สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทู๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกคน


กระทู้นี้ ชมจะพาไปเที่ยว อินเดียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ขออนุญาตเรียกตัวเองว่า ชม เพราะเราชื่อชมพู่ บ่ใช่ชมพู่อารยาเด้ออออ ชมพู่เฉยๆนี้ละ



ขอเกริ่นนำ ยืดเยื้อหน่อยนะ....................

คือ เราก็ไม่เข้าใจนะว่า คนที่ชอบว่า ชอบเหยียดอินเดียเนี๋ย เขาไปเจอกันมาจริงๆหรือยัง เพราะเราไม่เจออะไรแบบที่เขาว่าเลย

เรื่องกลิ่น ........... คือ ไม่มีอะไรเหม็นมากมายแบบหยี้จะอ้วก เหม็นแทบแย่แบบที่คนไทยชอบว่าเขา

"อย่าลืมผ้าปิดจมูก"

"คนอินเดียไม่ชอบอาบน้ำ เหม็นสาป"

"เหม็นเครื่องเทศน์มาก"

"เหม็นคนอินเดีย ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง"



คือ คุ๊ณค่ะ ไม่ขนาดนั้นค่ะ ไปกับพี่อีกคน เรายังคุยกันเลยว่า ทำไมผู้เขียนกระทู้บางคนเขียนเวอร์จัง มันไม่ได้อแย่รึเป็นอะไรแบบนั้นเลย

ใช่ค่ะ ไม่มีกลิ่นอะไรแบบนั้นเลย



เรื่องเครื่องเทศน์คงแล้วแต่คน สำหรับเราไม่เหม็นขนาดนั้นค่ะ ถามว่ากลิ่นมันเด่นเตะจมูกมั้ย อืมใช่ค่ะ อาหารบางอย่าง เช่น ชิกเก้น บิยานี ฉุนค่ะ คล้ายๆข้าวหมกไก่บ้านเรา แต่ไม่ได้เหม็น ไม่ได้กินยากค่ะ ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น



อ่านกระทู้อื่นๆมา ก่อนไปค่อนข้างกังวล กลัวกินไม่ได้เลยเอามาม่าไป ปรากฏว่าต้องบังคับเพื่อนกันว่า เราต้องกินมาม่าที่เราเอามาบ้างนะ คือเราจะมากินแต่อาหารเเขกไม่ได้นะ เราซื้อมาม่ากันมาแล้ว สุดท้ายก็ ........... เอามาม่าไว้กินเปล่าๆ กินเล่นบนรถไฟ เพราะเรา 2 คนร้องจะกินแต่อาหารอินเดีย อร่อยเวอร์ค่ะ

เรื่องกลิ่น ถามว่ามีมั้ย มีค่ะ กลิ่นขี้อ่ะค่ะ เออก็ไม่ได้บอกว่าไปแล้วจะเจอสวยหรูหอมหวานเหมือนในทุ้งลาเวนเดอร์ฝั่งยุโรป แต่มันไม่ได้เลวร้ายย่ำแย่อย่างที่คนไทยบางคนกล่าวหาเขา เออมามาเข้าเรื่องกันดีกว่า เน๊อะ!


วันที่ 30 ธันวาคม 2560

เราขึ้นเครื่องเวลาหกโมงกว่าๆ เครื่องออก เจ็ดโมง ทริปนี้เรื่อง SIM ใช้ AIS SIM 2Fly 399 บาท ทริป 8 วันจบทริปเน็ตยังเหลือเลยค่ะ สามารถหาซื้อได้ที่ ร้านหน่อยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเปิดบริการ 24 ชั่วโมงนะค่ะ

สภาพอากาศในวันนั้นท้องฟ้าสดใสมากๆ แต่ พอเข้าอินเดียปุ๊ป หมอกมาเลย เครื่องลงไม่ได้ครับ กัปตันประกาศว่าเราจะค่อยๆเอาเครื่องลงเนื่องจากสภาพอากาศมีหมอกหนา พอเครื่องจอดปุ๊ป ความหนาวมาเลย พอเห็นหมอก แม่เอ่ยยยย คิดถึงเสื้อคอเตาหนาๆที่เพิ่งเอาออกไป 2 ตัว ก็คิดว่าคงไม่หนาวมขนาดน้านนนนนนนน อยากจะร้องงงง

เราไม่รู้ว่ามีใครกังวลเกี่ยวกับ ตม. เหมือนเราไหม แต่จะบอกว่า ไม่ถามอะไรเลย พี่ท่านรับพาสปอร์ตและ e-Visa ของเราไป แล้วถามแค่ว่า

