..ฤดูร้อนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับความรู้สึกอยากเอาร่างกายไปสัมผัสกับทะเล หาที่สงบๆนั่งเขียนรีวิวฟังเสียงคลื่น ทางหมู่เกาะแถบฝั่งอันดามันดูบ้าง ก็บังเอิญประจวบเหมาะที่ทาง readme ร่วมกับทาง love andaman แจก gift voucher ให้ไปสัมผัสกับหมู่เกาะน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อตอนต้นปีนี้ ก็เลยเป็นที่มาของการเดินทาง backpack ถ่ายภาพทำรีวิวคนเดียวอีกครั้ง ต้องขอขอบคุณทาง love andaman และ readme ที่เป็นตัวกลางสนับสนุนการไปทำรีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ

เกาะค็อกเบิร์น เป็นเกาะน้องใหม่ล่าสุดในแถบหมู่เกาะมะริดที่มีมากกว่า 800 เกาะทางตอนใต้ของเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า สามารถข้ามไปชมได้ทางจังหวัดระนองโดยติดต่อผ่านทาง love andaman เจ้าเดียว แรกได้ยินชื่อเกาะฟังดูมันแหม่งๆในความหมายอย่างไรไม่รู้ แต่คงเป็นเทคนิคทางการตลาดที่ตั้งชื่อให้มันสะดุดหู เกาะนี้เป็นเกาะน้องใหม่ล่าสุดจากจากจำนวนเป็นร้อยเกาะแถบมะริดที่ยังหลับไหลอยู่ โดยมีทาง love andaman ที่ได้สัมปทานในการทำธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะนี้จากทางฝั่งพม่า แต่ก่อนที่เราจะไปชมเกาะค็อกเบิร์นกัน มารู้วิธีการเดินทางกันก่อน จากกรุงเทพมาระนองมีวิธีการเดินทาง 2 วิธีที่ใช้เวลาน้อยและไปทันขึ้นเกาะก็คือ

1.รถทัวร์ จะมีอยู่ 2-3 เจ้า ราคาจะเท่าๆกันหมดถ้าเป็น VIP ผมเลือกใช้วิธีการเดินทางแบบรถทัวร์ และใช้บริการของสมบัติทัวร์เพราะเป็นรถใหม่ ราคาตายตัวจะไปช่วงไหนก็ได้ ออกเดินทางช่วงเย็นหลังเลิกงานไปเช้าที่ระนองแล้วก็เที่ยวเกาะแบบ one day trip ได้เลย แล้วก็ตีรถกลับเข้า กทม หลังกลับจากเกาะก็ยังทัน อาศัยนอนบนรถไป-กลับเอา ถ้าหากไม่พักค้างคืนที่ระนองหรืออยู่เที่ยวต่อ

ผมจองที่นั่งชั้น Supreme จะได้นอนหลับสบายๆหน่อย เที่ยวเวลา 20:30 - 05:30 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชม.ราคา 627 บาท มีจุดขึ้นรถ 2 จุดคือที่ศูนย์วิภาวดีใกล้กับกระทรวงพลังงาน และที่ สายใต้ ถ้าขึ้นที่ศูนย์วิภาวดีต้องมาขึ้นรถตอน 5 โมงเย็น แล้วรถจะไปจอดรอรับผู้โดยสารที่สายใต้ต่อจนถึง 2 ทุ่มครึ่งถึงค่อยออก

รถแบบชั้น supreme เป็นรถ Mercedes Benz VIP 24 ที่นั่ง ชั้นเดียวแต่ยาวกว่ารถทัวร์ปกติทั่วไป สิ่งที่ได้รับ

  • เก้าอี้ปรับเอนนอนได้ 135 องศา
  • เก้าอี้แบบมีที่รองนอน
  • เก้าอี้นวดไฟฟ้าพร้อมช่องเสียบต่อ usb ตรงข้างเก้าอี้ 1 จุด
  • จอทีวีส่วนตัวพร้อมช่องเสียบต่อ usb สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ อีก 1 จุด
  • ผ้าห่ม หมอน
  • ห้องน้ำในตัวรถ
  • เครื่องดื่ม ของว่าง และอาหารแบบ buffet ณ.จุดพักรถ
  • วิ่งตรงยาว ไม่จอดรับรายทาง

