'คะน้าน้อย' สวัสดีค่าาา ^O^


กลับมาพบกับทุกคนอีกครั้งแล้ว เย้ๆ! ปีนี้โควต้าเที่ยวน้อยมากนะคะ ทำแต่งาน ฮือออ TOT

วันนี้เลยถือโอกาสในสิทธิ์วันอาทิตย์พาทุกคนมาชมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

และเลอค่ามากๆ แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นั่นก็คือ...

"พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน"

พิพิธภัณฑ์ที่เป็นบ้านทรงไทย ในสวนพฤกษชาตินานาชนิด ที่มีอายุพรรณไม้เก่าแก่พอๆ กับตัวบ้าน

โอโหหหห! เกริ่นมาขนาดนี้ แล้วที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง #ตามกันไป ชมกันต่อได้เลยค่าาา~


เมื่อคะน้าจอดรถเรียบร้อยที่จุดบริการ Parking เดินออกมาเข้าประตู เสียค่าบัตร 100฿ ถ้วน

เมื่อเราเดินถึงด้านใน จะมีคนคอยต้อนรับเราอยู่ เพื่อตรวจบัตรและพาไปหาไกด์นำเที่ยวค่ะ เริ่ด!

ซึ่งไกด์ก็ AEC สุดๆ มีทุกภาษาตั้งแต่ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน สำเนียงนี่ราวกับเจ้าของภาษาเลย

คะน้าไม่ต้องพูดถึง...ไกด์ไทยแน่นอน 555555



แต่เราจะยังไม่ได้เจอไกด์ทันทีนะคะ ต้องรอรอบ ซึ่งคะน้ารอราวๆ 20 นาที ระหว่างที่รอก็เดินเที่ยว

ที่นี่เป็นบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ 1 หลัง เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ค่ะ และหลังเล็กๆ ที่สร้างขึ้นเป็น

ร้าน Brand Jim Thomson ร้านขายหนังสือและโปสการ์ดที่ระลึก จุดพบไกด์ก็เป็นทรงไทยทั้งสิ้น



พิพิธภัณฑ์นี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติคุณจิมเป็นหลักเลยค่ะ แล้วน่าสนใจตรงไหน คือตรงที่

เดิมทีสมัยก่อนชาวต่างชาติสามารถซื้อที่ดินเองได้ หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณจิม สถาปนิกเก่า

จากอเมริกา ที่ลาออกมาเป็นทหารร่วมสงครามนั้นเกิดหลงรักประเทศไทยและวัฒนธรรมของไทย

จึงซื้อที่ดินตรงนี้ ริมคลองแสนแสบ และได้หาซื้อบ้านทรงไทยทั้ง 6 หลัง ที่แม้จะมีขนาดไม่เท่ากัน

แต่ว่าสวยถูกใจ จาก อ.ผักไห่ จ.อยุธยา ยกมาวางประกอบกันเป็นบ้านหลังใหญ่หลังเดียว

ด้วยความที่ตัวเองเป็นสถาปนิก จะต่อเติมเสริมแต่งจึงไม่ยากนัก แถมสวยไปอีก




ด้านของตกแต่งในบ้าน ล้วนเป็นของเก่าที่เก่ามาก อายุราวๆ 200 ปีขึ้นไปแทบทุกชิ้น!!

ซึ่งคุณจิมได้สะสมเก็บของเหล่านี้ไว้ในบ้านตัวเอง ซึ่งสมัยนั้นของเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทย 'ไม่นิยมเก็บ'

คุณจิมเห็นว่า หากไม่เก็บของสวยงามเหล่านี้คงจะหายไปจากประเทศไทย จึงเก็บบางส่วนไว้ในบ้านตัวเอง

ของที่จัดแสดงที่นี่เช่น พระบท (ภาพวาดประกอบบทละคร บนผืนผ้า) พระพุทธรูปเก่าแก่นับพันปี

แกะสลักจากไม้สักบ้าง หินปูนบ้าง หินทรายบ้าง ล้วนสวยงามและทรงคุณค่าไปตามกาลเวลาเลยค่ะ

รวมไปถึงเครื่องเบญจรงค์ ตำราโหรโบราณ และเฟอร์นิเจอร์ที่คุณจิมออกแบบไว้แต่งบ้าน

ตรงนี้คือคะน้าชอบมาก กับรายละเอียดที่ทำไว้ได้น่าทึ่ง



สำหรับบรรยากาศรอบบ้าน มีต้นไม้ใหญ่อายุแก่กว่าบ้านเสียอีก

ต้นไม้ทุกต้นโตใหญ่ยักษ์หาชมยากค่ะในกทม. ร่มรื่นขั้นสุด ถ่าย MV เดินเข้าป่าได้เลยจ้ะ

