จุดเริ่มต้นของการเดินทางในครั้งนี้เกิดจาก ทาง ททท.เชียงราย ได้เชิญชวนให้ท่องเที่ยวในเส้นทาง น้ําตกขุนกรณ์-ปางขอน-ผาลั้ง-ดอยช้าง ทริปเดินป่าตามหาดอกพญาเสือโคร่ง ชมน้ำตก วีถีชุมชน ชิมกาแฟ และอาหารถิ่น และแน่นอน เช ไปทั้งที่จึงไม่อยากให้เสียเที่ยว จึงได้สำรวจแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมมาอัพเดทให้เพื่อนๆ ได้ติดตามกัน



ทริปนี้ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ก่อนออกเดินทางก็ต้องหาเพื่อนร่วมทาง ทริปนี้ได้น้องก้องและน้องปูนมาร่วมเติมเต็มประสบการณ์ รอติดตามการเดินทางของพวกเราได้เลยค่ะ



พี่บอยๆ เช กำลังเดินทางไปค่ะ แต่ฝนตกปรอยๆ ตลอดทางเลย พี่บอยตอบกลับมาว่า ที่นี่เขาเรียกปรากฏการแบบนี้ว่า เหมย

“คำว่า 'เหมย' ภาษาเหนือหมายถึงหมอก หรือน้ำค้าง ส่วนคำว่า 'ขาบ' น่าจะมาจากภาษาเหนือว่า 'ตกคาบ' คือเหลือรอยให้เห็น เหมยขาบโดยรวมแล้วอาจหมายถึงหมอก หรือน้ำค้างที่ยังคงเหลือร่องรอยในรูปของเกล็ดน้ำแข็ง"

เหมยขาบ เป็นภาษาพื้นเมืองทางภาคเหนือ ที่ใช้เรียก ปรากฎการณ์น้ำค้างแข็งที่เกาะบนใบไม้ใบหญ้า เปลี่ยนสภาพเป็นน้ำแข็ง หากคืนนั้นอุณหภูมิยอดหญ้าต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง



ช่างภาพ Thatchakrit Kaantiwat และเช

http://www.chiangraibicycletour.com/

https://www.facebook.com/bikingatchiangrai/

https://www.facebook.com/punourmuan/

เราสามคนออกเดินทางกันในเย็นของวันที่ 11 มกราคม 2561 โดยใช้บริการขนส่งทางบก ของ บ.สมบัติทัวร์

ถึงเชียงรายประมาณเจ็ดโมงครึ่ง ตอนแรกตั้งใจจะเช่ามอเตอร์ไซด์วิบาก แต่หาไม่ได้ รถที่ใช้ขี่ขึ้นเขาไม่ควรใช้แบบออร์โตเมติก ควรใช้แบบเกียร์

ราคาค่าเช่ารถ วันละ 300 บาท หมวกกันน้อค 150 บาท/3วัน เติมน้ำมัน คันละ 90 บาท ค่ารถรวมคนละ 1040 บาท/3 วัน



โดยจุดหมายแรกของพวกเราคือน้ำตกขุนกรณ์ เดิมชาวบ้านเรียกน้ำตกตาดหมอก ซึ่งคำว่าตาดเป็นภาษาลาวแปลว่าน้ำตก

น้ำตกขุนกรณ์ ตั้งอยู่ ต.แม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.เชียงราย สภาพพื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อนมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 700-1500 เมตรโดยใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 30 นาที เมื่อก้าวลงจากรถจะได้สัมผัสกับความร่มรื่นเย็นสบาย จากธรรมชาติที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนตลอดเวลาที่นี่ทุกท่านจะได้พบกัน น้ำตกขุนกรณ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุด ใน จ.เชียงราย มีความสูงที่น้ำตกลงมาถึงด้านล่างประมาณ 70 เมตร ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่น้ำตกขุนกรณ์อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้ายและป่าแม่กกฝั่งขวาความสูงอยู่ในช่วง 700-800เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณพื้นที่นี้มีภูเขาสูงชันโอบล้อมซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลำน้ำแม่กรณ์ ที่ประกอบขึ้นจากห้วยแม่กรณ์ ห้วยแม่มอญ ห้วยย่าดี ห้วยเลาอ้าย ไหลรวมกันเป็นลำน้ำแม่กรณ์แล้วไหลรวมกับแม่น้ำลาว ซึ่งลำน้ำแม่กรณ์นี้เป็นลำน้ำที่ ทำให้เกิดน้ำตกขุนกรณ์ มีน้ำไหลตลอดปี



