เป้าหมายสุดท้ายของทริปนี้คือ ดอยหลวงเชียงดาว ค่ะ เป็นยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และทางขึั้นยังคงเป็นทางที่ให้เดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นยอดดอยที่มีเสน่ห์มากๆ และสวยงามมาก จนหลายๆคนที่เคยมาเรียกที่นี่ว่า "สรวงสวรรค์" กันเลยค่ะ

ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกมาที่นี่ คำตอบคือ เพื่อนค่ะ เพื่อนชวนมา แต่สุดท้ายเพื่อนที่ชวนเรามาก็ไม่ได้มา
ทริปนี้ลงเอยที่ 4 สาวค่ะ เลยได้Hashtag ว่า #ทริปสี่สาวคนโฉดเห้ยโสด

แต่....ก่อนที่จะไปเดินขึ้นเขา เข้าป่า ก็ขอเที่ยวในเมืองก่อนนะคะ

26 Jan 2018 เดินทาง กทม.-เชียงใหม่

จุดเริ่มต้นการเดินทางก็ต้องเป็นหมอชิตสิคะ จะที่ไหนล่ะ ไปแบบงบน้อยค่ะ
เราเลือกใช้บริการของนครชัยร์แอร์ค่ะ เราเลือกแบบเป็น Gold Class ค่ะ ราคาอยู่ในระดับปานกลางนะคะ ที่นั่งเป็นเบาะนุ่มๆค่ะ เก้าอี้ปรับระดับได้ มีเพลงมีหนังให้ฟัง มีของขนม นม กับผ้าเย็นแจกค่ะ เนื่องจากรอบรถที่เราจองมันเป็นรอบ 23.00 ซึีงมันเลยเวลากินอาหารเย็นมาแล้ว เลยได้เป็นเบอร์เกอร์ไก่มาแทนค่ะ

ไม่แน่ใจว่ารอบอื่นเป็นมั้ย รอบที่เราไป Delay ไปประมาณ 10 นาทีได้ ฮ่าๆ ถ่ายรูปรอวนไปค่ะ

27 JAN 2018

พวกเราออกเดินทาง 23.10 ถึงจุดจอดรถของนครชัยแอร์ประมาณ 8.00 ค่ะ
จากนั้นเราก๋็จัดทัวร์ในนิมานก่อนเลยค่ะ เป็นการฆ่าเวลาค่ะ จริงๆแล้ว เราไม่ได้แพลนเรื่องนี้เอาไว้ค่ะ กะว่าพอถึงเชียงใหม่แล้วก็จะเดินทางไปเชียงดาวเลยค่ะ ฮ๋าๆ เพื่อนๆเลยแนะนำว่าหาที่อาบน้ำ กับกินข้าวก่อน เลยเกิดเป็นทริปทัวร์นิมมานขึ้นค่ะ

เนื่องจากพวกเรา backpack ไป เลยต้องใช้บริการรถสาธารณะค่ะ แต่เป็นสาธาณะแบบ Exclusive ในราคาย่อมเยาค่ะ นั่นก็คือ Uber และ Gab Taxi ต้องขอบคุณ Technology ทีทำให้เราใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายค่ะ

ก่อนที่จะไปเชียงดาวขอรีวิวร้านอาหารในนิมมานนิดนึงนะคะ โดยส่วนตัวไม่เคยมาเที่ยวเชียงใหม่เลยค่ะ ในขณะที่เพื่อนๆในทริปเคยมากันหมดแล้ว ดังนั้นในส่วนของทริปในเมืองนั้น ต้องยกให้เพื่อนเป็นแกนนำเลยค่ะ

ที่นี่ดูเหมือนกรุงเทพฯ เลยค่ะ มีรถติด อากาศร้อน แล้วก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนว Street ค่ะ แต่ดูสะอาดตามากกว่ากรุงเทพฯ นะคะ คราวหน้าถ้าได้มาอีกอยากมาดูว่ากลางคืนจะขวักไขว่กว่านี้มั้ย

กว่าพวกเราจะอาบน้ำกันเสร็จก็เกือบ 11 โมงแล้วค่ะ เราเลยไปจัดคาเฟอีนกันก่อนมื้อหลักเลยค่ะ
ร้านแรกค่ะ RISTR8TO จัดมาเลยค่ะ จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะว่าชื่อเมนูว่าอะไร รู้สึกว่าจะเป็น Mocca อะไรซักอย่าง ต้องขอโทษเจ้าของร้านด้วยนะคะ

แต่จำได้ว่ารสชาติเข้มได้ใจมากเลยค่ะ จากที่หิวโหยกาแฟ กลายเป็นตื่นเลยค่ะ ฮ่าๆ


ร้านที่ 2 ค่ะ เป็นของหนักแล้วค่ะ ไปถึงนิมมาน เพื่อนแนะนำว่าต้องกินข้าวซอยค่ะ หน้านี่ต้องมุ่งไปร้านข้าวซอยนิมานเลยค่ะ เมนูข้าวซอยมีให้เลือกเยอะเลยค่ะ ทั้งไก่ ทะเล ใส้อั่ว หมูทอด เรากลัวไม่ได้ลิ้มรสให้ครบทุกรสชาติเราเลยเลือกแบบรวมมิตรเลยค่ะ อร่อยยยยยยยยยยย