ที่นี่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามคลองกับชุมชนบ้านครัว เป็นชุมชนมุสลิมและเป็นชุมชนทอผ้าที่ยังคงอยู่

คุณจิมได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2490 และได้ออกไปเดินป่าคนเดียวที่ประเทศมาเลเซีย

แล้วหายสาบสูญไปเมื่อปี พ.ศ. 2510 ตอนนั้นคุณจิมมีอายุ 61 ปี



ณ ตอนนี้พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน อยู่ในความดูแลของมูลนิธิจิม ทอมป์สัน

โดยอาคารเรือนไทยได้รับรางวัล 'อาคารอนุรักษ์ดีเด่น' ในปีพ.ศ. 2539

จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ด้วย



ต่อมาถ้าพูดถึง Brand Jim Thomson จะนึกถึงงานผ้าไหมไทย

ถูกต้องค่ะ เมื่อเดินเข้ามาที่นี่ สิ่งแรกที่เจอคือ จุดแสดงรังไหม การต้มไหม และปั่นไหม

เพราะคุณจิมนอกจากเป็นสถาปนิกแล้ว ครอบครัวที่อเมริกายังทำอุตสาหกรรมผ้าอีกด้วย

คุณจิมจึงนำผ้าไหมไทยจากชุมชนบ้านครัว (อยู่ข้างบ้านพอดี)

ที่มีลายสวยงามแปลกตาเป็นเอกลักษณ์สุด Unique กลับไปอเมริกา

และเป็นผู้ที่ทำให้ผ้าไหมไทยได้ขึ้นปกนิตยสาร Vogue ในตอนนั้นด้วยค่ะ เก่งมากกก~

[จริงๆ มีที่มาที่ไปกว่าจะโด่งดัง ขอไม่สปอยนะคะ]



และคุณจิมที่มีชื่อเสียงเคียงคู่กับผ้าไหมไทย จึงได้กลับมาเปิดบริษัทผ้าไหมที่ประเทศไทย

และกลายเป็น Brand Jim Thomson ที่เรา Shopping กันอยู่ในทุกวันนี้ค่ะ

สวยจนคะน้าได้กระเป๋ามา 555555



และนี่คือเรื่องราวคร่าวๆ ที่คะน้านำมาฝากนะคะ ส่วนรายละเอียดยิบย่อยอันน่าทึ่งและฟังสนุกมากๆ

เกี่ยวกับทุกสิ่งในบ้านคุณจิม ซึ่งใส่ใจในจุดเล็กๆ จนเกิดเป็นสิ่งเลอค่าน่ารักษามากมายจนถึงทุกวันนี้

คะน้าแนะนำอยากให้ทุกคนได้ไปชม และไปฟังพี่ไกด์ที่มีน้ำเสียงไพเราะน่าฟัง

แถมยิ้มหวานตลอดเวลาด้วยตัวเองค่ะ ไม่น่าเบื่อ สนุกมากๆ จริงๆ ค่ะ



เมื่อชมเรื่องราวที่สนุกสนานจบลง แล้วหิวขึ้นมา

ที่นี่มีร้านอาหาร Jim Thomson เปิดบริการด้วยค่ะ



เมนูเป็นอาหารไทยหน้าตางดงาม มีเบเกอร์รี่ และเมนูอาหารฝรั่งบ้าง สำหรับลูกค้าต่างชาติ

พร้อมพี่ๆ พนักงานเสิร์ฟที่ดูแลดีมาก พูดเพราะ น่ารัก ยิ้มสวย แถมถ่ายรูปให้ได้ด้วยนะคะ 5555




คะน้ารับทานเมนูข้าวแช่ ปูนิ่มผัดผงกระหรี่ และยำส้มโอกุ้งสด อร่อย รสชาติไทยๆ

กลิ่นหอมละมุนมาก ยำส้มโอนี่ได้ใจคะน้ามากๆ จะไปทานอีกแน่นอน!

น้ำเปล่าที่เสิร์ฟมาในชุดข้าวแช่ มีกลิ่นหอมด้วยค่ะ เรียกว่าเก็บรายละเอียดได้ดีงามมากจริงๆ รักเลย



พิกัดตั้งอยู่บนถนนพระราม ๑ ซอยข้างๆ โรงแรม Holiday Inn

ตรงเข้าไปสุดซอยซ้ายมือมี Parking กว้างขวาง ชอบตรงนี้แหละค่ะ สะดวกสบายมากๆ

หรือจะไป BTS ลงสถานีสนามกีฬา ก็สะดวกเช่นกัน



ชมภาพที่คะน้าถ่ายมาฝากแล้ว ต้องตามกันไปเที่ยวชมของจริงกันเยอะๆ นะคะ

ให้เต็มสิบเลย ขอบคุณที่ติดตามนะคะ #รัก


เพจ >> https://web.facebook.com/TheLocationKana จิ้มๆ เลย >///<

ความคิดเห็น