ถ้าพูดถึงประเทศเพื่อนบ้าน หลายๆคนอาจจะนึกถึงเมืองที่มีความเจริญอย่างสิงคโปร์ หรือเมืองชิคๆอย่าง เวียดนาม เมืองหลวงพระบางเลยอาจจะเป็นเมืองนอกกระแสไปสักนิด แต่เชื่อเถอะ ถ้าคุณได้ไปสักครั้ง คุณอยากกลับไปอีกรอบแน่นอน


การเดินทางมายังเมืองหลวงพระบางไม่ได้ยากเลย เพียงแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆจากกรุงเทพเท่านั้นเอง โดยรอบนี้เราได้เดินทางไปหลวงพระบางกับแอร์เอเชียที่มีบินตรงทุกวัน แถมราคายังจับต้องได้อีกด้วย



มาถึงหลวงพระบางสิ่งแรกที่ทำคือ ซื้อซิมที่สนามบิน ซิมที่นี่ 3 วันอยู่ที่ 100 บาท อินเตอร์เน็ตอาจจะเร็วสู้บ้านเราไม่ได้แต่สัญญาณก็ถือว่าโอเค ที่ลาวสามารถใช้เงินไทยได้นะคะ แต่ของอาจจะแพงกว่าไม่กี่สิบบาท ถ้าไม่คิดอะไรมากใช้เงินไทยก็ง่ายดี แต่ถ้าใครอยากแลกเงินกีบก็แลกได้ที่สนามบินก่อนออกมาขึ้นรถได้เช่นกัน

รอบนี้เราแลกไป 2000 บาทไทย ก็ประมาณ 5 แสนกีบ แหละ 10,000 กีบประมาณ 40 บาท


รอบนี้เราเข้าพักที่โรงแรม 3 Nagas M Gallery by Sofitel บูตีคโฮเทลที่อยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง สามารถขี่จักรยานไปถนนคนเดินและวัดพระธาตุภูศรีได้อีกด้วย เรียกได้ว่าใครที่อยากพักผ่อนใจกลางเมือง ที่ 3 Nagas ก็ตอบโจทย์ได้มากมายเลยทีเดียว

ห้องพักที่ 3 Nagas มีเพียง 15 ห้องเท่านั้น เนื่องจากเป็นบ้านเก่าที่สร้างไว้มานานมากแล้ว ตัวห้องพักจะอยู่ในตึกทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งตัวของ Facilities ต่างๆเช่น สปา สระว่ายน้ำ สามารถไปใช้บริการที่โรงแรม โซฟิเทล หลวงพระบาง ได้เช่นกัน

ซึ่งในตอนเย็นก่อนที่เราจะไปทานข้าวกัน ทางโรงแรมได้มีจัดพิธีบายศรี ที่โรงแรมโซฟิเทล หลวงพระบาง ด้วยแหละ งานนี้ต้องขอเข้าร่วมด้วย เพราะพิธีบายศรีของชาวหลวงพระบางนั้น เรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่ทุกบ้านจะต้องทำ ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเขาทำกันทุกวันตอนกลับบ้านด้วย

เป็นพิธีที่อบอุ่นมากมาย ชาวหลวงพระบางนี่น่ารักจริงๆนะ : )

หลังจากเสร็จพิธี ที่โรงแรม โซฟิเทล หลวงพระบาง จะมีกิจกรรมเล็กๆเรียกว่า Management Cocktail เป็นการที่แขกของโรงแรมลงมาพบปะพูดคุยพร้อมจิบไวน์ หรือทานคานาเป้เล็กๆ เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่จะทำให้เราสร้างเพื่อนเพิ่มได้อีกด้วยแหละ

