การเดินทางก็เริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากไปเที่ยวทางเหนือมาระยะหนึ่ง ก็ถึงเวลามาเที่ยวใกล้ๆบ้านกันบ้างและจะบอกต่อความสวยงามของทะเลอันดามันบ้านเราเอง กระบี่ในเวลาวันหยุดแค่ 2 วัน เสาร์-อาทิตย์ มีความตั้งใจว่าอยากไปไร่เลย์สักหนึ่งคืน ก็เลยได้ตัดสินใจออกจากภูเก็ตในเย็นวันศุกร์ไปอ่าวนางค้างคืนที่นั้นก่อน และจะได้มีเวลาเดินเที่ยว อ่าวนาง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวแบบจริงจังนะกับกระบี่ เที่ยวกระบี่...ครั้งแรกก็รักแล้ว 2 คืน 2 วัน (อ่าวนาง-ไร่เลย์)


พร้อมกันหรือยังคะ ตามไปเที่ยวอ่าวนาง จ.กระบี่ ด้วยกันค่ะ

คืนแรกจองไว้ที่ Ao Nang Miti Resort เดินทางจากภูเก็ตมาอ่างนางก็จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง มาถึงก็ประมาณ 2 ทุ่ม ก็เลยแวะที่พักเปิดห้องเก็บกระเป๋ากันก่อน ออกไปหาอะไรกินกันที่อ่าวนาง

บรรยากาศยามค่ำคืนของอ่าวนาง ก็เหมือนประมาณป่าตอง ภูเก็ต

มีร้านค้าหลากหลาย ของที่ระลึก เสื้อผ้า อุปกรณ์ท่องเที่ยวทะเล

มื้อค่ำมากันที่ร้าน " The Beach Seafood & Grill" ร้านอาหารบรรยากาศดีริมเล อยู่ไม่ไกลย่านอ่าวนางร้านนี้จะอยู่เรียบฝั่งหาดนพรัตน์ธารา ทางร้านเปิดเวลาทำการ: 10:00 - 1:00 ทุกวัน

อาหารอร่อย บรรยากาศดี ทำเลดี มาแล้วประทับใจมากครับ หากใครมาอ่าวนาง อยากกินอาหารแนวฟิวชั่น ต้องมาครับ สุดยอดจริงๆ


สวัสดีเช้าวันที่ 1 ที่อ่าวนาง บรรยากาศจากระเบียงห้อง

วันนี้ตั้งแพลนไว้ว่าอยากไปคลองสองท่าปอม และค่อยกลับมาขึ้นเรือหางยาวไปไร่เลย์กันตอนเย็น

เช้าๆก่อนเริ่มทริปต้องเพิ่มพลังในมื้อเช้าก่อน ออกไปตามหาร้านคาเฟ่น้องใหม่ที่มาแรง

มาถึงแล้วร้าน HUB cafe’ เส้นทางไปอ่าวนางเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารเก๋ๆ ติดถนน โอมล้อมด้วยภูเขา คาเฟ่สุดแนวแห่งใหม่ ของกระบี่ ตั้งโดดเด่นด้วยดีไซน์สุดล้ำในสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ แต่เข้ากันกับธรรมชาติและสวนปาล์มรอบๆ ด้วยไม้ไผ่ อยู่ท่ามกลางสวนปาล์มเย็นด้วยกาแฟหอมกรุ่น

ช่วงนี้เมนูแนะนำคือน้ำมะม่วงปั่น สดชื่นมาก

ทางด้านเมนูอาหารก็อร่อย สไตล์ฟิวชั่น ครั้งนี้ออเดอร์ "สลัดปูนิ่ม" และ "เบอร์เกอร์" มาชิ้นโตๆพร้อมกับเฟรนฟายร้อนๆหอมๆ ข้าวผัดกุ้งก็อร่อยนะ เก็บภาพไม่ทันความหิว

Facebook : hubcafekrabi โทร.091 824 9586
พิกัด: ถนนเขาช่องพลี-อ่าวนาง(ถนนสายโรแมนติค) ✓ ✓ เปิดให้บริการทุกวัน 8.00-22.00 น

ท่ า ป อ ม ค ล อ ง ส อ ง น้ำ

บ้านเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่

การเดินทาง จากตัวเมืองกระบี่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลย 4 ไปทางอำเภออ่าวลึก ประมาณ 23 กิโลเมตร เมื่อถึงบ้านทุ่งจะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะเจอลานจอดรถ อับดับแรกก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อน ผู้ใหญ่คนไทย 20 บาท เส้นทางเดินก็จะเป็นสะพานไม้ยกสูงตลอดเส้นทางเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 1,200 ม.