น้ำตกขุนกรณ์อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 33 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลตามทางหลวงหมายเลข 1 ประมาณ 13 กิโลเมตรถึงบ้านร่องขุ่นแล้วเลี้ยวขวาไปตาม ทางหลวงหมายเลข 1208 ประมาณ 5 กิโลเมตร จนถึงสามแยกบ้านใหม่เลี้ยวขวาเข้าน้ำตกขุนกรณ์ตามทางหลวงหมายเลข 1208 ประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะถึงวนอุทยานน้ำตกขุนกรณ์ จากนั้นเดินทางด้วยเท้าขึ้นน้ำตก ระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร

ระหว่างทางแวะถ่ายภาพที่วัดร่องขุ่น

ต่อด้วย สิงห์ปาร์ค (ไร่บุญรอด) จ.เชียงราย ไร่ชาของเบียร์สิงห์ วันนี้สภาพอากาศไม่เป็นใจ แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก กิจกรรมที่น่าสนใจคือปั่นจักรยานเที่ยวชมโดยรอบบริเวณ

ระหว่างทางเจอคนปั่นจักยานกันเยอะทีเดียวคงเป็นเพราะเส้นทางที่สวยงาม ก่อนเข้าน้ำตกจะมีด่านของเจ้าหน้าที่ เชสอบถามว่าจะต้องเสียค่าเข้าไหม เขาบอกว่าไม่ต้องเสีย จะรออะไร ไปน้ำตกกันดีกว่า

จากนั้นเดินทางด้วยเท้าขึ้นน้ำตก ระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร ควรเตรียมน้ำดื่มขนมเล็กๆ น้อยๆ ใส่เป้ ก่อนออกเดิน

เส้นทางเดินไม่ยาก เป็นป่าไผ่มีพืชพรรณต่างๆ ขึ้นมากมาย ทำให้เดินชมสองข้างทางเพลินไปเลย

เดินยังไม่ทันเหงื่ออก ก็ถึงตัวน้ำตก

น้ำตกขุนกรณ์ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ประกอบด้วยป่าแม่ลาวทางฝั่งซ้าย และป่าแม่กกทางฝั่งขวา โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2525 เป็นต้นมา นับแต่นั้นวนอุทยานน้ำตกขุนกรณ์ได้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเชียงราย และนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ใฝ่หาธรรมชาติบริสุทธิ์ ด้วยสภาพพื้นที่นั้นเป็นภูเขาสูงชันโอบล้อมแหล่งต้นน้ำลำน้ำแม่กรณ์ ซึ่งเกิดจากห้วยแม่กรณ์ ห้วยแม่มอญ ห้วยย่าดี ห้วยเลาอ้าย ได้ไหลรวมกันเป็นลำน้ำสายนี้ก่อนไหลรวม กับแม่น้ำลาวในท้ายที่สุด และลำน้ำแม่กรณ์นี้เองที่เป็นต้นธารของน้ำตกขุนกรณ์ โดยน้ำตกสายนี้สูง 70 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี


สิ่งอำนวยความสะดวก

บริเวณวนอุทยานฯ ไม่มีบ้านพักให้บริการ หากต้องการพักแรมต้องนำเต็นท์มาเอง ค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 20-80 บาท (ขึ้นอยู่กับอุทยานฯ) เด็กคนละ 10-40 บาท (ขึ้นอยู่กับอุทยานฯ) กรณีเป็นเด็กอายุต้องต่ำกว่า 14 ปี แต่ถ้าอายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าฟรีกรณีเป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษาเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราสำหรับเด็ก สอบถามเพิ่มเติม โทร.0 53726368

หลังจากเที่ยวชมน้ำตกเสร็จแล้วก็ร่ำลาพี่เจ้าหน้าที่กับเจ้าเหมียวชื่อคิตตี้ แล้วเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านปางขอน

จุดหมายต่อไปคือ "สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านปางขอน เชียงราย" ในภาพซ้ายมือจะเป็นทางไปน้ำตกขุนกรณ์ และด้านซ้ายมือจะเป็นทางไปยังหมู่บ้านปางขอน



หมู่บ้านปางขอน ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จ.เชียงราย ในช่วงต้นเดือนมกราคมของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเที่ยวชมดอกซากุระเมืองไทย หรือดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่จะแตกดอกผลิบานเป็นสีชมพู กระจายไปทั่วบริเวณดอยบ้านปางขอน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงบ้านปางขอน ที่มีดอกซากุระขึ้นมากกว่าบริเวณอื่นเป็นพิเศษ



บ้านปางของอยู่ห่างจากตัวเมืองราวๆ 20-30 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญในหมู่บ้านเป็นชาวเขา ปลูกบ้านเรือนตามไหล่เขา มีอาชีพทำเกษตร โดยเฉพาะกาแฟ ที่นี่ถือว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ไปแล้วไม่ควรพลาดที่แวะลองชิม