2.เครื่องบิน ตอนนี้ไฟร์ทเช้าสุดจะมีแต่นกแอร์เท่านั้น มีวันละ 3 เที่ยว ซึ่งไฟร์ทเช้าออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตอน 05:45 ไปถึงระนองตอน 7:10 ก็ยังทันขึ้นเกาะ ไฟร์ทกลับกรุงเทพก็มีตอน 19:00 ไปเช้าเย็นกลับก็ได้ แต่ราคาคงต้องเช็คดูอีกทีแล้วแต่ช่วงไหนแพงหรือถูก ส่วนอีกเจ้าป็นของ แอร์เอเชีย ที่เพิ่งเปิดเส้นทาง กรงเทพ-ระนองไปเมื่อต้นเดือน กพ.นี้จะมีแค่วันล่ะเที่ยว ไฟร์ท 11:45 ถึงระนอง 13:00 และจากระนอง ไฟร์ท 13:40 ถึง กทม 14:55 เพราะฉะนั้นถ้ามาแอร์เอเชียต้องพักระนองก่อน คืนนึงถึงค่อยเที่ยวเกาะวันรุ่งขึ้น

จากสถานีขนส่ง,สนามบินหรือจุดที่นัดกับลูกค้าไว้ว่าจะมารับตรงไหน จะมีรถตู้โดยสารจากทาง love andaman มารับไปส่งยังท่าเทียบเรือประภาคารด่านศุลกากร จ.ระนอง ขั้นตอนต่อจากนี้ทางทีมงาน love andaman นำโดยไกด์เอ็มมี่และทีมงานเรือเฮอเมทิส รอต้อนรับลงทะเบียนเก็บบัตรประชาชนทำเรื่องขออนุญาติผ่านแดนไปยังฝั่งพม่า แจกริชแบนด์ และอาหารว่างก่อนขึ้นเรือ ช่วงเวลารอนักท่องเที่ยวจากหลายที่มารวมกัน อย่าลืมขึ้นไปนั่งกินกาแฟชมวิว 360 องศาบนยอดประภาคารกันนะครับ เบื้องหน้าที่มองเห็นไม่ใกล้ไม่ไกลคือเกาะสองประเทศพม่า ที่เราต้องนำเอกสารไปยื่น


9 โมงเช้า เรือ speed boat 75 ที่นั่งก็เคลื่อนออกจากท่ามุ่งหน้าสู่เกาะสองที่เห็นเบื้องหน้าอยู่ลิบๆ นำเอกสารที่ทำไว้ยื่นให้กับ ตม.ทางฝั่งพม่าใช้เวลาไม่นานและรับทีมงานของ love ที่เป็นลูกเรือชาวพม่ามาช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินบนเกาะ บนท่าเทียบเรือเกาะสองนี้ เราจะได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนชาวพม่าที่เดินจับจ่ายซื้อของบริเวณตลาดท่าเรือเกาะสองกันขวักไขว่ และบ้านเรือนที่ตั้งเป็นกระจุกอยู่ริมน้ำก็ดูมีเสน่ห์ไม่น้อย อีกทั้งเจดีย์ปิดอร์เอที่เป็นที่เคารพศรัทธาตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา หากมีโอกาสอยากลองมาเที่ยวค้างคืนที่เกาะสองสักหน่อย