แสงสาดส่องบนผิวน้ำ ใสวิ้งๆสีเขียวมรกต ซึ่งเกิดจากที่ลำธารสายนี้มีต้นกำเนิดจากเขาหินปูนที่มีสารแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีคุณสมบัติดักจับตะกอนและสารแขวนลอยให้จมตัวลงในน้ำจึงทำให้สายน้ำของที่แห่งนี้ใสมาก ช่างมหัศจรรย์จริงๆ

“ท่าปอม” เป็นชื่อคลองสายสั้นๆ ที่เกิดจากธารน้ำใสผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ก่อนจะไหลลงสู่ท้องทะเลอันดามันแม้นจะเป็นธารน้ำสายสั้น ๆ แต่บริเวณจุดบรรจบแห่งธารน้ำสายนี้กับท้องทะเลอันดามัน ก็กลายเป็นพื้นที่มหัศจรรย์ ที่มีลักษณะเฉพาะทางนิเวศวิทยา ยากจะหาพื้นที่ใดเสมอเหมือน ด้วยเป็นคลองที่มีทั้งอิทธิพลของน้ำจืดและน้ำเค็มไหลสลับสับเปลี่ยนเวียนผันตามช่วงเวลา บริเวณปากคลองสายนี้จึงได้ฉายาว่าเป็น “คลองสองน้ำ”

ที่นี่จะมีจุดกำหนดเล่นน้ำได้บางจุด และมีบริการให้เช่าห่วงยางให้กับนักท่องเที่ยวด้วยนะ

ร่มรื่น เย็นฉ่ำ กับธรรมชาติและลำธารที่ใสไหลเย็น ระบบนิเวศเล็กๆ ชวนพิศวง ตรงรอยต่อน้ำจืด น้ำเค็ม ไหลมาบรรจบกัน เพลิดเพลินกับเส้นทางศึกษาธรรมชาติ “ท่าปอม คลองสองน้ำ”



เดินศึกษาธรรมชาติกันขับรถกลับมาทาง (คลองทราย-เขาทอง) กระบี่ ซึ่งจะอยู่ก่อนถึงอ่าวท่าเลน จุดหมายของเราจะอยู่ที่ ที่นี่ “เขาทองเทอร์เรสต์ (KHAOTHONG TERRACE RESTAURANT & BAR)" มาฝากท้องมื้อเที่ยงไว้ที่นี่ก่อนจะกลับไปอ่าวนางเพื่อจะขึ้นเรือไปต่อที่ไร่เลย์กัน

อาหารอร่อย อาหารทะเลสดๆ วิวสวยมากกกกกๆ บริเวณอ่าวท่าเลน จังหวัดกระบี่ ต้องที่นี่

Sea View ที่นั่งมองแล้วสบายตามากๆ เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่านมากหนัก จะเห็นวิวอ่าวพังงา ไม่ต้องตกใจกันนะว่าเราพูดผิดไหม มาที่นี่จะเห็นอ่าวพังงาจริงๆนะ พี่เจ้าร้านชี้ให้ดูนุ้นเกาะยาวก็เห็นจากนี้

บรรยากาศก็ร่มรื่ม อยู่ริมเชิงเขาใกล้บริเวณร้านอาหารก็จะมีรีสอร์ทของที่นี่ด้วยเป็นเจ้าของเดียวกัน มาทางด้านเมนูอาหารกันบ้างก็จะหนีไม่พ้นต้องเป็นซีฟู้ดบอกเลยว่าสดมาก มาแล้วต้องสั่งเลย "หมึกผัดน้ำดำ" ,"ลาบปลาทอด" อร่อยมากๆ เสียดายที่ยังอิ่มจากมื้อเช้าเลยสั่งเมนูไม่ค่อยเยอะ

พออิ่มกันแล้วพี่เจ้าของร้านน่ารักมากเลย พอดีทางเรามาเป็นครั้งแรกเลยสนใจวิลล่าที่พักตรงข้ามกับร้านพี่ๆก็พาลงไปเดินชม ขอบอกเลยว่าที่พักสวยมากๆ ด้านหน้าเห็นวิวทะเลแบบพาโนราม่าถ้าได้มาพักบอกเลยโรแมนติกสุดๆ และเป็นส่วนตัวมากด้วย "คาเลนวิลล่า"

