หากมีเวลาว่างแค่เสาร์อาทิตย์ แต่อยากจะหลีกหนีชีวิตที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวง ไปนอนพักบนเรือนแพ แช่ตัวในอ่างจากุชชี่ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ชมวิวผืนน้ำกว้างสุดลูกหูลูกตา มีพื้นหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน เพื่อชาร์ตพลังให้เต็ม 100% และกลับมาลุยงานต่อ กาญจนบุรีนี่แหละตอบโจทย์
DAY 1
พวกเราเริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินดอนเมือง โดยเลือกใช้บริการรถเช่าของ ThaiRent A Car ซึ่งจองผ่านเว็บไซด์ MamyBooking.com เว็บเอเจนซี่รับจองทริปทัวร์และรถเช่า ในราคาที่ถูกกว่าจองตรง พร้อมด้วยโปรโมชั่น Code ส่วนลดเพิ่มเติม
แจ้งชื่อ ยื่นใบขับขี่ บัตรประชาชน และบัตรเครดิต เพื่อติดต่อรับรถที่เคาร์เตอร์บริการ บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า ภายในประเทศ ชั้น 1 (Terminal 2) จากนั้นก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่กาญจนบุรี
จากสนามบินดอนเมืองมายัง รายาบุรี รีสอร์ท ที่พักของพวกเราในครั้งนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง รวมแวะพักระหว่างทาง
โรงแรมรายาบุรี รีสอร์ท ตั้งอยู่ในเขื่อนศรีนครินทร์ มีที่พักให้เลือกทั้งแบบบนบกริมเชิงเขาและเรือนแพบนน้ำในเขื่อน
สำหรับห้องพักของพวกเราเป็นเรือนแพบนน้ำ แบบ "Raya Island Jacuzzi Suite" เป็นห้องใหม่ล่าสุดของโรงแรมที่ตกแต่งได้อย่างหรูหรา กว้างขวาง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และผนังโทนสีขาวฟ้า แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น มีเตียงนอนขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง
เตียงนอน หมอนหนุน และหมอนข้างนุ่มมาก ด้านข้างมีโคมไฟช่วยสร้างบรรยากาศให้รู้สึกอบอุ่น
ด้านข้างของเตียงมีโซฟายาวให้ได้นั่งเล่น
จากเตียงนอนสามารถมองผ่านกระจกบานใหญ่ออกไปที่ระเบียง พร้อมวิวของพื้นน้ำและทิวเขา
ด้านนอกมีระเบียงกว้างๆ พร้อมเก้าอี้นั่งเล่นชมวิว และบันไดลงไปที่แพไม้ไผ่เล็กๆ เพื่อสัมผัสน้ำ
ห้องของพวกเราอยู่ริมสุดทางด้านทิศตะวันออก จึงสามารถมองออกไปเห็นวิวพื้นน้ำและทิวเขาไกลสุดลูกหูลูกตาโดยไม่มีอะไรมาบัง
ด้านข้างของระเบียงมีอ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ ที่เปิดโล่งพร้อมม่านบัง
แช่และนวดตัวในน้ำอุ่น และมองออกไปยังผืนน้ำที่เงียบสงบ ฟินมากๆ
ห้องอาบน้ำมีประตูเชื่อมกับระเบียง
มีฝักบัวให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและ Rain Shower
ภายในห้องน้ำแยกพื้นที่ออกเป็นสามส่วน คือ ห้องอาบน้ำ ห้องส้วม และห้องแต่งตัว พร้อมอ่างล้างหน้า
มีบาร์ขนมและเครื่องดื่ม อย่างชา กาแฟ โอวันติน พร้อมเครื่องชงกาแฟและกาต้มน้ำคอยให้บริการ
