"12 วันกับการฉายเดี่ยว เที่ยวคนเดียว"
"บันทึกการเดินทางของผู้หญิงไร้แก่นคนนึงที่ไม่ค่อยจะมีสาระ "
"ครั้งแรกกับการรีวิว แต่..ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นรีวิวได้เต็มปากนักนะคะ ข้อมูลอาจไม่ครบถ้วน ขออภัยล่วงหน้า "
17/08/14
ดูจะเป็นการเริ่มต้นเขียน Diary ที่แสนจะวุ่นวาย เริ่มจากการต้องฝ่าและเบียดฝูงชน ดงคนอินเดียกลิ่นเครื่องเทศอันอบอวล เข้าไปใน Metro ให้ได้ ไหนจะผ่าน Security Check ที่เข้มงวด เสียงแตรรถ คนตะโกนกันแสบแก้วหู พาให้สติแตก และดันขึ้นรถไฟฟ้าผิดฝั่ง แต่ไม่เป็นไรให้อภัยตัวเองได้ สำคัญว่าเราอย่าให้ ความโกลาหลของ Delhi ดึงสติเราหลุดอีกแล้วกัน
kashmiri Gate อยู่ไม่ไกลจาก New Delhi Station แต่คนเยอะ เสียงดัง ยิ่งทำให้รอบตัวมันอึดอัดและลายตามากขึ้น เดินไปสักพักออกทาง Gate No.7 ก็จะเจอ ISBT Bus stand แต่อย่างนึงที่ทำให้มันดูยากขึ้นและไม่เข้าใจเลยคือ เลขป้ายชานชลา อยู่หลังด้านที่ผู้โดยสารจะมองเห็น...เมื่อไม่เจอป้ายที่มองหา การถามทางคือวิธีที่ดีที่สุด
... บันทึกนี้เริ่มจากที่นั่งชานชลาที่ 21 Delhi - Shimla ย้อนหลังไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน พอคุณกูรู้ว่าทริปอินเดียที่จะเดินทาง ต้นเดือนสิงหานี้ จะมีเพื่อนอีกคนนึงไปด้วย นั่นแปลว่าคุณลูกค้าจะมีคนพากลับถึงเมืองไทย (อิชั้นเป็น Tour leader น่ะค่ะ) วีซ่าที่ทำไว้ก็เข้าได้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เลยคิดหาแผนการอยู่เที่ยวต่อเอง นั่งกางแผนที่อินเดีย ตอนแรกก็ว่าจะไปสิกขิม แต่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยซะเลย เลยเลื่อนเข้ามาทางซ้ายอีกนิด...เออ เค้าบอกว่าเส้นมะนาลี-เลห์ สวยกว่า ศรีนาการ์-เลห์นี่หว่า เออ..ทะเลสาบโมริริ ก็ยังไม่เคยไป ทีนี้มันยังมี ชิมลา ธรรมศาลาด้วยอ่ะ ที่ยังไม่เคยไป
แพลนการเดินทาง ระยะทางราวๆนี้ =_="
เอาวะ ปักหมุดมันเลยละกัน ทริปนี้ของอิชั้นเลยเริ่มต้นด้วยประการฉะนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเมืองสุดท้ายคือเลห์ ซึ่งตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่จองที่พักล่วงหน้า ไว้ค่อยไปหาข้างหน้าเอา เพราะเผื่อเวลาไม่เป็นไปตามแผน หรือถ้าถึงตามแผนก็ถือว่าไปใช้ชีวิตช้าๆที่เลห์อย่างที่ตั้งใจละกัน ฉะนั้นจึงมีแค่ตั๋วเครื่องบิน Delhi - BKK,Leh - Delhi ,ตั๋วรถจาก Delhi - Shimla ซึ่งเป็นรถกลางคืน ที่ซื้อล่วงหน้าไว้แค่ขาเดียว และสุดท้าย City Map ที่โหลดเก็บไว้ในมือถือ (ซึ่งแท่บไม่ได้ช่วยอะไรเลย)
ตาลคือเพื่อน Leader ที่เดินทางมาพร้อมกันเมื่อ 9 วันที่แล้ว วันนี้ก่อนจากกันยังไม่วายจะยัดเสบียงไทยให้ติดมาด้วย เพราะนางรู้ว่านี่เต็มทนกับอาหารอินเดีย...รอบนี้คือการมาอินเดีย ครั้งที่ 4 ภายในปีเดียวกัน แต่กระเป๋าเป้ที่หนักร่วม 10 กว่าโลบนหลัง ไม่สามารถยัดอะไรได้อีกแล้ว... นอกจากโจ๊กซองข้าวมือถือและหอยลาย 1 กระป๋อง
