เรื่องราวการเดินทางพิชิต "ภูกระดึง" เราขอเสนอชื่อทริปนี้ว่า
" พากันดึง ณ ภูกระดึง "
วันที่ 18-20 พ.ย. 2559 ในเวลา 3 วัน 2 คืน

แผนการเดินทาง

< 17 พ.ย. 2559 >

- ออกเดินทางจาก หมอชิต 2 ด้วยรถทัวร์ บ.แอร์เมืองเลย

< 18 พ.ย. 2559 >
- เดินทางขึ้นภูกระดึง ใช้เวลาประมาณ 4 - 6 ชม.
- เก็บของเข้าเต๊น พักผ่อน เล็กๆน้อยๆ
- ดูพระอาทิตย์ตก ที่ ผาหมากดูก

< 19 พ.ย. 2559 >
- ดูพระอาทิตย์ขึ้น ที่ ผานกแอ่น
- ไหว้พระที่ “ลานพระแก้ว”
- รับประทานอาหารเช้า เตรียมเสบียง
- เดินทางตามเส้นทางน้ำตก > น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่
น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่
- ดูพระอาทิตย์ตก ที่ ผาหล่มสัก
- รับประทานข้าวเย็น และพักผ่อน
***ผาเหยียบเมฆ ผาแดง ผานาน้อย ไม่ได้ถ่ายรูป มารีวิวเนื่องจากเส้นทางที่มุ่งสู่ ผาหล่มสัก
นั้นใช้เส้นทางน้ำตกจึงไม่ผ่านผาดังกล่าว ทำได้แค่เดินผ่านในตอนค่ำ

< 20 พ.ย. 2559 >
- อาบน้ำ เก็บของเตรียมตัว Checkout ก่อน 10.00 น.
- เดินทางกลับ เพื่อไปรอรถที่ ผานกเค้า ร้านเจ๊กิม


17/11/2559

การเดินทางกำลังเริ่มขึ้น ณ สถานีขนส่งหมอชิต 2 ช่วงเย็นของวันพฤหัสบดี ที่ 17/11/2559
เพื่อเฝ้ารอเวลา 20.45 น. เพื่อออกเดินทางสู่ ผานกเค้า จังหวัดเลย ที่จะไปต่อรถสองแถวมุ่งหน้าสู่
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

ในการเดินทางไปครั้งนี้ เราใช้บริการขนส่งของ บริษัท แอร์เมืองเลย จำกัด โดยค่าโดยสารราคา 330 บาท
ต่อที่นั่ง แต่เนื่องจากเราจองผ่านเว็บไซต์ จึงเสียในราคา 370 บาทต่อที่นั่ง


18/11/2559

รถทัวร์ได้ ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ในเวลา 21.30 น.
และเดินทางมาถึงยัง ผานกเค้า หรือร้านเจ๊กิม เวลา 04.25 น.

หลังจากนี้เราก็เข้าไปด้านหลังของร้านเจ๊กิม เพื่อล้างหน้า แปรงฟัน ให้สดชื่นแล้วเดินทางต่อ
โดยขึ้นรถสองต่อแถวที่จอดอยู่หน้าร้านเจ๊กิม ในราคา 30 บาทต่อคน ถ้าผู้โดยสารไม่ถึง 10 คน
เขาจะคิดราคาเหมา 300 บาท

เวลา 05.35 น.เราก็ขึ้นรถสองแถว มุ่งหน้าสู่ " อุทยานแห่งชาติภูกระดึง " จากผานกเค้า
เราใช้เวลาในการนั่งสองแถวมาเพียง 20 นาที

เวลา 05.55 น. เราก็เดินทางมาถึงยัง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

เนื่องจากเรามาถึงเร็วเกินไป อุทยานยังไม่เปิดทำการ เราก็ต้องหาที่นั่งรอเวลา
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเปิดทำการในเวลา 07.00 น.

