Vietnam 4 Days 3 Nights
ใช้เงินทั้งทริปทั้งหมด 8,400 บาท
- ค่าเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ - โฮจิมิน 3,590 บาท
- ค่าใช้จ่ายที่อยู่เวียดนาม 4,810 บาท
มีค่าใช้จ่ายยังไงบ้าง จะค่อยๆแยกให้นะ

วันที่ 2 การเดินทางของเราเริ่มต้นเช้ามากเพราะเรานั่งรถนอนมาจาก Mui Ne ถึง Ho Chi Mint ตอน ตี 5 ซึ่งทุกอย่างยังคงมืดอยู่



พอลงรถได้สิ่งที่จะต้องเจอคือ บรรดาคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างของที่นี้มารุมล้อมมากมาย ซึ่งเราเองต้องการจะเดินเล่นในเมืองไปเรื่อยๆ แต่พวกเค้าก็พยายามจริงๆขนาดเดินออกมาไกลจากตัวรถแแล้วยังเดินตามมาอีกเราตัดสินใจเดินออกจากตรงนั้นในทันที

บรรยากาศยามเช้าของที่นี้ ร้านอาหารที่นี้เปิดเช้ามาก ส่วนมากก็จะเป็น โจ๊ก กับปาท่องโก๋ แล้วก็ร้านกาแฟ



เส้นทางที่ผมเดินได้เห็นตามทางค่อนข้างเยอะคือ Art Gallery ต่างๆมากมาย ซึ่งผมชอบมาก



เดินมาได้ซักพักนึงมาเจอถนนเส้นนี้ Pham Ngu Lao Street มันจะคล้ายๆ ข้าวสารบ้านเรา เป็นถนนที่มีสีสันมาก เวลาที่เราเดินไปถึงน่าจะซัก ตี 5 กว่าๆ เรียกว่าปิดกันเช้าเลย



เดินกันจนเกือบจะถึง 6 โมงเช้า เลยว่าจะหาที่นั่งเพื่อล้างหน้าแปรงฟันกัน ก็มาเจอร้านนี้ เป็นร้านกาแฟที่เปิด 24 ชั่วโมง บรรยากาศเป็นยังไง เดี๋ยวจะมาแนะนำกัน



หลังจากนั่งพักผ่อนชาร์จแบตโทรศัพท์จนเต็ม ก็เช้าพอดี ได้เวลาออกเดินสำรวจกันต่อ บรรยากาศยามเช้าของโฮจิมิน ค่อนข้างวุ่นวานกันแต่เช้า รถวิ่งกันมากมายเต็มถนนไปหมด มันมีเสน่ห์ไปอีกแบบนึงนะครับ



ร้านโชว์ห่วยข้างทางมีให้เห็นมากมาย ร้านพวกนี้หาง่ายกว่า ร้านสะดวกซื้อเยอะเลย



ผมตั้งใจจะเดินไปยัง Saigon Notre-Dame Basilica ซึ่งเป็นโบสถ์คาทอลิกที่อ่านจากใน Google มันเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ และดูจาก Google Map แล้วระยะทางจากร้านกาแฟเมื่อเช้าแค่ 2 กิโลเท่านั้นเอง แต่...ผมหลงทางครับ เลยได้มาเจอที่นี้ ที่นี้คือ JSC Saigon Railway Transport หรือก็คือ บริษัท ที่ดำเนินการรถไฟ ของเวียดนาม ครับ รูปทรงตึกสวยดี เลยถ่ายเก็บไว้พร้อมกับการลุ้นระทึกระหว่างข้างถนน



ยังไม่ทันถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจ ดันเดินผิดทางมาเจอเป้าหมายที่เราว่าจะมาถึงจากไปที่ Saigon Notre-Dame Basilica แล้วเลยได้หยุดยืนถ่ายรูกกันก่อน สำหรับที่นี้นั้นคือ Hồ Chí Minh City Hall สถานที่ราชการส่วนท้องถิ่นของที่โฮจิมินท์ ครับที่นี้นั้นจะอยู่หลังรูปปั้น Chu Tich Ho Chi Mint ตั้งอยู่กลาง Nguyễn Huệ Walking Street

สำหรับ Hồ Chí Minh City Hall สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1902-1908 เพื่อใช้เป็นศาลาว่าการเมือง ตัวอาคารสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ตรงกลางเป็นหอนาฬิกาขนาบข้างด้วยอาคาร 2 หลังที่สูงเด่น มีซุ้มประตู-หน้าต่างโค้งมนแซมด้วยเสากรีก และลวดลายปูนปั้นที่อ่อนช้อย ในปีค.ศ.1975 ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสภาประชาชน Hồ Chí Minh City Hall จัดว่าเป็นศาลาว่าการเมืองที่สวยที่สุดของนครโฮจิมินห์เลยครับ



