ถ้าอยากไปต้องเตรียมไร แล้วต้องติดต่อยังไง
สันหนอกวัวขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางเดิน มันโหด มันชัน มันสูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วจะรออะไรล่ะคะ ก็จัดทริบเลย
ข้อมูลของสันหนอกวัว (ขอมีสาระนิดนึงนะคะ ฮ๋าๆ)
1.สันหนอกวัวเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี เส้นทางเป็นเนินขึ้น-ลง ตลอดทาง เหนือยมากบอกเลย(เราเป็นคนเหนื่อยง่าย) ดังนั้นควรเตรียมร่างกายมาให้พร้อมนะคะ นอนให้พอและทานอาหารเช้าให้อิ่ม
2.ด้านบนมีแหล่งน้ำ แต่ต้องไปตักที่ลำธาร ซึ่งอยู่ห่างจากจุดกางเต้นท์ไปไม่ไกล(มั่ง 555)
3.ด้านบนสามารถก่อไฟได้ ด้วยฟืนนะคะ
4.ส้วม เป็นแบบส้วมหลุม สภาพก็นะ 5555 ใครเคยเจอของที่อื่นคงนึกภาพออก ใครยังไม่เคยเห็นแนะนำให้ไปเจอของจริงเลยนะคะ อย่าไปกังวล อย่าเอามาเป็นข้ออ้างที่จะทำให้เราไม่ได้ไปเจอความสวยงามของประเทศไทย (เล่นใหญ่ไปมั้ยคะ)
5.อาหารทุกมื้อ เตรียมไปเองทั้งหมดค่ะ แต่ว่าถ้ากังวลว่า "ฉันหุงข้าวไม่เป็น" ไม่เป็นไรค่ะ ลูกหาบเขาทำให้ได้ อาหารอื่นๆ เขาก็ทำให้ได้ แค่เตรียมไปก็พอ (เอาไปเผื่อเขาด้วยนะคะ)
6.เตรียมอาหารไปแล้ว อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์การทำอาหารไปด้วยนะคะ พวกช้อน จาน หม้อสนาม แก้วน้ำ อื่นๆ
7.เรื่องอุปกรณ์การนอน ทางอุทยานฯ มีเต้นท์ให้เช่านอนได้ 1-2 คน (แต่ถ้านอน2คนควรสนิทกันนิดนึงนะคะ เพราะมันแคบมาก คือนอนคนเดียวกำลังดีค่ะ) มีแผ่นรองนอนด้วย ที่ไม่มีให้คือ หมอน ถุงนอน แนะนำค่ะ ไม่ต้องเอาแผ่นรองนอนไปด้วยก็ได้ค่ะ ระหว่างทางมันจะเกะกะมาก ให้ลูกหาบถือก็เกะกะเขาอยู่ดี เราเอาเต้นท์ไปกางที่หญ้านุ่มๆ มันก็โอเครแล้วนะคะ หรือใครมีแบบเป่าลมก็ดีค่ะ เอาไปด้วยก็ดี
8.เสื้อกันหนาว อันนี้อยากให้เตรียมไปด้วยค่ะ อย่าประมาท เราอาจจะคิดว่าอยู่ด้านล่างร้อนจะตาย แต่พอไปที่ยอดเขามันหนาวโคตร ลมก็แรง เราลองมาแล้ว ไม่เอาเสื้อกันหนาวไป หนาวโคตรๆๆๆๆๆๆ
ถ้าอยากไปต้องทำไง
1.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมจะเปิดให้ขึ้นสันหนอกวัวประมาณช่วงเดือน พฤจิกายน-กุมภาพันธ์ โดยจะพิจารณาจาก แหล่งน้ำ กับฤดูการออกหากินของสัตว์ป่า ทั้งนี้ทั้งนั้นติดตามข่าวสารข้อมูลของอุทยานฯได้ที่ Facebook ค่ะ ถ้าเขาเปิดให้จองแล้วเราก็โทรไปจองได้เลยค่ะ
2.ทางอุทยานจะเปิดให้จองแบบเดือนต่อเดือนค่ะ เช่น ถ้าเราจะขึ้นเดือนมกราคม ก็เรื่มจองได้ปลายๆเดือนธันวาคมหรือเดือนมกราคมเลย ทางอุทยานจะไม่ให้จองแบบ เราจะขึ้นเดือนมกราคมแต่จองตั้งแต่เดือนพฤจิกายน อะไรประมานนี้ โดยทางอุทยานฯจะประกาศใน Facebook ว่าในรอบของเเดือนนั้นๆสามารถจองได้แล้ว
3. โทรไปจองกับอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี เบอร์โทร 034510431 เป็นเบอร์ของทางอุทยานเลยนะคะ หรือหากมีปัญหาเกี่ยวกับสัญญาณล่ม หรือติดต่อไม่ได้ ทางอุทยานฯ จะแจ้งเบอร์โทรในเพจ Facebook ค่ะ ติดตามได้ใน Facebook ได้เลย (Click ทีรูปเลยทำ link ไว้แล้วจ้า)
มี Trick ค่ะ คือช่วงต้นเดือนจะมีคนโทรไปจองเยอะมาก จนสายไหม้ พอเราโทรติดดันเต็มซะงั้น แล้วก็ไม่ได้ไป อย่าไปท้อค่ะ ให้เราโทรไปทุกๆอาทิตย์ หรือโทรไปช่วงใกล้ๆวันจะไป แล้วเราก็จะได้ไปค่ะ เพราะว่าจะมีบางกรุ๊ปที่เขายกเลิดค่ะ เมื่อเขายกเลิก จำนวนคนก็จะว่างพอให้เราขึ้นไปได้ค่ะ
4.เมื่อโทรติดแล้วก็แจ้งวันที่จะขึ้น จำนวนสมาชิก โดยข้อกำหนดของอุทยานฯคือ เจ้าหน้าที่นำทาง 1 คนสามารถ support นักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 7 คน
5.เมื่อเจ้าหน้าที่รับเรื่องเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องส่งเอกสารเป็นสำเนาบัตรประชาชนของสมาชิกทั้งหมดให้อุทยานฯผ่านระบบ Line ค่ะ เราก็ต้อง add Line ของทางอุทยานฯ โดยทางอุทยานฯจะแจ้ง QR-Code ไว้ในเพจ Facebook ค่ะ เป็นอันเสร็จสิ้นการจองนะคะ
6.แจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ ว่าต้องการลูกหาบมั้ยจำนวนกี่คน เพื่อทางอุทยานฯจะได้จัดหามา Support เรานะคะ ส่วนของลูกหาบแนะนำว่าจ้างเขาเถอะค่ะ ราคาก็พื้นฐานเหมือนกับที่อื่นๆ แต่เขาจะดูแลเราทุกอย่างเลยค่ะ ทั้งก่อไฟ หาน้ำให้เรา เป็นเพื่อนคุยก็ยังได้ ฝนตกก็มาดูแลเราด้วยนะคะ
เริ่มเดินทางกันดีกว่า
23 กุมพาพันธ์ 2561
ใครที่คิดว่าแค่กาญจนบุรีใกล้ๆกรุงเทพเอง ขอบอกเลยว่าการที่จะไปอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นั้น ต้องเดินทางทั้งหมดประมาณ 8 ชม. ดังนั้นคุณควรจะเตรียมเวลาไปเผื่อ 1/2-1 วันเลยค่ะ
อย่างเราไปวันศุกร์ เราลางาน 1/2 วันออกเดินทางไปตั้งแต่เที่ยง แล้วไปพักบ้านสวนของพี่ที่ร่วมทริปไปด้วย 1 คืนใกล้ๆกับตัวเมืองกาญจฯ แล้วค่อยเดินทางไปอุทยานฯตอนเช้า เพราะการพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเดินขึ้นเขา ร่างกายต้องพร้อมค่ะ ^^
วิธีการไปครั้งนี้ไม่ได้ Backpack ไป เพราะว่าเรามีผู้ใหญ่ใจดีเดินทางไปด้วย พี่เขาอาสาขับรถไป เราก็เลยได้อานิสงค์ผลบุญไปด้วย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เดินทางไปกับคนที่ไม่รู้จักมาก่อน นัดเจอกันผ่านทางโลกออนไลน์ค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ และได้เพื่อนใหม่ด้วยค่ะ หน้าตาสมาชิกตามรูปเลยคะ ถือได้ว่าเป็นทริบที่ดีมากๆค่ะ
24 กุมพาพันธ์ 2561
เราไปเริ่มต้นกันที่ป้อมปี่ค่ะ โดยทางอุทยานฯจะมีค่าธรรมเนียมเล็กๆน้อยๆ และค่าจอดรถ พอเราไปถึงเราก็ไปแจ้งว่าเราชื่ออะไร จองไว้กี่คน ลูกหาบที่ขอไว้กี่คน เขาก็จะจัดแจงให้เราค่ะ และเราสามารถเช่าเต้นท์ ได้จากที่นี่เลย ลูกหาบแต่ละคนเขาก็จะมี Tag ด้วยเราเก็บไว้ใบนึง ลูกหาบอีกใบนึง เพื่อบ่งชี้ค่ะว่าของของเราไปกับลูกหาบคนไหน ตอนไปอยู่ข้างบนจะได้หากันเจอ