เขาทองเทอร์เรสต์ เขาทองเทอร์เรสต์ โทร. 083 107 4400
เปิดทุกวัน: 11:00 น. - 22:00 น. ถนนอบต. กบ. 2007 (คลองทราย-เขาทอง) อำเภอเมืองกระบี่ (ตรงข้ามคาเลนวิลล่า)



เดินทางจากเขาทอง-อ่าวนาง จุดขึ้นเรือหางยาวของ สหกรณ์เรือหางยาวบริการตำบลอ่าวนาง ซื้อตั๋วไปกลับในราคา 200 บาทก็ขาละ 100 บาท/คน

เรือหางยาว 1 ลำ ก็จะรอนักท่องเที่ยวให้ครบ 8 คนก็จะออกเดินทางไปส่ง หรือถ้ากลุ่มไหนไม่อยากจอยกับท่านอื่นๆ ก็ซื้อตั๋วแบบเหมาก็ได้ราคาก็จะอยู่ประมาณ 1,200 บาท รอไม่นานเรือก็เต็มและออกเดินทางสู่ไร่เลย์กันค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15นาทีเท่านั้นเอง ใกล้ ชายหาดอ่าวนาง จากมุมมองบนเรือ มุ่งหน้าสู่หาดไร่เลย์

อ่าวไร่เลย์ อยู่ที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ อยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา เป็นหาดที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก ตอนนี้ก็เป็นอีกอ่าวที่มีหาดสวยงามมากๆแห่งหนึ่งในประเทศไทยเลยล่ะครับ ซึ่งสิ่งที่ทำให้วิวของหาดนี้สวยเท่ก็คือเขาหน้าผาสูงรายล้อมข้างๆชายหาดฟ้าใสนั่นล่ะครับ ตอนนี้ที่นี่เลยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติมากๆ หาดไร่เลย์แบ่งเป็นชายหาดสองด้านคือ หาดไร่เลย์ตะวันตกและด้านหาดไร่เลย์ตะวันออก เป็นหาดที่โค้งเข้าหากันโดยมีทางเดินเล็กๆ เดินเชื่อมทะลุถึงกันได้ และมีทางปีนขึ้นไปชมลากูน Lagoon หรือทะเลปิดกลางหุบเขาได้

เมื่อเรือจอดหน้าหาดเราก็เดินตรงไปที่ล็อบบี้ ไร่เลย์เบย์ รีสอร์ท: Railay Bay Resort ไร่เลย์เป็นคล้ายๆแหลมยื่นลงไปในทะเลนะครับ ดังนั้นจึงมีฝั่งตะวันตก ตะวันออก Railay Bay Resort & Spa เป็น หนึ่งในไม่กี่รีสอร์ทที่มีอาณาบริเวณต่อเนื่องทั้งสองฝั่ง มาที่ฝั่งตะวันตก เพื่อเช็คอิน วิวหน้าโรงแรม สวยจริงๆ

ทางเดินภายในโรงแรมก็ร่มรื่น เขียวดี ชอบสีเขียวๆแบบนี้มาก

มาถึงก็ประมาณ 16.00 ก็จะเจอแดดอ่อน เมื่อเช็คอินเรียบร้อยก็จะมีรถโรงแรมไปส่งยังห้องพัก ซึ่งห้องพักของเราจะได้อีกฝั่งของไร่เลย์คือทิศตะวันออก ลักษณะคล้ายบ้านเป็นหลังจองไว้ 2 ห้อง ได้มาห้องติดกันและสามารถเปิดประตูกันได้ ภายในห้องก็ตกแต่งสไตล์ไม้เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ

อีกซีกหนึ่งของห้องก็จะเป็นห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำให้ลงแช่เพื่อผ่อนคลายกันได้ มีเชทอุปกรณ์ออกไปนอนอาบแดดเตรียมไว้ให้ด้วย "กระเป๋า,เสื่อ,ร่ม" เพื่อเดินไปยังบริเวณหน้าหาด

