สวัสดีครับ

แหม่รีวิวนี้ ขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าจะขอพูดจาภาษาตลาด เพราะดูแล้วมันจะได้ฟิวลิ่งกว่า..... วันนี้กับความคิดที่ ไม่มีที่จะไป และไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็เลยว่ามานั่งริมน้ำ ตอนใกล้ค่ำ หาอะไรกิน แล้วก็ไปเดินตลาด หาซื้อดอกบัว ทำพานไปใหว้พระพรุ่งนี้ดีกว่า อู๊ย....ฟังดูช่างเป็นแม่หญิ๋งไทย ใจงาม ...แต่ก็ทำจริงๆนั่นแหละครับ ดอกบัวเกือบสองร้อย ทำได้สามพาน เลิศๆ

เอ้า..ไอ้ริมน้ำริมคลอง เนี่ยมันมีอะไร ก็มีที่นั่งตากลมชมวิวสวยๆ หลายต่อหลายที่สิครับ... แต่วันนี้มาที่นี่ครับ ท่าเรือยอดพิมาน สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะมายังไง ง่ายสุดก็นั่งเรือสายตรง มาลงที่ท่าเรือยอดพิมาน ที่ตั้งโด่เด่ อยู่ริมแม่น้ำสายหลักของประเทศไทย แม่น้ำเจ้าพระยาหนะครับ....

จะว่าไปบรรพบุรุษของเราชาวไทย มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับแม่น้ำสายนี้อย่างเหนียวแน่น ตราบจนรุ่นเรานี่แหละ แต่ต่างกันที่เราไม่รักแม่น้ำเหมือนคนสมัยก่อน ถ้าเราลองรักแม่น้ำเหมือนแม่เราสิ เราจะกล้าทำร้ายเค้ามั๊ย.......

โอเคครับ ไม่รุ่มร่าม ทำเพลงล่ะ มากะน้องสองคน หาอะไรกินก่อนที่ยอดพิมาน นั่งดูวิวและชีวิตที่สันจร ในแม่น้ำแห่งตำนานสายนี้ ผมมาตอนประมาณ ห้าโมงนิดๆ ซึ่งก็ยังสว่างจ้าอยู่ นั่งอยู่กระทั่งมืด เลยเห็นแสงตะวัน ที่เทลงมาแต่งแต้ม พื้นน้ำและพื้นเมืองที่ต่างกัน สวยมากในแต่ละเฉดสีที่สาดลงมา แน่นอนว่า ถ่ายรูปเยอะมากครับ......


ยอดพิมานธานี บนชั้นสอง จะเป็นระเบียงริมน้ำ ที่มีร้านอาหารทอดยาว ตลอดแนว หลากหลายเมนู กับวิวที่ใกล้เคียงกัน ผมไม่ได้คิดว่าจะมานั่งร้านใหน เดินๆขึ้นมาชอบร้านใหนก็จะนั่งร้านนั้น


เดินดูเมนู แอบเปิดดูราคา เช็คโปรโมชั่น แล้วก็แกล้งเดินหนี ดูไปเรื่อยๆ ตลอดแนวระเบียง สำหรับผมนะครับ ประเภทของอาหารและราคา ที่เสริมความอยากด้วยโปรโมชั่นที่จะมัดใจ ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ ในครั้งนี้ เพราะที่นี่ค่อนข้าง เหมือนกันทุกร้าน

ทีนี้อะไรละ ที่ผมจะใช้เป็นเกณฑ์การเลือก... ครั้งนี้คือ ความน่ารักของพนักงาน .... ไม่ใช่ดูที่ความหล่อความสวยนะครับ แหม๋คิดไปโน่น .... ผมเลือกที่ความย้ิมแย้มแจ่มใส ที่จะมาเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศสวยๆ มันเพอร์เฟค หรือ แพร์เฟคท์ อะไรเนี่ยครับ พูดไม่ค่อยถูกหรอก แต่ก็พูดไปงั้นเอง ....เอาเป็นว่าเลือกเพราะพนักงานครับ