หลังจากที่เราบายศรีเสร็จแล้ว การท่องหลวงพระบางก็เริ่มต้นขึ้น เริ่มต้นจากร้านพิซซ่าเจ้าเด็ดที่จะเปิดแค่วันอังคารและศุกร์เท่านั้น ชื่อว่า Secret Pizza เนื่องจากร้านอยู่ลึกมาก ต้องคนรู้จักจริงๆถึงจะไปถูก ให้ไปเองก็คงจะหลง ร้านนี้คนเยอะมากๆ อาจะเพราะเปิดแค่ 2 วันและคนรู้จักดีทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ที่นี่มีทั้งพิซซ่า ลาซานญ่า และมีผักสลัดสดๆให้เลือกซื้อและสั่งทานตรงนั้น และที่เด็ดพอๆกับพิซซ่าคงจะเป็นน้ำผลไม้ปั่น กล้วยปั่นอร่อยมากกกกกก นี่ซัดไป 2 แก้วอะ


หากใครที่มาหลวงพระบางแล้วคิดว่าเป็นเมืองเงียบๆไม่มีสีสันอะไรแล้วละก็ น่าจะคิดผิดไปนิดนึง เพราะที่หลวงพระบางนั้นยังมีร้านนั่งชิลและผับให้วัยรุ่นได้ไปสนุกอีกด้วย ซึ่งที่เราไปมี 2 ร้าน คือ ร้าน Full Moon เป็นร้านอาหารมีดนตรีสด และที่สำคัญ เขาเล่นเพลงทุกภาษา ทั้ง อังกฤษ จีน และเพลงไทย หรือใครสายย่อ ก็เชิญไปร้าน ดาวฟ้า ซึ่งเลย Full moon ไปประมาณ 300 เมตร ร้านนี้ตื้ดสุด และที่พีคคือ ที่ร้านเปิดเพลง คุ้กกี้เสี่ยงทายด้วยแหละ ><


เช้าวันต่อมาเราตื่นกันไม่เช้ามา เพราะเรามีแพลนจะไปแลนด์มาร์กของหลวงพระบางนั้นก็คือ น้ำตกกว่างสี น้ำตกขนาดใหญ่และมีบ่อลากูนสีฟ้าให้เราได้ลงเล่นกัน บอกเลยว่า หนาวมากกกกกกกกก น้ำเย็นสุดอะไรสุด

เล่นน้ำตัวเปียกแล้ว ก่อนกลับมาที่ตัวเมืองเราได้แวะฟาร์มควายกันก่อน อย่างที่รู้ๆกันว่าที่ประเทศลาวนั้นยังคงนิยมบริโภคเนื้อควาย และนมควายอยู่ ที่หลวงพระบางได้มีการจัดทำฟาร์มความอย่างเป็นเรื่องราว และมีการผลิตนมและชีสจากนมควายไว้จำหน่ายอีกด้วยนะ

ภายในฟาร์มยังมีกิจกรรมให้เลือกทำด้วย ทั้งให้อาหารหมูป่า ป้อนนมควาย อาบน้ำให้น้องควายและรีดนมควาย เรียกได้ว่า ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตเกษตรกรที่แท้จริงเลยแหละ

และที่แน่ๆอย่าพลาดที่จะลองชิมชีสจากนมควายพร้อมไอศครีมจากนมควายที่เรียกได้ว่าอร่อยมาก ไอศครีมก็มีหลายรสอีกด้วย


และไฮไลท์ของทริปนี้คือ การล่องเรือไปตามแม่น้ำโขงค่ะ โดยในครั้งนี้เราเลือกไปกับ Mekong Kingdoms หรือถ้าใครได้ตามไอจีญาญ่าละก็ เนี่ยแหละ ลำนี้เลยที่ญาญ่ามาล่องตอนมาเที่ยวหลวงพระบาง ขอบอกว่ามันบรรยากาศดีมากกกก มาเที่ยวหลวงพระบางทั้งที จะพลาด Sunset Cruise ในแม่น้ำโขงได้เยี่ยงไรกันเล่า

ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงบนเรือเรียกได้ว่าบรรยากาศดีสุดๆมีอาหารเสริฟตลอดแต่ส่วนมากเป็นอาหารว่างอย่างสลัด คานาเป้ พร้อมกับเครื่องดื่มทั้งไวน์และน้ำอัดลม ขอบอกว่าบรรยากาศโรแมนติกสุดๆไปเลยนะ : )