ใกล้ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกก็ออกมายังด้านหน้าโรงแรมฝั่งรูปนี้ถ่ายตรงร้านอาหารของโรงแรม Railay Restaurant ริมหาดทรายเลย ลมเย็น บรรยากาศดี อ่าวที่นี่สวยมากครับ แล้วเป็นประเภทน้ำตื้นด้วย เล่นน้ำได้ยาวไกลเลยครับ วิวตรงถ้ำพระนางตอนพระอาทิตย์ตกก็สวยมากครับ

ข้างๆร้านอาหาร ก็จะเป็น สระว่ายน้ำ และ สปา มีบาร์ริมสระน้ำด้วย

นั่งจิบคอลเทลฟินๆ อยู่ๆนักท่องเที่ยวลุกขึ้นมองไปบนต้นไม้ เราก็สงสัยว่ามุงอะไรกันพอหันขึ้นไปมองเท่านั้นก็เจอกับฝูงลิง แต่พนักงานโรงแรมบอกว่าไม่ใช่ลิงครับแต่นี้คือ "ค่างแว่นถิ่นใต้" ซึ่งลงมาจากเขาเพื่อมาหายอดไม้กินหมดมากก็จะมาในช่วงเย็นๆอย่างนี้ แต่ก็ไม่บ่อยนะ ว้าว!!! เราโชคดีจังเลยได้เจอกับค่างแว่น

พอพระอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้วแสงจากดวงไฟก็เริ่มมาแทน ก็จะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นยุโรปมากกว่าเอเชีย ถือว่าต่างกับภูเก็ตบ้านเองเยอะมากเลยที่หันไปทางไหนก็เจอแต่จีน ที่ไร่เลย์ก็จะมี Walking Street เล็กๆพอแก้ขัดไปได้ ใครอยากซื้อทัวร์ลองมาเดินๆดูได้ครับ ต่อรองราคาได้ มีร้านอาหาร บาร์ หลากหลายร้านให้แวะกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย ยุโรป อินเดีย ของหวาน ฯลฯ

คืนนี้ที่ไร่เลย์มาลองอาหารอินเดีย "Koh I Noor" Indian Food ซึ่งจัด 10 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในหาดไร่เลย์ - TripAdvisor มาแล้วก็ต้องลองกันหน่อย เป็นการกินอาหารอินเดียครั้งแรกที่อเมซิ่งมาก ทานง่าย อร่อย ราคาสมเหตุสมผล พนักงานงงๆนิดหน่อย แต่ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ อร่อย ชอบ คือว่าเราไม่ได้สั่งอาหารเองเลยจำชื่อเมนูไม่ได้เลย

กลับมายังที่บาร์ริมสระบริเวณโรงแรมยามค่ำคืนก็สวยเหมือนกันนะ


สวัสดีเช้าวันที่ 2 ณ Railay Bay Resort

เช้านี้ก็เดินจากห้องพักมายังห้องอาหาร เป็นห้องอาหารที่สวยมากเพราะวิวด้านหน้าคือทะเลสีฟ้าคราม สดใสกันตั้งแต่เช้ากันเลยก็ว่าได้นะนี้

กิจกรรมต่อไปหลังจากมื้อเช้าจะไปถ้ำพระนางกันเพราะเมื่อวานมาไม่ทันเวลา เอาเป็นไปในช่วงเช้าก่อนเช็คเฮ้าแหละกันนะ เราเดินไปทางด้านหลังของโรงแรม จะผ่านร้านสะดวกซื้อ เดินทะลุมาด้านฝั่งตะวันออก วันนี้น้ำลงไกลไปถึงโน้นนนนน ว่าแล้วเราก็เลี้ยวขวา เพื่อเดินไปถ้ำพระนางกัน

