“ร่มรื่นดีจัง" ผมรำพึงกับตัวเองอยู่ในใจ …


ระหว่างเดินผ่าอุโมงค์ต้นไม้ ที่ดูเขียวชอุ่ม จนต้องแปลกใจว่านี่ชั้นมาทะเลจริงๆหรือ ?



เพราะตอนนี้ ผมกำลังเดินตาม พนักงานเข้าไปยังที่พักของ “Peace Resort Samui" ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งพบกับธรรมชาติที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ จนสงสัยว่านี้เรา เดินอยู่เกาะทางทะเลใต้ “สมุย" มองไปผมจะเจอต้นไม้หลากหลายชนิด ทั้งที่นิยมปลูกกันมากทั้งในภาคกลางและภาคเหนือ



หรือจะเป็นพันธ์ไม้ที่เห็นได้ริมทะเล และดูนี่จะเป็นอีกจุดขายนึงของรีสอร์ทนี้



รีสอร์ทหลายๆที่เวลาที่ผมได้ไปทะเล ผมจึงมักพิจารณา สวน ต้นไม้ ใบหญ้าของที่นั้นว่าเค้าดูแลมันยังไง ดีไหม หรือจะเรียกว่าคะแนนเต็มสิบของที่พักในใจ หากมีธรรมชาติดีๆรอบตัว จะได้คะแนน บวกๆ ไปเพิ่มทันทีสำหรับผม



และตอนนี้ผมกำลังพาคุณๆเข้าสู่รีสอร์ทอีกที่ๆ ผมมีโอกาสได้แวะเวียนไปมาช่วงปลายปีที่ผ่านมา รีสอร์ทที่ก่อนหน้านี้ไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับที่นี่เลยจนกระทั่งมีเหตุต้องมายัง เกาะสมุย จึงได้ค้นจนเจอที่นี่จนได้…



และ…ก่อนจะพาคุณๆเข้าไปพบและทำความรู้จักกับที่นี่มากขึ้นไปอีก…



ผมขอถอยกลับมาอีกซักนิดถึงการเดินทางมาทริบนี้ ว่าต้นสายปลายทางมาสมุยหนนี้มาได้ยังไง

มะ มาครับมาเดินทางย้อนเวลากลับไปพร้อมๆกันในเช้าตรู่ที่สดใสวันนึงในปีที่ผ่านมา …



อยากพบเจอกันในโลกออนไลน์มากขึ้น แวะมาที่นี่ได้นะครับ ตอนนี้มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกด้วยเชิญนะครับ ^ ^

https://www.facebook.com/likeone22

เกือบสองปีแล้วละครับตั้งแต่พา เด็กยักษ์ และแม่จ๋า มาเที่ยวด้วยกันหนก่อน ผมก็เหมือนลืมสมุยไปเลย จนวันนี้ได้กลับมาอีกครั้ง และหนนี้ก็มีโอกาสได้เข้าพักยังรีสอร์ทที่ หลบตัวซ่อนเร้นธรรมชาติสวยๆไว้ข้างในอย่างไม่น่าเชื่อ กับที่นี่ Peace Resort Samui

เราเริ่มต้นเดินทางที่ดอนเมืองครับ ในเที่ยวบินเช้าสุดของวันเดินทาง


พระอาทิตย์ยังเพิ่งตื่นหลุดขอบฟ้ามาไม่นานเลย การเดินทางเช้าๆมันดีทุกอย่าง เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวได้เยอะหน่อย



ในภาพลำนี้มาจากจีนแน่ๆครับลายเท่ดีทีเดียว



เที่ยวนี้ผมไปกับสายการบินที่คุ้นเคย ระหว่างหาเที่ยวบินอยู่ผมเห็นว่าของ AirAsia มีบริการ Island Transfer ก็คือซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมตั๋วเรือโดยสารจากสนามบินสุราษร์ฯไปถึงเกาะสมุยได้ด้วย มองๆดูก็น่าลองเลือกใช้ดู แน่นอนอาจจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นกว่าบินตรงไปลงสมุย แต่ก็ไม่แพงเกินไปนัก ถือเป็นอีกตัวเลือกนึงที่สะดวกกว่าการนั่งรถทัวร์แล้วไปต่อเรือ หรือที่เคยทำ ตอนพาเด็กยักษ์กับแม่จ๋าเค้ามาเที่ยวก่อน ที่มาลงเครื่องที่สุราษร์ฯ คือเช่ารถขับมาเองครับ



