รู้หรือไม่โฮจิมินห์ซิตี้เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเวียดนาม พื้นที่ใหญ่กว่ากทม. ประชากรพอๆกัน และรู้ไรมั้ยบินไปโฮจิมินห์ใกล้กว่าบินไปหาดใหญ่ อยากพิสูจน์ว่าใกล้กว่าขนาดไหน just click



นายน้ำฟ้าได้มีโอกาสกลับมาเยือนมหานครโฮจิมินห์อีกครั้ง หลังจากครั้งที่แล้วแค่โฉบๆ บินมาจากดานังลงที่เมืองนี้ stop over หนึ่งคืนแล้วเที่ยวนอกเมือง (อุโมงค์กู่จี) นิดหน่อย ก่อนจะบินดิ่งกลับไทย มาคราวนี้จัดเต็มกว่าเดิม แม้จะไม่เต็มมาก เพียง 2 วัน 2 คืน ก่อนจะโฉบออกไปลุยทะเลทรายที่ มุยเน่ Mui Ne (รอพบกับรีวิวเร็วๆ นี้) แต่สองวันสองคืนก็ได้ทริป sightseeing เที่ยว 8 จุดแวะ กิน 4 จุดอิ่มในมหานครโฮจิมินห์ โดยเน้นๆ กันที่เขต District 1 อันเป็นเขตเศรษฐกิจชั้นในใจกลางเมืองกันเลย ก็ขอรีวิวเป็นไกด์บุ๊คเล็กๆ เผื่อไว้สำหรับลอกทริปนะครับ ปะ ไปดูกันเลย ขอเริ่มด้วย

ตารางทำการบินก่อน ผมเดินทางครั้งนี้ด้วยสายการบินนกแอร์ ซึ่งเปิดเส้นทางใหม่ล่าสุด สู่โฮจิมินห์ มาเมื่อหมาดๆ ตารางบินเป็นดังด้านล่างนี้ครับ





และจุดแวะจุดกินทั้งหมดเป็นดังแผนที่ด้านล่างนี้


พิกัดต่างๆ ในแผนที่ข้างบน

8 จุดแวะ


  1. โบสถ์ Notre Dame Cathedral 10.779745, 106.699024
  2. อาคารไปรษณีย์กลาง Saigon Central Post Office 10.779661, 106.699799
  3. Ho Chi Minh City Hall 10.776500, 106.700957
  4. Saigon Opera House 10.776658, 106.703239
  5. พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ 10.768262, 106.706770
  6. Ho Chi Minh City Museum 10.775990, 106.699646
  7. ตลาด Ben Thanh 10.772393, 106.697975
  8. โรงละครหุ่นกระบอกน้ำ The Golden Dragon Water Puppet Theater 10.776435, 106.692605

4 จุดอิ่ม


  1. nha hang ngon restaurant 10.777379, 106.699680
  2. Quan Bui restaurant 10.781430, 106.705876
  3. An restaurant 10.774392, 106.704187
  4. The Refinery restaurant 10.777984, 106.703859

แถม 2 ร้านกาแฟ

และพิกัด point of interest อื่นๆ


ผมบินไฟล์ทเช้า เที่ยวบิน DD3210 ตีห้าครึ่งเช็คอินดอนเมือง เจ็ดโมงครึ่ง Take off เก้าโมงนิดๆ Landing แตะพื้นรันเวย์สนามบินเตินเซินเญิ๊ต สิบโมงก็ออกมาเดินเฉิดฉายหน้าเทอร์มินอล แล้วก็มุ่งหน้าเข้าเมือง




มาเริ่มกันที่จุดแรก หลังจากเครื่องนกแลนดิ้ง ผ่านตม.ออกมาเรียบร้อยก็ตรงดิ่งสู่ใจกลางเมือง เริ่มต้นเที่ยวกันเลย เพียง 7.5 กิโลเราก็มาถึงละ







