ตีห้าเศษ…

ใครๆหลายคนอาจจะกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข แต่ผมพึ่งตื่นและกำลังกุลีกุจอหยิบกล้องคู่กาย เดินสลัดความง่วงและขี้เกียจเดินคุ่มๆจากห้องพัก ที่แม่จ๋าและเด็กยักษ์ยังนอนตีพุงกลมๆแถมกรน…เหมือนเสียงแมวครางให้ได้ยินเบาๆ



จะด้วยเพราะความเคยชินก็เป็นได้ เวลามีทริบร่างกายเหมือนจะรู้ว่า จะนั่งจะนอนนาน อาจจะพลาดโอกาส เก็บภาพสวยๆกันได้



ผมจึงเดินออกมายืนหน้าห้อง Beach Front ที่อยู่อีกด้านของเกาะ…



หน้าหาดตอนนี้เงียบสงบ มีเพียงแสงไฟตามเสาที่รีสอร์ทพอเปิดให้เห็นทางเดิน เห็นเพียงเปลไกว่ที่สงบนิ่งไม่ไหวติงใดๆถัดไปเบื้องหลังที่ท้องทะเลยังส่งเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งเป็นระยะๆ เวลานี้เหมือนเกาะตกเป็นของผมอยู่คนเดียวยังไงยังงั้นเลย…



*** ตอนท้ายจะมาบอกกิจกรรมแจกที่พักที่นี่ด้วยครับ หากใครสนใจเข้าไปดูก่อนได้ที่ เพจ นะครับ ^ ^

https://www.facebook.com/likeone22

และ...ที่มันพิเศษคือดาวยังไม่ลาลับขอบฟ้าไปไกล ด้วยแสงไฟจากเรือตกหมึกที่เห็นอยู่ที่ขอบน้ำไกลๆ ดูไปทำให้ท้องฟ้าและทะเลแปลกตา และดูสวยงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน



ทะเลดาวสีเขียว… ผมมองผ่านช่อง View Finder ออกไปพร้อมๆกับรำพึงอยู่ในใจ…



แสงสีที่ผิดจากธรรมชาติสร้าง กลับดูแปลกตาและมีความน่าพิศวงอยู่ในตัวของมันเอง



ยิ่งมาพร้อมกันกับดาวบนท้องฟ้าที่ยังไม่ลาจาก ยิ่งได้ภาพที่แสนจะแปลกตาแบบที่ไม่ต้องใช้ PHOTOSHOP มาปรับมาเปลี่ยนอะไรมันเลยสักอย่าง

เปลหยวนจากฝั่งด้านห้องพักของเรา เมื่อกลางวันที่ผมกับเด็กยักษ์แสนซน มานอนมานั่งเมือกลางวันดูสงบเสงี่ยม นิ่ง…ไม่ไหวติง เหมือนจะรอใครสักคนมาไกว่อีกครั้งในวันใหม่ที่กำลังมาถึง



เวลาไม่คอยท่า ผมเดินสาวเท้าไปทางทิศที่คาดไว้ตั่งแต่เมือคืนว่าพระอาทิตย์ต้องขึ้นที่มุมนี้แน่ๆ และก็ไม่ผิดหวังครับหลังไปตั้งกล้องรอไม่ถึง 10 นาทีพระอาทิตย์ก็ค่อยๆหลุดขอบขี้เมฆเป็นดวงเล็กๆให้ผมได้เก็บตะวัน



หลังจากที่สายๆของวันก่อนที่ พวกเราได้มีโอกาสหนีเมืองมาล่าอากาศบริสุทธ์ หาทะเลที่ยังมีธรรมชาติดีๆให้ได้เสพทั้งร่างกายและจิตใจ



จนมาพบกับที่นี่ “เกาะมันกลาง" จ.ระยอง เกาะเล็กๆขนาดไม่ใหญ่ที่อยู่ห่างจากฝั่งทะเลจังหวัดระยองแค่นั่งเรือไม่ถึง ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงได่ง่ายๆ