แถมบนเครื่องเจอน้องแอร์อารมณ์ดีอีกต่างหาก ยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ครับ ^ ^ขอบคุณที่ให้บันทึกภาพนะครับ



การใช้บริการ Island Transfer เราสามารถจองมันได้ตั้งแต่หน้าเว็บ ทาง AirAsia เหมือนซื้อตั๋วปรกติ แต่เค้าจะมีบอกเวลาขึ้นเครื่องและถึงสมุยไว้แล้วละครับระบบจะจัดการให้ทั้งหมด

และพอเครื่องลงที่สุราษร์ธานีปุ๊บ เราก็ยื่นตั๋วเครื่องบินให้พนักงานที่บู๊ทของเรือเฟอร์รี่ ซึ่งก็ตั้งอยู่ในสนามบินสุราษร์ฯอยู่แล้ว ทาง AirAsia เค้าจะผูกกันกับทางบริษัทเดินเรือ “ราชาเฟอร์รี่"หาไม่ยากครับเดินพ้น Gate ขาออกมาก็เจอปุ๊บทันที

ผมลองเปลี่ยนจากขึ้นเครื่องต่อรถเช่าขับมาเองมาเป็น ขึ้นเครื่อง ต่อรถ ลงเรือ ฟังดูเหมือนจะยากแต่เอาจริงๆก็ไม่ได้ยากเลยครับ เราเดินลงจากเครื่องปั้บ มองหาบู๊ทตรงประตูขาออกเท่านั้นที่เหลือเค้าจัดการให้หมดเลย


จากนั้นเค้าจะออกตั๋วรถขนส่ง ที่นี่ใช้บริการของบริษัท “พันทิพย์ท่องเที่ยว" ที่จะจอดรอเราอยู่ตรงด้านหน้าสนามบิน



เข้าคิวไม่นานรถก็จะพาเราไปลงที่ท่าเรือดอนสัก เพื่อต่อเรือของ ราชาเฟอร์รี่ ไปลงยังเกาะสมุย ราคาค่าตั๋วปัจจุบันอยู่ที่ 150 บาทต่อคน ซึ่งราคานี้เราไม่ต้องจ่ายใดๆเพิ่มอีกแล้ว เพราะเรารวมไว้ตั้งแต่ซื้อตั๋วเครื่องบินนั้นเอง



ดูๆอาจจะนานหน่อยก็ตรงนั่งรถต่อเรือ แต่สำหรับผมแล้วถือเป็นเวลาที่มีค่าที่จะได้หยุดตัวเองไม่ต้องนั่งจ้องจอ และได้มีเวลาอยู่กับท้องฟ้า น้ำทะเลสูดอากาศดีๆเข้าให้เต็มปอดบ้าง

ที่สำคัญความคิดดีๆมากมายกำลังล่องลอยอยู่ในหัวระหว่างที่ผมอยู่ในเรือเฟอร์รี่ ลำใหญ่นี้

ไม่ช้าผมก็มานั่งอยู่ตรงหน้า Reception ของ Peace Resort Samui ที่พักวันนี้ของพวกเรา พร้อมกับน้ำกระเจี๊ยบเป็น Welcome Drink

Peace Resort อยู่ที่หาดบ่อผุด เป็นอีกหาดที่เงียบสงบที่สุดแห่งนึงที่ผมเคยมาสัมผัสที่เกาะนี้ตัว


Reception ตกแต่งด้วยไม้เกือบ 100% ผมประเมินด้วยสายตานะครับ ให้อารมณ์ ดิบๆแบบธรรมชาติ ตั้งแต่เข้ามาถึง

เติมความหวานด้วยสีสันของเบาะและใบสีเขียวๆของต้นข้าว ที่วางให้เห็นในจุดต่างๆตามโต๊ะทั่วรีสอร์ท ดูไปผมชอบจนอยากเอาไอเดียมาใช้ที่บ้านบ้าง