แวะที่ 1

โบสถ์ Notre Dame Cathedral

โบสถ์ Notre Dame Cathedral อ่านว่า โบสถ์นอร์ธเธอดาม แลนด์มาร์คสำคัญที่สุดของเมืองโฮจิมินห์เลยก็ว่าได้ วิหารหรือโบสถ์คาธอลิคหลังนี้จัดเป็นโบสถ์ ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สร้างในยุคจักรวรรดิฝรั่งเศสครองเวียดนาม สร้างเลียนแบบวิหารนอร์ทดามแห่งกรุงปารีส มีอายุร้อยกว่าปีร้อย ปกครองโดยบาทหลวงที่มีฐานะขึ้นเป็นโป๊บได้ บั๊ดซาริก้า จริงๆแล้วคำเรียกนี้หายถึงอาคารในยุคโรมัน อันหมายถึงสถานที่ชุมนุม ต่อมาหมายถึงสถานที่แสวงบุญ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 6 ปี อิฐทุกก้อนส่งตรงลงเรือมาจากกรุงมาร์แซย์ของฝรั่งเศส ใครไม่เคยชมต้องมาชมให้ได้ จัดว่าเป็นโบสถ์ที่สวยมาก






สถาปัตยกรรมแบบนีโอ-โรมันเนสก์







บนเพดานจะสังเกตเห็นปีค.ศ. 1880 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มสร้างโบสถ์หลังนี้








แวะที่ 2

อาคารไปรษณีย์กลาง Saigon Central Post Office

อาคารสีเหลืองเข้ม สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ยุคที่ไซง่อนตกอยู่ใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส (ไซง่อนเปลี่ยนชื่อเป็นโฮจิมินห์ซิตี้เมื่อปี ค.ศ.1976) อายุเก่าแก่กว่า 124 ปี (สร้างเสร็จในปี 1891) ก็เรียกว่ายุคเดียวกันสร้างกันมาไล่ไล่กับโบสก์นอร์ทเธอดามนั่นเลย อยู่ติดๆ กันอีกต่างหาก สมัยนั้นฝรั่งเศสตั้งใจเนรมิตเมืองไซง่อนให้เป็นปารีสตะวันออกเลยทีเดียว เป็นหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมาชม เพราะว่าตึกเค้าสวยงามจริงๆ




ถึงแม้ทั้งโบสถ์นอร์ทฯ และไปรษณีย์กลางแห่งนี้จะอยู่ติดๆ กันแค่ข้ามถนนแต่สำหรับใครที่จริงจังกับการถ่ายภาพวิวสถานที่สวยๆ ต้องวางแผนนิดนึงครับ เพราะต่างหันด้านหน้าเข้าหาแดดแบบคนละทิศละทาง โบสถ์นอร์ทเธอดามจัดหันด้านหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอาคารไปรษณีย์กลางจะหันด้านหน้าอาคารออกไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไขว้กันแบบนี้ถ้าจะถ่ายโบสถ์ก็ต้องรับแสงยามเช้า จะถ่ายอาคารไปรษณีย์ก็ต้องรับแสงยามบ่าย ถ้าจะมาคราวเดียวถ่ายแล้วทั้งสองแห่งได้รับแสงในเวลาเดียวกันเนี่ยต้องมาตอนเช้าในช่วงหน้าหนาวราวปลายธค. ต้นมค.ล่ะครับ คือรอวันที่ตะวันขึ้นอ้อมใต้ให้มากที่สุด แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็แวะมาสองหนเลย ถ้าชิลๆสบายๆ ไงก็ได้ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเวลา หรืออย่างวันไร้แดดก็คงถ่ายได้ทุกเวลาล่ะครับ เป็นเกร็ดเล็กๆมาฝากกัน