ทางเดินไปถ้ำพระนาง สะดวก ระหว่างเส้นทางก็จะมีที่สำหรับนั่งพัก ภายใต้หินผาซึ่งมีหินงอก หินย้อยให้เห็นอยู่หลากหลายตลอดเส้นทางสู่หาดถ้าพระนางครับ และจะมีป้ายอธิบายเกี่ยวกับที่ไร่เลย์และธรรมชาติของพื้นที่แห่งนี้ โดยกลุ่มคนรักแหลมพระนาง-ไร่เล ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งว่า
ร่วมมือเพื่ออยู่รอด
กลุ่มคนรักแหลมพระนาง-ไรเล ซึ่งประกอบด้วยชุมชน หน่วยงานราชการ ธุรกิจ ชมรม และอีกหลายฝ่าย จนนับไม่ถ้วน ร่วมกันริเริ่มโครงการ แหลมพระนาง-ไร่เล เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน เพื่อความอยู่รอด...ของทรัพยากรณ์ธรรมชาติ
ของชุมชนและธุรกิจ
ของความทรงจำดีๆ ที่ผู้มาเยือนได้รับจากสถานที่แห่งนี้
และ ของความฝันของคนอีกนับไม่ถ้วย ที่อยากได้มีโอกาสมาสัมผัสความงามดั่งภาพวาด โดยความยั่งยืนจะได้มาจากความเข้าใจและการร่วมมือกันระหว่างชุมชน ธุรกิจและผู้มาเยือน คือ การท่องเที่ยว การอยู่อาศัยและการประกอบอาชีพ โดยเป็นคำนึงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติและการพึ่งพาอาศัยกันและกันเป็นหัวใจหลัก

หินผาบริเวณถ้ำพระนางแห่งนี้เบื้องล่างเป็นหาดทรายขาวเนียนละเอียด กับน้ำทะเลสีเขียว เป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก สิ่งที่เราได้เจอตอนนี้คือ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติส่วนมาก "ศาลพระนาง" โดยรอบศาลจะมีปลัดขิกซึ่งชาวบ้านและประชาชนนำมากราบไหว้กันเยอะเลย ซึ่งมีตำนานของถ้ำพระนางอยู่ว่า

ตำนานถ้าพระนาง (หยิบยกมาจากป้ายบอกค่ะ)

เช่นเดียวกับตำนานทั้งหลาย เรื่องเล่าเกี่ยวกับถ้ำพระนางมีหลายแบบฉบับต่างๆ กันไป และไม่มีผู้ใดสามารถพิสูจน์ความจริงได้ หนึ่งในตำนานที่ได้ยินกันบ่อยๆ เล่าว่า...
สมัยหนึ่งนานมาแล้วมีหญิงสาวสวยคนหนึ่ง อาศัยอยู่ที่ปราสาทริมทะเลไม่ไกลจากสุสานหอยมากนัก ด้วยเหตุที่นางเป็นผู้เลอโฉมนี่เองจึงทำให้มีชายหนุ่มมาหมายปองเป็นจำนวนมาก แต่นางไม่รับรักใครเลย อยู่มาวันหนึ่งมีชายหนุ่มจากเกาะหัวขวานมาหา และขอความรักจากนาง แต่นางไม่รับรัก ชายหนุ่มผู้นั้นจึงใช้กำลังฉุดคร่าจะเอาตัวนางไปให้ได้ ขณะนั้นมีชายหนุ่มจากเกาะพญานาคผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปช่วย ในที่สุดนางจึงยอมตกลงจะแต่งงานกับชายหนุ่มเกาะนาค เมื่อถึงวันนัดแต่งงานชายหนุ่มเกาะนาคก็ยกขันหมากมา ทำให้ชายหนุ่มอื่นๆ ที่หมายปองอยู่ทราบข่าว และไม่ยอม จึงยกขบวนมาแย่งชิงนาง เกิดรบพุ่งกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด พระฤาษีที่จำศีลอยู่ในถ้ำได้ยิน จึงออกมาห้ามปรามไว้แต่ไม่มีใครเชื่อฟัง จึงสาปให้เป็นหินไปทั้งหมด นางผู้เลอโฉมกลายเป็นถ้ำนาง ส่วนชายหนุ่มได้กลายเกาะหัวขวาน เกาะปอดะ เขาหงอนนาค เขาหางนาค ขันหมากที่จมลงไปในทะเลเป็นภูเขา รูปขันหมากอยู่หน้าถ้ำนาง ส่วนข้าวเหนียวกวนที่นำมาในงานแต่งงาน ได้กลายเป็นสุสานหอย

เดินออกมาจากถ้ำพระนาง เพื่อที่จะไปเก็บภาพต่อ หาดทรายขาวเนียนละเอียดบวกกับน้ำทะเลและขุนเขา ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงชอบที่นี่ มันช่างเป็นเสมือนหาดสวรรค์จริงๆค่ะ มาในช่วงเช้าแบบนี้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะเรือทัวร์ยังเดินทางมาไม่ถึง

