ผาขุนแตะ ดอยผ้าขาวน้อย อยู่ในเขตบ้านขุนแตะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ พิกัดคือ 18.392841, 98.490818 ดอยผาขาวน้อย ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวมากนัก จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมายังดอยยนี้ มีเพียงกลุ่มเดินป่า นักปั่นจักรยาน นักขี่มอไซค์วิบาก ที่จะพอรู้จักทางมายังดอยผาขาวน้อย



ข้อควรรู้

-การไปยังดอยผ้าขาวน้อยสามารถเดิน ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซด์ ไปยังยอดเขาได้

-มีร้านขายอาหาร เติมน้ำมัน ขายของสด ชื่อร้านพี่ต่าย ร้านตั้งอยู่หน้าโรงเรียน สามรถสอบถามทางไปดอยผ้าข้าวน้อยกับพี่ต่ายได้

-มีทางไปยังยอดดอย 3 ทาง มีทางมอเตอร์ไซด์ทางใหม่และทางเก่า และเทรลเดิน

-มีจุดกางเต็นท์บนดอย

-ควรหาน้ำ อาหาร ของกินขึ้นไปให้พร้อม

-มีสัญญาณโทรศัพท์

-ระยะทางขึ้นดอยประมาณ 4-5 กิโลเมตร

-เดินขึ้นไม่อันตราย แต่ถ้าขับมอเตอร์ไซด์ขึ้นไป อันตรายมาก ควรมีความชำนาญและมีทักษะการขี่รถวิบาก

-ไม่มีคนนำทาง ไมมีค่าใช้จ่าย (หากใครไปไม่ถูกก็สามารถจ้างชาวบ้านให้นำทางไปได้ เห็นว่ามีฝรั่งมาเดินอยู่ จ้างไกด์พานำทาง)

-ไม่มีลูกหาบ

-ทางลงไปยังหน้าผาเป็นเหวชัน ควรอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ห้ามลงไปเองเด็ดขาด

-ควรเตรียมเชือกไปด้วยหรืออุปกรณ์สำหรับเชฟตี้หรือโรยตัว

-ควรใช้ความระมัดระวังในการเดินไปยังหน้าผา หากไม่มั่นใจห้ามออกไปเด็ดขาด



การเดินทางไปดอยผ้าขาวน้อย

เส้นทางไปผ้าขาวน้อยจากตัวเมืองเชียงใหม่ให้วิ่งไปทางเส้น เชียงใหม่ ฮอต หรือ ทางหมายเลข 108 เรื่อยๆ จนถึงอำเภอจอมทอง เลยวัดพระธาตุศรีจอมทองไปอีกนิดให้สังเกตุแยกแยกนี้ แยกไฟแดงจะอยู่หน้าอำเภอเลย ตรงโรงเรียนศรีจอมทอง ให้เลี้ยวขวาเข้าไปจากนั้นก็ตามถนนไปเรื่อยๆ ขับไปให้ถึงวัดนิโรธาราม จากนั้นก็ไปให้ถึงน้ำตกแม่เตี้ยะ แล้วเลี้ยวขวาวิ่งไปทางโรงเรียนแม่เตี้ยะ ไปตามทางจะเรื่อยๆ ที่มีป้ายใหญ่ๆ เข้าเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง ไปเรื่อยๆ สักพักก็จะพบกับโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ แสดงว่ามาถูกทางและใกล้จะถึงแล้วครับ พอเลยจุดนี้ไปจะเป็น สุดทางสามแยก ให้เลี้ยวซ้าย ตรงขึ้นไปจะมีป้าย “กลุ่มอนุรักษ์พื้นที่สูง อ.จอมทอง” รถยนต์ก็สามารถหาที่จอดได้ที่โรงเรียนบ้าน แล้วเดินทางต่ออีกเกือบ 5กิโลเมตร ถ้าเดินหรือใช้รถจักรยานหรือมอไซด์ก็ลุยโลดเลย

ทริปนี้ไปหลายที่มากแต่จะขอทำรีวิวแบ่งเป็นตอนๆ แล้วกันเนอะ

จากปากทางถนนหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) พอถึงแยกไฟแดง สังเกตุป้ายไปเทศบาลตำบลจอมทอง ปากทางเข้าจะมีร้านขายข้าวซอยไปตามป้ายบอกทางน้ำตกแม่เตี๊ยะ

ระหว่างทางจะมีทางแยกหลายจุด แต่ให้เรายึดหลักทางไปน้ำตกแม่เตี๊ยะเอาไว้ จะมีป้ายบอกทางอยู่ หากไม่แน่ใจก็ถามชาวบ้านระหว่างทางไปได้

บอกเจ้าหน้าที่ว่าจะไปดอยผ้าขาวน้อย

ทางชันมาก ต้องระวังรถที่สวนลงมาจากเขาด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นรถที่ใช้ขนพืชผลทางการเกษตร

แวะพักรถกันที่หน่วยฯ ระหว่างนั้นเลยคุยกันว่าจะแวะไปดูน้ำตกแม่เตี๊ยะกันก่อน ระหว่างทางเงียบมาก ไม่มีวี่แววของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เลย แวะบอกเจ้าหน้าที่เสียหน่อยสำหรับคนที่ต้องการจะไปยังน้ำตก เพราะเส้นทางอันตรายและเปลี่ยว ตอนเชไป คอสะพานชำรุด ยังไม่ได้ซ่อม