พี่ ตม. : ยัวร์ เนม สุภมัส (ออกเสียแบบนี้เลย ขออนุญาตทับศัพท์เพื่อให้ได้อรรถรส แต่จริงๆเราชื่อสุภมาส)

เรา : เยส


แค่นี้............ แล้วก็ทำตามวิธีของเขา สแกนนิ้ว ถ่ายรูป ซึ่งขั้นตอนนี้มีรูปแปะไว้ที่เคาว์เตอร์ ตม. อธิบายชัดเจนไม่ต้องกังวล

หลังจากที่ผ่านกระบวนการที่สนามบินเสร็จแล้ว เอาละท่านผู้ชม เราจะพาท่านเข้าอินเดียจริงๆละนะ เราเข้าใจกลางนิวเดลีด้วย เมโท รถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งสายรถไฟของเขามีเยอะมาก นี้คืออินเดียที่คนชอบหยี???? ซึ่งสายรถไฟเยอะมากๆ มากกว่าบ้านเรา และปลั๊กไฟก็มีเยอะมากๆ ในห้องน้ำก็มี แบตโทรศัพท์หมดตรงไหน หาห้องน้ำซะ


พ้นจากสนาถีรถไฟเราใช้การเดินไปที่พัก ซึ่งต้องจ้ำอ้าวเอามากๆ เพราะแขกตามตื้อให้ขึ้นรถหรอ?? ป่าว กรูปวดขรี้ อ่ะ แล้วเพื่อนที่ไปด้วยก็อยากจะแวะชิมโรตี เราก็แบบจะมาอยากกินอัลไลตอนนี้ ไปเช็คอินก่อนได้โปรด ............. ตัดภาพมาหลังเช็คอินเสร็จ ที่แรกที่จะไปคือ Red Fort ก็นั่งริชอร์ ไป ให้ที่พักเรียกให้ 100รูปี ต่อเที่ยว การขึ้นริชอร์ ขอให้ต่อรองให้ชัดเจนก่อนนะค่ะ ต่อคน รึ ต่อเที่ยว หน่วยเป็นอะไร ดอร์ลา หรือ รูปี เอาจริงๆนะทุกอย่างในอินเดียดีหมดดีเกินคาด แต่ที่เป็นไปตามคาดหมาย รึเหมือนที่กล่าวหาอินเดียเป็นจริงอยู่ 2 เรื่องสำหรับเราคือ

1. ขรี้เยอะ

2. ย่านค้าขาย พ่อค้าแม่ค้า ตุ๊กๆ ชาร์จราคาเวอร์

อันนี้จริง ต้องระวัง มีทุกลูกไม้ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังเป็นลำดับไปนะค่ะ


Red Fort หรือป้อมแดง หรือที่ชาวอินเดียเรียกว่า ลา คิลลาห์ (Lal Qil'ah) หรือ หรือ ลาล คิลา (Lal Qila) มันก็คือป้อมปราการนั้นเอง โดยป้อมปราการแห่งนี้ใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์โมกุล และยังเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงแห่งใหม่ในรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ที่มีชื่อว่า "ชาห์ชะฮันนาบาด" (Shahjahanabad) ซึ่งเป็นเมืองแห่งที่ 7 ที่ก่อตั้งภายในบริเวณเขตเดลี โดยพระองค์ทรงย้ายมาจากอัคราเพื่อที่จะสร้างความสวยงามและอลังการในรัชสมัยของพระองค์ โดยใช้โอกาสนี้ในการสร้างสรรค์สิ่งก่อสร้างและอาคารใหม่ๆได้ตามที่สนพระทัย ซึ่งเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ที่เดลีจนถึงปีค.ศ. 1857 เมื่อจักรพรรดิบาฮาดูร์ชาห์ซาฟาร์ เสด็จลี้ภัยจากรัฐบาลของบริติชอินเดีย


เราคิดว่าผู้อ่านคงไม่เน้นประวัติความเป็นมาเราขอย่อๆเอาละกันนะ พอมาถึงเรดฟอร์ท มันตระการตามากแบบตลึงตกในภวังค์ รัวชัตเตอร์กันแบบไม่สนใจใคร ไม่สนใจทาง และนั้นเอง แปร๊ดดดดด!!!!

เรา : พี่ปิ!!!!!!!!! เดี๋ยว!!!!!