จากท่าเรือเกาะสองใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงเกาะ cock burn หรือชื่อไทยว่า เกาะช้างเผือก เกาะที่เขาเคลมว่าปิดเกาะมา 200 ปี เพิ่งจะเปิดให้เข้าชมเป็นทางการเมื่อต้นเดือน กพ. 61 นี้เป็นกลุ่มแรกๆ ภาพเบื้องหน้าที่เห็นเมื่อเรือเข้าจอดใกล้เกาะ น้ำทะเลสีเทอร์คอยซ์ใสราวกับแผ่นกระจกมองลงไปเห็นผืนทรายขาวและฝูงปลาตัวเล็กๆว่ายผ่านไปมาได้อย่างชัดเจน ตัวเกาะหลักๆเป็นเหมือนเกาะทั่วไปแต่พิเศษตรงที่มีโขดหินขนาดใหญ่ที่ถูกกระแสคลื่นลมกัดเซาะอยู่ชั่วนาตาปีจนมีลักษณะสัณฐานคล้ายกับช้างแยกออกจากตัวเกาะหลักๆ จนเกิดเป็นทะเลแหวกเห็นผืนทรายขาวนวลเมื่อยามน้ำลง เราจอดเรือห่างจากเกาะไปประมาณ 300 เมตร เพราะต้องใช้กองหินใต้น้ำในการผูกเรือแทนการทิ้งสมอ แล้วว่ายเข้าเกาะ ผมใช้เวลายืนถ่ายภาพบริเวณรอบๆสักพักกำลังคิดว่าจะเอากล้องใหญ่ขึ้นไปด้วยดีหรือเปล่า จนคนอื่นขึ้นเกาะไปหมดแล้วจึงตัดสินใจวัดดวงเอากล้องใหญ่ใส่ถุงกันน้ำขึ้นไปถ่ายบนเกาะ เพียงแต่ต้องระวังในการรัดปากถุงให้แน่นหนาแข็งแรง แต่ควรใส่ถุงพลาสติคกันน้ำไว้อีกชั้น หลังจากโดดลงไปพยายามประคองถุงกันน้ำให้ตั้งตรงเพื่อป้องกันเผื่อมีน้ำเล็ดลอดเข้าไปเป็นการ safety อีกชั้นนึง

สัมผัสแรกที่รู้สึกได้เมื่อก้าวขึ้นเกาะคือเม็ดทรายที่ขาวนุ่มละเอียดมาก ธรรมชาติบนเกาะยังดิบ ยังสมบูรณ์ไร้สิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้ามารบกวน ราวกับว่าเราเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ขึ้นมาบนเกาะนี้

หลังจากเดินสำรวจหาดสักพัก มาถึงไฮไลท์สำคัญคือการปีนขึ้นไปบนหลังช้างเผือกนั่นเอง ระยะทางไม่สูงมาก แต่ค่อนข้างชัน ใครที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่าและเป็นโรคกลัวความสูงไม่แนะนำ เพราะตอนขึ้นไม่เท่าไหร่แต่ตอนลงจะค่อนข้างเสียว และควรมีเสต็ปการปีนป่ายมาบ้าง จุดไหนควรเหนี่ยว ควรโหน วางเท้ายังไง จะมีไกด์คอยแนะนำ ลืมบอกไปว่า ทาง love มีกฎว่าห้ามใส่รองเท้าแตะขึ้นเกาะ รองเท้าจะถอดทิ้งไว้ตั้งแต่ท่าเรือด่านศุลกากรที่ฝั่งระนองแล้ว เพราะฉะนั้นบนกองหินนี้หินจะร้อนหน่อยๆ และการก้าวเท้าควรก้าวดีๆเพราะบางจุดหินอาจจะมีหินแหลมคมบ้าง

ขึ้นมาบนหลังช้างแล้วมาดูความงดงามของวิวมุมสูงรอบๆเกาะกันบ้าง ผืนน้ำสีเขียวเทอร์คอยซ์ถัดไปเป็นน้ำเงินครามไล่ระดับความลึกแผ่ออกไป มองเห็นเกาะน้อยใหญ่อยู่มากมาย บริเวณนี้ เกาะค็อกเบิร์นจริงแล้วมีสภาพเป็นหมู่เกาะ มีเกาะเล็กเกาะน้อยถัดไปรวมทั้งหมด 5 เกาะด้วยกัน ซึ่งมีแนวรัศมีปะการังน้ำตื้นเป็นแนวยาวสุดสายตา และทาง love เขาบอกว่าเป็นป่าปะการังที่ดีที่สุดจากการสำรวจทะเลพม่ามานับร้อยเกาะ มาด้านบนนี้จะมีกองหินอ่อนสีขาวอยู่มากมาย ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเกาะช้างเผือก ส่วนตัวผมชอบเกาะที่มีลักษณะแบบนี้คือมีทั้งหาดทรายขาว มีแนวปะการังน้ำตื้นหน้าหาด และที่สำคัญมีจุดชมวิวมุมสูง ซึ่งในทะเลแถบบนี้มีจุดชมวิวมุมสูงบนตัวเกาะอีกที่คือหมู่เกาะมังกร ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าตอนนี้ปิดเกาะไปแล้วหลังจากเปิดตัวได้ปีนึง