แล้วผมก็เลือกร้านนี้ละครับ DUO CUCINA อยู่ติดกับ Mango tree ผมเห็นว่าน้องเค้าพูดจาเชื้อเชิญเป็นกันเองดี มันทำให้ผมรับรู้ถึงความอบอุ่น น้องเค้ายิ้มสวย แล้วพูดว่า .."นั่งเลยคะพี่ นั่งเลย เบียร์สองแก้วแถมหนึ่ง ค่ะ" ถ้าการพูดปรกติก็คงไม่เกิดอะไรหรอก แต่นี่น้องเค้าพูดด้วยความเป็นธรรมชาติ และใบหน้ากะแววตาที่ยิ้มแย้ม ผมเลยนั่งที่นี่ และก็แน่นอน ..เบียร์.. แล้วก็จัดการสั่งอาหารรวดเดียวจบ..


ผมว่าวิวนี้สวย แสงก็สวย ผมเลือกนั่งด้านนอกที่ระเบียง หูยย..บรรยากาศดีมาก มองไปด้านนี้ เห็นตึกราม บ้านโรงแรม มีสะพานพุทธ คั่นกลางแบ่งฟ้ากะน้ำ


แสงตะวันเริ่มหลี่ลง แสงไฟนีออนก็เริ่มโผล่ออกมา บรรยากาศเหมาะมากกับเบียร์ ยามเย็น


เริ่มมีไฟแล้ว


กับเยื้องยามเย็น ตะวันจะลับแสง ผู้คนที่สันจรในตอนเช้า ตอนนี้กำลังสันจรในตอนเย็น ผมว่าภาพชีวิตของคนเรามันช่างวิ่งเต้นไม่หยุดไม่หย่อน ไม่ผ่อนไม่คลาย เลยสักที...


สักพักหนึ่ง น้องก็เอาขนมปังมาเสิร์ฟพร้อมกับ tomato salsa ถือว่าไม่เลวนะครับ เพราะผมไม่ได้คิดว่าจะมีเสิร์ฟขนมปัง แถมยังมากับ ซาล์ซ่าอีกด้วย ......ดูจากชื่อร้าน ก็น่าจะออกแนวอิตาลี่หนะครับ


ดอกไม้ตั้งโต๊ะ คือตั้งใจจัด ไม่ได้มาเป็นดอกแล้วเสียบแจกัน ผมว่านี่ก็เป็นอีกรายละเอียดเล็กๆ ที่บอกถึงความใส่ใจในขนาดที่ใหญ่กว่า


จานแรกมาถึง สลัดปลาแชลม่อน เผ็ดและจัดจ้าน แบบไทยๆครับ เปรี้ยวอ่อนๆ เผ็ดเด่นๆ เป็นจานที่ชอบมากครับ


จัดใส่ในห่อใบผัก เป็นคำๆ ใหญ่กว่าคำนิดๆ จานนี้อร่อยมาก ขอบอกว่าอันนี้เป็น พระเอกของผมในค่ำนี้


จานนี้สั่งมาดูแลสุขภาพ ผักสลัด เห็ด และลวกหน่อไม้ฝรั่ง ที่เสิร์ฟ บอล์ซามิค และน้ำมันมะกรอกแยกมา ให้เราได้ปรุงเอง


เป็นมื้อเบาๆนะครับ ช่วงนี้ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะกินเข้าไป ให้มากๆครับ เพราะอ้วนขึ้นมาก.....


เอาหนักๆ มาจานหนึ่ง เป็นเส้นสปาร์เก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล เครื่องเยอะ เครื่องถึงครับ แต่เส้นยังไม่ได้นะครับ ถ้าเส้นนุ่มแต่ยังมีความเหนียว และผัดแบบให้เส้นเข้าเครื่องมากกว่านี้ จานนี้ก็คงนางเอกของค่ำคืนนี้


แสงสีสวย มองไปทางวัดอรุณ ครับ ผมชอบบรรยากาศร้านนี้มากครับ ด้านนอกมีสองโซน เป็นโต็ะส่วนหนึ่ง และอีกมุมหนึ่งเป็นโซฟา