การเดินทาง : จากตัวเมือง ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ใช้เส้นทางน้ำตกขุนกรณ์ ก่อนถึงที่ทำการฯน้ำตกขุนกรณ์ จะมีป้ายบอกทางเข้าไปตำบลห้วยชมภู ขับรถวิ่งไปตามถนนคอนกรีตราวๆ 10 กิโลเมตร เมื่อถึงหมู่บ้านปางขอน ให้ขับรถขึ้นไปทางบ้านผาลั้ง จะมีป้ายบอกทางเข้าศูนย์ส่งเสิรมเกษตรที่สูงปางขอน ถ้าไม่เคยไปเส้นทางนี้อาจถามจากชาวบ้านดูเป็นระยะก็ได้

ขับรถวิ่งไปตามถนนคอนกรีตราวๆ 10 กิโลเมตร (เส้นทางนี้มีการจัดวิ่งเทรลบ่อยๆ)

ช่วงที่เชไป หมู่บ้านถูกปกคลุมไปด้วยไอหมอกหรือเหมยตามที่พี่บอยบอก มีดอกพญาเสือโคร่งให้เห็นได้ทั่วบริเวณ ตอกแรกเราจะขับรถรวดเดียวไปยังสถานีวิจัยเลย แต่ระหว่างทางอยากแวะชมโรงเรียนปางขอนก่อน ถือว่าโชคดีที่พวกเราแวะไปโรงเรียนก่อน เพราะจากการที่สอบถามชาวบ้านบอกว่าช่วงนี้รถจักยานยนต์จะลำบากมากเพราะฝนตกถนนไม่ดี เราจึงโทรหาพ่อหลวง(ชื่อศร) ให้แกพาขึ้นไปยังสถานีวิจัย ค่ารถแกคิดราคาไปกลับ 600 บาท แต่พวกเราจะค้างบนสถานีวิจัย และไปผาลั้งต่อ จึงจบด้วยราคา 1600 บาท

จากที่หมู่บ้านปางขอนมุ่งสู่ที่ตั้งของสถานี วิวสองข้างทางคือสวนกาแฟ เชอร์รี่ ท้อ และพืชผลอื่นๆ ที่ชาวบ้านปลูก กำลังออกดอกสีชมพูเต็มต้นในช่วงฤดูหนาวป่าดิบเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกเกือบทั้งปีป่าไม้ก่อที่ผลสามารถนำมาทานเป็นของคบเคี้ยวยามว่างได้ สวนกาแฟอะราบิก้าที่ติดผลแดงเต็มต้นรอการเก็บเกี่ยวและแปรรูปเป็นกาแฟอันหอมกรุ่นอยู่บนโต๊ะอาหารหรือที่ทำงานของคุณ



หมดถนนคอนกรีต ก็จะเป็นถนนลูกลัง ถ้าไม่มีฝนตกสามารถวิ่ง ปั่นจักรยาน ขี่รถวิบาก หรือขับรถยนต์ขึ้นมาได้สบายๆ วิวสองข้างทางคือสวนกาแฟ เชอร์รี่ ท้อ และพืชผลอื่นๆ ที่ชาวบ้านปลูก



สำหรับคนที่ไม่มีรถและอยากพักโฮมเสตย์ที่หมู่บ้านจะมีรถชาวบ้านให้บริการนำเที่ยว สำหรับคนที่ไม่มีรถกระยะ หรือนำมอเตอร์ไซด์ไป สามารถจอดไว้ที่หมู่บ้านแล้วใช้บริการรถรับ-ส่ง พาเที่ยวได้

ที่พัก : หมู่บ้านปางขอน มีที่พักเป็นโฮมสเตย์ อยู่ติดถนนสายหลักเข้าหมู่บ้าน ชื่อว่าอาข่าน้อย มีบริการนำเที่ยวด้วย ติดต่อได้ที่ คุณศร 084-4875808

พี่บอยจัดที่พักให้พวกเรานอนที่โครงการหรือใครจะกางเต็นท์นอนก็ได้ตรงบริเวณลานฮอร์ วิวสวยมากแต่ช่วงที่เชไป อากาศหนาวมากจึงเลือกนอนในบ้านพัก ระหว่างทางมีดอกพญาเสือโคร่งบานและดอกเชอร์รี่สะพรั่งตลอดสองข้างทาง

สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านปางขอนจะทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสรสชาติของการเดินทางที่แปลกใหม่และสวยงามทางธรรมชาติที่ผสมผสานกับวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าต่างๆได้อย่างลงตัวโดยไม่ต้องเดินทางไกลจากตัวจังหวัดเชียงรายมากนักระยะทางโดยประมาณ 40 กิโลเมตร จากตัวเมืองสู่สถานีฯ ตลอดเส้นทางจะพบกับทิวทัศน์ที่งดงามของผืนป่าสลับกับเทือกเขาที่ปกคลุมยอดดอย การดำเนินชีวิตร่วมกันของ 3 ชนเผ่า อาข่า , เย้า และมูเซอที่ดำรงชีวิตอยู่กับป่าและอาชีพเกษตรกรรมในเส้นทางที่จะผ่านสู่สถานีฯ ได้แก่หมู่บ้านปางตะไคร้และหมู่บ้านปางขอน