ไม่ทันแล่วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

พี่ปิ : ชมมมมมมมมมมมมมมมมม พี่เหยียบขี้ @#@$(_|e_%(#_(%%(+^(*_)#|

เราก็ขำไปฟังพี่แกโวยวายไป .................. ก็อย่ามัวตลึงจนไม่มองทางกันเน๊อะ

พี่ปิ : ชมว่านี้มันขี้อะไร

เรา : เอออออออออออออออ ชมว่าไม่ใช่ขี้หมา แต่ถ้าเป็นขี้หมา หมาคงท้องเสีย (อยากตอบว่าขี้คน แต่สงสารจิตใจพี่เขา)

พี่ปิ : นี้รองเท้าใหม่ของพี่

เรา : เอานะ!!!!! ....เดี๋ยวค่อยไปล้าง ตอนนี้ยีๆถูๆกับพื้นไปก่อน


เราก็ไปเดินงง ที่ซื้อตั๋วเข้าอยู่ไหน ................. ในใจก็คิดว่าอยู่ข้างบน จะไปเรดฟอร์ทต้องเดินขึ้นไป จริงๆทางมันก็ไม่ได้ชันมากนะ จริงๆอยากเดินแต่ด้วยความ งง ว่าซื้อตั๋วตรงไหน ละไอ่ที่เขาต่อแถวแย่งซื้อนี้ใช่ป่าว มันมีแต่ภาษาฮินดีอ่ะ ก็พยายามถาม แต่เขาไม่ยอมคุยเป็นภาษาอังกฤษ เขารัวภาษาฮินดีใส่ แล้วไล่เราให้ไปซื้อ พอซื้อมา สลัดเอ่ย!!!! มันคือตั๋วรถรับส่งขึ้นลง ซึ่งกูเดินเองได้มั้ยละ 40รูปี 2คน

พอขึ้นไปถึงก็ไปงง หาแถวซื้อตั๋ว คือคนเยอะมาก แล้วก็ต่อแถวไป มีเด็กผู้หยิงน่ารักคนหนึ่ง เดินมาบอกว่า เรา2คนนะเข้าแถวผิด ต้องไปอีกที่นี้ สำหรับคนอินเดีย เราก็แบบ มุขอะไรอีกป่าวว่ะ จะหลอกเอาทริปหรืออะไรป่าวว่ะ

แต่ป่าว!!!! เข้าผิดจริงๆ คนอินเดียน่ารักมาก ใจดีมาก ไม่ได้มีแค่คนนี้นะ คือเขาใจดี น่ารักเฮฮากันหมด ยกเว้นย่านค้าขาย กับพวกรถตุ๊กๆนั้นแหระที่ไม่ค่อยโอเคอ่ะนะ ค่าเข้าเรดฟอร์ท 530 รูปี แต่ถ้าโชว์พาสปอร์ตไทย มันจะเหลือแค่ 35 รูปี ดีจริงน่ารักมากกกกกกก

ไทยและอินเดียลงนามความตกลงด้านวัฒนธรรม กระชับความสัมพันธ์ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การศึกษา และวัฒนธรรม นั้นเป็นเหตุผลที่เราได้ส่วนลด และถ้าคุณดูในตั๋วเข้าชมต่างๆ บนหัวตั๋วของคุณจะระบุว่าเป็นตั๋วสำหรับชาวอินเดีย ไม่ใช่ชาวต่างชาติ น่าประทับใจไปอีก

แล้วเราก็เข้ามาข้างใน บอกตรงๆ อยากซื้อของมาก แต่ด้วยความที่ว่ามันเป็นวันแรก แล้วถ้าซื้อเลยก็ต้องแบกไปด้วย ก็เลยตัดใจยังไม่ซื้อละกัน

ถ้าถามว่าทำไมอยากไปอินเดีย บอกตรงๆเลย แฟนอยู่อินเดีย 5555555555555+ หลายคนอาจจะคิดในใจแล้วว่า อ่ออีนี้มันมีแฟนอยู่นู้นไงมันถึงมองบวก

เห้ยยยย!!! แต่มันไม่ได้แย่อย่างที่คนไทยชอบว่าเขาจริงๆนะ สาบานด้วยเกียรติ์อันน้อยนิดเลยว่า ไม่ได้เข้าข้างเขาเพราะแฟนเป็นคนอินเดีย เหตุผลที่สองคือ เราชอบสถาปัตยกรรมของเขา เราชอบถ่ายรูปตึกรามบ้านช่อง วิวทิวทัศน์อ่ะ พอเราเห็นโลเคชั่นที่นี้ เราเลยอยากไป