ห้องส้วมอยู่ด้านในสุดใกล้กับประตูทางออก
โรงแรมมีห้องอาหารเย็นไว้คอยให้บริการลูกค้า ตั้งอยู่บนฝั่ง สามารถมองเห็นวิวผืนน้ำจากมุมสูง
มีอาหารหลากหลายเมนูให้เลือก รสชาติดี อร่อยทุกอย่าง โดยเฉพาะข้าวผัดสับปะรด
ส่วนราคาก็ไม่แพง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณหลักร้อยต้นๆ
DAY 2
บรรยากาศยามเช้าสดชื่นมาก มีลมเย็นๆพัดผ่านมาตลอดเวลา
มีฝนตกลงมาเป็นช่วงๆ ช่วยเพิ่มความฟินด้วยกลิ่นฝน
ห้องอาหารเช้าอยู่ที่เดียวกันกับอาหารเย็น เป็นแบบบุฟเฟ่ต์มีทั้งอาหารไทยและฝรั่ง
เด็ดสุดขอยกให้ข้าวต้มกุ๊ยร้อนๆ พร้อมด้วยเครื่องเคียงรสชาติเยี่ยมหลากหลายชนิด
ที่โรงแรมมีกิจกรรมทางน้ำให้เลือกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปั่นเรือเป็ด พายเรือคายัค หรือล่องแพชมวิว
แพชมวิวมีให้เลือกทั้งแบบลำใหญ่เป็นหมู่คณะ และแพเล็กส่วนตัว นั่งได้ประมาณ 10 คน
ช่วงเวลาที่เหมาะต่อการล่องแพคือช่วงเช้าและเย็น สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มขึ้นไปทานบนแพได้
หลังจากล่องเรือชมวิวจนพอใจ ก็กลับมาแช่ตัวในอ่างจากุชชี่ต่อก่อนเช็คเอาท์ รายาบุรี รีสอร์ท ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโรงแรมในเขื่อนศรีนครินทร์ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ ห้องพักสวย สะดวกสบาย และบริการประทับใจ เหมาะกับการหนีความวุ่นวายในเมืองหลวงมาชาร์ตพลังมากๆ แนะนำว่าต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวคุณเอง
จุดหมายต่อไปที่พวกเราตั้งใจมาแวะก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯก็คือ เมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ เป็นเมืองย้อนยุคของวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ที่นี่เปิดทุกวัน เวลา 9.00 – 20.00 น. ค่าบัตรเข้าชม + รับประทานอาหารกลางวัน (บุฟเฟ่ต์) + ชุดไทย ผู้ใหญ่ 650 บาท/คน (สามารถซื้อแยกและนำชุดมาเองได้)
มีชุดให้เลือกหลากหลายขนาดและสีสัน ผู้หญิง มีให้เลือก 2 แบบ คือ ผ้าสไบและเสื้อแขนหมูแฮม พร้อมแพรสะพาย พร้อมโจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มรัด และร่ม
ผู้ชายมีให้เลือก 2 แบบ คือ เสื้อกุยเฮง โจงกระเบน ผ้าคาดเอว และเสื้อราชปะแตนกับโจงกระเบน
เมื่อชุดพร้อมแล้วก็เดินผ่านประตูเมืองเข้าไปท่องเที่ยวแบบย้อนยุคกันด้านในได้เลย
บริเวณด้านหน้าประตูเมืองมีบริการรถลากหรือรถเจ๊กที่ใช้คนลาก เพื่อพาลัดเข้าไปเริ่มต้นที่ด้านในสุดของเมือง หรือจะขอยืมใช้เป็นพร็อพถ่ายรูปเฉยๆก็ได้เหมือนกัน
หากต้องการซื้อของกินและของฝากจากด้านในจะต้องใช้เงินรู (จำลอง) เป็นเงินตราที่ใช้ในสมัยอยุธยาและสุโขทัย และได้นำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการในเมืองมัลลิกา อัตราการแลกเงินรู คือ 1 สตางค์ = 5 บาท สามารถแลกได้จากที่ซื้อตั๋วเข้าชม