กลับขึ้นฝั่งเราขอไปทานอาหารเย็นที่ 3 Nagas บ้าง ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้ทานอาหารในพื้นที่เลยสักมื้อ ที่โรงแรม 3 Nagas นั้นมีบริการอาหารลาวแท้ๆให้ไปลองชิมด้วยนะ ขอบอกว่าอร่อยไม่แพ้อาหารไทยเลย ที่เด็ดที่สุดบนโต๊ะก็คือ เนื้อควายย่างนั้นเอง

และด้วยความที่สายบู๊มาทั้งวันแล้ว วันต่อมาเราเลยขอเป็นสายบุญบ้าง เราเริ่มต้นจากการตื่นมาใส่บาตรข้าวเหนียวซึ่งเป็นวัฒนธรรมของที่นี่อยู่แล้วที่พระทุกวันจะออกมาบิณฑบาตรพร้อมกัน ประมาณ 300 กว่ารูป และชาวบ้านก็จะนำข้าวเหนียวมาใส่บาตรพระ ตามรายทางก็ยังเห็นมีขายข้าวเหนียวและขนมขี้หนูอีกด้วยนะ





ใส่บาตรเสร็จก่อนไปตะลุยทัวร์วัดก็ขอทำท้องให้อิ่มก่อน เราชอบอาหารเช้าที่ 3 nagas มากเลยนะ เค้ามีให้เลือกเป็น A La Cart แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อิ่มเพราะเราสามารถสั่งมาได้เรื่อยๆ มีทั้งอาหารแบบ ABF ที่เป็นมาตรฐานและอาหารเช้าแบบท้องถิ่น ทั้งข้าวต้ม แหนมขาว





แคนตาลูปที่นี่อร่อยมากกกกกกกกก หวานสุด


เราขอยืมจักรยานจากที่โรงแรมปั่นไปวัดภูศรีใกล้ๆโรงแรม วัดนี้เราต้องเดินขึ้นไปประมาณ 10 นาที แฮ่กพอสมควร แต่วิวบนนั้นบอกได้เลยว่ามันดีมากกกกก เราสามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได้แบบ 360 องศา แถมอากาศก็ดีสุดๆอีกด้วย บริเวณก่อนขึ้นพระธาตุนั้นจะมีชาวบ้านมาขายดอกไม้ รวมไปถึงพวกผักผลไม้ด้วย







วิวที่ได้นั้นเรียกได้ว่าหายเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ก่อนที่เราจะไปวัดอื่นๆกันต่อ เราจะผ่านถนนที่เป็นถนนคนเดิน ซึ่งเราว่าตึกแถวนั้นมันสวยมาก มีความวินเทจในตัวพอสมควร



และแน่นอน เมื่อคุณมาถึงประเทศลาวแล้ว คุณคงไม่อยากพลาดที่จะลองทานแซนวิสใช่ไหมละ บอกเลยว่าอร่อยมากกกก


ก่อนกลับกรุงเทพในตอนเย็นนั้น เราจะต้องแวะไปไหว้พระวัดสำคัญอย่าง วัดเซี่ยงทอง ซึ่งทุกคนที่ไปกันนั้นจะต้องไม่พลาดที่จะถ่ายกับช่องหน้าต่างที่ภายนอกได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม




เชื่อไหมว่าการที่เราได้ไปหลวงพระบาง 3 วันนั้นเรารู้สึกแฮปปี้มาก มันไม่มีความวุ่นวายใดๆเลย เป็นเมืองที่สบายๆ ผู้คนน่ารัก อากาศดี ไปไหนเจอแต่คนยิ้มให้

บางทีความสุขจากการเดินทาง ก็มาจากคนรอบข้างจริงๆนะ :)


FAHPAWA

Photo by : @Nookchun








Fahpawa - Travel and outing

 วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.20 น.

ความคิดเห็น