บรรยากาศรอบๆอย่างที่บอกไป “ชอบ" ตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วร่มรื่นไปด้วยต้นไม้สีเขียวๆสะดุดตา

ถัดเข้ามาจากทางเดินจะเจอร้านเสื้อผ้าแบบสั่งตัด อยู่ในบรรยากาศที่รีสอร์ทจำลองมาเหมือน เราเดินในย่านช้อปปิ้งเลย



เค้าแยกเป็นห้องๆ ขายของที่ระลึกก็มี



ห้องเล่นเน็ตครับ



ห้องหนังสือ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือต่างประเทศเกือบทั้งหมดนะครับ



และยังมีห้อง KidZone จัดไว้ให้ด้วย จริงๆที่ด้านนอกก็มีสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง ไว้รองรับครอบครัวเวลาพาลูกเด็กเล็กแดงไว้เช่นกัน

ระหว่างเดินไปที่ห้องทางก็ร่มรื่นมากๆ ผมว่าจุดเด่นที่สุดของที่นี่คือสวนและต้นไม้ที่เยอะ และสัมผัสได้เลยว่า เอาใจใส่และดูแลดีมาก

มาดูห้องพักกันบ้างเที่ยวนี้ผมเข้าพักห้อง Type Deluxe Terrace Room ห้องขนาดใหญ่ดีเชียวละครับ ขนาด 42 SQM (ตารางเมตร)



เข้ามาปุ๊บเจอกับส่วนของอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ตัวใหญ่ๆอย่างผมลงไปนอนแช่ได้สบายมากๆเลย



มองจากภายในออกไปเห็สวนเขียวๆดูสบายตาดีเชียวละครับ



ภายในมีโต๊ะนั่งทำงานอยู่ริมในขวาพร้อมกับ LCD TV



ปลายเตียงตรงนี้ผมชอบมากครับ มีเป็นฟูกขนาด 6 ฟุตพร้อมหมอนสารพัดให้เราเอนกายได้ ผมเผลอหลับตรงนี้ด้วยซ้ำไปครับ



เตียง King Size ขนาดใหญ่ 6 ฟุต นอนสบายและสะอาดสะอ้านดีมาก



มีหมอนเยอะเชียวละครับ ที่เห็นมีหมอนหวายให้สำหรับคนต่างชาติที่ชอบอะไรๆ ไทยๆให้ใช้กันครับ



ที่เก๋ในห้องที่ผมเห็นจะชอบตรงเค้าเอานกไม้มาไว้เป็นของตกแต่ง ดูเก๋ใช้ได้

ส่วนที่โต๊ะทำงานมีผลไม้ต้อนรับ (Welcom Fruite) พร้อมนิตยสารให้อ่านกันเพลินๆ จะดีกว่านี้ถ้ามีภาษาไทยด้วยครับ



มาดูห้องน้ำกันบ้าง ไม่อยากบอกว่ากว้างดีมากๆครับ แบ่งสัดแบ่งส่วนเปียกและ ธุระส่วนตัวไว้ดีทีเดียวรวมๆใช้ได้เลย



ของใช้ตรงบริเวณส่วนกลางครับ



รวมๆผมว่าห้องนี้ตกแต่งได้ดีมีความเป็นธรรมชาติผสมผสานความเรียบของงานไม้เข้ากับงานปูนได้อย่างลงตัวดู Relax และน่าพักผ่อนดีครับ เป็นห้องที่ผมพักตลอดเวลาอยู่ที่สมุยแห่งนี้

และยังไม่หมดนะครับเดี๋ยวจะพาไปชมห้องพักที่น่าพักอีกของที่นี่

มา ถึง Type ถูกสุดกันดูบ้าง ผมว่าห้องที่นี้สมราคาดีนะครับ แม้จะเป็น Type เริ่มต้นแต่โดยรวมไม่ได้เล็กอย่างที่คิดเลยType นี้จะได้วิวสวนเช่นกันดูความสดชื่นก่อนเดินเข้าไปได้เลย