..ที่สนามบินเดลี ร่ำลาจากคณะใหญ่ด้วยความอาลัย จากนี้อิชั้นต้องผจญภัยในดงแขกต่ออีก 12 วัน โดยลำพัง นึกแล้วก็แอบใจหาย เพราะนี่คือการเดินทางต่างประเทศคนเดียว ก่อนมาก็มีเสียงค่อนแคะะมาบ้าง ว่าอินเดียผู้หญิงเดินทางคนเดียวน่ากลัวบ้าง อันตรายบ้าง ไม่ปลอดภัยบ้าง แม้กระทั่งเพื่อนที่เป็นคนอินเดียเอง ยังปรามๆ.. แต่ฟังมั้ย?? ถ้าฟังคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้...ที่ชานชลาที่ 21 นี่ 555
ซึ่งตอนนี้โครตจะร้อน แล้วโดนตัวไรกัดไม่แน่ใจ เป็นผดขึ้นมาเต็มแขน...อีลุงข้างๆเห็นคันคำเยอ เห่อเต็มแขนเลยบอกว่าโดนยุง...(เหรอวะ??) เออ..สักพักฮีก็พูดฮินดีบอกว่าฝากของแปบนึง.. เออ ตรุก็เข้าใจมันเนอะ .. งั้นตรุฝากมั่งดิ ขอเดินเล่นถ่ายรูปเก็บบรรยากาศท่ารถหน่อย พลัดกันเฝ้า พลัดกันเดินบ้างไรบ้าง
สักพักลุงก็ Say Goodbye ปล่อยให้ตรุนั่งตบยุงคนเดียว...
20.45 น. ตามเวลานัดของลุงขายตั๋ว เป๊ะ ว่ารถจะมาถึงเวลานี้ ภายนอกรถดูดีนะ.. ข้างในละ?
ข้างในเหมือนรถ ป. 2 บ้านเรา มันมืดดีนะ(จะได้ไม่เห็นสภาพรถข้างในงี้) แต่ด้วยความเพลีย เจอแอร์เย็นๆ จึงหลับยาวๆรวดเดียว ตื่นเฉพาะตอนรถหยุดพักและตอนเบรคแรงๆพร้อมแตรดังๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็ประมาณตี 5 เมื่อคนขับตะโกนเสียงดัง เราฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ทุกคนบนรถลงหมด เราเลยลงตามไปด้วยความมึนงง ...จนแป๊ปนึง จึงถึงบางอ้อว่าเราต้องเปลี่ยนรถ ตลอด 1 ชั่วโมงนั้น สองข้างทางเขียวชะอุ่มไปด้วยต้นไม้ ต้นสน ชุ่มชื้นมากมาย
Shimla เป็นเมืองหลวงของรัฐ Himachal Pradesh เป็นเมืองตากอากาศในฤดูร้อนตั้งแต่สมัยตกเป็นเมืองอาณานิคมของอังกฤษ เพราะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ด้วยความสูงกว่า 2,213 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เราจึงเห็นความเป็นอังกฤษ และสถาปัตยกรรมแบบ Neo Gothic อยู่ที่นี่ มากกว่าเมืองไหนๆในอินเดีย
Shimla Bus stand เก่ามากและยังเช้าอยู่ ร้านค้ายังไม่มีอะไรเปิด อาศัยมี City Map ที่ดาวน์โหลดมา เลยพอจะคลำทางได้บ้างแต่ก็ไม่วายจะหลงทาง เดินหลงไปแบบคนละทางกับ The Mall ที่เป็น Landทark ที่ตั้งใจจะไปเลย บวกกับเป้บนหลังที่ทำให้ยิ่งเหนื่อยมาก มีรายชื่อโรงแรมอยู่ 2-3 ที่ ตัดสินใจว่าจะไปพักที่นี่แหละ.. ถึงที่พักอันนี้อยู่บนเขาจริงแต่ก็พอเดินไหวนะ ขึ้นไปเรื่อยๆก็เจอโรงแรม Dreamland ให้ราคามา 700 รูปี (งกอีกแล้ว) บอกว่ามีงบแค่ 400 อาบังเลยบอกว่าต้องรอถึง 9-10 โมง ซึ่งก็ไม่รับปากว่าได้หรือเปล่า
..ถ้าฉันรอแล้วได้อะไร ถ้าฉันรอแล้วจะได้ห้องมั้ย??