มาเลยครับ ถ้าใครไม่รู้ว่าจะไปที่ใหนดีเย็นนี้ แนะนำที่นี่ ยอดพิมานธานี มีหลายร้านให้เลือก กับบรรยากาศ งามๆ



ดูเอาครับ ตรงจุดนี้ มีชิวิตชีวา น่ามานั่งชิวๆ จิบเบียร์


เริ่มอิ่มแล้วครับ เลยเริ่มลุกออกหาถ่ายรูป มาใว้ให้ดูกัน


กรุงเทพบ้านเรา เลิศ


จริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะเขียนรีวิวนี้นะครับ แต่ก็ติดกล้องมาด้วย เพราะคิดว่าเอามาถ่ายไปงั้นแหละตามเรื่อง ทีนี้มาติดใจตรงที่ เห็นวิวบนระเบียงที่สวยมากครับ แล้วคนก็ไม่วุ่นวาย ประกอบกับมีร้านสวยๆ เต็มระเบียง เลยคิดว่าเอามาบอกต่อหน่อยดีกว่า เพราะถ้าใครกำลังมองหาที่กิน แต่เบื่อๆแถวห้าง ในเมืองแล้ว ก็จะได้ผ่านตา ว่ายังมีตัวเลือกนี้รอคุณอยู่

ขอเดินมาดูในร้าน ด้านในมีบาร์ โต๊ะเก้าอี้ จัดได้สวยนะ ไม่แน่นอึดอัด ส่วนตัวแล้วชอบด้านในด้วย แต่เอาไว้ตอนฝนตกละกัน


ภาพตกแต่งน่าสนใจมาก เพราะถ้ายือนอยู่ระเบียงร้าน แล้วมองข้ามฝั่งไป เราก็จะเห็นภาพนี้ ที่ยึดออกตามอัตราส่วน


ในร้านจัดได้ดี แสงและโทนสี เข้ากันได้สวยครับ




มองมาจากบาร์ครับ


บาร์สวยดี

พอกินข้าวกันแล้ว เดินถ่ายรูปก็แล้ว ชมวิวก็แล้ว ไปตลาดกันครับ เดินออกมาทางใหนก็เจอตลาดได้ทั้งนั้นครับ ยกเว้นแต่จะเดินลงแม่น้ำไป ทางนั้นไม่เจอแน่นอน .... เร่ิมปากตลาดขึ้นมาเชียว


พอเดินโผล่ออกมา ก็มาถึงโซนตลาด มีผักบ้างตอนช่วงแรกๆ เมื่อเดินออกจากยอดพิมานมา สวยงามตามประสา เขียวเหลือง แดง สวยสดสี มีเสน่ห์ เที่ยวแบบ เล เท่ห์แบบไทย



ไม่รู้ว่าจะร้องเพลงอะไรดี ......นางดาวเรือง หรือว่านางแววดาว สิ้นสดหมดสาว กลายเป็นข่าวกลับนา....... เพลงแม่ผึ้งดูจะมีความหมายสุดละ ครางเพลงไปพลางเดิน.....


.....โอ้แม่พวงมาลัย เจ้าจะลอยไป คล้อง ใครกันแน่ จะรักใครชอบใคร ให้จริงแท้ เอาให่สักรายยยยย.... ส่วนพวงมาลัยเนี่ยก็ต้องเพลงของพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ เห็นจะโดนใจเป็นแน่

พวงมาลัยมีครบครับ ทั้งมาลัยดอกพุด ดอกมะลิ หรือดอกดาวเรือง ทั้งสำหรับไหว้พระ แต่งงาน คล้องหน้ารถ ครบครับ เดินผ่านย่านนี้คือหอมอบอวน กลิ่นกลีบดอกไม้ทั่วทั้งตลาดครับ


สำหรับดอกไม่เรียกได้ว่ามาตลาดเดียว ครบถ้วนทุกอย่างครับ รวมถึงแจกันและอุปกรณ์การจัดดอกไม้ที่ครบครัน