เป็น Type ที่มีเยอะที่สุดของที่นี่ กับ “Superior Bungalow"ห้องพักขนาด 32 SQM พร้อม ส่วน Terrace ด้านหน้า



เข้าไปดูด้านในกัน

ห้องพักขนาดกำลังดีนะผมว่ารวมๆมีทุกอย่างครบไม่แพ้ห้อง Type ใหญ่กว่านี้



หมอนอาจจะแพ้ห้องผมเล็กน้อย แต่ก็ยังเยอะพอจะกอดกันไม่เหงาแน่นอน



ของตกแต่งต้อนรับดูน่ารักและมีบุคลิกแบบไทยๆไว้ชัดเจน



ห้องน้ำขนาดกำลังดีครับ ไม่เล็กแยกสัดส่วนเปียกแห้งไว้ชัดเจนเช่นกัน

มาดู Type ใหญ่สุดของ Peace Resort กันบ้าง


ห้องนี้ครับ เป็น Typeที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของรีสอร์ทห้องนี้คือ “Beachfront Villa"ชื่อก็บอกตรงๆอยู่แล้วนะครับ ว่า อยู่ติดชิดริมทะเลแน่นอน



ขนาดของห้องก็ใหญ่สุดแล้วด้วยที่ 64 SQM



ด้านหน้ามีระเบียงมองเห็นวิวทะเลที่จะสามารถเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงทะเลได้แล้ว



ตรงด้านข้างมี DayBed ขนาดใหญ่วางไว้กลางห้องให้นั่งให้นอนเล่นกันได้แถมใครพักห้องนี้มีบริการ Afternoon Tea ให้อีกพร้อมๆกับ ยังบริการ


ซักรีดเสื้อผ้าได้ฟรี 4 ชิ้นด้วย โอ้วอันนี้เจ๋งครับปรกติผมไม่ค่อยเจอบริการหลังการเข้าพักที่เป็นลักษณะนี้เลย ห้องนี้ Exclusive ดีครับ



ด้านหน้ามี Sunbed ให้นอนอาบแดดกันให้เกรียมไปเลยสำหรับคุณฝรั่งทั้งหลาย แดดทะเลไทยไม่ใช่เล่นนะ แต่ก็ยังเห็นฝรั่งนอนอาบแดดกันจนชินตาไปแล้ว



มาดูห้องน้ำกันบ้างครับ อันนี้ใหญ่สะใจกันไปเลย มีอ่างจากุชชี่ให้ลงไปนอนแช่กันได้สบายๆ แถมกระจกก็บานใหญ่

มาทะเลไม่เห็นทะเล ก็กระไรอยู่จริงไหมครับ หน้าหาด Peace Resort สามารถลงเล่นน้ำได้สบายๆ หน้าหาดบ่อผุดก็คลื่นลมสงบ ชายหาดราบเรียบน่าเล่นน้ำดีเชียวละ

วันอากาศดีๆแบบนี้สมควรมานั่งมานอนอ่านหนังสือรับลมทะเลสบายๆได้เลย หาดสวยทีเดียวละครับ

ต้นไม้ก็ร่มรื่นถือเป็นจุดเด่นจริงๆของทุกๆส่วนในรีสอร์ทแห่งนี้เลยครับ ยกนิ้วให้เลย



มี Sunbed ให้นอนพึงพุง หรือจะอาบแดดก็ยังไหวไม่ว่ากัน ส่วนผมคนไทยแท้ๆครับหาแต่ที่หลบแดดกันอย่างเดียว



เห็นไหมครับร่มรื่นและที่สำคัญสะอาดสะอ้านมองหาเศษขยะ กระดาษหน้าหาดไม่เจอเลย จะเพราะแขกเค้ามีมารยาทด้วยและรีสอร์ทก็มีคนดูแลตลอดเวลาอันนี้ดีครับน่าชมเชย

มาโดดน้ำกันบ้างสะรว่ายน้ำที่นี่ฟินดีจริงๆ กว้างเป็นลักษณะฟรีฟอร์ม แต่ก็ยาวใช้ได้เลย ว่ายกันได้หมดตั้งแต่เด็กยันสูงวัย