มากันอีกด้านนึงของถนนกันครับ กับ จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue) มีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดี โฮจิมินห์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ และบริเวณนี้เป็นลานกว้าง มีน้ำพุที่สวยงามให้ได้ชม ยิ่งช่วงค่ำๆน้ำพุรวมกับไฟสีสาดส่อง ทำให้เป็นสถานที่ๆสวยงามมากครับ แต่เสียดายที่ผมอยู่ไม่ถึงช่วงค่ำ



ยิ่งเดินผมก็ยิ่งสนุกครับ ได้เห็นวิถีชีวิตมากมายของคนเวียดนาม สีแยกนี้การขายของข้างทางก็เหมือนๆกับบ้านเรา แต่ที่นี้จะ Advance กว่าคือ ขายมันตรง สี่แยกเลย ใครจะซื้อก็จอดมันตรงนั้น เอิ่มมม สุดยอดไปเลย



ในที่สุดก็ถึงซักที Saigon Notre-Dame Basilica โบสถ์คาทอลิก ที่สวยงาม ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1877 โดยได้จำลองการสร้างมาจากโบสถ์นอร์เธอดามในฝรั่งเศสมาไว้ที่นี่ใช้เวลาสร้างถึง 6 ปี สมัยที่ฝรั่งเศสยังเป็นจ้าวอาณานิคม แต่เวลาที่เราไปถึงเป็นช่วงปิดซ่อมปรับปรุงพอดี เลยอดเข้าไปถ่ายรูปด้านใน แต่แค่ด้านนอกก็สวยมากแล้วครับ



ด้านหน้า Saigon Notre-Dame Basilica ที่มีนกพิราบมากมาย เป็นที่พักผ่อนที่ดีอีกหนึงที่



ด้านข้างของโบสถ์คาทอลิก เป็นอีกหนึงสถานที่ ที่น่าไปถ่ายรูปมาก นั้นคือ Saigon Central Post Office เป็นอาคารสีเหลืองสไตล์เฟรนช์โคโลเนียลอันงดงาม สถาปัตยกรรมแบบกอธิกผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกและตะวันออก เป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม สร้างขึ้นปี ค.ศ.1896





ด้านข้างของ Saigon Central Post Office ถูกจัดให้เป็นสวนเล็กๆ มีรูปปั้นตั้งอยู่อย่างสวยงาม ทำให้รู้สึกเหมือนในหนังบ้างเรื่องที่เคยได้ดูเลย





ภายในมีความโอ่งโถงสวยงาม ประดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และมีภาพของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์อยู่ตรงกลาง กรมไปรษณีย์กลางแห่งนี้ ยังเปิดให้บริการทั้งส่งจดหมาย ขายแสตมป์ โปสการ์ดเพื่อการสะสมหรือจะส่งไปหาคนที่บ้านก็ได้ ยังมีของที่ระลึกขายด้วยนะครับ



หลังจาดที่ได้ไปถึงจุดหมายแรกเรียบร้อยก็ได้เวลาหาของกินกันครับ มาเวียดนามกันทั้งที ก็ต้องกิน Banh Mi หรือ แซนวิชเวียดนาม กันหน่อย การเลือกร้านอาหารข้างทางที่ไม่ค่อยมีคนรีวิวนี้คือการเสี่ยงดวงเลยนะครับ ครั้งนี้ผมน่าจะดวงดี ร้านนี้รสชาติดีเลยละ อยู่แถวๆ Chi cục Bảo vệ Môi trường หรือที่ว่าการเมือง ครับ



กำลังนั่งกินอร่อยเลนดันโดนน้องคู่หูแอบถ่าย ไหนๆก็ถ่ายมาแล้วเอาลงซะหน่อยก็ได้



หลังจากกินเสร็จก็เดินมาเจอกับที่นี้ครับ อันนี้เป็น Nhà hát Thành Phố หรือ City Opera House เป็นอาคารเก่าแก่สไตล์เฟรนช์โคโลเนียลที่งดงามมากแห่งหนึ่งในเวียดนาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1897 โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ชื่อ Eugene Ferret เพื่อใช้สำหรับแสดงอุปรากรให้แก่ชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศสและชนชั้นสูงชาวเวียดนามที่สวามิภักดิ์แก่ประเทศฝรั่งเศส ในสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองเวียดนาม ในวันที่เราไปถึงมีการแสดงพอดีแต่เสียดายที่ผมไม่สามารถชมการแสดงได้ เพราะว่าจองเครื่องบินไปยังเมืองต่อไปไว้แล้ว



ด้านหน้า City Opera House ตกแต่งได้สวยงาม และถนนเส้นนี้ก็มี Art Gallery มากมายตลอดเส้นอีกด้วย แถมครับขนาดที่ยืนถ่ายรูปอยู่ก็มีคุณลุงมานั่งบนมอเตร์ไซค์ พยายามแนะนำบริการพิเศษให้กับพวกเรา (ผมไม่แนะนำนะครับ เพราะจากที่อ่านรีวิวเตือนภัยหลายๆอัน มันมีแก๊งค์ที่หลอกนักท่องเที่ยวไปรุมทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์ด้วยนะครับ ต้องระวังนิดนึง)



