสหอยเป๋าฮื้อกรุบ ๆ หนึบ ๆ อร่อย มิหน้าถึงได้แพงนัก แพงหนา กิน ๆ เอาให้ชุ่มปอด

ขวาบนเป็นน้ำพริกแบบไต้หวัน เอาไว้กินกับข้าวต้มหอยเป๋าฮื้อเช่นเดียวกับปลาทอดกรอบตัวน้อย ๆ ด้านซ้ายล่างค่ะ ต้องใส่ปลาท่องโก๋ด้วยจึงจะถือว่าครบถ้วน อร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ

น้ำซุปสีทองเลยนะนั่น ทีแรกบอกให้ใส่ปลาท่องโก๋กลัวมันจะทำให้น้ำซุปมีกลิ่นน้ำมัน แต่ไม่เลย กลับกินอร่อยปากไปเสียอีก

นี่ค่ะ หน้าตา ข้าวต้มหอยเป๋าฮื้อ แสนอร่อย


อันนี้ชอบมากกกกกกกกกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ฟัฟซุปค่ะ มีนี้มีให้เลือก 2 ซุป คือ ซุปเห็ด กับซุปข้าวโพด เราเลือกซุปเห็ดค่ะ แป้งที่คลุมปากถ้วยซุปไว้พอกระเทาะออกแล้วเอามาจิ้มกับซุป กรอบอร่อย สุดยอดค่ะ

อันนี้เป็นพวกอาหารเมดิเตอร์เรเนี่ยนทั้งหลายค่ะ เป็นอาหารทะเลผัดกับเครื่องแกง หอมเครื่องแกงดีค่ะ อร่อยด้วย

มุมนี้เป็นมุมเด็ดที่ใคร ๆ ก็อยากมาเพราะเป็นมุมสำหรับอาหารทะเล

ปูม้าตัวโต ๆ สด ๆ เลยค่ะพี่น้องค่ะ

ปูลายเสือ (เห็นน้องว่านะคะ)

ปูอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคิดถึงน้ำจิ้มซีฟู๊ดมากมาย

ภาษาอังกฤษว่า Blue Crab แต่ตอนนี้ไม่บลูละ ส้มกำลังกินเลย

อันนี้รู้ ปูดำบ้านเรา หรือปูทะเลนั่นเอง เอาไปผัดผงกะหรี่นะ แหล่ม ๆ

ข้างใน ข้างใน ไข่ทั้งนั้นเลย โอ้ย ๆ อยากเอาไปทำน้ำพริกไข่ปู

ซ้ายบน กุ้งตัวโต ๆ ขวาบน คือ เหล้าบ๋วยค่ะ กินเรียกน้ำย่อย โถ่ไม่ต้องเรียกหรอกค่ะตอนนี้มาเต็มพุงเลย
ซ้ายล่าง คือ น้ำจิ้มประเภทต่าง ๆ แต่สู้น้ำจิ้มซีฟู๊ดของเราไม่ได้หรอก ขวาล่าง ที่ไหนที่นั่นต้องมี ชีสค่ะ

หอยเป๋าฮื้อ สด ๆ เนื้อเด้ง ๆ อร่อย

กุ้งและห้อยประเภทต่าง ๆ ที่บาร์อาหารทะเล

พวกนี้ก็เป็นอาหารทะเลเช่นกันค่ะ แต่ทำเป็นรูปของอาหารค๊อกเทล กินเพลิน ๆ แต่อิ่มจริง ๆ ค่ะ

ตอนนี้ใครจะสน สลัดผัก

สลัดประเภทต่าง ๆ ที่มีบริการค่ะ

บรรยากาศดีค่ะ ไม่เสียงดัง ไม่พลุกพล่าน

มองเห็นวิวเมืองไทเปทุกด้านค่ะ

ชุดอาหารสำหรับเด็ก น่ารักจริง ๆ

อันนี้เด็ด ทีแรกว่าจะไม่กินพอกินไปเท่านั้น แทบหยุดไม่ได้ซี่โครงหมูย่าง ไม่ต้องจิ้มอะไรค่ะ แค่นี้ก็อร่อยแล้ว