อุณภูมิ ณ ตอนนั้นก็อยู่ที่ประมาณ 20 องศา เป็นอากาศที่กำลังสบายเลยทีเดียว

เมื่อศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเปิด เราก็เข้าแถวช่องที่ 3 เพื่อซื้อ บัตรค่าเข้าอุทยานในราคา 40 บาท

ช่องที่ 1 สำหรับคนที่มีใบจอง หรือไม่มี ก็มาต่อแถวเพื่อชำระเงิน ค่าเช่าพื้นที่ในราคา 30 บาท/คน/คืน
ช่องที่ 2 สำหรับคนที่ชำระเงินการจองบ้านพัก หรือเตีนท์ มาแล้วพร้อมมีใบเสร็จ
ช่องที่ 4 สำหรับคนที่นำเต๊นท์มาเองก็จะต้องไปเสียค่าพื้นที่ 30 บาท/คน/คืน เช่นกัน

เเละนี่ก็คือหน้าตาของบัตรเข้าอุทยาน ของเรา

หลังจากที่ได้บัตรเรียบร้อยแล้วนั้น เราก็ต้องลงชื่อเข้าอุทยาน และยื่นบัตรเข้าชมอุทยาน ฯ แก่เจ้าหน้าที่
และเตรียมกายและใจให้พร้อม สำหรับระยะทางทั้งสิ้น 5.5 กม. สู่หลังแป และอีก 3.6 กม. สู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(วังกวาง)

หลักกิโลเมตรที่ 0 ที่บอกให้รู้ว่านี่คือ " การเริ่มต้น "

เวลา 07.25 น. ได้เวลาเริ่มออกเดินทาง และนี่คือเส้นทางด่านแรกของเรา มุ่งสู่ ซำแฮก อันเลื่องชื่อของการที่จะพิชิตภูกระดึง

เดินมาก็เหนื่อยพอมาถึงจุด ๆ นี้ ก็ทำให้เราเริ่มหายเหนื่อย มีกำลำใจขึ้นมาบ้าง เมื่อได้เห็นทะเลหมอกแบบนี้

และภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที เวลา 08.00 น. เราก็เดินทางมาถึง ซำอันเลื่องชื่อ "ซำแฮก" นั่นเอง

คงจะเข้าใจกันดีว่าทำไมถึงใช้ชื่อนี้ แปลได้ 2 ความหมาย คำว่า "แฮก" ถ้าไม่ได้หมายถึง "แรก" ก็คงเป็น "หอบ แฮก แฮก" (ขำๆนะ) หลาย ๆ คนคงจะหาอะไรกินให้หายเหนื่อยในซำนี้ แต่ตัวผมยังเดินหน้าต่อไปจะไม่แวะพักในซำนี้

นี่คือวิวทิวทัศน์ มุมหนึ่งของ "ซำแฮก" แห่งนี้

หลังจากที่เราได้ผ่านซำต่าง ๆ มาเรื่อย ก็เริ่มมีอาการหิว และเป้าหมายของเราก็คือ "ซำกอซาง"
ซึ่งเราจะไปหาของกินที่นั่น

ถึงสักที " ซำกอซาง " ที่นี่แหละที่เราจะหาไรกิน ขอบอกว่าราคาแพงกว่า " ซำแฮก "

จัดไปเบา ๆ ลาบหมู 60 บาท ข้าวเหนียว 30 บาท และไข่นกกระทา 8 ใบ 20 บาท

หลังจากที่กินกันขนอิ่มท้อง เราก็ต้องมาเจอกับทางที่มันชันกว่าเดิม แต่อีกนิดเดียวก็จะถึงครึ่งทางละ
มาถึงตรงนี้มองลงไป ก็สูงเหมือนกันนะ

และจุดๆ นี้ก็มาถึงซำสุดท้าย คือ "ซำแคร่" อีกนิดเดียวก็จะถึง "หลังแป" แล้ว

เอ๊ะ ! นั่นอะไร? ถึงแล้วใช่มั้ย เห้ออออ! (ถอนหายใจยาวๆ ถึงสักที) แต่ก็ยังไม่ใช่ปลายทางของเรา
นี่แค่ยอดภูเท่านั้น

เวลา 11.30 น. เราก็เดินทางมาถึง " หลังแป " และเป้าหมายต่อไปคือ " ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(วังกวาง) "

แล้วเราก็ต้องเดินอีกประมาณ 2.3 กม. เพื่อไปยัง "ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(วังกวาง)"

เดินไปก็หายเหนื่อย เพราะมีธรรมชาติให้เราชมเพลินๆ

เวลา 12.30 เราก็มาถึงสักที " ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว(วังกวาง) " เราก็นำใบเสร็จที่ได้จากศูนย์ฯ ข้างล่างยื่นให้เจ้าหน้าที่ เพื่อเช่าเต๊นท์ และเครื่องนอนต่างๆ ต่อไป