เดินกลับมาจุดที่เดินผ่านไปเป็นจุดที่เดินขึ้นไปจุดชมวิวหาดไร่เลย์ (Railay View Point) และ Lagoon แหงนหน้าขึ้นไปมอง อืมม...นี่มันน้องๆของการปีนผาเลยนะเนี่ย ตอนแรกว่าจะไม่ปืนขึ้นไปแล้วขึ้นตัดสินใจอยู่ที่ศาลาจนพี่ๆผู้ชายสองคนที่มาด้วยกันปืนไปแล้วเราก็ผู้หญิงนะ พี่ๆเลยบอกว่าไม่ต้องขึ้นมาก็ได้ แต่เราว่าไหนๆก็มาแล้วต้องไปเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง ถือเป็นการทดสอบและเป็นการฝึกก่อนที่จะปีนผาแบบจริงๆก็แล้วกัน
จัดแจงเก็บกล้องก็ปินปายมุ่งหน้าสู่ View Point และ Lagoon ซึ่งตลอดเส้นทางนั้น บางช่วงบางตอนจะมีเชือกเส้นใหญ่ที่เขา (ไม่รู้ว่าใคร) ได้ผูกไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เพื่อช่วยพยุง ใช่ค่ะการไต่ไปตามเชือก ช่วยให้สะดวกขึ้นเยอะเลยจริงๆครับ แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาค่ะ ขอแนะนำว่า ถ้าเกิดใครคิดจะไปตรงจุด View Point และ Lagoon นั้น ต้องเตรียมรองเท้าที่กันลื่นนะ เป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ

ปีนมาได้สักระยะ หยุดพักบ้างตามประสา ช่วงที่ก่อนจะถึงจุดชมวิวหาดไร่เลย์ (Railay View Point) สูงชันเกือบจะ 90 องศากันเลยทีเดียว มาเจอกับป้ายบอกทางว่า อีก 50 เมตรก็จะถึงจุดชมวิว แต่ตอนแรกว่าจะไปที่ Lagoon ก่อนแล้วค่อยขึ้นมาไปจุดชมวิว แต่ที่ไหนได้ล่ะไปยืนมองการปืนลงไปทาง Lagoon แล้วเราคงไม่ไหวจริงๆ มีผู้หญิงฝรั่ง 2 คน ก็ยืนลังเลเหมือนเรา ก็เลยตัดสินใจชวนกันไปจุดชมวิว ไม่รอช้ารีบใส่พลังฮึดเข้าไป และแล้วก็มาถึงจุดชมวิว

ว้าว...สวยงามจริงๆค่ะ รู้สึกตื่นเต้นจริงๆ เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยไปโดยปริยายหรือว่าลืมเหนื่อยไปเลยก็ไม่รู้

กับวิวที่ได้เห็น จากตรงนี้จะมองเห็นหาดไร่เลย์ตะวันออก และหาดไร่เลย์ตะวันตก หายเหนื่อยกันเลย

ลงจะปืนไปยังจุดชมวิวแล้ว ก็มาพักให้หายเหนื่อยที่ห้องก็เก็บกระเป๋าไปเช็คเฮ้า ในช่วงสายๆแดดกำลังดี นักท่องเที่ยวก็ต่างมานั่ง นอน อาบน้ำ เล่นน้ำกันบริเวณริมหาดที่ทอดยาวของไร่เลย์ฝั่งทิศตะวันตก วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยเหลือเกิน ท้องฟ้าโปร่งใสมาก น้ำทะเลก็นิ่ง เป็นสีฟ้าคราม และแล้วก็ได้เวลารอขึ้นเรือหางยาวกลับฝั่งที่อ่าวนาง

ขอขอบคุณไร่เลย์ดินแดนน่าอัศจรรย์แห่งนี้

ทริปไร่เลย ์ครั้งนี้ ทำให้ได้ทราบว่า มนต์เสน่ห์ของที่นี่ มนต์เสน่ห์แบบนี้ หินผา หาดทรายขาว น้ำทะลใส ธรรมชาติที่สวยงาม รายล้อมไปด้วยขุนเขา ช่างสวยงามชวนหลงไหลและน่าค้นหาจริงๆ


ตามมาเที่ยว กิน แบบชิลๆกัน กับ How About chill out

https://www.facebook.com/Howaboutchillout/

How About Chillout

 วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 17.12 น.

ความคิดเห็น