เมื่อจัดแจงของส่วนกลางให้ลูกหาบ ของส่วนตัวแบกเอง เรียบร้อย เราก็รอค่ะ รอให้รถมารับ เป็นรถที่จะไปส่งเราที่จุดเริ่มเดิน ใช้เวลาเดินทางไปที่จุดเริ่มเดินประมาณ 20 นาทีได้ค่ะ
พอถึงจุดเริ่มเดินก็รู้สึกถึงความตื่นเต้นขึ้นมาเลยค่ะ ต้องเดินเท้าถึง 8 Km. พวกเราเป็นแก๊งค์เกือบสุดท้ายที่ขึ้นไปค่ะ เริ่มเดินประมาณ 11.30 น. ไปถึง 14.30 น.แรกๆก็จะหน้าตาแจ่มใสกันแบบนี้แหละค่ะ ตื่นเต้นมากๆ ความสนุกมันจะเริ่มหลังจากนี้ค่ะ 555
ลักษณะของเส้นทางจะเป็นเนินขึ้น และลง สลับกัน ซึ่งมันเป็นการยืนยันได้เลยว่ามันเหนื่อยมาก โดยเฉพาะคนที่เหนื่อยง่ายเหมือนเรา โอ้โหหน้ามืดเลยค่ะ จุดพักจะมีให้พักอยู่ 5 จุด จุดที่ห้าจะเป็นที่พักสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่เนินที่ถือว่าโหดที่สุดของที่นี่ นั่นก็คือ " เนินหมาถอย "
ระหว่างที่อยู่ที่จุดพักเราก็ถ่ายรูปกันค่ะ รออะไร ไหนๆก็ไม่ต้องรีบแล้ว ชิลๆไปค่ะ
เดินไปได้ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย เราเอาข้าวเหนียวออกมากินแล้ว กินแบบไม่มีกับ แต่โชคดีที่คนข้างๆ เขาแบ่งหมูมาให้ชิ้นนึง คืออาการเหมือนคนจะเป็นลมอ่ะค่ะ คิดว่าตอนเช้ากินข้าวไม่อิ่ม เลยต้องเอาข้าวขึ้นมารองท้องก่อนเลย ค่อยดีขึ้นหน่อย แล้วเราก็เดินต่อกันค่ะ
เหนื่อยแล้วขอพักจริงๆจังๆกันเลยที่จุดพักที่4 กินข้าวแบบจริงจังกันไปเลยจ้าาาา หลังจากพักแล้วก็มีแรงไปต่อ ทีนี้สบายเลยจ้าาาา
แต่ว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจ ตกลงมาซะงั้นอ่ะ ทั้งๆที่ช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าหนาวแท้ๆ วันก่อนหน้าที่จะมา กรุงเทพฯหนาวมากกกก แต่วันที่มาดันมีพยากรณ์อากาศว่าฝนจะตก สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ เตรียมเสื้อกันฝนมานะคะ แต่ว่าฝากไว้ที่ลูกหาบจ้าาา ดีเลิศประเสริฐศรี แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคค่ะ เราก็ไปต่อกันได้
พี่ไกด์ชื่อพี่โซโล แกเอาของส่วนหนึ่งของเราไปแบก แกกลัวของเปียกเลยมีงาน DIY เกิดขึ้นกลางป่า สุดยอดธรรมชาติสร้างมานะคะ
ณ จุดนี้เป็นจุดพักสุดท้ายแล้วค่ะ แล้วเราก็ต้องเดินทางเข้าสู่จุดที่โหดสุดของที่นี่ นั่นก็คือ เนินหมาถอย
เดินขึ้นเนินหมาถอยได้สักพักนึงฝนเริ่มตกหนักจริงๆ มันสนุกและมันส์มากนะคะ รองเท้าก็เปียก ตัวก็เปียก โชดดีที่กระเป๋าไม่เปียก ฮ๋าๆ ทางเดินก็ค่อนข้างชัน ดินเปียกทำให้ลื่นนะคะ ตรงนี้ต้องใช้ความระมัดระวังพอตัว
ฝนตกแบบหนักแบบจริงจัง เลยต้องไปหลบกับทีมอื่นๆ ที่มาหรอฝนหยุดตกกัน