เตียงก็เยอะใช้ได้ วันที่ผมเข้าพักแขกยังไม่เต็มเพราะฉะนั้นไม่ต้องแย่งเก้าอี้กันแต่อย่างใดทีให้ใช้เหลือเฟื้อกันเลย



อีกมุมครับวันนี้แดดสวย ทะเลใสสระก็น่าเล่นน้ำดีทีเดียวละ

มาต่อกันที่ห้องอาหารหนึ่งเดียวของรีสอร์ทกันบ้างครับ “Sea Wrap Restaurant" ห้องอาหารหนึ่งเดียวของรีสอร์ท ที่บริการอาหารตลอดวัน



จะเรียกเป็นห้องอาหารนานาชาติก็ยังได้เพราะเมนูอาหารนอกจากอาหารไทยที่พร้อมเสริพอยู่แล้วยังมี อาหารอิตาลี ฝรั่งเศส และจีนไว้รองรับอีกด้วย ที่เห็นนี้คือมุม นึงของห้องอาหารครับ บริเวณนี้เป็นมุมเสริฟไข่ทุกประเภทในตอนเช้า สีสันสวยทีเดียวละ

เวลากลางวันชิลลดีครับ นั่งทานอาหารตรงนี้รับลมรับชมวิวทะเลสบายใจดี



หรือจะเย็นๆแบบนี้ก็ยังไหวครับ สดชื่นดีมาก

มาดูอาหารน่าสนใจกันบ้าง เริ่มต้นก็อาหารกินเล่นอย่างหมูสะเต๊ะ นี้เสริฟพร้อมเยลลี่กินด้วยกันอร่อยไปอีกแบบ เครื่องเคียงเค้าถึงรสชาติแบบไทยๆนะครับที่นี่เชพก่อนจะเสริฟจะดูก่อนว่าแขกเป็นไทยหรือฝรั่งจึงจะปรุงอาหารให้ตรงกับรสปากได้



อันนี้การันตีครับ ผมสรุปกับตัวเองมานานแล้วว่าหากไปรีสอร์ทที่ไหน แล้วเค้ามี Pizza ให้สั่งโปรดสั่งมาโดยด่วนเพราะของเค้าอร่อยกว่าพิซซ่าดังๆของบ้านเราอย่างแน่นอนทุกที


และที่นี่ก็ไม่ใช่ขอยกเว้น



ผมสั่งแบบ Half มาอย่างละครึ่งอร่อยทั้งสองหน้าจริงๆ ขออภัยจำไม่ได้แล้วว่าเป็นหน้าอะไรบ้างใครไปพักสอบถามจากพนักงานได้เลย รับรองอร่อยแน่ๆเพราะผมก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันจ๊ะ

อันนี้ถึงรสชาติมากกับส้มตำปูนิ่มอร่อยฝุดๆจ้า



ต้มข่าไก่รสไทยๆเรานี้เลย



อันนี้เป็นเมนูอาหารไทยแบบ Recommended เลยกับ แกงเผ็ดเป็ดย่างที่เค้าจะใช้เนื้อน่องย่างมาให้ทั้งน่องขนาดใหญ่เลย รสชาติหวานด้วยผลไม้ไทยๆเช่นเงาะ และอีกหลายผลไม้ ให้ความหวานผสมกับเครื่องแกงเผ็ดแบบไทยๆ อันนี้อร่อยจริงๆ

หรือจะเป็นข้าวสอยแบบเหนือก็มีนะอันนี้ผมไมไ่ด้ทานครับ คนที่ไปเค้าทานเลยไม่ทราบว่าเป็นไง



สปาเก็ตตี้ครับ เมนูขอให้ลองสั่งกันดูอร่อยจริงๆ



และตบท้ายด้วยเมนูปอเปี้ยกุ้งทอดกรอบ อันนี้แนะนำให้สั่งกันเลยกรอบทั้งนอก และในอย่างแท้จริงอร่อยมากๆ