ขากลับออกจากเกาะ ต้องว่ายทวนน้ำมาขึ้นเรือเล่นเอาหอบเหมือนกัน ถัดจากนี้เรือพาเราไปรับประทานอาหารกลางวันกันอีกเกาะนึงซึ่งอยู่ในแนวของหมู่เกาะช้างเผือก แรกเห็น้ำทะเลใสหน้าหาดถึงกับต้องร้อง ว๊าว ทีเดียวเพราะมันใสสวยงามมากถึงแม้ชายหาดจะไม่ยาวมากนักแต่ก็มีร่มไม้ชายหาดไว้หลบแดดคลายร้อนได้เป็นอย่างดี

อาหารมื้อกลางวันที่ทาง love เตรียมไว้ให้ เป็น line buffet มีเมนูไม่มากแต่ก็ไม่น้อย 4-5 อย่างอีกทั้งขนมนมเนย คาว หวาน อยากให้ลองเค๊กมะพร้าวอ่อน อร่อยมาก และเครื่องดื่มก็จัดมาเต็มพิกัด ขาดไปอย่างนึงคือ กาแฟหลังอาหาร เล่นเอาผมแทบอยากจะเคลิ้มหลังจากทานเสร็จ พนักงานใส่ชุดกุ๊ก เหมือน chef มืออาชีพ แต่เป็น chef ทางด้านส้มตำน่ะ รสชาติดีทีเดียว

หลังจากจัดการอาหารกลางวันเสร็จสรรพ จะมานอนพักผ่อนก็ใช่ที่ ในเมื่อความงดงามของชายหาดเบื้องหน้ารอเราอยู่ คว้ากล้องคู่ใจออกเดินย่ำไปบนชายหาดหามุมถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ ด้านหน้าของเกาะจะเป็นชายหาดขาวยาวโล่งประมาณสัก 500 เมตร และมีโขดหินเฉพาะตรงหัวหาดและท้ายหาดเท่านั้น จึงเล่นน้ำได้อย่างต็มที่ แต่การไม่มีแนวหินทำให้ถ่ายภาพออกมา หาดมันดูโล่งๆจึงต้องชดเชยด้วยการถ่ายภาพกิจกรรมของคนในทริป

ซึ่งหลักๆกิจกรรมหน้าหาด จะมีเล่นน้ำ พายเรือคายัค แล้วยังมีเบาะลมเป็นพร็อพเก๋ๆสำหรับถ่ายภาพอีกด้วย ที่เหลือก็หาชุดจะเป็นทูพีช วันพีช มาถ่ายภาพสวยๆไว้ไป up profile กัน

กิจกรรมสุดท้ายของวันเริ่มต้นขึ้นเมื่อเราออกจากเกาะไปยังจุดดำน้ำ "milky way" ซึ่งจุดนี้จะมีแนวปะการังหลากหลายสายพันธ์ุยาวเป็นกิโลไปถึงยังกองหิน "little cock" และสุดท้ายจุดนี้เองที่ทำให้ผมตายตอนจบ ต้องเก็บมาเป็นบทเรียนในการถ่ายภาพใต้น้ำครั้งต่อไป ตัวแปรสำคัญที่มีผลกระทบในการที่จะถ่ายภาพใต้น้ำโดยใช้กล้อง gopro ให้ได้ดีในระดับหนึ่ง และเทคนิคต่างๆ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการแก้ไขสถานการณ์ ขอแบ่งเป็น 3 หัวข้อหลักๆคือ