ความเป็นมาของโครงการ

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2545 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จทอดพระเนตรพื้นที่ ป่าอนุรักษ์ดอยเกี๊ยะ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำห้วยป่าชม, ห้วยผาลั้ง, ห้วยหินขาว, ห้วยยาดี และต้นน้ำลําน้ำแม่กรณ์ อําเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ทรงพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 – 1,600 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำที่ ถูกบุกรุกแผ้วถางป่าเป็นบริเวณกว้างจํานวนนับพันไร่ บางส่วนของพื้นที่มีการปลูกพืชเสพติด ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดน นอกจากนั้นพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นเส้นทางลําเลียงยาเสพติด จากนอกประเทศ เข้ามายังตัวเมืองเชียงราย ผ่านหมู่บ้านผาลั้ง (ชาวเขาเผ่าเย้า 200 หลังคาเรือน) บ้านปางขอน (ชาวเขาเผ่าอาข่า, เย้า, มูเซอ 100 หลังคาเรือน) และบ้านแม่มอญ (ชาวเขาเผ่าลีซอ และอีก้อ 100 หลังคาเรือน) ราษฎร ทั้ง 3 กลุ่มบ้าน ได้ทําการบุกรุกแผ้วถางป่าทําไร่เลื่อนลอย ทําให้แหล่งต้นน้ำลําธารถูกทําลายลงทําให้เกิดแผ่นดินเลื่อนไหล ลําน้ำต่างๆ เกิดการตื้นเขิน ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงลําน้ำสาว ซึ่งเป็นแม่น้ำ สายหลัก ของจังหวัดเชียงราย มีปริมาณน้ำลดลง และนอกจากนั้น น้ำตกแม่กรณ์ ซึ่งเป็นน้ำตกธรรมชาติที่มีความสวยงาม มีระดับความสูงประมาณ 70 เมตร กําลังจะเกิดสภาวะปริมาณน้ำลดลง ซึ่งจะทําให้แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงาม ถูกทําลายลงไปด้วย



ในการแก้ปัญหาดังกล่าว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเห็นว่า ลําพังเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการบุกรุกแผ้วถางป่าของราษฎรได้ จึงสมควรให้ราษฎรเข้ามามีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์ป่าซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลําธาร โดยจัดทําเป็น “โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่” ขึ้นที่บริเวณดอยเกี๊ยะ ซึ่งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จะให้การสนับสนุนการฝึกอบรมศิลปาชีพ และปลูกฝังความรู้เรื่องการเกษตร การอนุรักษ์ธรรมชาติแก่ราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างผสมกลมกลืน โดยคนเป็น ผู้พิทักษ์รักษาป่า ป่าให้ความร่มเย็น และเป็นแหล่งผลิตอาหารของคน นอกจากนั้น ยังจะช่วยอนุรักษ์ แหล่งน้ำตกธรรมชาติให้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

บริเวณยอดอยมีความสูง 1,600 เมตร จากระดับน้ำทะเลสามารถมองเห็นทัศนียภาพของทะเลหมอกด้านอำเภอเมืองและด้านลำน้ำกกได้ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 กองทัพญี่ปุ่นได้มาตั้งเสาทวนสัญญาณวิทยุบนยอดดอยแห่งนี้ ซึ่งยังปรากฏหลักฐานถึงปัจจุบัน พื้นที่ทำการเกษตรของสถานีฯ มีสวนกาแฟพันธุ์อาราบิก้าชั้นดีปลูกผสมผสานกับไม้ผลเมืองหนาวที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ เกาลัดจีน มัคคาเดเมียนัท ศุภโชค มะเม่า ท้อ พลับ พลัม สาลี่ สตอเบอร์รี่ และบ๊วย นอกจากนี้ยังมีผักเมืองหนาว เช่นมะระหวาน คะน้าฮ่องกง และพริกหวานให้ได้รับประทานและจำหน่ายตามฤดูกาล

ทั่งทั่งสถานีมีแต่สีชมพูของดอกพญาเสือโคร่ง ปกคลุมด้วยไอหมอกจางๆ กับอากาศที่เย็น บรรยากาศดีมากๆ ค่ะ

บรรยากาศละมุนละไมมาก หลงรักที่นี่แล้วหละ

พี่ภูพาชมสวนกาแฟและพืชผลต่างๆ พร้อมทั้งอธิบายถึงขั้นตอนการแปรรูปกาแฟ

พี่ภูอธิบายถึงขึ้นตอนการแปรรูปกาแฟให้ฟัง

กาแฟเมือผลสุกจะมีสองสีแบบที่สุกแล้วมีสีแดงเข้มเรียวกว่าเชอรรี่ กับต้นที่สุกแล้วมีผลสีเหลือง แบบหลังนี้จะมีราคาแพงกว่าแบบแรก