เป็นเกาะเล็กๆที่มีทีพักแค่เพียงแห่งเดียวคือ “มันตาคีรี ไอส์แลนด์ รีสอร์ท " เป็นเจ้าของอยู่เท่านั้น ในเวลาเช้าขนาดนี้มันช่างดูแสนสงบเสียจนใจสั่น สั่นที่มันไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเราเนี่ยละครับ ^ ^"



ก่อนจะพาคุณเดินทางลึกลงไปเรื่อยๆ กันต่อกับทะเลที่แสนสวยงามและสุขสงบ..



ผมขอย้อนกลับไปเมือเช้าของวันวาน…



ในวันที่การเดินทางของครอบครัวเล็กๆของ one22 เริ่มอยากหนีกรุงฯ มาพบเจอธรรมชาติสวยและแสนสุขสงบแบบนี้..



ตามมาครับ …ถอยเวลากันไปที่จุดเริ่มต้น



…ในวันแรกของการเดินทางด้วยกัน…

ไอแดด ท้องฟ้าแจ่มๆ ในเดือนที่ยังร้อนแรงที่สุดเดือนนึงของปี จะไปเที่ยวไหนไปได้ดีไปกว่าทะเล



one22.com พาเพื่อนๆไปเที่ยวทะเลกันมาหลายที่แล้ว

วันนี้จะมาพาไปเที่ยวทะเลที่ใกล้ๆกรุง ไปมาสะดวกและที่สำคัญทั้งทะเล ทั้งธรรมชาติสวยงามไม่แพ้ทะเลไหนๆ



ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นคุณๆต้องตามมาดูด้วยกันแล้วล่ะ ทะเลใกล้ๆแค่ระยองกับ “มันตาคีรี ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เกาะมันกลาง" ลองมาตามรอยธรรมชาติที่สวยงามใกล้ๆกัน

เส้นทางไปมาสะดวกง่ายและรวดเร็ว เพราะอยู่ใกล้ๆแค่ระยอง จากกรุงเทพฯใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ตรงไปยาวๆจนถึงเห็นป้ายบอกให้ไป บ้านบึง-แกลง เลี้ยวซ้ายออกไปตามถนนสายบ้านบึง-แกลง วิ่งไปเรื่อยๆครับสังเกตุขวามือ เจอป้ายเลี้ยวขวาสามแยกแกลง ตามป้ายอนุเสาวรีย์สุนทรภู่ ไปจนสุดทางนะครับ จะเจอป้ายบอกทางเข้าตัวท่าเรือ มันตาคีรีรีสอร์ท



หรือคุณๆสามารถนั่งรถโดยสารปรับอากาศจากสถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) ไปอำเภอแกลง (สำหรับเที่ยวรถเวลา 7.00น.) จะมีรถไปอนุสาวรีย์สุนทรภู่โดยตรงเลยเช่นกันครับ



มาถึงท่าเรือ เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าครับขับมาเรื่อยๆ แวะซื้อของบ้าง ซักพักก็ถึง ท่าเรือโดยสารของ เกาะมันกลาง ที่ท่าเรือ อ่าวมะขามป้อม ที่จะพาเราไปใช้ชีวิต SlowLife กัน 3 คน 3 วัน 2 คืน

และจุดแรกที่เราทุกคนจะแวะกันคือ เกาะมันใน


เกาะมันในเป็นเกาะที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์อนุรักษ์พันธ์เต่าทางทะเล เกาะมันใน เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โดยมีพระราชประสงค์ให้เกาะมันในเป็นที่ดำเนินการโครงการสมเด็จฯ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน อยู่ห่างจากแหลมแม่พิมพ์ 5 กม. เดินทางง่ายมากครับ อยู่ระหว่างฝั่งและ เกาะมันกลาง ใช้เวลาจากแหลมแม่พิมพ์มา 5 กิโลเมตรเท่านั้นเอง การเดินทางไป เกาะมันใน อาจเช่าเรือไปได้จากแหลมแม่พิมพ์แต่ต้องไปลงเรือที่ ท่าเรือเกาะมันกลาง คืออ่าวมะขามป้อม ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมที่สถานีเพาะเลี้ยงพันธุ์เต่าทะเล เกาะมันใน โทร. (038) 616096,657466