หากเดินเล่นมาถึงตรงนี้แล้วได้เวลาหม่ำมื้อเที่ยง ขอแนะนำร้านอาหารเวียดนามละแวกนี้




อิ่มที่ 1

nHa Hang Ngon restaurant

อาหารตำรับเวียดนามขนานแท้ authentic ฝุดๆ ตัวร้านก็เป็นอาคารเก่าแก่สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสโคโลเนียลสีเหลืองอ๋อยแบบเดียวกับอาคารไปรษณีย์กลางนั่นเลย วิธีสั่งอาหารร้านนี้แปลกแหวกตลาด สามารถเดินไปเลือกๆ ชี้ๆ จดใส่มือน้องพนง. ได้เลย ตอนแรกนึกว่าทำไมในร้านอนุญาตให้แม่ค้าหาบเร่เข้ามาขายอาหารในร้านนะ 555 แนะนำว่าห้ามพลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง








สามารถดูภาพเต็มๆ ตาพร้อมบรรยายภาพเพิ่มเติมได้ใน อัลบั้มภาพในเพจ














อิ่มหนำแล้วอาจจะแวะชิมกาแฟ หรือหาของทานเล่น พวกเค้ก คุ้กกี้กันได้ที่ร้าน

M2C bistro and coffee

ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง


















บ่ายแก่ๆ ก็เดินเล่นกันต่อกับอีกสองจุดแวะ






แวะที่ 3

จตุรัสโฮจิมินห์และ โฮจิมินห์ซิตี้ฮอล




โฮจิมินห์ซิตี้ฮอลหรือศาลาว่าการเมืองหรืออาคารคณะกรรมการประชาชน เป็นอาคารเก่าแก่สัญลักษณ์ยุคอาณานิคมฝรั่งเศสอีกแห่งหนึ่ง ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 16 ปี ไม่ได้เปิดให้เข้าไปชมด้านในนะครับ ชมได้แต่เพียงภายนอกซึ่งมีรูปปั้นลุงโฮจิมินห์ยืนโบกมืออยู่!!! ว่าแต่ว่ารู้สึกว่าเหมือนเมื่อก่อนจะเป็นรูปปั้นลุงโฮนั่งอุ้มเด็กนี่นา!!!



ด้านหน้าของซิตี้ฮอลนี้จะเป็นลานกว้างๆ ที่มีความยาวสุดลูกหูลูกตา




ต่อเนื่องมาที่



แวะที่ 4

Saigon Opera House


อาคารทรงสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค การก่อสร้างอาคารหลังนี้ถือเป็นการปฏิวัติการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ครั้งใหญ่ คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่แต่เดิมนิยมสร้างเป็นหลังคาอิฐมาใช้วัสดุเป็นเหล็กแทน ลดน้ำหนักไปได้มหาศาล เป็นอีกที่ที่น่ามา sightseeing ครับ สวย





กลางคืนก็สวย ด้วยการฉาบแสงสี lighting อย่างงดงาม




ขอตัวเช็คอินเข้าพักก่อนนะครับ ออกเดินทางจากบ้านมาตั้งแต่ตีสี ถึงหนามบินตีห้า เจ็ดโมงครึ่งบิน เก้าโมงถึง สิบโมงเริ่มเดินเที่ยวแวะจุดแวะ 1 2 3 4 กินอีก 2 ที่ เพลานี้เมื่อยขาาาาา และง่วงมว้าก ซึ่งเราได้พักกับโรงแรม Pullman Saigon Centre พิกัดโรงแรม



(กำลังอยู่ระหว่างทำรีวิว เร็วๆ นี้)







นอนพักเมื่อยอยู่ในรร.สองสามชั่วโมงก็ได้เวลาพลบค่ำ เป็นเวลาออกมาหามื้อหม่ำดินเนอร์ และก็มาถึงจุดอิ่มต่อไปที่จะมาแนะนำกัน



อิ่มที่ 2

ร้านอาหาร Quan Bui

เป็นอาหารเวียดนามผสมรสชาติฝรั่งเศสนิดๆ ในละแวกร้านนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารให้เลือกอีกมากมายหลายร้านทั้งแหล่งบันเทิงด้วย