ช่างภาพพี่ศร

ดอกเชอรรี่

กรณีนักท่องเที่ยวที่ชอบดูพันธุ์ไม้ท่านสามารถเดินทางด้วยเท้าไปชมความงานของต้นชาพันปี ได้ มีระยะทาง 2 กิโลเมตร ซึ่งท่านจะได้พบกับ ต้นชาพันปี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สามารถเดินทางได้ทุกฤดูช่วงหน้าฝนการเดินทางจะลำบาก เพราะถนนลื่น เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ

หลังจากเดินชมจนทั่วก็กลับที่พัก พี่ภูให้ผักมา 1 กำ สดมาก ก่อนเดินทางมาที่สถานีเราได้แวะซื้อเสบียงมาบางส่วน ไม่อดตายแล้วเพราะด้านบนไม่มีร้านอาหารขายนะคะ อาหารการกินต้องทำกันเองทุกมื้อ

เมื่อคืนอากาศหนาวมาก ประมาณ 5 องศา ดีที่พกถุงนอนไป ไม่งั้นหนาวตายแน่ๆ เช้าวันที่ 13 เราตื่นกันแต่เช้าเดินเล่นอีกรอบแล้วกลับมาทำอาหารเช้า วันนี้เรามีแผนจะไปหมู่บ้านผาลั้งกันค่ะ พี่ศรมารอพวกเราตามเวลาที่นัดหมาย

เส้นทางจากสถานีวิจัยไปหมู้บ้านผาลั้งประมาณ 8 กิโลเมตร

ระหว่างทางสวยมากๆ บางช่วงจะรถจะวิ่งบนสันเขามองเห็นวิวทั้งสองข้างทาง

ชาวบ้านบอกว่า ตลอดระยะเวลา 65 ปีที่ตั้งหมู่บ้านมา พวกเขาใช้ชีวิตกันด้วยความลำบาก ทางเข้าออกหมู่บ้านไม่สามารถใช้ได้ในช่วงฤดูฝน หลายครั้งที่ผู้ป่วยไม่สามารถออกไปหาหมอได้ ก็ต้องหายาสมุนไพรมากินกันตามมีตามเกิด พวกเขาเองก็เป็นคนไทย จึงอยากให้หน่วยงานราชการเข้ามาช่วยเหลือพวกเขาบ้าง

นอกจากปัญหาการเดินทางที่ไม่สะดวก ไม่ปลอดภัยแล้ว ชาวบ้านบ้านผาลั้ง ยังต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืน เพราะหมู่บ้านของพวกเขาไม่มีแสงสว่างจากกระแสไฟฟ้ามาตั้งแต่เริ่มตั้งหมู่บ้าน แม้ว่าในหมู่บ้านจะมีเสาไฟฟ้า แต่ก็ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายมา ซึ่งเสาไฟฟ้าเหล่านี้ถูกนำมาติดตั้งเมื่อปี 2546 ตอนนี้กลายเป็นอนุสรณ์ให้ชาวบ้านได้ดูเท่านั้น

บ้านผาลั้ง ที่ต้องบอกว่า พวกเขาเดือดร้อนเหลือเกิน ทั้งจากปัญหาการเดินทางในเส้นทางที่ไม่สะดวก และทุกวันนี้ชาวบ้านกว่า 2000 คนยังไม่มีไฟฟ้าใช้

เมื่อมาถึงบ้านผาลั้ง สิ่งที่ต้องทำคือปีนผาดำเพื่อตามหาสมุนไพรพื้นบ้าน หนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียวที่จะหาได้ บางชนิดหายาก ใกล้จะสูญพันธุ์ มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น แถมยังมีราคาสูงมาก กิโลกรัมละพันกว่าบาท ในหนึ่งปี ชาวบ้านจะพากันปีนผาขึ้นมาหาสมุนไพรแค่ช่วงนี้เท่านั้น ช่วงที่ฝนตกชุก

มะแหลบ เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านเฉพาะถิ่น ที่นิยมนำทุกส่วนไปทำเป็นส่วนผสมในอาหาร อย่างน้ำพริกลาบ ให้กลิ่นที่หอมเฉพาะ เมล็ดของมะแหลบตอนนี้ราคาพุ่งสูงกิโลกรัมละหลายพันบาท และที่หายากก็คือ ส่วนราก

"ต้นดอกกระรอก" มันจะอาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ต้องปีนป่ายบนต้นไม้ลื่น ๆ ที่มีแต่ตะไคร่น้ำ เสี่ยงอันตรายเอาลงมา

จากการบอกเล่าของชาวบ้านมีถ้ำใหญ่คือฤาษี สอบถามหาคนน้ำทาง ในช่วงนี้ไม่มีใครยอมไปเลย เราจึงอดขึ้นยอดผาดำและเข้าถ้ำ