เด็กยักษ์วันนี้ไม่งอแงเท่าไหร่ บอกให้ไปไหนมาไหน ว่าง่าย อย่างวันนี้บอกว่าจะพามาดูเต่าทะเล ดูจะสนใจมากๆเลยล่ะ ยิ้มล่าเบย

เด็กยักษ์วันนี้ไม่งอแงเท่าไหร่ บอกให้ไปไหนมาไหน ว่าง่าย อย่างวันนี้บอกว่าจะพามาดูเต่าทะเล ดูจะสนใจมากๆเลยล่ะ ยิ้มล่าเบย

เต่ากระตัวใหญ่ขี้เล่นและเป็นมิตรกับคนมากเลย

ที่แรกที่แวะกันเป็นศูนย์อนุบาลเต่าทะเล ที่นี่มีเต่าอยู่ในการดูแลอยู่ หลายพันธ์คือ เต่าหญ้า เต่าตนุ เต่ากระ เลี้ยงไว้ในบ่อคอนกรีตให้ชมได้อย่างใกล้ชิด มีตั้งแต่พึ่งเกิดไปจนถึงอายุหลายปีที่พร้อมจะกลับลงทะเลได้



เด็กยักษไม่เคยเจอเต่าใกล้ๆขนาดนี้ พยายามเอานิ้วเล็กๆชี้ลงไปให้ถึงเต่าพร้อมๆกับหันมาบอกพ่อว่า “เต่าวว เต่าวววว " ไอ้พ่อก็นึกในในใช่สิฮับคุณลูกไม่งั้นจะพามาดูเหรอออฮ๊าฟฟท์ ( V__V )

ติดๆ กันจะเป็นศูนย์สถานีอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล อยู่ใกล้ๆกันกับบ่ออนุบาลเต่า เป็นอาคารชั้นเดียว ภายในจัดแสดงเรื่องราวของเต่าทะเลในประเทศไทย มีเต่าทะเลขนาดใหญ่หลายชนิดสตัฟฟ์ไว้ด้วย



ที่เห็นนี้คือลุงเต่ามะเฟืองยักษ์ ที่มาเกยตื้นที่นี่ หลังจากลุงจากไปแล้วทางศูนย์เลย สต๊าฟลุงเต่าไว้ให้คนรุ่นถัดๆมาได้ชมกัน เต่ามะเฟืองขนาดนี้ยังไม่ใหญ่สุดนะครับ เด็กยักษ์ว่าตัวใหญ่ๆแล้วเจอลุงเต่าเข้าไปถึงกับง่ออเลยล่ะ 555


ให้แม่จ๋า ลองเอามือไปจับไม่กล้าจับ ดึงมือกลับแทบไม่ทันกันเบยยเชียวละ

เราอยู่เกาะมันในกันประมาณ 1ชม.ก็ได้เวลาเดินทางไปกันต่อที่เกาะมันกลางอันเป็นเป้าหมายของเราทริบนี้แล้ว



มาถึงเจอหาดทรายสวยๆน้ำทะเลใสจนไม่เชื่อว่าเรายืนอยู่ฝั่งอ่าวไทยกันเลยครับ

เกาะมันกลางเป็นเกาะที่ถือว่ายังมีความเป็นธรรมชาติ และความเป็นส่วนตัวอยู่สูงมากครับ


ที่นี่น้ำจะ 24 ชม.แต่ไฟจะปิดเปิดเป็นเวลา เพราะเป็นไฟปั่นนะครับ เปิดตั้งแต่ 5.30 โมงเย็นไปจนถึง 8 โมงเช้า