อาบังยักย้ายส่ายคอ.. เอิ่ม งั้นตรุไปเดินหาห้องต่อละนะ
สรุปไปได้โรงแรมใกล้ๆ แต่ราคาห่างไกลจาก Dreamland ที่ La Royale ต่อรองสุดได้แค่ 1,600 รูปี (มันเกินงบไปเยอะนะ แต่ก็หมดแรงจะเดินหาแล้ว คืนนี้ขอนอนดีหน่อยแล้วกัน)
หาไรรองท้องเรียบร้อย ก็ต้องลิสต์คร่าวๆว่า 1 วันในชิมลาต้องทำอะไรบ้าง (แต่งดออกนอกเมืองไกล 1.คือช่วงนี้ไปก็ไม่ได้สวยคุ้มมาก 2.คือเปลือง) โรงแรมแนะนำที่ซ์้อตั๋วรถต่อไปยังธรรมศาลา ที่อยู่ใกล้ๆโรงแรม... แต่..เราต้องไปซื้อตรงที่ขายตั๋วโดยตรงเลย จึงจะได้ราคาถูก เราจะต้องไม่โดนบวก.. ด้วยความงกครอบงำขึ้นสมอง จึงเดินลงมาเรื่อยๆ แต่คราวนี้ไม่เดินขึ้นเองหรอกนะ ชั้นจะใช้แท๊กซี่...ระหว่างทางมีร้านขายของมากมายดูตื่นตาอย่างยิ่ง แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยตัดสินใจเลือกร้านที่มีป้ายดึงดูดว่า อาหารเซท ราคา 175 รูปี..
The Mall
เดินเล่นชมเมิองไปเรื่อยตามระหว่างทางที่จะไปถึง Bus stand หาเคาน์เตอร์ขายตั๋วยากมาก (อีกแล้ว) แท่บไม่มีจุดส้งเกตุ ต้องคอยถามทางตลอดเวลา ในที่สุดก็ได้ตั๋วมาในราคา 360 รูปี ออก 9.45 น. ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง!!
ภารภิจการหาตั๋วรถเรียบร้อย ก็เดินหาแท๊กซี่ Prepaid จุดหมายคือ Jahkoo Temple ห้ะ!! ไรนะ! 400 รูปี!! แพงแท้หล่าว!.. แต่ถ้าจะให้เดินขึ้นไป แค่แหงนหน้ามองทางก็จะร้องไห้แล้ว ไม่ไหวนะ สูงมาก เลยหาทางด้วยการถามว่ามีบัสคันไหนบ้างขึ้นไปถึง The Mall แล้วเดินต่อขึ้นไปเองก็ยังดี ไปได้ 2 หนุ่มอินเดียใจดี คนแรกหน้าเหมือน Jason Marz (ไม่ได้เลือกถามนะ มันบังเอิ๊ญญญ) ขึ้นมาพร้อมกันและบอกจุดต่อรถให้ คนสองขึ้นพร้อมกันแถมพาเดิน เพราะทางเดียวกันพอดี ทีนี้ก็สบายใจหายห่วงแต่เมื่อยขาแทน สุดท้ายก็ต้องเดินจนได้ ..ถามว่าไปถึง Jahkoo มั้ย...ไม่ถึงจ้า เพราะหมอกเยอะ ครึ้มมากเหนื่อยเดินไปก็ไม่เห็นอะไร ตั้ง 2.5 กิโลแน่ะ พระอาทิตย์ตกดินก็ไม่เห็นแน่ๆ.. (งานข้ออ้างมาเป็นชุด แหะๆ)
เลยเปลี่ยนแผนเดินเล่น ถ่ายรูป ชมเมืองดีกว่า คราวนี้เปลี่ยนมุมเดินบ้าง เจอร้านเค้กและ Milk shake รสชาติโอเคนะ หาสักมุมนั่งเขียนบันทึก จนแสงเย็นเริ่มหลุบกายไปในม่านหมอก เลยกลับโรงแรมดีกว่า มื้อเย็นวันนี้เป็น ผัดหมี่ไก่ และซุปเห็ด
..ในห้องอาหารเจอแขกคนนึง น่ารำคาญมาก พยายามชวนคุย ทั้งๆที่พอถามมา เราก็ตอบคำ ทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง การนั่งหาข้อมูลเที่ยวในธรรมศาลาถูกรบกวน ชั้นหนีไปนอนดีกว่า
เหมือนว่าจะไม่ง่วงแต่ก็หลับสนิทเหมือนกันนะ ตื่นมาอีกที ตี 4 แล้วหลับต่อ....เช้านี้สดชื่นดี ได้อาหารเช้าเป็นหมี่ค้างคืน ถึงมันจะเย็นชืดแต่ก็ยังอร่อยและประหยัดไปได้อีกมื้อ