ตอนที่เชไปหมดช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวพอดี พ่อหลวงบอกว่าผลผลิตจะเป็นกาแฟ ถั่วดำ ที่ขึ้นชื่อคือลิ้นจี่ ชาวบ้านที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้แถมอยู่ห่างไกลความเจริญจากหมู่บ้านที่เคยใหญ่โต ตอนนี้หลายคนอพยบลงไปอยู่ที่อื่นกันบ้างแล้ว

เตรียมเดินทางกลับ เพื่อเดินทางไปยังน้ำตกปางขอนกันต่อค่ะ

เส้นทางไปน้ำตกปางขอนจะต้องเดินผ่านสวนกาแฟ มีต้นพญาเสือโคร่งบานให้เราได้ถ่ายรูปกันตลอดทาง การเดินทางจะนั่งรถไปแล้วต่อด้วยการเดินเท้าประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางเดินสวยงาม

เดินกันประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงน้ำตกปางขอน น้ำตกปางขอนเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ ชาวบ้านช่วยกันปรับปรุงทางทาง ทำจุดชมวิว ตัวน้ำตกมีทั่งหมด 12 ชั้น สามารถเดินจากชั้นที่ 12 ลงไปยังชั้น 1 ได้

น้ำตกปางขอนจะมีน้ำตลอดทั้งปี

ชาวบ้านเชื่อว่าด้านบนน้ำตก ชั้นที่ 12 มีรอยพระพุทธบาท จึงนำไม้ไผ่มาล้อมไว้

ชาวบ้านช่วยกันสร้างสะพาน เพื่อที่จะได้เดินชมวิวน้ำตก

เดินทางกลับจากปางขอน เพื่อเข้าตัวหมู่บ้านอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนหิวกันมาก เราตั้งใจจะไปทานอาหารพื้นเมืองกันในหมู่บ้าน

แวะทานอาหารกันที่ร้านอาข่าน้อยค่ะ

มีห้องพักให้บริการ

ใครมาปางขอนเชิญแวะทานอาหารท้องถิ่นที่ร้าน AKHA NOI COFFEE

ค่าอาหารหัวละ 100 บาท

ต้มโสมตังกุย

หมูลมควัน

ลาบแอ็บหอมชู

ผัดคะน้าดอย

ลาบห่อใบกาแฟ

น้ำพริกมะเขือเทศ

ผักสด

-กาแฟ 55 บาท

-ที่พัก 650 บาท

-สินค้าท้องถิ่น กาแฟ ถุงละ 150 บาท

หลังจากทานอาหารเสร็จนั่งพักกันให้อาหารย่อย แล้วเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในชุมชน เตรียมตัวเดินทางไปยังดอยช้างต่อ

ทางขึ้นดอยช้างมีหลายเส้นทางค่ะเชเลือกใช้เส้นทางบ้านห้วยส้านขึ้นดอยช้างค่ะ ระยะทางจากปากทางถึงดอยช้างประมาณ 15 กิโลเมตร ถนนลาดคอนกรีตอย่างดีแต่แคบและชันหน่อยนะคะ ระหว่างทางมีทิวทัศน์สวยงามและผ่านอ่างเก็บน้ำห้วยส้านพลับพลา



การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว

จากตัวเมืองเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าไปทาง อ.พาน ระยะทาง 22 กม. เมื่อถึงหลัก กม. 807 เลี้ยวขวาเขาทางหลวงหมายเลข 118 (แม่สรวย-เวียงป่าเป้า-ดอยสะเก็ด-เชียงใหม่) ไปอีก 23 กม. จนถึงหลัก กม.134 เป็นสามแยกดอยวาวี ปากทางเป็นย่านขายข้าวโพดหวานนับสิบเจ้า เลี้ยวขวาไปตามถนน รพช. บ้านตีนดอย - บ้านใหม่หมอกจ๋าม ผ่านทางเข้าเขื่อนแม่สรวย สภาพถนนเป็นทางลาดยาง คดเคี้ยวไปตามไหล่ดอย อีก 5 กม. มีทางแยกซ้ายมือขึ้นดอยชัน ไปตามทางดินอัด มีป้ายบอกทางไปบ้านดอยช้าง ระยะทาง 22 กม. ต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น

การเดินทางขึ้นสู่บ้านดอยช้าง มีเส้นทางขึ้นได้ 3 สายคือ

1. สายอำเภอแม่สรวย -บ้านตีนดอย-แสนเจริญ-ดอยล้าน –โรงงานกาแฟดอยช้าง-ดอยช้าง ระยะทาง 28 กิโลเมตร

2. สายห้วยส้าน (อำเภอแม่ลาว)-ห้วยซ้านลีซอ-เกษตรที่สูงวาวี ดอยช้าง- ดอยช้าง ระยะทาง 15 กิโลเมตร