ใครอยากหลีกหนีแสงสี มาอยู่กับทะเลสวยๆ ใช้เวลานั่งๆนอนๆอ่านหนังสือ หรือปลดปล่อยตัวเองให้เวลาเดินช้าๆ บนเปล..ที่นี่ก็ใช่แล้วละครับ

เด็กยักษ์กับท้องทะเล แสนกว้างใหญ่ ดูจะตื่นเต้นกับทะเลฝุดๆละนั้น



อากาศดีๆขนาดนี้ เด็กยักษ์อยากจะลงไปลุยน้ำกันแล้วละครับ มะมาจับเปลี่ยนชุดกันดีกว่า

ความที่เป็นเกาะส่วนตัวใครจะขึ้นเกาะได้ต้องซื้อ Package มาเท่านั้น เลยทำให้ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์


ริมๆหาดมีต้นไม้สีเขียวแซมไว้ตลอดดูร่มรื่นมาก

มีเปลผูกไว้ให้มานอนนั่งได้ ชิลล์สุดๆครับ อากาศก็ดี แดดอ่อนๆไม่แรงมากในช่วงเดือนที่เราไปเที่ยว

มาดูห้องพักกันบ้างครับ ห้องพักที่นี่เรียกว่าเกือบ 100% เป็นSea View กันเลย มีบ้างห้องเป็น Beach Front ที่เรียกว่าได้ยินเสียงคลื่นชัดเข้าฝั่งกันทุกห้อง ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 18 ห้อง แบ่งเป็น Seaview 7 ห้อง ห้องใหญ่สุดรับคนได้ 4 คน ที่เหลือเป็น Beach Front 11 ห้องครับ



มาดู Sea Front Lodge กันก่อน ห้อง Type นี้รองรับนักเดินทางได้ตั้งแต่ 2-4 คน และยังมี ที่นำเรือมาทำเป็นห้อง ที่รองรับลูกค้าได้ถึง 4 คนกันด้วย อย่างส่วนนี้เป็นห้องแบบเรือครับ ภายในที่นี่จะปรับปรุงสม่ำเสมอเปลี่ยนของตกแต่งบ้าง ทาสี เปลี่ยนที่นอนให้ใหม่ตลอดเวลา Type เรือจะมีอยู่ 4 ห้องเท่านั้นนะ


ภายในทาสีขาวทั้งห้องดูสะอาดตาตัดกับผ้าม่านสีสดใส ดูแล้วได้บรรยากาศทะเลมากๆ



มีมุมน่ารักๆ ที่ตกแต่งใช้ของจากธรรมชาติผสมกับของเล่นสีสดใสทำให้ห้อง ดูน่ารักขึ้นเยอะ



มองจากหน้าห้อง Confirm ว่าเห็นทะเลแน่นอนครับ

มาต่อกันที่ห้อง Sea View Lodge สำหรับ 2 คนอีกแบบ จะใช้เรือมาทำเช่นกันแต่หันหน้าห้องรับลมทะเลได้เห็นทะเลจากบนเตียงกันเลย



ภายในตกแต่งผมว่าจะแพ้ห้องใหญ่อยู่บ้าง แต่ก็น่านั่ง น่านอนดี สภาพเรือมีเก่าไปบ้างตามเวลาครับที่นี่เปิดมาได้พักใหญ่แล้วละครับ



เจ้าของก็ยังคงหมั่นขยันดูแลอยู่แต่สภาพไม้ก็ยังบ่งบอกถึงเวลาที่เดินทางมายาวนานของเรือลำนี้เหมือนกัน



เห็นทะเลจากหน้าห้องกันเต็มๆ

ห้องน้ำสะอาดสะอ้านดูเหมือนจะพึ่งปรับปรุงใหม่กันด้วยครับ

มาดู Type สุดท้ายเป็นแบบ Beach Front Lodge คือจะเป็นห้องพักเป็นแถวยาวๆติดกันเป็นรูปตัว L อยู่ติดริมหาดอีกฝั่งด้านทิศตะวันตก นั้นก็หมายความว่าฝั่งนี้เหมาะกับการชมพระอาทิตย์ตกหน้าหาดนั้นเอง ทุกห้องมีหน้าห้องเห็นทะเลเหมือนกันหมด ดูไปก็ต่างกันตรงที่ใช้ ทางเดินกับหน้าห้องร่วมกันเท่านั้น