วันแรกนี้ได้แค่เรดฟอร์ท หลังจากนั้น เราก็ตกลงกันว่าจะไปจองตั๋วรถไฟกัน ก้นั่งรถไปสถานีรถไฟนิวเดลี 150 รูปี ต่อเที่ยว คิดว่าเป็นเงินไทยกี่บาทง่ายๆคือ หาร 2 ไปเลย พอถึงจุดหมายเราก็เดินๆไป ปรากฏว่า พี่ที่ด้วยอยากได้หมวกเรยแวะร้านนั้น ละก็เจอคนอินเดียพูดเก่งคนหนึ่ง พูดชักชวนว่าให้ไปซื้อกับสถานีนี้ D.T.T.D.C เพราะวันนี้สถานีคนเยอะ ไปที่นี้ดีกว่า เราอ่ะไม่ไว้ใจตั้งแต่แรก เพราะดูในรายการหนังพาไปมาว่าเขาจะหลอกเราไปบริษัททัวร์ พี่ที่ไปด้วยตกลงจะไป เราก็ถามเขาว่า

เรา : มันคืออะไรเขาบอกมั้ย

พี่ปิ : สถานี เขาบอกว่าเป็นสถานี

เรา : สถานีชัวร์นะ ไม่ใช่บริษัททัวร์นะ มันไม่ค่อยดีนะทัวร์อะ

พี่ปิ : เขาบอกว่าวันนี้สถานีรถไฟนิวเดลีคนเยอะ ให้ไปที่นี้ได้เหมือนกัน

เรา : ถ้าเป็นสถานีก็โอเค

พอรถจอดที่หมายปุ๊ป !!!!!!!! สลัดเอ๊ย!!!!!! บริษัททัวร์เว่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ่เชรี้ยยยยยยยยยยยยย!!!! แต่มาแล้วจะดึงพี่ไม่ให้เข้าก็ไม่ได้ ส่งคนมารอรับดักตอนลงรถเลยจ้า เขาแทบจะรื้อแผนเที่ยวใหม่หมด แต่เราคือยืนยันแบบนี้ และตอนแรกเรียกราคา 7500รูปีต่อคน กูไม่มีตังเว่ย!!!!

เขามาด้วยเล่ห์ เราต้องตอกกลับด้วยเล่ห์ อาจจะไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมเท่าเขาแต่ก็ต้องพยายามไม่เสียเปรียบมากนัก เราบอกเราทั้งคู่เป็นนักเรียน ไม่มีตังขนาดนั้น ด้วยความที่ว่าเรา อายุ 25 เขาขอดูพาสปอร์ต เราให้ของเรา เขาขอดูของพี่เรา พี่เราออกตัวว่าลืมเอามาจากที่พัก พยายามขอดูของพี่หลายรอบมาก แต่พี่ปีก็ไม่หลุดเลย คือพี่เขาเป็นนักเดินทางสกิลสูงกว่าเราเลยละคือมันเป็นครั้งแรกเลยหาเพื่อนไปจริงๆชอบเที่ยวคนเดียว ส่วนใหญ่ออกทริปคนเดียว แต่นี้ครั้งแรกเพื่อความอุ่นใจเลยหาเพื่อนเก่งๆไปด้วย และมันไม่ได้น่ากลัว เราเจอผู้หญิงเที่ยวคนเดียวในอินเดียเยอะมาก ผู้หญิงไทยก็มี และครั้งต่อไปกะไปคนเดียวนี้ละจ้า อะเข้าเรื่องต่อเน๊อะ สุดท้ายเนี๋ยทัวร์ที่เราได้มา คือ 5500รูปีต่อคน มีค่ารถบัสไปอักรา ทัวร์วันเดย์ทริปในเดลี ค่ารถไฟไปกลับพาราณสี ซึ่งบอกตรงๆว่า ไม่คุ้มกับ 5500 ที่เสียไปเลยจ้า อยากรู้ว่าทำไมไม่คุ้มก็อ่านไปเรื่อยๆนร่ะ


หลังจากยืดเยื้อกับบ.ทัวร์นี้เสร็จ ก็ไปหามื้อเย็นกินกัน คือทัวร์ค่อนข้างพูดมาก พูดวน แบบนานมาก ต้องบอกว่าหิว แล้วไปได้ยัง บอกหลายรอบฝุดๆ กว่าจะได้ออกมาฟ้าก็มืดแล้ว ใครบอก..อินเดียน่ากลัว???