ซ้ายบน และขวาล่าง คือ ซูชิเนื้อและหนังเป็ดค่ะ แต่ขวาบน และซ้ายล่าง คือ เนื้ออบใบไทร์มและเครื่องเคียง

เจ้าปูทั้งหลายในกะบะ บัดนี้ได้มาเปลืองกระดองอยู่หน้าข้าเจ้าแล้ว ไข่ทั้งนั้น

มาดูโซนของหวานกันบ้างค่ะ หลากหลายวาไรตี้ ชีวิแทบมลาย

ทำไมถึงได้น่ากินขนาดนี้ ชั้นจะมามัวถ่ายรูปทำไมนี่

เจอตู้นี่เข้าไปวิญญาณแทบออกจากร่าง

โอ้ย ตาย ๆ จะต้องไปเผาผลาญอีกกี่แคลละนี่

ทาร์ตเลม่อน สตอร์เบอร์รี่ และมองบลังค์ หรือขนมญี่ปุ่นที่่ทำจากเกาลัต

ผลไม้ต่าง ๆ ด้ายซ้ายล่างคือ รวงผึ้งจริง ๆ ค่ะ เขาให้เราคว้านเอาน้ำผึ้งมากินกับไอศครีมไฮเกนดาสด้ายขวาล่าง อร่อยมากชุ่มฉ่ำหวานชื่นจริง ๆ

จะบอกว่าทั้งหมดนี้ อิฉันกินจริง อ้วนจริงค่ะ โซนช็อคโกแลตด้านบนสองอันนี้เข้มข้นจนถึงขมนิด ๆ แต่ได้ครีมด้านล่างช่วยให้กลมกล่อมมากค่ะ ส่วนทาร์ตเลม่อน และสตอร์เบอร์รี่นี่ กินแล้วสดชื่น แก้เลี่ยนของอาหารได้เป็นอย่างดี เนื้อสตอร์เบอร์รี่นี่เขาฟานมาบาง ๆ กอบกันเป็นยอดสวยเลยนะคะ

ซ้ายบน มองบลังค์ หวานนุ่มและได้ความมันจากเกาลัดอร่อยมากค่ะ ส่วนขวาบน คือ ครีมมูสแคร็กเกอร์ หวาน ๆ กรอบ ๆ ยิ่งถ้าเอาแครกเกอร์คว้านมูสด้านล่างมากินนะคะ กรอบ ๆ หวาน ๆ

ล่างซ้ายคือ มูสมะม่วงกับช๊อกโกแลต หวานหอมมะม่วง กับช็อคโกแลตเข้มข้น อร่อยมาก ส่วนล่างขวา เป็นชูครีมค่ะตกแต่งด้วยเมอร์แรงหวาน ๆ กับครีมนุ่ม ๆ ด้านในเข้ากันจริง ๆ

เห็นเค็กหัวใจด้านซ้ายบนมั้ยค่ะ นั่นคือ เค็กกุหลาบค่ะ ทีแรกนึกว่าหวาน แต่พอกัดไปได้รสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แต่ที่ชอบใจคือ กลิ่นกุหลาบค่ะ หอมหวานสดชื่นจริง ๆ ส่วนขวาบน เป็นเค็กนมสดค่ะ หวานนุ่มนม ตัดกับสตอร์เบอร์รี่ที่แปะมาด้านบน ไม่เหมือนด้ายซ้ายล่างนั่นคือ ชีสเค็กเนื้อเนียน ๆ นุ่ม ๆ ชุ่มชีสแทบไม่รู้เลยว่าผสมแป้งด้วย นี่มันชีสชัด ๆ ส่วนขวาลล่างเป็นเค็กช๊อกโกแลตที่ผสมถั่วบดค่ะ กินกับครีมเนียน ๆ และถั่วด้านบน ม้วนแท้ ๆ