1.สภาพอากาศและทัศนวิสัยใต้น้ำ ซึ่งตรงนี้เป็นปัจจัยหลักที่เราไม่สามารถแก้ไขได้ หากมีกระแสคลื่นลมแรง น้ำขุ่นเราจะไม่สามารถลงไปดำได้เลย เพราะคลื่นอาจพัดพาเราไปกระทบโขดหินจนเกิดอันตรายได้ และถึงดำไปแล้วก็จะมองแทบไม่เห็นอะไร และทางไกด์มีสิทธิ์ยกเลิกดำน้ำ ณ.จุดนั้นไปเลยเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

2.อุปกรณ์การถ่ายภาพ ยุคนี้กระแสกล้องบันทึกภาพแบบ action camera มาแรงอย่างพวก gopro ที่ขาดแทบไม่ได้เมื่อเวลาดำน้ำ หรือจะเป็นกล้องกันน้ำ compact เล็กๆสักอัน ก็ทำให้เราเพลิดเพลินในการถ่ายภาพใต้น้ำได้แล้ว แต่เคยคิดไหมว่าทำไมมองเห็นจากด้านบนว่าน้ำใสๆ แต่ถ่ายแล้วมันไม่เหมือนกับในรูปที่เขาโฆษณากัน เห็นน้ำใสกิ๊กเห็นฝูงปลาแหวกว่ายไปมาสวยงามเหมือนอย่างในตู้ปลา ความเป็นจริงตามธรรมชาตินั้นน้ำทะเลมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา กระแสน้ำทำให้เกิด ฝุ่นตะกอน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคลื่นลม ต้องทำใจว่ามันไม่ได้ใสเหมือนกับกระจกตู้ปลา ภาพในโฆษณาส่วนใหญ่ผ่านการตกแต่งแล้วทั้งนั้น อีกทั้งเขาใช้ช่างภาพมืออาชีพมาถ่าย มีมุมมองสวยๆ ที่เราดำน้ำกันอยู่คือการดำแบบ snokeling คือใส่ชูชีพ ใส่ snokel ดำผิวน้ำแล้วมองลงไป ยิ่งถ้าระดับน้ำลึกมากเท่าไหร่โอกาสที่จะใช้กล้อง gopro ถ่ายใกล้ๆก็ยิ่งห่างไกล และลักษณะกล้อง gopro เป็นเลนส์ wide โอกาสที่จะซูมเข้ามาใกล้ๆมันทำไม่ได้ นอกจากใช้ไม้ selfie ยืดยาวให้สุดแล้วบันทึกภาพเอา