รสชาติผมว่าติดหวานสไตล์ฝรั่งปนๆ ล่ะ น่าจะเป็นสไตล์ที่หลายๆ คนชอบ... ก็อาจเป็นได้




ตกกลางคืนดึกยังไม่ดื่น ตายังสว่างโร่ แนะนำให้ย้อนกลับมาจุดแวะนี้ครับ ณ จตุรัสโฮจิมินห์ Ho Chi Minh Square ออกมาดูแสงสี ดูความคึกคัก ที่ที่ผู้คนทั้งหนุ่มสาว เด็ก ผู้ใหญ่ ต่างมารวมตัวกันที่นี่







ซินจ่าวโฮจิมินห์ซิตี้


เช้าวันใหม่อดีตเมืองไซง่อน สูงชลูดขวามือนั่นคือไบเท็คโซ ไฟแนลเชียล ทาวเวอร์ ตึกที่สูงที่สุดอันดับหนึ่งในเมืองโฮจิมินห์ สูงเป็นอันดับที่ 3 ของเวียดนาม





เมืองโฮจิมินห์จัดว่าครองสถิติเมืองที่มีจักรยานยนต์มากที่สุดไปได้อย่างสบายๆ นะครับ มีรถมอเตอร์ไซค์แล่นอยู่ในเมืองนี้กว่าสามล้านคัน จากเดิมที่เป็นเมืองที่มีจักรยานปั่นมากที่สุดในโลก เดี๋ยวนี้แปรเปลี่ยนมาขี่มอเตอร์ไซค์กันแล้ว ดูสับสนอลม่านมากสำหรับคนเพิ่งมาเยือนเมืองนี้ และไม่ว่าจะเป็นเมืองไหนๆ ของเวียดนามก็ตาม แต่ในความที่ดูเหมือนไม่เป็นระเบียบนั้นกลับมีระเบียบซุกซ่อนอยู่ครับ คนที่นี่ขี่ช้า สวมหมวกทุกคน และเราจะไม่เห็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 มาแว้นให้เห็น




แม้จะสูงไม่เท่าไบหยกสกายของไทยเรา แต่รูปทรงตึกที่มีจานเสียบโช๊ะอยู่ใกล้ๆ ยอดนั่นงามล้ำนะครับ ว่ามั้ย ถ้ามีเวลาคุณอาจจะขึ้นไปชมวิวจากข้างบน หรือหาบุฟเฟต์หม่ำบนนั้นก็ได้ Bitexco Financial Tower









เรามาเริ่มต้นเช้าวันใหม่กันด้วยการข้ามไปที่ district 4 ซึ่งอยู่ติดกับ district 1







แวะที่ 5

พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์

Ho Chi Minh Museum

ตั้งอยู่โค้งแม่น้ำไซง่อนจุดบรรจบของปากคลองเบ้นแหย่ มองเห็นทัศนีภาพโค้งแม่น้ำสวยงามพร้อมชมเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของวีรบุรุษอันดับหนึ่งตลอดกาลของชาวเวียดนาม ลุงโฮจิมินห์





เรียกอีกอย่างว่า "บ้านมังกร" จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ อัตชีวประวัติของลุงโฮจิมินห์ หรือนามเดิม เหวียนเติ๊ดแถ่ง นั่นเอง

รายรอบนอกอาคารชั้นบนชมวิวได้ มองเห็นเรือสำเบาโบราณลำใหญ่จอดนิ่งสนิท บริเวณนี้อดีตเป็นท่าเรือขนส่งของฝรั่งเศส

นอกอาคารชั้นล่างริมก็เป็นส่วนสาธารณะริมแม่น้ำและริมคลอง







มาถึงเวลาที่ต้องแนะนำร้านอาหารอิ่มอร่อยจุดต่อไปกันอีกแล้ว เหมาะกับการหม่ำมื้อเที่ยง และก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอิ่มที่แล้วๆ มาแน่นอน