หลังจากนั้นเราก็ไปจับจองเลือกเต๊นท์ได้เลยตามอัธยาศัย เต๊นท์ไหนว่างก็เข้าไปเลย

เดินทางมาเหนื่อยก็ของีบสักพักรอเวลาเดินทางต่อไปเพื่อดูพระอาทิตย์ตก ณ ผาหมากดูก

เวลา 16.00 น. เราก็ออกเดินกันต่อเพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตก

ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงผาหมากดูก และก็รอเวลาชมพระอาทิตย์ตก
ผู้คนต่างก็มาจับจองพื้นที่ หามุมดี ๆ เพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก

แล้วเวลาที่เรารอคอยก็มาถึงพระอาทิตย์ ก็ค่อย ๆ เคลื่อนลับของฟ้า อย่างช้า ๆ
เสียงชัตเตอร์ ในตอนนั้นลั่น แชะ แชะ แชะรัว รัว เพื่อจับภาพพระอาทิตย์ตก

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจาตกการเดินทางที่ขาดไม่ได้เลยมาภูกระดึง ต้องกินหมูกระทะบนภูกระดึง
ชุดละ 500 นะจ๊ะ (ชุดเดียวพอ) กินให้อิ่ม และพักผ่อนเตรียมลุยต่อในวันพรุ่งนี้


19/11/2559

เวลาตี 4.30 น. ทุกคนต่างก็รีบตื่นมาล้างหน้า แปรงฟัน และไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ให้ทันตี 5.00 น.
โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำไปยัง ผานกแอ่น เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น

(ทางค่อนข้างอันตรายจากสัตว์ป่า จึงต้องมีเจ้าหน้าที่นำไป แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมีนักท่องเที่ยวเดินไปพร้อมกันหลายคน)

เมื่อมาถึงยัง "ผานกแอ่น" ทุกคนต่างก็เฝ้ารอเวลา ที่อาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า
บ้างก็มีเสียงว่า "จะเห็นมั้ยน๊าา " จนเวลา 6.00 น. บางคนก็เหมือนจะหมดหวังและแล้วก็มีเสียงเจ้าหน้าที่
ตะโกนมาว่า " อีก 15 นาที พระอาทิตย์จะขึ้น "

เวลา 06.15 น. เป๊ะๆ ดวงตะวันก็โผล่มาตามนัด เสียงชัตเตอร์ ก็ดัง รัว รัว
นักท่องเที่ยวต่างพากันบันทึกภาพความประทับใจที่สวยงาม

หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ เราก็เดินทางไปยังลานวัดพระแก้ว เพื่อไหว้พระขอพร

มุ่งหน้ากลับสู่เตีนท์ ณ วังกวางเพื่อกินข้าวเช้า และจัดเตรียมเสบียงไว้กินระหว่างทาง

ที่เราจะเดินเส้นทางน้ำตกมุ่งหน้าสู่ ผาหล่มสัก เพื่อดูพระอาทิตย์ตก

หลังจากที่เตรียมเสบียง ทีนี้เราก็พร้อมเดินทางเข้าสู่เส้นทางน้ำตก (เราจะไปทางขวากันไปให้ครบทถุกน้ำตกเลย)

เดินมาไม่นานเท่าไหร่เราก็มาถึงน้ำตกแรก ที่อยู่ไม่ไกลนักคือ "น้ำตกวังกวาง"

หลังจากชื่นชม "น้ำตกวังกวาง" เราก็เดินทางกันต่อสู่น้ำตกแห่งต่อไป
และนี่ป้ายเตือนจากอุทยาน เพื่อความปลอดภัยไม่ควรเข้าหลัง 3 โมง ตามที่เขาเตือน

และนี่คือเส้นทางของเรา ที่เรามุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป ถ้ามาถึงตรงนี้หลายๆคนจะเห็นรอยเท้าสัตว์มากมาย

(ตามที่ป้ายเขาเตือนแหละครับ แถวๆนี้ส่วนมากสัตว์จะออกมาหากินในช่วงเย็น)

เดินมาสักพักเราก็จะได้เห็นทิวทัศน์ของภูกระดึง จะเห็นได้ว่ามันกว้างมากๆ สวยไปอีกแบบเหมือนกัน