จุดแรกหลังจากผ่านประตูเมืองเข้ามาคือ สะพานหัน (จำลอง) แบบสะพานริอัลโตทีนครเวนิซ และที่ปองเตเวกคิโอ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
เป็นสะพานไม้โค้งกว้าง สองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน
เมื่อข้ามสะพานหันมาแล้วก็จะถึงย่านถนนแพร่งนรา เป็นย่านการค้าที่ขึ้นชื่อในสมัย ร.ศ. ๑๒๔
มีสินค้าให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือของที่ระลึกมากมาย
มีขนมไทยโบราณที่ทำสดใหม่จากเตาให้ได้ลิ้มลอง
พร้อมทั้งสาธิตวิธีการทำให้ดูกันอย่างใกล้ชิด
มีอาหารหวานคาวให้เลือกลิ้มลองหลายอย่าง
ผัดไทยร้านนี้ก็อร่อย น้ำดื่มใส่ในขันเย็นชื่นใจ
ย่านการค้าเป็นจุดที่คึกคักที่สุดของเมือง เต็มไปด้วยพ่อค้า แม่ค้า และลูกค้าที่รอคิวซื้ออาหาร
ลูกชุปและช่อม่วงสดใหม่จากเตา
หากชอปปิ้งจนเงินรูที่แลกมาหมดก็ไม่ต้องกังวล เพราะด้านในมีธนาคารให้แลกเงินได้ตลอด
มีศาลเจ้าแม่ทับทิม ซ่อนตัวอยู่ในห้องแถวเล็กๆในย่านเยาวราช ให้ได้เข้าไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
จากย่านการค้าสามารถเดินข้ามสะพานไปยังเรือนหมู่ เป็นเรือนสำหรับรับรองแขกบ้านแขกเมืองของคหบดีในสมัยก่อน บนเรือนจะมีการแสดงนาฎศิลป์ไทย และเสริฟอาหารไทยโบราณแบบบุฟเฟ่ต์ สำหรับอาหารมื้อเย็น เปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 18.00 - 20.00 น.
ส่วนด้านล่างของเรือนหมู่ เปิดให้บริการอาหารมื้อกลางวันแบบบุฟเฟ่ต์ ตั้งแต่เวลา 11.00 - 14.00 น.
ประกอบไปด้วยทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่มสมุนไพรไทย มีให้เลือกรับประทานกันอย่างจุใจ มากถึง 18 เมนู
ด้วยรสชาติและกรรมวิธีในการทำแบบดั้งเดิม ซึ่งยากที่จะหาทานได้ในปัจจุบัน อาทิ หมูสโร่งแปลง แกงบวน แกงรัญจวน แยมหยวก ขนมลืมกลืน ขนมรังไร ม้าฮ้อ เป็นต้น
หลังจากที่ได้ลิ้มลองแล้ว พูดได้เต็มปากเลยว่าอร่อยมากๆ อาหารหลายอย่างเพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรกและรู้สึกติดใจในรสชาติมากๆ
ทานอาหารกลางวันเสร็จก็ออกมาเดินย่อยชมเมืองส่วนที่เหลือกันต่อ ด้านหลังคือ หอชมเมืองจำลอง ที่ตั้งอยู่กลางเมือง สมัยก่อนใช้เป็นหอคอยสำหรับตรวจตราป้องกันมิให้นักโทษหนี สามารถขึ้นไปชมเมืองมัลลิกาจากมุมสูงได้
จุดต่อมาคือเรือนแพกลางน้ำ มีร้านอาหารอยู่บนแพ และตลาดน้ำที่ขายของบนเรือพาย
จุดถัดไปคือ เรือนคหบดี เป็นเรือนพักสำหรับคหบดีหรือคนมีฐานะในสมัยก่อน
จัดแสดงเครื่องเรือน งานใบตอง งานดอกไม้ งานเครื่องแขวน และงานแกะสลักผลไม้
และจุดสุดท้ายอยู่บริเวณด้านหลังของเมือง เป็นโรงครัว ซึ่งประกอบด้วย โรงสี ยุ้งข้าว โรงเตรียม แสดงกรรมวิธีการฝัดข้าว สีข้าว และตำข้าว