มีลูกหาบลูกเข็นไว้รอบริการด้วยครับ สำหรบคนที่ซื้อที ทีละหลายๆหาบ


ดอกบัวที่อยากได้ ผมซื้อจากร้านนี้แหละ แต่ยังไม่ซื้อนะครับ แวะมาซื้อตอนจะกลับ ตอนนี้เดินดูก่อนครับ


ตุ๊กตุ๊ก นี่ต้องอยู่ในกรุงเทพเท่านั้นถึงจะดูดี เพราะเคยเห็นที่อื่นแล้วดูไม่เข้ากัน แต่พอมาอยู่ในกรุงเทพ จะจอดไว้ที่ใหนก็ดูดี ยกเว้นกลางทาง...


โห...มุมนี้ อีดาวเรือง


แบบที่เป็นขันบายศรีก็มี


อันนี้สวยจัง


เดินๆ ออกมาหน่อย เลยมาทางสะพานพุทธ เริ่มเห็นร้านกิน ค่อนข้่งหลากหลายอยู่ครับ ไก่ย่างเอย ลูกชิ้นเอย เอยเอยเอย...


ร้านขนมจีมผมว่ามันดี สวยเยอะ การจัดโต๊ะแบบจัดเต็ม อันนี้คือ แสตนดาร์ดการจัดโต๊ะ ดินเนอร์ ฟุทบาททางขึ้นสะพานพุทธครับ ดูมีสีสัน มาเต็มจัดเต็ม กว่าโรงแรมห้าดาวซะอีก อันนี้ไม่ใช่ fine dinning แต่เป็น fine life เพราะ อาหารมื้อค่ำเราทำให้มัน fine ได้ไม่บ่อยหรอก แต่ fine life เนี่ย อะไร ที่ใหน ก็ fine ได้


เดินลัดเลาะ เพราะหาบันใดขึ้นสะพาน รถเมย์สายมรณะ สีชมพู ดูขัดกันฉายานะครับ แหม๋ก็ไม่ทุกคันหรอก ว่ามะ...


แถวนี้แค่ซื้อลูกชิ้นไม้เดียวก็แถมวิวสวยๆได้ ไม่เห็นต้องปีนป่าย ขึ้นดูตามตึกสองๆเลย.....


ร้านเสื้อผ้ายังตั้งร้านไม่เสร็ดดี


อาหารการกิน แทรกอยู่ทุกที่ครับ ร้านนี้เป็นเครป ญี่ปุ่น คนไทยจากขอนแก่นทำจ้าาาา


อีเห็ดสด..... มีทุกเห็ด


อีเห็ดสด อยู่ตรงบันใดขึ้นสะพานนะครับ พี่เค้าเป็นพ่อค้านะ ใส่เสื้อกล้ามย่างเห็ด เห็ดย่างสุกๆราดด้วยน้ำจิ้ม รสจัด


เดินขึ้นมาดูบนสะพาน


หลายๆคนคงเคยมีอารมณ์ โรแมนติกอยู่บนสะพานแห่งนี้ ขนาดผมเองยังอินไปกะเค้าด้วย แต่น้องๆครับ เราคนไทย เอาแค่พอควรนะครับ..

แบบนี้กำลังน่ารัก


แล้วก็นี่ มองจากสะพานพุธ ท่าเรือ ยอดพิมาน


หลังจากเดินชมวิวบนสะพาน ผมก็เดินลงไปชื้อดอกบัว เเละพาน เอามาจัดเป็นพานดอกบัว ไหว้หลวงพ่อพระเสริม และหลวงพ่อพระสายน์ที่วัดปทุม ที่ละพาน ส่วนพานเล็กสุดเอาไหว้พระที่ห้องเช่า ที่ใช้ชุกหัวนอนครับ ครับและนี่คือ เที่ยวแบบ "เล" เท่ห์แบบไทยครับ

ลากันด้วย ภาพกุหลาบพันดอก แทนความรักให้กับทุกคน

สวัสดีครับ

Lae Easytravel


ความคิดเห็น