ภายในแต่ละห้องตกแต่งด้วยสีสันที่ต่างกันไป ใช้เตียงอาจจะเหมือนกันแต่การวาง Position เป็นความตั้งใจของที่นี่ที่จะวางเฟอร์ให้ดูต่างกันบ้างเท่าที่ทำได้



ของตกแต่งให้ได้กลิ้นไอทะเลก็ยังคงมีเช่นเดียวกับห้องType อื่น ผมดูแต่ละห้องก็เห็นความตั้งใจนั้นครับ



ห้องน้ำก็ตกแต่งล้อไปกับเฟอร์นิเจอร์และสีสันที่ใช้ของอุปกรณ์ตกแต่งในแต่ละห้องไป แต่ยืนพื้นที่สีขาวเป็นหลัก

เข้าช่วงบ่ายกิจกรรมที่รีสอร์ทคือ การพาไปดำน้ำดูปะการังรอบเกาะกัน น้ำใสอากาศดีมากจน ดีใจที่เอาครีมทากันแดดมานะไม่งั้นก็ไหม้แน่ๆ



พี่คนดูแลก็พยายามช่วยลูกทริบสุดตัวให้ได้ดำน้ำกัน

ส่วนตัวเราไม่ได้ลงนะครับ นั่งเก็บภาพไปเรื่อยๆอยู่บนเรือแทนครับ

ถึงเวลาพักผ่อนริมทะเลอย่างที่ต้องการกันครับ อากาศดีมากกกกก

มาดูอาหารกันบ้างครับ อาหารจะเป็นอาหารไทยมีเมนูให้มื้อละไม่ต่ำกว่า 4-5 อย่างขึ้นอยู่กับจำนวนของกรุ๊บที่ไป และถึงแม้คุณจะมาเพียง 1-2 คนทางรีสอร์ทก็จัดอาหารให้คุณเป็นชุดอยู่ดี (เอ๊ะแล้วจะบอกทำไมเนี่ย 55)



กุ้งผัดผงกระหรี่ครับ รสชาติกลมกล่อมอร่อยมาก กุ้งสดเคี้ยวหนึบได้ที่



เมนูปลาอินทรีทอดน้ำปลา ปรกติผมเป็นคนไม่ชอบกินปลาอินทรีเท่าไหร่ครับรู้สึกเนื้อมันแข็งยิ่งเวลาเอามาทอดด้วยนะครับแต่อันนี้ยกให้รสชาติเค้า


เค็มๆกินกับข้าวอร่อยมาก ทอดมากรอบดีมาก



อันนี้อร่อยสุดๆผมชอบที่สุด ปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย ปลาหมึกทั้งสดกับกรุปๆ รสชาติเค็มหอมพริกไทยกระเทียม อร่อยมากๆ หม่ำจนเต็มข้าวกันเลยครับเมนูนี้

จบกับเมนูอาหารผมขอพามาสำรวจรอบๆกันต่อครับ ที่นี่นอกจากจะเป็นรีสอร์ทแห่งเดียวในละแวกนี้เลย เค้ามีศาลเจ้าแม่กวนอิมหนึ่งเดียวในเกาะกลางทะเลระยองสำหรับศาลเจ้าแม่กวนอิม



ใครทราบว่ามีมากกว่าที่ผมบอกมาช่วยกันบอกต่อในนี้ได้นะครับ เป็นความรู้ที่เราสามารถเพิ่มเติมและแบ่งปันกันได้จากทุกๆคนจ้า