3. สายอำเภอแม่สรวย-บ้านตีนดอย-ริมเขื่อนแม่สรวย-ทุ่งพร้าว-ห้วยไคร้-ดอยช้าง ระยะทาง 30 กิโลเมตร

ตลอดทางมีคนปั่นจักรยาน วิ่งเทรล มีกองเชียรสนุกสนานที่เดียวค่ะ

ดอยช้าง ตั้งอยู่บ้านดอยช้าง ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นยอดดอยสูงในเทือก ดอยวาวี เป็นแหล่งต้นน้ำแม่กรณ์ มีชาวเขาเผ่าต่างๆ มาอาศัยอยู่ จัดตั้งเป็นสถานีทดลองเกษตรที่สูง เพื่อส่งเสริม การปลูกพันธุ์ไม้เมืองหนาว ลดการทำไร่เลื่อนลอย ต่อมาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นศูนย์บริการวิชาการด้าน พืชและปัจจัยการผลิต

ชื่อ "บ้านดอยช้าง" ตั้งขึ้นตามลักษณะของภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก หันหน้าไปทาง ทิศเหนือ (ตัวจังหวัดเชียงราย) สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่บริเวณโรงเรียนบ้านดอยช้าง มี ผาหัวช้าง สูง 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส ดอยช้างมีชื่อเสียงในเรื่องของเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มาเที่ยวที่นี่ นักท่องเที่ยว จะได้ชมสวนกาแฟที่สุกอร่ามเต็มดอย พร้อมๆกับชมดอกซากุระหรือนางพญาเสือโคร่งที่กำลังบาน สีสันสดใส ชมพู อีกทั้งเพลินตา กับศิลปะวิถีชาวบ้าน

ชิมกาแฟอาราบิกา

เนื่องจากพื้นที่ดอยช้างอยู่ที่ระดับความสูงเกิน 1,000 เมตร เหมาะสำหรับปลูกกาแฟอาราบิกา จึงได้ผลผลิตดี

ชมแปลงปลูกดอกไม้และผลไม้เมืองหนาว ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน

เป็นแปลงปลูกผลไม้เมืองหนาว เช่า เกาลัด มะคาเดเมียนัต บ๊วย ท้อ พลับ พลัม กาแฟ ให้ผลผลิตในฤดูหนาว แต่ไม่มีจำหน่าย มีเจ้าหน้าที่พาชมแปลงปลูกพืชรอบพื้นที่ บริเวณดอยช้างมีอากาศดี และเย็นสบายเหมาะ สำหรับ การพักผ่อน ในช่วงเดือนธ.ค. – ต้นม.ค. ดอกพญาเสือโคร่งจะบานเป็นสีมชมพูทั่วภูเขางดงามยิ่งนัก

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

บริเวณดอยช้างแห่งนี้ มีอีกหนึ่งสถานที่ที่สำคัญ และเหล่าชาวพุทธศาสนิกชนไม่ควรข้ามผ่านไปอย่างเด็ดขาด นั่นคือ บริเวณพุทธอุทยานดอยช้าง ซึ่งมีหลวงพ่ออำนาจ สีลคุโณ ได้มาปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2532 เป็นผู้ดูแลรักษาพุทธอุทยาน ดอยช้าง ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติของป่าไม้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์มาก มีบึงน้ำ ขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่าสระมรกตอยู่กลางพุทธอุทยาน สีเขียวของน้ำบ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ บริเวณ รอบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ตลอดเส้นทางที่เดินไปก็จะมีเสียงกบ เสียงจิ้งหรีดร้องทักทาย อยู่ตลอด เวลา ทางเดินเล็กๆ จากบ่อน้ำจะนำพาเราไปสู่ลานพุทธสถานที่มีพระพุทธรูปปางต่างๆไว้ให้ประชาชน ได้กราบไหว้ สักการบูชา

บรรยากาศ เงียบสงบ ร่มรื่น

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ บริเวณ พุทธอุทยานดอยช้าง ซึ่งมีความสำคัญคือ เป็นน้ำ 1 ใน 9 แห่ง ของน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่นำไปประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาพุทธมังคลาภิเษก เนื่องในวโรกาศที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมายุครบรอบ 60 พรรษา และบริเวณ พุทธอุทยานดอยช้าง ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติของป่าไม้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์มาก มีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางพุทธอุทยาน

เราเลือกกางเต็นท์นอกกันค่ะ หากใครไม่สะดวกจะก็มีที่พักหลายจุดให้เลือก หลังจากเที่ยวดอยช้างแล้วเราก็จะไปน้ำตกห้วยแก้วกันต่อค่ะ

น้ำตกห้วยแก้ว ตั้งอยู่บริเวณบ้านโป่งน้ำร้อน หมู่ที่ 7 ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย ห่างจากบ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม 6.5 กม. เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำไหลแรงตลอดปี และห่างจากตัวเมืองเชียงราย 25 กม.