อิ่มที่ 3

ร้าน AN Vietnamese Bistro restaurant

อีกหนึ่งร้านอาหารเวียดที่ไม่น่าพลาด สุดคลาสสิคสไตล์จีนเวียด หลบหนีกลิ่นอายฝรั่งเศสสักพัก




ร้านนี้พนักงานแต่งชุดอ๋าวใหญ่เสริฟอาหารกันเลย แอบกรี๊ด ^^/



อิ่มจากมื้อเที่ยงก็ตบด้วยกาแฟตามระเบียบ ให้สมกับมาเยือนเมืองกาแฟนะครับ ที่



Coffee Workshop

เป็นร้านกาแฟสุดฮิบ สุดพิถีพิถันในการทำกาแฟ

ไปนั่งเปิดประสบการณ์ชมกรรมวิธีกลั่นกาแฟด้วยสารพัดเทคนิค กว่าจะมาเป็นกาแฟในแต่ละช็อทสุดพิศดาร









หรือจะหอบหิ้วโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานชิลๆ จิบกาแฟไปก็เข้าที









จากนั้นออกเดินเล่นผ่านถนนสายจตุรัสโฮจิมินห์ ยาวๆ ไป 1 กิโล ชมวิวไปด้วย สู่จุดแวะจุดต่อไป








แวะที่ 6

ชมพิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์

Ho Chi Minh City Museum





แวะมาชมเรื่องราวความเป็นไปเป็นมาของเมืองไซง่อนก่อนและหลังถูกฝรั่งเศสยึดครอง กับพิพิธภัณฑ์ที่จัดว่าเป็นอาคารสถาปัตยกรรมศิลปะฝรั่งเศสที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองโฮจิมินห์ (ไซง่อนเดิม)

อดีตอาคารหลังนี้คือทำเนียบประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ที่จบชีวิตด้วยการถูกลอบสังหาร



ที่ผมชอบที่สุดก็คือมายืนมองสแตนด์อันนี้ (ภาพล่าง) ทำเป็นชาร์ต timeline ประวัติศาสตร์ชาติเวียดนาม

การจะทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติใดที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัย กับกาลเวลา ผมว่า timeline นี่ล่ะคือการอธิบายโครงร่างการเดินทางของประวัติศาสตร์ที่เห็นภาพชัดเจนที่สุด








มองลอดหน้าต่างอาคารพิพิธภัณฑ์เมืองโฮจิมินห์ไปเห็นตึกไบเท็คโคตะหง่านอยู่ สองสถานที่สองความแตกต่างทางกาลเวลา หนึ่งคืออาคารที่สะสมเรื่องราวเมืองในอดีต อีกหนึ่งคือตัวแทนสัญลักษณ์ของปัจจุบันและอนาคตของเมืองโฮจิมินห์







ลำดับต่อไป น่าจะถูกใจขาช้อปของก๊อป!

ลองเดินไปทางแนวที่ผมให้ไว้ในแผนที่ด้านขาว แม้จะไม่ใช่ระยะทางที่ใกล้ที่สุด แต่จะเป็นเส้นทางที่คุณจะตะลึงกับต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้า ลำตัวใหญ่ๆ เรียงรายตามแนวถนน







แวะที่ 7

ช้อบปิ้งที่ตลาดเบนถัน

Ben Thanh Market


บนพื้นที่กว่า 11,000 ตร.ม. มีของขายแทบทุกอย่าง ต่อรองราคาได้ ต่อครึ่งๆ ก็ยังได้ ของแทบทุกชนิดบอกผ่านกันสุดๆ แม้แต่เบียร์กระป๋องก็ยังต้องต่อ!



อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลด่องกับไทยบาท ช่วงที่ผมไปอยู่ที่ 10,000 ด่อง=16 บาทโดยประมาณ



ลิงค์ update อัตราแลกเปลี่ยนเงินสองสกุลนี้





ชาวเวียดนามไม่นิยมเรียกศูนย์ 3 ตัวหลังของตนเอง อย่างเช่น 1 หมื่นด่อง เค้าจะตัดศูนย์ทิ้งไป 3 ตัวแล้วเรียกว่า ten ก็แปลว่าหมื่นนึง อย่างผมซื้อเบียร์กระป๋อง (ยี่ห้อตองสามอร่อยดี) เค้าบอกราคาผ่านมา twenty-five แปลว่า 25,000 ด่อง ผมก็ต่อเหลือ fifteen เท่ากับหมื่นห้า ซึ่งก็ต่อได้ และเป็นราคาทั่วๆ ไปที่ซื้อจากที่อื่น 15,000 คิดกลับมาเป็นเงินไทยก็ 24 บาท





ตกกลางคืนที่ตลาดเบนถันยังแปรเปลี่ยนเป็นตลาดกลางคืน ร้านรวงตั้งแผงเรียงรายรอบตลาด ทั้งสารพัดร้านของกินด้วย นอกจากจะเป็นแหล่งช้อบกลางคืนแล้วยังเป็นสวรรค์นักชิมของข้างทางราคาประหยัดแถมอร่อย






จุดแวะสุดท้ายที่จะมาแนะนำกัน มาเวียดนามทั้งทีต้องหาโอกาสมาชมกันสักครั้ง






แวะที่ 8

ชมละครหุ่นกระบอกน้ำ ที่

The Golden Dragon Water Puppet Theater







การแสดงหุ่นน้ำนี้มีที่มาจากทางภาคเหนือของเวียดนาม แถบลุ่มแม่น้ำแดง เป็นการแสดงของชาวนา มีมาช้านานนับร้อยๆ ปีแล้ว ฉากการแสดงจะอยู่ในน้ำตลอด หุ่นจะถูกเชิดอยู่หลังม่าน





เปิดการแสดงทุกวันๆ ละ 2 รอบ 17.00 น. และ 18.30 น.





ปิดท้ายกับดินเนอร์มื้อค่ำ

ร้านที่จะแนะนำต่อไปนี้เดินไกลกันหน่อย 1.8 โล ถ้าจะลองถือโอกาสนี้นั่งแท๊กซี่กันก็ได้นะครับ

ดูที่มีมิเตอร์ ราคาไม่แพง มีใบเสร็จด้วย





อิ่มที่ 4

The Refinery restaurant

พักอาหารเวียดมาชิมอาหารสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ กันบ้าง




รสชาติอาหารก็โอเคนะครับ สำหรับผมที่ปกติไม่ชอบกินอาหารเมนูตะวันตก ก็ยังรู้สึกว่าอร่อยหลายอย่าง ที่สั่งมากินกันก็มี เริ่มด้วย Starter > Frise'e aux Lardons ตามด้วยMain Course > Roasted Sea Bass และปิดท้ายด้วย Dessert > The Refinery Frozen Cheesecake










ก็ถือเป็น ไกด์บุ๊ค ตะลอนนคร โฮจิมินห์ เล็กๆ นะครับ สำหรับทริปนี้ที่ได้ Nokair เป็นผู้เชิญผมไปในฐานะบล็อกเกอร์สื่อสายท่องเที่ยว อันที่จริงทริปยังมีต่ออีกหนึ่งวัน แต่ผมแยกออกจากกลุ่มทริปล่วงหน้า 1 วันเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองมุยเน่ และขอชดเชยเนื้อหาในเมืองโฮจิมินห์ที่ขาดหายไปด้วยรีวิว ลุยทะเลทรายมุยเน่ แทน รอติดตามรีวิวที่นี่เร็วๆ นี้ครับ ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์กันด้วยจักขอบพระคุณค้าบ





ฝากเพจน้อยๆ ไว้ติดตามอัพเดทกับแอดมินนายน้ำฟ้าด้วยนะครับ เลิฟคนไลค์เพจ อิอิ >> Page: GoTravel together with น้ำฟ้าป่าเขา >>> www.facebook.com/Namfapakhao/

น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา

 วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.52 น.

ความคิดเห็น