ผมพาเด็กยักษ์กับแม่จ๋าไปศาลเจ้าแม่กวนอิม ตอนหลังมื้อเย็นสุดอร่อย ตัวศาลจะเป็นที่เคารพของชาวประมงละแวกนี้และเจ้าของเกาะ ที่ปลูกสร้างมาก่อนเป็น สิบๆ ปีแล้ว

ศาลตั้งอยู่ปลายแหลมของเกาะ สามารถเดินจากห้องพักเพื่อมาไหว้ศาลฯ ได้ตลอดวันผมเลือกมาช่วงพลบค่ำเพราะอยากเก็บภาพพระอาทิตย์ตกด้วย



แม้จะไม่ได้เยอะนักแต่แขกที่พักบนเกาะแห่งนี้ ก็แวะเวียนขึ้นไปกราบศาลเจ้าแม่กันแทยทั้งนั้น เท่าที่ผมลองสังเกตุดู



พอเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิแบบนี้ แถมมาในแสงร่ำไรของพระอาทิตย์ที่ล้อไปกับเสียงคลื่นซัด ในยามที่น้ำทะเลกระทบกับโขดหิน อาจทำให้ใจของใครหลายคนหวั่นไหว และเริ่มไหวหวั่นกับบรรยากาศรอบกายแบบผมได้เลย( ^ ^" )



แต่เมื่อหันไปเห็นรูปปั้นพระแม่กวนอิมก็ทำให้สบายใจขึ้นมาทันที…เทพยังอยู่จะกลัวอะไร คิดได้ดังนั้นเริ่มเดินหน้าเก็บภาพที่รอมาทั้งวันกันต่อไป



เวลานี้ผมยังคงละเลียดสายตาผ่านมุมกล้องเพื่อเก็บแสงจนกว่าวินาทีสุดท้ายของแสงตะวันจะทำงานบนท้องฟ้า…



คืนนั้นผมนอนอิ่มกายใจหลับไปโดยง่าย..



อาจเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากเดินทางและบันทึกภาพตลอดวัน ใจยังคิดว่าพรุ่งนี้เราจะขอออกล่าดวงตะวันแต่เช้าเช่นอย่างที่เคยมา..และก็เป็นไปอย่างที่เปิดเรื่องจั่วหัวไว้นั้นเองครับ

เข้าสายๆ ยามที่ไฟฟ้าเริ่มดับลง ผมว่าที่นี่เป็นอีกที่ๆทำให้จิตใจเราได้พักผ่อน ในแบบชีวิตไม่เร่ง ไม่รีบ…



ได้นั่งทอดอารมณ์บ้างบนชิงช้า…



นั่งชิลล์ริมทะเลจิบเครื่องดื่มเย็นๆรับลมทะเลพัดผ่านกระทบหน้าบ้าง…

เวลา…สำหรับเรานั้นช้าลงมากๆ



ผมบอกตัวเองเสมอว่าการได้อยู่กับปันปัน ได้เห็น ได้เล่นน้ำ เล่นทรายร่วมกับกับ เด็กยักษ์แสนซนที่กุลีกุจอตื่นเช้าๆ อย่างที่เด็กเมืองกรุงฯคนนึงสุดแสนจะตื่นตาและตื่นใจ



ในมุมมองของผู้ใหญ่แล้วเค้าสมควรได้รับแบบนี้ คือเวลาที่แสนสุขจริงๆครับ

อยากมีเวลาแบบนี้ให้ลูกเสมอ นะจ๊ะลูกรักของพ่อ…

ค่ำๆคืนนี้มาต่อกันนะครับ ยังไม่จบแต่ต้อง ขอแว๊บไปรับเด็กยักษ์กลับบ้านก่อนน้าาาาา


ไม่อยากให้พลาดกันใครอยากไปพักที่นี่ ตามไปร่วมกิจกรรมง่ายๆที่นี่นะครับ



https://www.facebook.com/likeone22



..........หวังอยากให้รีวิวนี้เป็นแรงใจช่วยให้ทุกคนได้มีเวลาพิเศษๆ กับครอบครัวหรือกับคนที่คุณรักและใส่ใจ กันทุกคนนะครับมาต่อกันดีกว่าเนอะ กว่าจะจัดแจงให้เด็กยักษ์หลับได้ ...