บอกลาพนักงานโรงแรมที่คอยบริการอย่างดี แบกเป้ขึ้นหลังแล้วเดินลงไปตามทางบันไดอันสูงชันสู่ท่ารถ ระหว่างทางลงเดินสวนเด็กนักเรียนทุกวัย...ช่างฮึดกันอะไรขนาดนี้ โรงเรียนก็ดั๊นไปอยู่ซะบนเขา แต่ที่เห็นและอดยิ้มไม่ได้เลยคือ เด็กน้อยวัย 2-3 ขวบ ร้องไห้งอแง เด็กคงไม่อยากไปโรงเรียน ถ้าเป็นบ้านเราสำหรับวัยนี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ที่นี่คงบวกเด็กมันเหนื่อยเดินขึ้นอ่ะ ถึงจะมีพ่อแม่เดินมาด้วยและถือกระเป๋าให้ก็เหอะ ชีวิตต้องสู้ตั้งแต่เด็ก เฮ้อออเมื่อวานน้ายังท้อเลย สู้ๆนะลูกนะ
ว่าจะไม่พูดถึงแล้ว..เมื่อวานตอนเดินหาโรงแรม มีลุงคนนึงเดินตื้อถามจะขอช่วยแบกเป้และพาไปหาโรงแรม สลัดลุงคนนี้จนหลุด..มาเจออีกทีตอนบ่าย ยังถามอีกว่าได้ห้องหรือยัง..(ถ้าไม่ได้จะเอากระเป๋าไว้ไหนละลุ้งงง สังเกตุบ้างม้ายยย) ...เดินผ่านอีกรอบก็ยังไม่เชื่ออีก เดินมุ่งหน้าด้วยสายตาแน่วแน่ถามว่า.. ถ้ายูได้ห้องแล้ว ทำไมต้อง ว๊อคๆๆๆ.. เอ้า! ได้ห้องแล้วจะเดินเล่นถ่ายรูปมันแปลกตรงไหนวะ.. เลยต้องจัดเสียง+อารมณ์ไป 1 ชุด ลุงแกจึงเลิกวุ่นวายยังๆๆ ยังไม่จบ มาเช้านี้...ยังเจอกันอี๊กก คราวนี้ถามว่าจะกลับแล้วหรอ ไปไหนต่อ ต้องการพอทเตอร์มั้ย ... แหม่ วันเวียนมาเจอกันบ่อยขนาดนี้ ต้องขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อยนะลุง
Local Bus จากชิมลา - ธรรมศาลา = 360 รูปี
จะมาถึงท่ารถ ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว จากนี่จะต้องนั่งรถต่อไปยัง New Bustand ทีนี้ อีนี่ไม่ยอมพลาดแล้วไง ป้ายหน้ารถก็มีแต่ Hindi ถามคนข้างๆโลดจ้า ว่าอาบังขา หนูจะไปคันไหนได้บ้างคะ พอโดดขึ้นรถได้ นั่งไปสักพัก 15 นาทีก็ถึง ที่นี่เดิมทีคงเคยเป็นโรงแรมเก่า มาทำเป็นสถานีรถ ป้ายโรงแรมเก่ายังอยู่เลยอ่ะ จากนั้นก็นั่งรอเวลารถออก .. เค้าออกตรงเวลาอยู่นะ ไม่น่าเชื่อ
ลองเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถชมวิวตอนกลางวันดูบ้าง.. 10 ชั่วโมงเลยหรอ จะถึงเลทมั้ย แล้วเมืองธรรมศาลาเป็นไงมั่งนะ ข้อมูลในหัวมีน้อยมาก ทริปเบิกเนตรชัดๆ... เอาน่า มนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด...
..1 วันอันแสนสั้นในชิมลาผ่านไปแล้ว ตอนหน้า - ธรรมศาลา เมืองที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธและศูนย์รวมของชาวทิเบตลี้ภัยในอินเดียค่ะ
- โรงแรมมีให้เลือกเยอะ แต่ถ้าคิดจะเดินหา นั่งรถแท๊กซี่ขึ้นมาถึง The Mall ก่อนเถอะนะ...
- อย่าประหยัดในเรื่องเล็กน้อย..เสียน้อย เสียมากว่างั้น มัวแต่งก สรุป..เหนื่อย เดินไม่ไหว เลยอดไป Jakhoo temple
- อย่าเชื่อ sense ตัวเองมาก มันไม่ถูกต้องเสมอไปหรอก ขยันถาม..คนท้องถิ่น เค้ารู้ดีกว่า คนนอกพื้นที่อย่างเราเสมอ
- ชะล่าใจ เห็น Post office อยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด พอจะซื้อ Stamp ดันปิดแล้ว เลยอดส่ง Postcard จากที่นี่เลย (แสตมป์ต้องซื้อที่ทำการไปรษณีย์เท่านั้น)
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ติดตามก้าวเล็กๆของเรา พยายามจะเขียนให้จบทริปนะคะ แต่งานเริ่มยุ่งแล้ว อาจมีหายบ้างไรบ้าง 555
ตอนที่ 2 : https://th.readme.me/p/14394
Wanderer Error
วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.20 น.