อันนี้นางเอก มันคือ ซูเฟห์ ๆ ต้องกันตอนร้อน ๆ เท่านั้น เพราะถ้าเย็นมันจะยุบตัวค่ะ แล้วทำให้เนื้อด้านในไม่ฟู แต่ถ้ากินตอนร้อน ๆ อุ่น ๆ จะอร่อยมา เพราะมันทั้งเข้มข้นนมเนย และนุ่มเนื้อแป้ง ได้รสสัมผัสที่ตัดกันของไอซิ่งและน้ำตาลที่โรยมาด้านบน จานนี้ไม่วางให้หยิบนะคะ ต้องไปสั่งที่เคาเตอร์ของหวาน อบกันเตาต่อเตาเท่าที่สั่ง อบเสร็จจะเอาไปส่งให้ถึงโต๊ะค่ะ

อันนี้คือ ไอศครีมรวงผึ้ง ไอศครีมไฮเกนดาสรสชาติเข้มข้น กินกบรวงผึ้งใช่ค่ะ รวงผึ้งจริง ๆ ที่เราต้องไปคว้านมาเอง เพื่อเอามาใส่ไอศครีม หวานแหลมและหนึบหนับเพราะตัวรวงผึ้งเป็น wax ค่ะ ถ้าคนชอบจะเคี้ยวมันมาก แต่ถ้าไม่ชอบพอหมดหวานก็คายทิ้งแค่นั้นเอง

มุมถ่ายรูปกับตึกไทเป 101

อีกมุมของร้านที่ดูหรูหรา ราคาแพง

จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกค่ะ สวยและสงบจริง ๆ

มุมจากชั้น 46 ของตึก Breeze ห้องอาหาร INPARADISE

กว่าจะหมดชั่วโมงหรรษาแห่งการกิน ท้องเราก็แทบจะปริแตกเสียให้ได้ แต่อย่างไรก็ดี จะไปเสียทีให้บุฟเฟ่ห์ก็ใช่ที่ ดังนั้น จึงต้องพาสารร่างที่แทบปริแตกออกมาจากห้องอาหาร INPARADISE อย่างสวัสดิภาพ พร้อมกับความประทับใจ และคิดถึงรสชาติอาหารที่พูดได้เต็มปากว่า อร่อยทุกอย่าง แม้นจะขาดน้ำจิ้มซีฟู๊ดก็ตาม

หากเพื่อนไปเที่ยวไทเป ไต้หวัน และอยากหาอาหารมื้อหรู ๆ แต่คุ้มค่าทานซักมื้อ หรือดื่มด่ำกับบรรยากาศทิวทัศน์ของเมืองไทเป และตึก ไทเป 101 แล้วหละก็ขอแนะนำเลยค่ะ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังการเดินทางไปก็แสนสะดวก แค่นั่งรถ MRT สายสีน้ำเงินมาลงที่ Taipei City Hall และเดินออกทาง ๆ ออกที่ 3 ก็จะเจอตึก Breeze แล้วค่ะ ขึ้นมาชั้น 46 ก็จะเจอ INPARADISE รอท่านอยู่ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการประมาท เราควรโทรไปเช็คก่อนนะคะว่าเขามีโต๊ะให้เรามั้ย หรือหากคิดว่าจะไปจริง ๆ แล้วหละก็โทรไปจองโต๊ะเลยค่ะ ตามเวปไซด์นี้นะคะ ขอให้มีความสุขในการใช้ชีวิตทุกท่านค่ะ

RESTAURANT : INPARADISE
Address : Breeze Xin Yi 46F, No.68, Sec.5,
Zhongxiao E. Rd., Xinyi Dist, Taipei City, Taiwan.
Reservation : +886-8780-9988
http://inparadise.com.tw

สายลม ที่ผ่านมา

 วันพฤหัสที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 18.25 น.

ความคิดเห็น