เมื่อมาจริงๆแล้วมันไม่ได้น่ากลัวเลย นี้เดินเที่ยวเล่นตามตรอกซอย ถนน โอ้โห้ ที่สุดของความตลก ความฮา ความใจดี .....

ปล.เรียกอะไรไม่รู้จำไม่ได้ เห็นรูปแล้วชี้เลย 250 รูปี อิ่มอร่อยมากกกกกกกกกก

ถามว่าคนโกงมีมั้ย......

มี....แต่คุณต้องแยกแยะนะว่าไม่ใช่คนอินเดียทุกคนจะโกงจะร้ายยย....ไอ่ที่โกงนี้ใคร....ก็พ่อค้าแม่ค้าไงไง.....ย่านค้าขายต้องทำใจนะ

เหยียบแผ่นดินอินเดียปุ๊ป เจอมุกแรกเลยนี้ขนาดเซฟตัวเองด้วยการแลกแบงค์ย่อยไปเยอะๆ......ตังทอนไม่มีจะไม่ทอน!!!! ลืมเล่าๆ อีตอนที่จะเข้าเดลีด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน เราก็รู้ๆว่าคนชอบใช้มุกนี้ ไม่ทอนตังส์เนี่ย เลยจะไปใช้แบงก์ใหญ่ซื้อตั๋ว เพราะหน่วยงานสถานบริการแบบนี้ มันต้องมีทอนอยู่แล้ว และไว้ใจ้คิดว่าเออ มันเป็นของภาครัฐ เอกชนไม่ใช่ร้านโชว์ห่วยธรรมดาๆ คงไม่เอากะเขาด้วย ที่ไหนได้ !!!!!!!

แต่โชคดีที่มีพี่อินเดียหน้าเข้มข้างหลัง ช่วยโวยวายให้พวกเรา ว่าให้ทอนตังส์ให้พวกเรา ให้พวกเราซะ เราก็ยืนนิ่งๆ ปล่อยให้ข้างหลังจัดการให้ 555+ เห็นมะ คนอินเดียใจดี น่ารักจะตาย สุดท้ายเขาก็ทอนตังมา ตั๋ว2ที่ 120 รูปี ให้แบงก์ 500 ไป ต้องทอน 380 รูปี เจ้าหน้าที่ยอมทอนก็จริง แต่ทอน 360 รูปี เอ้า!!!! ก็ยังดีว่ะ ดีกว่าตอนแรกที่จะไม่ทอนเลย


กลับมาต่อที่การหาของกินของเรา ก็เดินๆๆๆ ก็ไปเจอร้านอาหาร 2 ร้านติดกัน น่านั่งทั้งคู่ เราก็ยืนมอง ซุบซิบๆ เลือกไม่ได้ ปรากฏว่า ทั้ง 2 ร้านเขาก็มีบริการการเรียกแขกกัน ทั้ง 2 ร้านก็เย้วๆๆๆ เรียกแบบ อารมณ์เหมือนคนเชียร์มวยอ่ะ ที่นี้ทำไง จะเข้าร้านไหนดีละ เขาเชียร์กันสุดพลังมากนะ มีเหย้าแยกัน คือน่ารักอ่ะ สุดท้ายเรากับเพื่อนที่ไปด้วยเลยเป่ายิงฉุบกัน ถ้าเราชนะไปร้านโต๊ะไม้ ถ้าพี่ปิชนะไปร้านด้านหน้า และเราเป่าชนะ ก่อนเป่านี้เราชี้ไปร้านไม้ เหมือนเขาก็ดีใจไปแล้วครึ่งละที่เราเลือก แต่ก็มาลุ้นว่าจะเป่าชนะมั้ย พอเรายิ่งฉุบชนะ คือเฮกันเลย ส่วนร้านอีกร้านก็ขำ แล้วไปกระเช้าเหย้าแหย่ร้านที่ได้ลูกค้าไป เป็นเมืองที่ความเป็นมิตรมีสูงมากจริงๆ


หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางเราทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนกันว่า มันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนะ กลางคืนมืดค่ำคนก็ยังเดิน ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เดินปกติเหมือนบ้านเรา ไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรแบบที่บางกระทู้บอกไว้เลย เราว่ามุมมองคงอยู่ที่ใจของแต่ละกันแล้วละ ถ้าคุณมาด้วยใจที่ไม่เปิด ไม่พร้อมเรียนรู้อย่างเป็นกลาง เรื่องราวมันคงออกมาลบ แต่คนที่พร้อมจะเรียนรู้ คงมองทุกอย่างเป็นเรื่องดีๆ เราไม่ได้ยึดภาพเก่า ภาพที่ใครๆใส่หัวเรามา แต่เรามาเรียนรู้ มารับรู้ด้วยตัวเราเองมันก็จะมีแต่สิ่งดีดีที่ถ่ายทอดออกมา แต่เราว่า ก็ไม่มีอะไรดีเท่าไปสัมผัส ไปพบด้วยตาตัวเองเน๊อะ


วันที่ 2...... 31 ธันวาคม 2560

เปิดภาพวันที่ 2 ของทริป ด้วยภาพของกิน จะบอกทริปนี้เกือบจะได้เปลี่ยนชื่อทริปจากอินเดียอินมายดรีม เป็นพาไปแดรกเรียบที่อินเดียแล่วววววว ก็กินอะไรก็อร่อยไปหมดนะเซ่ 55555+

วันนี้ ไปกับทรัวร์ชโงกที่ถูกยัดเยียดมานะ............ บอกตรงๆไม่ประทับใจทัวร์สักเท่าไรเลย เพราะให้เวลาค่อนข้างจำกัด 30 นาทีนะ 20นาทีนะ ยังงี้

คือคุณจอดรถละให้ฉันเดินไปนี้ก็จะหมดเวลาแล้วนะคุณณณณณณ

ที่แรกที่ไปคือ Sri Laxmi Narayan Mandir

หมอกค่อนข้างหนา ความหนาวไม่ต้องพูดถึง..........

มันต้องถอดรองเท้า เรา 2 คนไม่อยากถอดเลยไม่เข้าไป ระหว่างยืนถ่ายรูปกันอยู่เราก็รู้สึกว่าสายตา คู่หนึ่งมองมาที่เรา ก็ก็คุยกับเพื่อนไปหันไปมองเขาที คือเขามองละยิ้มไงเราก็ไม่รู้อะไร ที่นี้มีคนอินเดียครอบครัวหนึ่งมาขอถ่ายรูปเรากับเพื่อน พอเขาเห็นเราเซย์เยสถ่ายได้ นางก็มาขอถ่ายด้วย ฮีมาจากซูดาน แอฟริกา จะบอกว่าทริปนี้คนขอถ่ายรูปเราเยอะมาก มีคนบอกว่าเราหน้าตาคล้ายโปรดิวเซอร์หนัง+ดาราในบ้านเขาที่ชื่อ Exta Kapoor

เออเป็นงั้นไป อยู่ไทยหน้าบานๆบ้านๆ ไปอยู่นู้นฮ๊อตเฉยเลย 55+

หลังจากนั้นเราก็กลับไปที่รถ แล้วก็เจอเด็กอินเดียรัวภาษาฮินดีใส่ เอ๋อซิครับ???? เราก็เลยบอกไปว่า ซอรี่ ไอดอนท์อันเดอร์สแตนท์ น้องก็ทำหน้าเขินละหยักไหล่ให้ละเดินไป ความงงถามหารอบ 2 หั้นไปถามเพื่อน

เรา : น้องมารัวฮินดีใส่ทำไมว่ะ

พี่ปิ : เขาคิดว่าชมเป็นคนอินเดียรึป่าว

ทริปนี้มีคนบอกว่าเราหน้าเหมือนคนอินเดียมากกว่าคนไทยเยอะมากกกกกกกกกกกกกก ต่อจากนั้นทัวร์ก็พาเราไปต่อที่บ้านประธานาธิบดี ซึ่งหมอกก็ยังไม่จางหายไป

แล้วไปต่อที่อินเดียเกท พอจอดรถปุ๊ปก็เดิน เดิน เดินไป ก็เจอกับสาวขายกำไร เราอยากได้กำไรเลยไปต่อรองราคากับเธอ

คนขายกำไร : วันฮันเดร็ด

เรา : โน โนว โน

คนขายกำไร : วันฮันเดร็ด (ยังคนเดินตื้อ)

เรา : ฟิ๊บตี้ อีฟวันวันฮันเดร็ด โน บัด ฟิ๊บตี๊ แอมโอเค

คนขายกำไร : ฟิ๊ยตี้ โอเค โฟร์

เรา : ฮ่าๆๆๆ (ไอ่แสร๊สสสส 50 แต่ต้อง 4 อันบ้านแกซิ)

เรา : โนโฟร์ ทู โอเค๊

คนขายกำไร : โอเคๆ

แล้วนางก็ยื่นกำไรให้เรา และคว้ามือเพื่อนข้างๆของเราไปเพนท์เฮนน่า โดยไม่ถามอะไรสักคำ เรากับเพื่อนก็ถามว่านี้คืออะไร กี่บาท ถ้าเสียเงินเราไม่เอานะ นางก็เงียบ พอเพนท์เพื่อนเสร็จเราก็ จ่ายค่ากำไร แต่นางก็คว้ามือเราไปเพนท์ต่อ

เรา : อิทส์ ฟรี ไรท์????