หลังผ่านชั่วเวลาแสนสั้นตลอดวัน จนถึงใกล้ๆเวลาสำคัญคือยามพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับ…

โชคดีมากๆสำหรับใครที่อยากมาชมพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตกที่นี่สามารถทำให้วันพักผ่อนสงบๆมีเสน่ห์ขึ้นไปอีก หน้าห้องพักของเราสามารถชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้ง่ายมาก



วินาทีที่พระอาทิตย์ใกล้ๆจะลาลับ มีเรือลำยักษ์แสนแปลกตาอยู่ไปพร้อมๆกันมันไม่ธรรมดาเลยเชียวละ



ผมยืนเก็บภาพอยู่คนเดียวแบบสบายๆ ไม่ต้องแบ่งใครเลย เหมือนเกาะนี้อยู่ในมือเรากันเลย มีMoment พิเศษๆมากมายบนเกาะมันกลางแห่งนี้

หลังเก็บภาพพระอาทิตย์ใกล้ตกในยามเย็นได้ที่ เราจึงได้รู้ว่ามีจุดชมวิวที่ขึ้นไปชม Sunset อีกที่ๆไปกันได้ไม่ยากเลย “อ่าวหินแดง" มีทางขึ้นเขาที่สามารถพาเด็กยักษ์เดินขึ้นไปได้ บางช่วงของเส้นทางอาจจะต้องมีอุ้มบ้างเพราะความชันแต่ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรมาก



สุดท้ายก็ปีนกันจนถึง ได้เห็นพระอาทิตย์ตกที่ริมขอบฟ้ากันอีกครั้ง

เด็กยักษ์ดูสนุกสนาน กับทุกสิ่งรอบตัวเสมอเหมือนทุกๆครั้ง



ทั้งแม่จ๋าและเด็กยักษ์ ดูสนุกสนานมากครับ



คนเป็นพ่อเป็นแม่จะต้องการอะไรมากไปกว่าความสุขของลูกอีกแล้วคงไม่มี

เพื่อนร่วมทริบแสนดี ที่เดินเป็นเพื่อนกันไปชมพระอาทิตย์ตก และคอยช่วยอุ้มเด็กยักษ์เป็นระยะๆ


ผ่อนแรงแม่เค้าไปได้เยอะ ต้องขอบคุณมากๆผ่านรีวิวนี้เลยครับ

มีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกสักครั้งในที่เที่ยวแห่งไหนสักแห่งบนโลกใบนี้อีกนะครับ

สรุปกันหน่อย



มันตาคีรีรีสอร์ท เกาะมันกลาง เป็นอีกที่พักที่แม้ไม่สะดวกสบายสุดๆแบบโรงแรม 4-5 ดาวทั้งหลาย ห้องพักไม่ได้ผ่านมือนักออกแบบเก่งกล้า

ที่จัดวางทุกอย่างลงตัวเป๊ะๆ เหมือน โรงแรม 4-5 ดาวทั้งหลาย

แต่ด้วยใจรักของเจ้าของที่อยากเก็บรักษาทะเลไทยไว้ให้มันเป็นอย่างที่มันควรจะเป็น และดูจะมีความสุขได้ทุกๆโมงยามที่มีแขกแวะไปเวียนมาหามุมสงบๆ เปลียกตัวเองออกจากชีวิตที่วุ่นวาย

และบริหารเกาะแห่งนี้ไปพร้อมๆกับที่เข้าใจธรรมชาติและรับโจทย์ใหม่ที่เข้ามาสม่ำเสมอ ใครมาก็คงติดใจไม่ยากนะครับ