ร้านที่ 3 กินของคาวมาแล้วเราก็ต้องตบด้วยของหวานค่ะ จัดไปค่ะ ร้าน Iberry อันโด่งดังของพี่โน๊ตอุดม คือมองปุ๊ปก็รู้ปั๊ปเลยว่าต้องเป็นร้านของพี่โน๊ตแน่ๆ ของประดับตกแต่งในร้านนี่ Style พี่โน๊ตเลย เหมือนเรานั่งอยู่ใน Gallery art hall ของพี่แกเลยค่ะ เนื่องจากจัดคาเฟอีนไปแล้วร้านแรก ร้านนี้ก็เบาๆกับเมนูโกโก้ร้อนค่ะฟินมากค่ะ


เพื่อนเราชอบถ่ายรูปค่ะ และพวกนางอัพ IG Facebook ไวมากค่ะ ส่วนเราต้องรอมาอัพที่บ้านฮ่าๆ ยังไม่มี investment สำหรับอุปกรณ์New technology ค่ะ เมื่อท้องอิ่ม พลังเราก็มาแล้วค่ะ พร้อมเดินทางไปเชียงดาวแล้วค่ะ ^^

เดินทางไปเชียงดาว

จากเชียงใหม่ไปเชียงดาว เราต้องไปขึ้นรถที่ขนส่งช้างเผือกค่ะ เดินทางไปขนส่งช้างเผือกยังไง ก็ง่ายๆค่ะ Uber เลยค่ะง่ายสะดวกราคาประหยัดค่ะ

พอถึงขนส่งช้างเผือกเราก็ต้องไปซื้อตั๋วนะคะ บอกเขาว่าจะไปเชียงดาวค่ะ เขาจะแนะนำให้เราไปลงโลตัสเชียงดาวค่ะ เราก็คุยกับเขาขอให้บอกด้วยถ้าถึงโลตัสแล้ว ราคาค่าโดยสาร 40 บาทค่ะ หน้าตาตั๋วก็เหมือนๆกับตั๋วรถเมล์ในกทม.อ่ะค่ะ แต่ได้มาหลายใบเลยค่ะ ได้แล้วก็เก็บไว้กับตัวนะคะ เพราะบางคันจะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจนะค่ะ

รถที่เราต้องขึ้นคือรถเชียงใหม่-ท่าตอนนะคะ เป็นรถแบบ Open air ให้อารมณ์คลาสสิกสุดๆค่ะ เริ่มเป็น Backpackขึ้นมาแล้วค่ะ รถจะออกทุกๆ ครึ่งชั่วโมงค่ะ คนเต็มรถไวก็จะออกก่อนครบครึ่งชั่วโมง ถ้าคนไม่เต็มรถก็จะออกทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ .

ชาวบ้านแถวเขาก็ใช้บริการกันเยอะนะคะ ส่วนใหญ่ก็ชาวบ้านนั่นแหละค่ะ นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมีเท่าไรจะว่าไปก็ทั้งคันดูเหมือนจะมีแต่แก๊งเราที่ดูเป็นนักท่องเที่ยวนะคะ และด้วยความที่ชาวบ้านใช้บริการเยอะ เขาก็จะหอบของกันเยอะเลยค่ะ มีเป็นลังใหญ่ๆก็มีค่ะ พวกของที่เป็นชิ้นใหญ่ๆ ที่เราไม่สามารถเอาขึ้นรถไปด้วยได้ เขาก็ให้เอาไปไว้ในช่องเก็บของด้านข้างรถนะคะ รวมทั้งกระเป๋าของเราด้วย มันใหญ่มากจริงๆ^^ ที่สำคัญอย่าลิมเอาบัตรประชาชนพกติดตัวไปด้วยนะคะ บางคันจะมีเจ้าหน้าที่ทหารขึ้นมาตรวจบัตรประชาชนนะคะ

ระยะเวลาจากช้างเผือกไปเชียงดาวก็ราวๆ 1.5-2 ชั่วโมงค่ะ เขาก็ขับไปเรื่อยๆค่ะ ระหว่าทางเราก็แอบพักสายตานิดนึงค่ะ 555 รถเขาก็ขับไปแบบไม่รีบร้อนค่ะ พวกเราเลยให้ชื่อรถว่า รถหวานเย็น ฮ่าๆๆ คือไปแบบเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบอะค่ะ