และในที่สุดเราก็เดินกลับมาที่ จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue) เพื่อมายังเป้าหมายของเรานั้นก็คือ The Cafe Apartment เป็น อพาร์ทเมนท์เก่าที่แปลสภาพให้เป็น ร้านCafe มากมายทั้งหมด 9 ชั้น มีค่าขึ้นลิฟ 3.000 VND แนะนำว่าขึ้นไปบนสุดก่อนแล้วค่อยๆเลือกร้านทีละร้านจากด้านบน (ด้านในเป็นยังไงนั้นเดี๋ยวขอเอามาแนะนำในภายหลังครับ)



หลังจากที่นั่งพักเหนื่อยกันยาวนานใน The Cafe Apartment ก็ใกล้ถึงเวลาที่ผมจะได้เดินทางต่อไปยังเมืองต่อไปครับ ผมออกจาก The Cafe Apartment ก็เดินทางไปสนามบินทันทีด้วย Garb Car เพื่อไปทำการเช็คอินสายการบิน หลังจากที่เช็คอินสายการบินเรียบร้อย ผมมีเวลาเหลือเลยรีบไปจองตั๋วรถไฟขากลับไว้ก่อนล่วงหน้า สถานีรถไฟก็ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ถ้าใครไม่สะดวก จองผ่านเว็บง่ายกว่าแต่ราคาสูงกว่า

https://www.vietnamtrain.com/
เว็ปสำหรับจองรถไฟเวียดนาม




ในสถานีรถไฟของที่นี้ค่อนข้างเก่า และการบริการไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เรียกว่าไม่สนใจลูกค้าเลยดีกว่า กว่าผมจะจัดการตั๋วรถไฟเรียบร้อยก็เกือบได้เวลาเครื่องออกแล้ว เลยต้องรีบกลับไปสนามบินให้ทัน



แล้วก็ได้เวลามารอขึ้นเครื่องครับ มาทันเวลาพอดีแถมเวลาเหลือนิดหน่อย เลยยืนต่อแถวที่ยาวมากมายของสายการบินในประเทศเวียดนาม ขนาดที่ผมกำลังจะยื่น Passport ก็เกิดเหตุการณ์ที่แย่มากๆคือ มีใครไม่รู้สัญชาติไหนไม่แน่ใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นจีน เพราะจากสำเนียงการพูด มาของแทรก ผมก็งงๆ ซักพักตามมาเป็นขบวน เกือบ 20 คน มาแทรก ทำให้ผมโมโหมาก เลยเดินไปดึงเค้าออกมาต่อหน้าคนตรวจ Passport แล้ววาง Passport ผมให้ตรวจทันที แล้วหันไปบอกมันว่า ให้ไปต่อคิว มันโวยวายใหญ่ แต่พี่คนตรวจดีมาก ไล่มันไปต่อหลังสุดแล้วหันมายิ้มให้ผม ฮาๆ ทำช้าแล้วแทรกแบบนี้เรายอมไม่ได้

เดี๋ยวรอบหน้ามาต่อ วันที่ 3 เมือง ที่3 กันครับ พร้อมด้วย รีวิว ร้าน 2 ร้านที่เวียดนาม

------------------------------------------------------
สำหรับค่าใช้จ่ายในวันที่ 2
กาแฟ ร้าน Leo Coffee & Tea - 40.000 VND
Banh Mi หรือ แซนวิชเวียดนาม - 15.000 VND
Macha Tea ร้าน Delight Kafe & Tea - 75.000 VND
Garb Car (Nguyễn Huệ Walking Street - Airport) - 82.000 VND
ค่าสนามบิน - 10.000 VND
ค่าเครื่องบินสายการบิน Vietjet - 960 บาท (ซื้อล่วงหน้าจากหน้าเว็ป)
Garb Car (Airport - Train station) - 51.000 VND
ค่าสนามบิน - 10.000 VND
ค่าตั๋วรถไฟ (Da Nang - Ho Chi Mint) - 611.000 VND
ค่าข้าวข้างทาง - 50.000 VND
Garb Car (Train station - Airport) - 61.000 VND
ค่าสนามบิน - 10.000 VND

รวมค่าใช้จ่ายวันที่ 2 ที่ Ho Chi Mint
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 791.000 VND
ส่วนที่แชร์กัน 224.000 VND / 2 = 112.000 VND
รวม 903.000 VND ( ประมาณ 1,240 บาท )
รวมกับค่าเครื่องบินที่ซื้อล่วงหน้าเป็น 2,200 บาท

#Vietnam #HoChiMint #รออะไร #WhatAreYouWaitingFor #safezone#makefriends #Travel #Backpack #Backpacker #4Days3Nights

JupiterEyesBlog

 วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.41 น.

ความคิดเห็น