คนขายกำไร : ....... (เงียบ)

เรา : อิทส์ ฟรี ไรท์???? ฟรี ไรท์

คนขายกำไร : ....... (เงียบ)

เรา : น้องว่าเราโดนอีกแล้วละ

พี่ปิ : จะคิดราคาเท่าไรว่ะเนี่ย ไม่ได้อยากได้นะเนี่ย

หลังจากเสร็จ เราก็ถามฟรี???

คนขายกำไร : โน ทูแฮนด์ ซิกฮันเดร็ดรูปี

บ้านแกซิ อิผี!!!!!!!!!! ข้าไม่ได้อยากได้ หลังจากนี้เราก็เถียงกัน ว่าไอไม่ได้อยากได้นะ ยูมาเพนท์ เราพยายามถามยูแล้วว่าคิดตั้งมั้ย ฟรีมั้ยยูไม่ตอบ ยูมาเพนท์ให้เราเอง ถ้า 600 เราไม่หั้ยเราไม่จ่ายหรอก เราเลยบอก 300 พอ ถ้ามากกว่านี้เราไม่จ่ายหรอก เราไม่ได้เรียกร้องกัน นางเลยยอม

ถ้าจะบอกจะแนะนำการไปอินเดียมีสิ่งเดียวที่เราจะแนะนำคือ อย่าไปวันหยุด เพราะคนอินเดียนิยมเที่ยวในวันหยุด คนเยอะมากมาย

ถ่ายยังไงไม่หั้ยติดคน ไม่สามารถจริงๆ โซ ซอรี่

ไปอินเดียเกท เคยดูสมุทรโคจร ออนอินเดียมาละเห็นจ๊อปกินสิ่งนี้ แล้วจ๊อบบอกอร่อย เราตั้งมั่นว่าไปต้องได้กินละได้กินแล้ว

ถ้าอยากรู้ว่าอะไรคืออะไร ในบ้านเขาเรียกเมนูนี้ว่าอะไร หลังไมค์มานะ เราก็จำไม่ได้หมด คงต้องไปเปิดแชทแฟนไล่ดู จำไม่หมดจริงๆ อันนี้อร่อยมากกกกกกก จริงๆ ไอ่สิ่งนี้ แฟนบอกว่า ผู้หญิงอินเดียชอบกินมาก กินได้ทั้งวัน ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ยังกิน พวกเขาชอบกินกันมากๆ เออ รู้ละว่าทำไมถึงชอบ ก็มันอร่อยจริงๆอ่ะ

หลังจากอินเดียเกททัวร์ก็พาไปหาอะไรกิน กินอีกแระ =..= คนอินเดียกินอาหาร ที่เป็นแบบถาดๆอ่ะนะ 1 ถาดกิน 2-3 คนแต่เรา 2 คน คนละถาด 5555+ โต๊ะข้างๆมองกันทีเดียวเชียว ทำไมละก็หิวอ่ะ !!!!

ภายหลังได้คุยกับคนอินเดีย ทั้งกับแฟนและคนอื่นๆ เขาบอกคุณจ่ายไปแค่ 100 เดียวใช่มั้ยมันราคาแค่นั้นแหระ อิผีบ้าาาาาาาาาาาาาา เเล้วตอนแรกบอกมือละ 300 ดีกูไม่ยอมจ่ายไป !!!! ราคาเฮนน่าอยู่ที่ 100 - 150 รูปีแค่นั้นเด้อ อย่าหลงกลยอมจ่ายมากกว่านี้นะค่ะคุ๊ณณณณณ