จริงๆก็ไปโดยไม่มีรายละเอียดข้อมูลมากอ่ะนะคะ ส่วนใหญ่ถามจากลุงแกละเอาค่ะ 5555 ไม่รู้ว่าต้องขึ้นรถอะไร ไม่รู้ว่าจะต้องมาขนส่งช้างเผือกยังไง รอบรถมีเวลาไหนบ้าง ไม่รู้ว่าหน้าตาโลตัสเชียงดาวจะเป็นยังไง เน้นไปตายเอาดาบหน้าเอาค่ะ ฮ่าๆ ก็สนุกไปอีกแบบนะคะ

พอเห็นเป็นป่าเขา พวกเราก็ใจจดใจจ่อมากค่ะ อยากรู้ว่าโลตัสเชียงดาวหน้าตาเป็นไง ใหญ่โตมากมั้ย มาสร้างได้ไงในหุบเขาแบบนี้ ตื่นเต้นมากค่ะ เราถึงกับเปิด GPS ไว้เลยค่ะ พอ GPS แจ้งว่าอีก 20นาทีจะถึง เราก็โทรให้ลุงแกละออกมารับค่ะ จริงๆวันนั้นแกติดธุระนะคะ แต่แกก็ให้ทีมงานของแกมารับแทนค่ะ เห็นมั้ยคะลุงใจดีจริงๆ

สรุปโลตัสที่เราเฝ้ารอจะได้เห็นก็เป็นโลตัส Express เล็กๆ ธรรมดาๆ ค่ะ ฮ่าๆๆๆ จะตื่นเต้นทำไมเนี่ยยยย ตื่นเต้นจนลืมถ่ายรูปมาเลยค่ะ 55555 พอเราลงจากรถปุ๊ป ก็มีรถกระบะ 4WD ที่ลุงแกละให้มารับเราเข้ามาจอดเท่ียบเราเลยค่ะ

พอมาถึงเชียงดาวรู้สึกได้เลยนะคะว่าอากาศดีมากๆ เงียบสงบ แล้วก็มีภูเขาสูงใหญ่เป็นฉากหลัง เป็นวิวที่สวยมากๆค่ะ โดยเฉพาะช่วงที่เราไปพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วค่ะ เลยได้ภาพที่เป็นแสงอาทิตย์ลดออกมาจากเทือกเขาค่ะ

คืนนั้นเราไม่ได้นอนที่บ้านลุงแกละนะคะ ไม่แน่ใจว่าลุงแกละแกจะมีที่ให้นอนมั้ย 55555 เราเลือกนอนที่บ้าน Ashi ค่ะ เป็น Grues house ค่ะ เป็นกันเองมากๆค่ะ คือเราเลือกนอนเป็นห้องพักเลยค่ะ ราคาถูกค่ะ เมื่อเทียบกับรีสอร์ทในระแวกนั้น แล้วก็ใกล้กับวัดถ้ำเชียงดาวด้วยค่ะ เดินไปแค่ไม่ถึง 100 เมตร ก็ถึงวัดแล้วค่ะ แต่ว่าเราไปช้าเกินไป วัดปิดค่ะ ไม่อนุญาตให้เข้าไปในถ้ำแล้วค่ะ แต่ด้านนอกมีบ่อน้ำมหัศจรรย์นะคะ น้ำในบ่อจะเป็นสีฟ้าตลอดทั้งปีเลยค่ะ สวยงามมากๆ คิดว่าถ้าได้ไปอีกก็คงจะไปเข้าถ้ำค่ะ

ขอย้อนกลับมาที่บ้าน Ashi นิสนึงนะคะ เราติดต่อจองบ้าน Ashi ผ่านทาง Facebook ค่ะ แล้วก็จัดแจงโอนเงินแล้วก็จองเลยค่ะ Ashi Guesthouse ChiangDao

ส่วนของเรื่องอาหารมื้อเย็น เราเลือกเป็นเมนูชาบูชุดใหญ่กับปลาเผา ที่จัดโดยบ้าน Ashi ค่ะ มื้อเช้าเป็นข้าวต้มกับกาแฟ นะคะ อิ่มอร่อย นอนหลับสบายยยยย ท่ามกลางวิวสวยหลังหลายล้านคุ้มค่ามากค่ะ

แนะนำว่ามื้อเช้ากินให้อิ่มนะคะเวลาขึ้นเขาจะได้ไม่หน้ามืด เป็นลม หรือจะอ้วกนะคะ ^^ กินให้อิ่ม ห้ามกินน้อยๆ ให้กินให้อิ่มนะคะ เน้นค่ะ กินให้อิ่มวิวดอยเชียงดาว จากบ้านอาชิค่ะ มองจากระเบียงหน้าบ้านออกมาก็เห็นวิวแบบนี้เลย ฟินสุดๆค่ะ และได้กินข้าวต้มร้อนๆ แล้วก็ดูวิวนี้ไปด้วย ตบท้ายด้วยกาแฟอุ่นๆ โอ้วโห้ววววว อย่ามัวแต่คิดภาพตามนะคะ รีบโทรไปจองบ้านพักเลยค่ะ ฮ่าๆๆ
บ้าานอาชิค่ะ

Journey Eater

 วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.24 น.

ความคิดเห็น