การเดินทาง : รถยนต์ส่วนตัว ใช้เส้นทางเดียวกับบ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม เมื่อถึงบ้านผาเสริฐ ก่อนถึงบ่อน้ำร้อนประมาณ 1 กม.มีทางแยกซ้ายมือ เป็นทางดินอัด มีวัดผาเสริฐวนารามเป็นจุดสังเกต ไม่เหมาะสำหรับรถเก๋ง ระยะทาง 5.6 กม.จากนั้นเดินเท้าต่ออีก 1 กม. ถึงน้ำตกชั้นที่ 1 (เดินวนรอบน้ำตก - หมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่า(โฮมสเตย์) - ลานจอดรถ)

น้ำตกห้วยแก้วยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก หากเข้าไปชมน้ำตกควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากบ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม เตรียมน้ำและอาหารไปด้วย น้ำตกห้วยแก้ว มีทั้งหมด 3 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกัน มีมุมถ่ายรูปที่สวยงาม ซึ่งเป็นที่ถูกใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก



ชั้นที่ 1 สายน้ำไหลตกจากหน้าผาสูงและโขดหินขนาดใหญ่ประมาณ 30 เมตร ลงมายังแอ่งน้ำเบื้องล่าง บรรยากาศร่มรื่น สามารถลงเล่นน้ำได้



น้ำตกชั้นที่ 2 ต้องเดินจากน้ำตกชั้นที่ 1 อีก 200 เมตร จะเห็นสายน้ำ

ไหลตกจากหน้าผาสูง 40 เมตร ทางเดินเป็นคันดินอัดแน่น เดินเลียบน้ำตกไปได้ทั้งสองฝั่ง มุมของชั้นที่ 2 ซึ่งยังมีอีกหลายมุมที่สวยงามและด้านล่างยังมีที่สำหรับนั่งเล่นได้อีกด้วย และบริเวณใกล้น้ำตกมีสวนชาที่กว้างใหญ่และสวยงาม

สวนชาที่กว้างใหญ่และสวยงาม

ยังพอมีเวลาเหลือเลยแวะไปเที่ยวกันต่อค่ะ อยู่ไม่ไกลกันมาก

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอแม่จันอำเภอ เมืองอำเภอแม่สรวย และอำเภอมาลาว จังหวัดเชียงราย โดยได้รวมพื้นที่วนอุทยาน 4 แห่ง ได้แก่ วนอุทยานน้ำตกขุนกรณ์ วนอุทยานน้ำตกห้วยแก้ว–บ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม และวนอุทยานน้ำตกโป่งพระบาท มีพื้นที่ประมาณ พื้นที่ประมาณ 458,110 ไร่หรือ 732.98 ตารางกิโลเมตร



ที่ตั้ง อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ต.ดอยฮาง อ. เมืองเชียงราย จ. เชียงราย 57000 โทรศัพท์ 0 5360 9238,0 53167142 อีเมล [email protected]



การเดินทางรถยนต์ จากจังหวัดเชียงรายไปตามถนนเชียงราย – สี่แยกบ้านเด่นห้าผ่านหน้าค่ายเม็งรายมหาราชเข้าสู่ตำบลดอยฮางจนถึงบ้านผาเสริฐระยะทางประมาณ 19 กิโลเมตรแล้วเดินทางต่อไปยังที่ทำการอุทยานแห่งชาติบริเวณห้วยหมากเลี่ยมอีก 1.5 กิโลเมตรหรือจะล่องมาตามลำน้ำกกด้วยเรือหางยาวหรือแพจากสะพานลำน้ำกกในตัวเมืองเชียงรายถึงบริเวณห้วยหมากเลี่ยมประมาณ 20 กิโลเมตร

บรรยากาศดีมากกกกก

ภายในอุทยานยังมีบ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม บ่อน้ำร้อนแห่งนี้เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่เกิดจากความร้อนใต้พิภพที่มีน้ำร้อนผุดขึ้นมาตลอดเวลาเป็นที่นิยมนำไข่ไปแช่ใช้เวลานานประมาณ 30 นาทีไข่จะมีรสชาติมันและอร่อยกว่าไข่ต้มธรรมดาและบริเวณโดยรอบมีทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำกกมีสถานที่กางเต็นท์พักแรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรม

ทริปนี้ต้องขอบคุณน้องๆ ที่มาช่วยดูแล ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ

ช่างภาพ Thatchakrit Kaantiwat และเช



ขอบคุณผู้สนับสนุน

ททท.เชียงราย

http://www.chiangraibicycletour.com/

https://www.facebook.com/bikingatchiangrai/

https://www.facebook.com/punourmuan/

I'm Che

 วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 23.10 น.

ความคิดเห็น