หลังจากที่เดินมาพักใหญ่ๆ เราก็มาถึง " น้ำตกเพ็ญพบใหม่ " จนได้

น้ำตกถัดมา คือ "น้ำตกโผนพบ"

และนี่คือไฮไลท์ที่ผมชอบอย่างนึง คือ การได้เดินตามธารน้ำตก หากมีอาหารก็นั่งพักกินได้
ก่อนที่เราจะเดินทางกันต่อ

ถัดจากน้ำตกโผนพบ ก็จะเป็น "น้ำตกเพ็ญพบ" น้ำตกนี้ไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดู ต้องขออภัย
ขอข้ามมาถึง "น้ำตกถ้ำใหญ่" เลยแล้วกัน ที่ว่ากันว่ามี "ใบเมเปิ้ล" มากในช่วงฤดูหนาว

นี่ไงล่ะ ใบเมเปิ้ล ซึ่งยังมีไม่เยอะ คิดว่าเดือนธันวาคม น่าจะมีเยอะกว่านี้ (ใบนี้มีคนเก็บและวางไว้ให้ถ่าย )

เป้าหมายของเราต่อไป คือ " สระอโนดาด "

2.3 กิโลเมตร ที่เราเดินมา เราก็มาถึงยัง "สระอโนดาด" ที่เรียกได้ว่าเป็น แหล่งน้ำที่สำคัญของสัตว์ป่าบนภูกระดึง

จากที่สังเกตรอบ ๆ สระอโนดาดแห่งนี้ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด ซึ่งคิดว่าในตอนเย็นๆ
สัตว์จะมากินน้ำที่สระเเห่งนี้

ไปกันต่อเลย เราจะมุ่งหน้าสู่ "น้ำตกถ้ำสอเหนือ"

อีก 2.2 กิโลเมตรเราก็มาถึงแล้ว "น้ำตกถ้ำสอเหนือ" มีทางให้ลงไปข้างล่างด้วยนะ
แต่ด้วยความขี้เกียจจึงอยู่แค่ข้างบน

นี่คือภาพจากด้านบนของ " น้ำตกถ้ำสอเหนือ "

และสุดท้ายเป้าหมายหลักของการเดินทางครั้งนี้คือ การไปดู พระอาทิตย์ตก ที่ ผาหล่มสัก

ระหว่างทางรอบข้างก็เต็มไปด้วยป่าสน มอง ๆ ไป มันก็ดูสบายตา เพลิน ๆ ลืมความเหน็ดเหนื่อยเหมือนกันนะ

เดินมาประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็มาถึงที่หมายคือ "ผาหล่มสัก" จุดชมพระอาทิตย์ตก

ตอนนี้เวลาพึ่งจะบ่าย 3 เราก็นั่งรอ หรือไม่ก็ไปหาอะไรกิน ซึ่งก็มีร้านค้าให้เราเข้าไปนั่งชาตแบตได้
(รอยาวๆ 2 ชั่วโมง)

เวลา 17.30 น. ก็ได้เวลาที่ พระอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า เวลาอันน่าประทับใจช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เวลา 17.40 น. เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเราก็จะต้องเดิน 9,354 ม. เพื่อกลับสู่ที่พัก

เดินตั้ง 17.40 น. ถึงที่พักก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ก็หาไรกินนิดหน่อย ให้อิ่มท้อง แล้วก็นอนพักผ่อน
เตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ (ควรพกไฟฉายติดตัวไปด้วย เพราะระหว่างทางมืดมาก)


< 20/11/2559 >

หลังจากเก็บข้าวของ และ Checkout ก่อน 10.00 น. ก็หาข้าวเช้ากิน


เวลา 10.10 น. เราก็เดินทางกลับ 9 กิโลเมตร ลงจากภู สู่ด้านล่าง
เวลา 14.20 น. เราก็เดินทางถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหาข้าวกินก่อนจะเดินทางต่อไปผานกเค้า

เวลา 16.00 น. เราก็เดินทางมาถึงผานกเค้า
เมื่อเดินทางมาถึงตั้งแต่ 16.00 น. เราก็เข้าไปนอนรอที่ร้านเจ๊กิมได้ โดยมีเสื่อให้ รอเวลารถมาถึงผานกเค้า
ในเวลา 21.00 น. เพื่อเดินทางกลับสู่ กทม.



สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด





ฉันจะไป : I Will Go

 วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.18 น.

ความคิดเห็น