ไฮไลด์ของจุดนี้คือน้องกระบือเผือกสองตัวที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินอาหารบดจากพืชอย่างเอร็ดอร่อย
มีน้องแมวและน้องหมาเดินเล่นไปมาหลายตัว น่ารักและขี้อ้อนมากๆ
เมืองมัลลิกาสามารถจำลองบรรยากาศบ้านเมืองในยุค ร.ศ. ๑๒๔ ออกมาได้เป็นอย่างดี ทุกสถานที่ล้วนมีเรื่องราวและที่มาสอดคล้องกับยุคสมัยอย่างลงตัว ยิ่งเมื่อได้แต่งกายให้เข้ากับบรรยากาศ ยิ่งทำให้รู้สึกอินกับสถานที่มากๆ จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่อยากให้ลองได้ไปสัมผัส
และทั้งหมดนี้ก็คือทริปกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน ในแบบของเรากับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ท่ามกลางธรรมชาติ บนที่พักแบบเรือนแพ แช่ตัวในอ่างจากุชชี่มองดูผืนน้ำและทิวเขา และแต่งกายชุดไทย ห่มสไบ ท่องไปในเมืองมัลลิกา ร.ศ. ๑๒๔ ในบรรยากาศแบบย้อนยุค ช่วยทำให้วันหยุดเสาร์อาทิตย์มีคุณค่าและเรื่องราวความประทับใจร่วมกันเพิ่มมากขึ้น
รายละเอียดค่าใช้จ่าย ดังนี้
1. ค่าเช่ารถ Toyota Vios 1,000 บาท/วัน (2 วัน)
รถเช่าของ ThaiRent A Car ซึ่งจองผ่านเว็บไซด์ Mamybooking.com เว็บเอเจนซี่รับจองทริปทัวร์และรถเช่า ในราคาที่ถูกกว่าจองตรง พร้อมด้วยโปรโมชั่น Code ส่วนลดเพิ่มเติม ขั้นตอนการจองง่ายๆ ดังนี้
1.1 เข้าเว็บไซด์ Mamybooking.com เลือกเมนู Car Rentals เลือกสถานที่รับและคืนรถ ระบุวันรับรถและคืนรถ เวลารับและคืนรถ จากนั้นกดปุ่ม Search
1.2 ระบบจะแสดงรายการรถทั้งหมดจาก 3 บริษัท เรียงตามรุ่นและราคา พร้อมแสดงรายละเอียดของรถให้เลือกตามงบประมาณและความถนัด กดปุ่ม Book Now เพื่อเลือกรถ จากนั้นก็ระบุข้อมูลส่วนตัวและชำระเงินผ่านหน้าเว็บไซด์ได้เลยทันที สะดวกและปลอดภัย แถมได้ราคาดีที่สุด
2. ค่าน้ำมันประมาณ 500 บาท
3. ค่าที่พัก รายาบุรี รีสอร์ท (Rayaburi Resort) 1 คืน ห้องแบบ Raya Island Jacuzzi Suite 7,500 บาท/คืน (ราคาโปรโมชั่น)
ข้อมูลการติดต่อ
- Website : Rayaburiresort.com
- Facebook : Rayaburi
- โทรศัพท์: (+66) 2316-3577, (+66) 2317-1274, (+66) 96-356-2945
4. ค่าบัตรเข้าชมเมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ + รับประทานอาหารกลางวัน (บุฟเฟ่ต์) + ชุดไทย ผู้ใหญ่ 650 บาท/คน
ข้อมูลการติดต่อ
- Website : Mallika124.com
- Facebook : MallikaR.E.124
- โทรศัพท์: 034 540884-86
5. ค่าอาหารและอื่นๆ : ตามอัธยาศัย
รวมค่าใช้จ่าย 2 วัน 1 คืน ทั้งหมด 11,300 บาท ตกคนละ 5,650 บาท
คิ้วหนา & ตากลม
Love is a journey | เพราะความรัก คือ การเดินทาง...
ติดตามการเดินทางของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ : LOVE IS A JOURNEY
LOVE & LIFE IS A JOURNEY
วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 00.09 น.