เมืองคิโนซากิออนเซ็น (Kinosaki Onsen) มีอะไรดี ได้เวลาเที่ยวกันล่ะ

เมืองนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,300 ปีแล้ว เป็นแหล่งออนเซ็นที่ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในหมู่ซามูไรในช่วงสมัยเอโดะ (Edo) ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยในยุคนั้นจะเรียกคิโนซากิออนเซ็นในอีกชื่อหนึ่งว่า ไคไดได อิจิเซ็น (Kai Dai Dai Ichisen) ซึ่งถือเป็นออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นในยุคนั้น เพราะนอกจากสรรพคุณของน้ำพุร้อนจะดีมากแล้ว ที่นี่ยังเป็นย่านพักผ่อนและย่านท่องเที่ยวที่มีทั้งที่พัก ร้านอาหาร และสถานบันเทิงพร้อม

หลังจากยุคเอโดะ คิโนซากิออนเซ็นมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นอีกหนึ่งย่านออนเซ็นที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นเฉกเช่นในปัจจุบันหลังจากที่ได้ถูกค้นพบแหล่งน้ำพุร้อน ก็มีการพัฒนาให้กลายเป็นเมืองขึ้นมา และได้รับการอนุรักษ์ไว้ซึ่งความเก่าแก่สวยงามมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อก้าวออกจากสถานีรถไฟ จะเห็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ครบครัน ที่ปรากฏตรงหน้าก็คือ เจ้าปูมัทซึบะ (Matsuba) ปูที่มีขายเฉพาะหน้าหนาวทั้งแบบสดๆ และแบบที่เค้านึ่งแล้ว แกะไว้แล้ว สามารถอร่อยกันตรงนั้นได้เลย สัญลักษณ์นี้ที่ใครไปใครมาก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้

8kmhgeld7lxh

สัญลักษณ์ปูมัทซึบะ (Matsuba) ปูอร่อยของเมือง

และหากกวาดตาไปทางขวาจะเห็นเกี๊ยะญี่ปุ่นจำนวนมากสมกับเป็นเมืองออนเซ็น ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กับบ่อน้ำร้อนหนึ่งใน 7 แห่งของเมืองนี้ด้วย คือบ่อ Satono Yu เป็นบ่อแช่เท้าที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมาก

fm2lo4sl990k

เกี๊ยะที่จัดวางโชว์ไว้

ku9wp2s16el8

บ่อ Satono Yu แวะแช่เท้ากันได้ค่ะ

เดินออกจากสถานีรถไฟมานิดนึงจะเจอ Hot Spring Free Drinking Water จะถือว่าเป็นเครื่องดื่ม welcome drink ของที่นี่ก็ได้นะ

tr6c83vkppo3

ภายในเมืองนี้มีบ่อน้ำร้อนทั้งหมด 7 แห่งด้วยกันค่ะ แต่ละที่ก็มีขนาดและการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในเมือง มีเวลาเปิดปิดใกล้เคียงกัน ปิดวันจันทร์บ้าง วันพุธบ้าง แล้วแต่ที่ต้องเช็คเวลาให้ดี สามารถขอแผนที่และข้อมูลได้จากสำนักงานท่องเที่ยวใกล้สถานีรถไฟ

เราไปเดินเที่ยวในตัวเมืองระหว่างทางก็มีทั้งร้านขายของสดซีฟู๊ดต่างๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึก และเกสต์เฮ้าส์เรียงรายอยู่เต็มสองฝั่งเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาพักค้างเพื่อจะได้มีเวลาออนเซ็นได้ครบทั้ง 7 บ่อ สะพานหินที่เห็นใจกลางเมืองถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง

9tuidgxynrnk

ร้านค้าตรงข้ามสถานีรถไฟ

1i6jjbfi6c8v

ตัวเมืองที่สามารถเดินเที่ยวได้ตลอดแนว

szudzhxzolum
zivfhiiixy0a
65d4vtw49sfg

คลองเล็กๆ เอกลักษณ์ของเมือง

nf72xacgooq2
wlqeet22r6fw

หนาวๆ แบบนี้ต้องทานไอศกรีมค่ะ ละลายช้าดี

ที่เมืองนี้เราจะเห็นผู้คนเดินใส่ชุดยูคาตะ รองเท้าเกี๊ยะกันอยู่ทั่วเมือง เพราะว่าโรงแรม เกสต์เฮาส์จะมีชุดแบบนี้เตรียมไว้ให้กับผู้เข้าพักทุกคน แต่ถึงไม่ได้มาค้างและอยากใส่ก็มีร้านให้เช่าค่ะ ได้เห็นคนใส่ชุดยูคาตะแล้วยิ่งทำให้เมืองนี้ดูมีเสน่ห์มาก

qybzy8asjj49

ใส่ชุดแบบนี้เดินกันทั่วเมือง

rusha7rlaljo
xoe9pvf6323v

เมืองนี้เป็นเมืองที่เหมาะมากสำหรับผู้รักสุขภาพ รักการออนเซ็น เพราะเป็นเมืองแห่งออนเซ็นที่ดีที่สุด แต่สำหรับเราแค่นักเดินทางที่เพิ่งมาทักทาย มาทำความรู้จัก และหวังว่าวันหนึ่งจะกลับมาใช้เวลากับที่นี่แบบเต็มๆ ทั้งออนเซ็นและกินปู เมนูโปรดที่ครั้งนี้พลาดไปอย่างน่าเสียดาย

p9ae6eo0fuq7
eyywh7u993r6

hjmmkz76tlp8

ศาลเจ้าหนึ่งเดียวของเมือง

tdo6chfnf47s

Goshono Yu บ่อใหญ่ริมน้ำตก สวยที่สุด และใหญ่ที่สุด ต้องเข้าไปด้านในค่ะ

se6cvk8t6p82

ด้านหน้าของ Goshono Yu

yw4g994es6zj

มีลำคลองเล็กๆ ไหลผ่าน

93labo94n31b

สะพานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

tx25n2wi9e5h

บ่อ Yanagi Yu บ่อแช่เท้า น้ำในบ่อค่อนข้างร้อนกว่าที่อื่น

mpijwkmdt7ad

หลังจากใช้เวลากันอย่างเต็มอิ่มทั้งเดินชมเมือง ทั้งแช่เท้า ทั้งทานอาหาร ทั้งอร่อยกับไอศกรีมที่เมืองแห่งน้ำพุร้อนอย่างคิโนซากิออนเซ็นจนใกล้เวลารถไฟขากลับจะมาแล้ว เราก็พากันมาเดินเตร็ดเตร่รอเวลากันบริเวณสถานีรถไฟ

tvwrtrr8p6ik

จะเห็นบ่อ Satano Yu ด้านหลัง

we39keesmjw5
89rbb456u18k
ibo6etlfczcv

และเมื่อใกล้เวลา รถไฟขบวนที่จะพาเราเดินทางกลับสู่โอซาก้าก็เข้าเทียบชานชาลา คราวนี้เราจะนั่งรถไฟขบวนด่วนพิเศษ (Limited Express) Konotori 26 กลับกัน

wz0o1wkmqxas
p4ckgdorki3r

ชื่อ Konotori นี้หมายถึง 'นกกระสา' มีที่มาจากนกชนิดนี้เป็นนกประจำจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) สำหรับการเดินทางครั้งนี้จะยิงยาวจากคิโนซากิออนเซ็นไปจนถึงโอซาก้าเลย ใช้เวลารวม 163 นาที นั่งนานทีเดียว เรียกว่าพอไปถึงก็ค่ำมืดเลย

ld7piaew218v
be99u9c6omho

เราคงไปท่องราตรีที่ไหนกันต่อไม่ไหว ดูท่าจะซมซานกลับที่พักกันเลย ซึ่งก็คงต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ เพราะพรุ่งนี้มีแผนเที่ยวที่แสนสนุกที่หนูเล็กรออย่างใจจดใจจ่ออยู่แล้ว รีบเข้านอนดีกว่านะ

ไว้มาตามการท่องเที่ยวของเรากันต่อค่ะ...

ว่างๆ แวะไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กกันได้ค่ะที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

ความคิดเห็น