มีหลายอย่างที่ต้องบอก กันก่อน

กรณีพาเด็กเล็กไปยูกยาต้องเตรียมไปเผื่อนะครับ บนเกาะไม่มีร้านสะดวกซื้อใดๆทั้งนั้น ต้องเอาจากฝั่งไปหมด แม้จะเดินทางแค่ 30 นาทีจากฝั่งมาถึงเกาะก็ตาม เผื่อไว้ดีที่สุด



โรงแรมไม่มีส่วนของเด็กแยกออกมา เพราะงั้นอะไรเราต้องดูแลกันเองในฐานะคนพาเค้าไปครับ



ไฟฟ้าที่นี่เป็นสิ่งมีค่ามาก เพราะใช้น้ำมันเป็นตัวให้เชื้อเพลิงกับกระแสไฟฟ้า จึงไม่เหมาะสำหรับใครที่อยากมาเล่นเน็ต นั่งหน้าจอมือถือจิ้ม Line กันตลอดวัน หรือขอทีวีแบบ 24 ชั่วโมง ขอให้คุณๆบอกลาผ่านที่นี่ได้เลย แต่ถ้าคุณอยากได้ที่พักที่เหมาะจะหลีกและปลีกเวลามาใช้ชีวิตให้มันช้าลงบ้าง



ได้ลิ้มรสอาหารทะเลรสชาติไท้ ไทย แสนอร่อย…



มีเวลาได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติและเกลียวคลื่น…



พกหนังสือดีๆสัก เล่ม ที่คุณซื้อมารอวันเปิดอ่าน ซักที



หรืออาจจะยัดหนังดีๆที่โหลดมาเก็บไว้จนลืมไปแล้ว เพราะไม่มีเวลาได้ดูซักที …โปรดอย่ารอช้า…



พกมันติดตัวมาให้หมดเพราะคุณๆจะได้ใช้เวลากับสิ่งที่คุณรอมานานแล้วกับที่นี่ได้เลยครับ

บนหาดทรายที่ขาวสวยแห่งนึง และมีน้ำทะเลสีเขียวอมฟ้าแสนใสจนเห็นปลาบนฝั่งทะเลไทยจะมีไว้ให้เราไปพิสูจน์ได้ ที่นี่ก็ใช่แล้วละครับ



รีวิวนี้ใกล้จบแล้วครับ ก่อนจะลากันขอฝากดาวในยามค่ำคืนดีๆที่ฝากไว้ที่ทะเลเกาะมันกลางแห่งนี้



ฝากเปลไก่วทีน่านั่ง น่านอน ...ฟังเสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง แบบที่คุณหรือใครหลายๆคนคงอย่างมี Moment นี้เก็บไว้ในความทรงจำ



ฝากยามเช้าที่แสนเงียบงัน ที่แม้แต่เสียงฝีเท้ายามเดินเหยียบลงไปบนพื้นทราย ยังดูดังเข้าไปในหูของเราทุกๆย่างก้าว



และสุดท้ายฝาก…เรื่องราวของครอบครัวเล็กๆ(แต่ตัวแสนใหญ่ของพวกเรา) ที่มักเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทุกที่ ที่ยังหาที่สิ้นสุดยังไม่ได้ ไว้กับทุกๆคน



หวังว่าเรื่องราวของครอบครัวเราคงมีประโยชน์ให้คุณหรือใครๆได้เริ่มต้นพาคนที่คุณรัก พาใจที่รักการเดินทาง ออกเดินย่างก้าวไปตามความต้องการของทุกๆคนได้ แค่นี้ผมก็ดีใจมากแล้วครับ



…………………………………………………………..

สอบถามและติดต่อห้องพักโดยตรงได้ที่นี่เลยครับ www.mantakiri.com/

Tel: 087-992-1999, 087-921-7555, หรือ โทร (038) 657-232

E-mail: [email protected]



จนกว่าเราจะเจอกันใหม่ครับ สวัสดี… ^ ^

Piyapong Chantong

 วันพฤหัสที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.28 น.

ความคิดเห็น