มาดูบรรยากาศยามพลบค่ำของที่นี่กันบ้าง ว่าจะสวยแค่ไหน



เริ่มกันที่ล็อบบี้ครับ ตกค่ำเค้าจะเปิดไฟสว่างที่ต้นไม้และสวนดูสวยงาม กว่ากลางวันอีกนะครับ



โซนร้านอาหาร พอถึงเวลานี้จะเป็นเวลาที่แขกเยอะที่สุด ทุกๆคนแทบจะจับจองที่นั่งริมหาดไว้หมด บรรยากาศโรแมนติกมาก นี่ผมแอบมาถ่ายก่อนแขกเค้าจะมานั่งกัน เลยได้มุมสวยๆมาให้ชมกัน

ไม่พอยังมีบาร์ขนาดย่อมๆ อยู่ริมขวาหน้าหาดที่ชื่อ “Talay Pool Bar"



จะเห็นว่าบาร์จะวางโต๊ะอยู่ในแนวของสระว่ายน้ำด้านริมทะเล



และปิดท้ายด้วยอุโมงค์ต้นไผ่ที่เราเข้ามาตั้งแต่วันแรกตกกลางคืนเปิดไฟดูสวยงามไปอีกแบบครับสรุปกันหน่อย



Peace Resort Samui ถือเป็นรีสอร์ทแรกๆ ของที่หาดบ่อผุด ที่มีการ Renovate มาแล้วหลายครั้งแต่ละครั้งก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้ดูสวยงาม ผมเองไม่เคยพักที่หาดนี้มาก่อนถือเป็นความประทับใจแรกทีเลยกับหาดและรีสอร์ทแห่งนี้ จุดเด่นที่ต้องยกให้เลยคือ ภูมิสถาปัตยกรรมและ การตกแต่งสวนสวยๆที่ให้บรรยากาศร่มรื่น และสวยงามตลอด เดินไปตรงไหนก็สบายตา ด้วยขนาดรีสอร์ทที่ถือว่าไม่เล็กเลย ขนาดพื้นที่กว่า 12 ไร่ ริมทะเลกับห้องพัก 122 ห้อง ถือเป็นรีสอร์ทขนาดกลางที่ใส่ใจดีทีเดียว


การตกแต่ง อยู่ในสไตล์ Thai Modern ที่ผสมการใช้ไม้มาตกแต่งไว้เกือบ 100 % ให้บรรยากาศไทยๆ กันเอง ไม่หรูหราเกินไป เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กไปถึงใหญ่ได้สบายๆ

ท้ายนี้…



ส่วนที่อยากแนะนำคือ โปรโมชั่นครับ ด้วยราคาที่ไม่ได้ถูกนัก ระดับ 3,000 + ทำให้มีคู่แข่งในระดับเดียวกันเยอะทีเดียว สังเกตุได้ว่าเราจะไม่ค่อยเห็นชื่อของ Peace Resort ได้บ่อยๆนักทั้งๆที่ออกงานไทยเที่ยวไทยแทบทุกครั้ง หากใครอยากลองสัมผัสรีสอร์ทที่รักธรรมชาติแบบนี้ สมควรอย่างยิ่งที่จะไปหาโปรโมชั่นในงานไทยเที่ยวไทยจะดีที่สุด เพราะเป็นเวลาที่ราคาน่าจะสัมผัสได้สบายๆขึ้นครับ ใครสนใจลองเข้าไปดูห้องพัก Type อื่นๆได้อีกที่เว็บไซต์ของรีสอร์ทได้เลยครับ http://www.peaceresort.com/



ส่วนตัวคิดว่าที่นี่ยังรอคนไทยไปเที่ยวอยู่นะครับ เหตุเพราะระหว่างที่ผมเข้าพักผมแทบจะเป็นคนไทยกลุ่มเดียวที่พักกันเลย ส่วนใหญ่ อะไรที่ดีๆ ต่างชาติมักจะรู้จักก่อนคนไทยเสมอ ไม่อยากให้มองข้ามกันไปนะ

จนกว่าเราจะพบกันใหม่ที่ไหนสักทีในโลกนี้ครับ สวัสดี

Piyapong Chantong

 วันพฤหัสที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.29 น.

ความคิดเห็น