3.ทริคในการใช้กล้อง gopro และมุมมองของภาพ

  • การตั้งค่ากล้องของ gopro นอกเหนือจากโหมดวีดีโอที่เรากดแค่ครั้งเดียวบันทึกภาพเคลื่อนไหวแล้ว แต่ถ้าเราต้องการภาพนิ่งโดยไม่อยากต้องคอยมากด shutter บ่อยๆล่ะให้เลือกเป็นโหมด time laps ตั้งเวลาแล้วแต่เราต้องการว่าให้บันทึกภาพทุกๆกี่วินาที ผมตั้งค่าบันทึกภาพไว้ทุกๆ 1 วินาทีแล้วค่อยมาเลือกรูปภายหลัง แต่ระหว่างถ่ายควรพยายามทำตัวนิ่งๆ ภาพจะได้ไม่สั่นไหวมาก หรือถ้าใครรักพี่เสียดายน้องอยากทั้งถ่ายวีดีโอและภาพในขั้นตอนเดียวกันก็ยังมีโหมด simultaneous video & photo มันจะคอย capture ภาพในขณะถ่าย video ออกมาโดยเราต้องไปตั้งค่าว่าจะให้ capture ภาพออกมาทุกๆกี่วินาที ผมตั้งไว้ต่ำสุดของกล้องคือทุกๆ 5 วินาทีจะได้ภาพนิ่งมา 1 ภาพในขณะถ่ายวีดีโอ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการเลือก resolution ของภาพ และปิด mode protune ด้วย การตั้งค่าไปศึกษาคู่มือของกล้องแต่ละรุ่นกันดูอีกที
  • ใช้ red filter ในการแก้ไขสีใต้น้ำ หากลองสังเกตุดูภาพใต้น้ำที่เราถ่ายส่วนใหญ่จะออกมาเป็นสีฟ้าสีเขียว ไม่เหมือนในโฆษณาที่สีสันสดใส นั่นก็เพราะแสงที่ผ่านลงมาใต้น้ำ น้ำทะเลจะทำการดูดกลืนสีออกไปและสีที่ถูกดูดกลืนออกไปมากคือสีแดง เราจึงต้องใช้ฟิลเตอร์สีแดงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ไขสีใต้น้ำให้ถุกต้อง ราคาฟิลเตอร์ก็มีคั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันปลายๆแล้วแต่คุณภาพ
  • มุมมองของภาพ ในการดำน้ำแบบ snokeling เวลาเราถ่ายภาพเราจะถ่ายเป็นมุมกดลงไป มันจะเหมาะสำหรับน้ำที่ไม่ลึกมากนักและเราสามารถใช้ไม้ selfie ยื่นเข้าไปเพื่อถ่ายเจาะบันทึกภาพใกล้ๆได้ แต่ถ้าระดับน้ำลึกเกินเอื้อมมือถึงล่ะ ทำอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะสำหรับคนว่ายน้ำ และดำน้ำเป็น พวกนี้จะถอดชูชีพ กั้นหายใจดำลงไปเลือกมุมมองใกล้แนวปะการังและฝูงปลาได้เลย ภาพสวยๆส่วนมากคือการดำลงไปถ่ายมันจะได้มุมมองที่เป็นระนาบเดียวกันกับคนถ่าย อย่างเช่นเราถ่ายปะการังเป็นฉากหน้า แล้วมีเพื่อนดำลงไปถ่ายอยู่ด้านหลังปะการัง ทำให้ภาพดูมีเรื่องราวโดดเด่นมากขึ้น
  • พยายามอยู่ใกล้ไกด์เข้าไว้ตอนดำน้ำ สอบถามทางไกด์ว่าจุดไหนที่สวยที่สุดให้เขาพาไปชี้จุดจะได้ไม่พลาดจุดไฮไลท์สำคัญๆ หรือจะให้ทาง staff ของทีมงานถือกล้องดำลงไปถ่ายใต้น้ำให้ก็ได้ หากดำน้ำไม่เป็น

สรุปทริปนี้ผมพลาดสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้แหละครับ ผมไม่เจอปลานีโมในดงดอกไม้ทะเลสักตัว เจอแต่พวกฝูงปลาเล็กๆ อยู่ตามแนวปะการัง และระดับน้ำมันก็ลึกเกินกว่าจะมองใกล้ๆได้ชัดเจน อีกอย่างผมเสียเวลาไปกับหน้ากากดำน้ำที่น้ำเข้าอยู่เรื่อยๆ ซึ่งตรงนี้ให้ลองทดสอบหน้ากากก่อนดำ เมื่อครอบหน้ากากลงไปแล้ว ให้ลองหายใจทางปากผ่านท่อช่วยหายใจดู ถ้ารู้สึกว่าขอบยางรอบหน้ากากมันเผยอให้หาอันใหม่ที่มันกระชับใส่แทน เพราะเมื่อลงไปอยู่ในน้ำแล้วถ้าน้ำเข้าจะหมดสนุกไปเลย และหากเราลงไปคนแรกๆ อาจว่ายไปเจอพวกสัตว์แปลกๆที่ไม่ค่อยเห็น และมันยังไม่ตื่นตกใจมากนัก เราจะได้ภาพจากสัตว์เหล่านี้ติดมาก็ได้ และข้อสำคัญลองศึกษากฎข้อควรจำในการดำน้ำแบบอนุรักษ์ธรรมชาติว่าควรปฎิบัติอย่างไรตาม link นี้ Click

การเดินทางของผมยังไม่จบเพียงเท่านี้น่ะครับ นี่เป็นแค่วันแรก วันที่ 2 จะเป็นรีวิวเกาะนาวโอพีไข่มุกเม็ดงามแห่งท้องทะเลพม่า click ส่วนวันที่ 3 จะเป็นที่กินที่เที่ยวที่พักราคาถูกในตัวเมืองระนอง รอรับชมกันได้ในเร็วๆนี้ครับ


-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด









สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว

 วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 10.53 น.

ความคิดเห็น