กุตุปมินาร์คือ คนเยอะมาก มาก ถึง มาก ที่สุด เลยไม่เข้าไป บวกกับไม่ค่อยประทับใจทัวร์เท่าไร เลยเริ่มรู้สึกไม่อยากลงจากรถแหระ กินเสร็จก็ขึ้นไปนอนบนรถ หลังจากนี้เป็นการพาไปช๊อปแหระ ซึ่งก็ไม่ลงอีกละจ้า เวลาร่วงเลยไปจนถึงเกือบสี่โมงเย็น เราก็จะขอแยกกับทัวร์ เพื่อนที่ไปด้วยก็จัดการคุย เราก็ไม่โฟกัสรายละเอียดอะไรมาก มาโฟกัสช่วงท้ายของบทสนทนาที่มันเกี่ยวกับเรา

ผชที่ดูแลลูกทัวร์ : ยัวร์ ซิทเตอร์ (ถามกับเพื่อนเราและมองมาที่เรา)

พี่ปิ : โน วีเฟรนด์

ผชที่ดูแลลูกทัวร์ : โซ บิ้วตี้ฟูล

พี่ปิ : อ๊าาาา เห็นมั้ยพี่บอกแล้วชมอะสเปกแขก

เรา : โอ้ แต้งกิ้ว

ผชที่ดูแลลูกทัวร์ : ยัวร์ เววคัม ว๊อชยัวเนม

เรา : แอม ชม-พู่

ผชที่ดูแลลูกทัวร์ : ชั้มปูร์ ไนท์ทูมืทยู

เรา : แท็งส์ มีทู บายยยยยยยยยยยย

ไอ่แสร๊สสสสสสสสสสสสสสส เขินเลยคือจะบอกว่า เวลานั่งรถเราก็รู้สึกตลอดละว่านางมอง มองจนเราหงุดหงิดละแอบด่าในใจ ก็พี่แกชอบเปิดประตูกระแทกเรางี้ เรากำลังจะหลับก็ปิดประตูเสียงดังงี้เราก็ตกใจ ละหันไปมองนางบ่อยๆพอกะที่นางมองนั้นแหระ แล้วนางก็ชอบอมยิ้ม ซิปกูก็รูด มองละยิ้มคือไร เราก็เสียความมั่นใจเน๊อะ แล้วพอมาชมแบบนี้ คือ หายโกดเลย คือทำไมไม่ชมตั้งแต่แรกละ แหมมาชมตอนนี้ ข้าจะเล่นด้วยยังไง สำคัญคือหน้าตาดีด้วยละ อะพอแหระพอ กับเขาเรื่องเที่ยวต่อเน๊อะ

เราก็แยกจากทัวร์ไป ขึ้นรถไฟไปลงจัยร์ปัส ย่านค้าขายนี้ละกลับเขาไปหา บ.ทัวร์อีกรอบ เพื่อไปเอาตั๋วรถไฟ เหมือนเดิม ยืดเยื้อชวนคุยเยอะแยะไปหมด พอรับตั๋วเรียบร้อยเราก็ไปเดินเที่ยวในเมืองกันต่อ


วันนี้เป็นวันเคาน์ดาวน์ที่หมดแรงเลยแหระ กลางคืนมีเสียงดนตรีเยอะแยะมากมาย แต่ไม่ไหวจะลงไปดู ลงไปตอนใกล้ๆจะ 00.00 น. ปกติเราจะเคาว์ดาวน์กับครอบครัวปีนี้เป็นปีแรกที่เคาว์ดาวน์กับแฟนกับเพื่อน นั่งกันอยู่ที่ล๊อปบี้ของที่พักจน เจ้าหน้าที่เขามาไล่ ไล่แฟนเราอ่ะนะ คือเราพักโฮสเทลไง แผนกต้อนรับเปิด 24 ชม.ก็จริงแต่เขาก็ไม่โอเคกับการให้คนนอกมานั่งคุยข้างในด้วยนานๆอ่ะนะ มันก็จะเศร้าๆหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เจอเลยอ่ะนะ นี้ก็เป็นจบทริปในดิวเนลี ส่วน วันที่ 1 ม.ค นั้นเราก็ย้ายร่างของเราไปอากรากัน เดี๋ยวมาต่อ นี้ใช้เวลางานมาเขียนนะเนี่ย 5555+


ไปละเด้อออออออออ เด่วกลับมาต่อ เหลืออากรา กับพาราณสี

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะค่ะ

By : Solo traveler

ฝากติดตามแพจด้วยนะค่ะ แบกกล้องชิว เที่ยวคนเดียว

ปล. Solo traveler = นักเดินทางเดี่ยว

- Thank you -

หญิงเถื่อน Solo Traveler

 วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.22 น.

ความคิดเห็น