ประมาณ 5 กิโลเมตร จากปากทางขับไปเรื่อยๆ จะถึงน้ำตกแต่ก็ต้องเดินเท้าต่อไปอีกไกลพอสมควร แต่เช ปลดเป้ออกแล้วลุงขับรถไปจนสุดทางแล้วเดิน ทางขรุขระมาก

“น้ำตกแม่เตี๊ยะ” อันเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสองชั้นติดต่อกัน มีความสูงประมาณ 80 เมตร กว้างประมาณ 40 เมตร จัดเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในอุทยานแห่งชาติออบหลวง ตัวน้ำตกนั้นมีทั้งหมด 4 ชั้น หากจะชมให้ครบทุกชั้นต้องเดินเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรซึ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินป่าชมธรรมชาติ โดยน้ำตกแห่งนี้สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และมีน้ำให้ชุ่มฉ่ำกันตลอดเวลาเช่นกัน นอกจากนี้น้ำตกแม่เตี๊ยะยังเป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านสบเตี๊ยะ รวมทั้งใช้ในการอุปโภคบริโภคอีกด้วย

ขับตามทางไปเรื่อยๆ พอถึงตรงนี้ก็ขับตรงไป

ระหว่างทางจะผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ดอยสองเมีย

จุดนี้คือโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถและจะผ่านลานฮอร์

สำหรับเส้นทางที่จะไปยังดอยผ้าขาวน้อยจะมีทางรถ 2 เส้นทางมีทางใหม่และทางเก่า และมีเส้นทางสำหรับเดินเท้าอีก 1 เส้นทาง ในครั้งนี้เราเลือกจะขี่รถมอเตอร์ไซด์ไปยังทางใหม่ เพราะชาวบ้านบอกว่าทางดีกว่า

แวะถามทางจากร้านขายของ ร้านพี่ต่าย อัธยาศรัยดี เพื่อนๆ สามารถแวะซื้อเสบียงได้ที่นี่เลย มีครบทุกอย่าง (ร้านพี่ต่ายอยู่ถัดจากโร

งเรียนไปไม่ไกล สังเกตุจะมีปั้มน้ำมันหน้าร้าน)

เราไปถึงกันเย็นมากแล้ว เลยซื้อเสบียงติดไปนิดหน่อย เพราะคิดว่าลงมาจากเขาไม่ทันแน่ๆ พี่เจ้าของร้านกลัวเราไปกันไม่ถูก แกอาสาขับรถไปส่งยังปากทางแล้วบอกว่าขับไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 กิโลเมตรก็จะถึงยอดดอย

เชคิดในใจ เอาจริงเหรอเนี่ย แค่เนินแรกก็ขับรถขึ้นไปไม่ได้แล้ว ต้องให้พี่วุฒิลงมาขับขึ้นไป

ทางช่วงแรกชันและลัดเลาะไปตามไหล่เขา เป็นทางที่ชาวบ้านใช้ขนกะหล่ำปลี

เมือเจอทางแยกให้เลี้ยวขวา

ทางค่อยๆ แคบลงเรื่อย และชันขึ้นเรื่อยๆ ในภาพทางที่ชันๆ ไม่สามรถถ่ายมาได้ เพราะแค่จะขับรถให้ผ่านไปยังยาก

ลงเนินชันๆ ถ้าพลาดก็ล่วงเลย (ภาพนี้ถ่ายวันกลับ)

ไปทันพระอาทิตย์ตกดินพอดี ระหว่างทางมีสันเขาให้แวะชมวิวหลายจุด แต่ดูนานไม่ได้ เพราะจวนมืดแล้ว และก็ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะชันมากแค่ไหน

หลังจากจอดรถบนสันเขา จะเดินไปยังจุดตั้งแค้มปประมาณ 100 เมตร ไปถึงก็ช่วยกันหาฟืน ก่อไฟ กางเต็นท์

ทำอาหารทาน แล้วจะออกไปถ่ายวิวยามค่ำคืน

คืนนี้ใช้สมอบกแบบมีไฟ ปักไว้ตรงทางด่านทั้งสองทาง

ออกไปถ่ายได้พักเดียว อากาศหนาว กลับเต็นท์ดีกว่า

วิวยามเช้า

มองเห็นวิวโดยรอบเกือบ 360 องศา สวยมาก

หลังจากนั้นเราจะไปยังจุดชมวิวอีกจุด ต้องบอกก่อนว่าทางลงเป็นหน้าผาสูงชัน อันตราย โปรดระมัดระวัง

ด้านซ้ายมือของจุดชมวิว จะมีเทรลจางๆ เป็นทางลาดชันไปตามหน้าผา เดินลงไปเรื่อยๆ จะเจอหินก้อนนี้ พอเดินลงไปให้เดินไปทางขวามือ ก็จะเจอกับวิวมุมหน้าผา

การจะไปภ่ายภาพในจุดนี้ ขอให้ใช้ความระมัดระวังให้มากนะคะ หากพลาดตกลงไป คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต

หวังว่าหลังจากที่อ่านรีวิวจบแล้ว หากเพื่อนจะไปตามรอย ขอให้ดูแลสมาชิกในทีมให้ดี อย่าคึกคะนองจนทำให้พลัดตกเหวลงไป

รอชมรีวิวดอยหัวเสือต่อนะคะ

I'm Che

 วันพฤหัสที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 16.11 น.

ความคิดเห็น