แต่พอเข้าไปหลบได้สักพัก เจ้าหน้าที่นำทางของ Group อื่น ก็ทำหน้าที่พูดในเชิงโน้มน้าว ท้าทาย ให้เรารีบออกมาเดินค่ะ พูดในเชิงทำให้เราฮึกเหิม เรากับทีมตัดสินใจเดินท่ามกลางสายฝนค่ะ เห้ยมันสนุกนะคะ ประสบการณ์ใหม่ เดินขึ้นเขาตากฝน โอ้โห เปียกหมดเลยจ้าา ทั้งตัว แต่ขอย้ำว่าสนุกนะคะ
ด้านหลังของรูปด้านล่างนี้จะเป็นเขาเรด้านะคะ แต่เมฆฝนปิดหมดเลยยย ยังไงก็ขอถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนละกันแม้ว่าจะไม่เห็นเส้นทาง ณ จุดนี้ก็ยังคงชันอยู่นะคะ สลับกลับเป็นทางราบเรียบนิดหน่อย เดินผ่านป่าไปเรื่อยๆ ก็ถึงแล้วจ้าาาา จุดที่พักโชคดีที่ฝนไม่ตก ระหว่างรอของกับเต้นท์จากลูกหาบ เราก็ขอขึ้นไปพิชิตสันหนอกวัว ที่เรียกว่าเป็นสันพ่อกันเลยค่ะ สูงสุดในเมืองกาญจนบุรี ^^
จากสันหนอกวัวพ่อเราจะมองเห็น สันหนอกวัวลูก อยู่ทางขวามือซึ่งอยู่ต่ำกว่า แล้วก็ทางด้านหลังจะเห็นเขาเรด้าจ้าา ได้เห็นแล้วก็อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง
อากาศด้านบนนี้ทำให้เรารู้สึกสดชื่นมากนะคะ ยิ่งเราเดินขึ้นเขามาเหนื่อยๆแล้วมาเจออากาศแบบนี้ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากๆค่ะ
ถึงเวลาเดินไปสันลูกแล้วค่ะ ถ้ามาสันลูกก็จะเห็นสันพ่อแบบนี้จ้า ยิ่งใหญ่ อลังการงานสร้างจริงๆ เห็นภาพแบบนี้ก็หายเหนื่อยนะคะ
ส่วนเต้นท์ตรงนั้น เป็นที่ที่เรานอนค่ะ
ผลัดกันถ่ายรูปค่ะ สนุกสนานกันไป
ได้เวลาอาหารเย็นแล้วจ้าาา พี่ๆลูกหาบเขาก็จะมาก่อกองไฟให้เราแบบนี้ค่ะ แต่ว่าพวกเราเตรียมอาหารซองมาด้วย มันก็สะดวกดีนะคะ เข้ามาล้อมลงกันค่ะ อาหารเยอะแยะ มีหลายรสชาติ (ไม่ได้รับเป็นพรีเซ็นเตอร์นะคะ)
วิธีการทำก็แค่ต้มน้ำและเอาลงไปอุ่นทั้งซองแบบนี้เลยจ้าา
ยังไม่พอแค่นั้นมีไก่ปิ้ง กับไข่ต้มด้วยนะเออ จังหวะนั้นอะไรก็อร่อยค่ะ
พอกินอิ่มแล้วก็เข้านอนกันค่ะ เหนื่อยมาทั้งวัน นอนเอาแรงตอนเข้าจะรีบตื่นมาดูดาวกันค่ะ
ตื่นเช้ามาดูดาวกัน
25 กุมพาพันธ์ 2561
4.00 ตื่นค่ะตื่น ตื่นมาแล้วแบบว่าดาวเต็มท้องฟ้า ก้อนเมฆสักก้อนก็ไม่มี ท้องฟ้าเปิดจนแบบว่าได้ช้างมาเลยตัวนึง ครั้งแรกที่ได้ถ่ายก็จะเป็นแบบนี้นะคะ มือใหม่หัดล่าช้างจ้าา noiseเยอะสุดๆ
ดวงอาทิตย์เริ่มขึ้น หมอกเริ่มมา อากาศหนาวโคตร เสื้อกันหนาวก็ไม่ได้เอามา ใส่เสื้อยืดบางๆไปยืนปะทะลมถ่ายรูป พี่โซโลเขาก็ใจดีจะเอาผ้าห่มมาให้ ไอ่เราก็เกรงใจเลยต้องยืนหนาวววว รอถ่ายรูปดวงอาทิตย์อยู่อย่างนั้น แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคอีกเช่นกัน 55555 เราถึก เราทนได้
อย่าประมาทกับอากาศในป่าในเขานะคะ มันหนาว แม้ว่าจะอยู่ในช่วงหน้าร้อนหรือหน้าฝนก็ตาม หนาวมากกกกกกก
ความสนุกมันอยู่ตรงที่พี่โซโล แกมาเป็นเพื่อน แล้วเราขอให้แกช่วยส่องไฟให้เราหน่อย เราอยากถ่ายรูปกับดาว 5555 แกจัดให้เลยจ้า ไฟฉายของแกแบบว่าพลังมากสุดชีวิตเลย เราเลยกลายเป็นคนมีออร่าเลย 555555 ไอ่เราก็มีความพยายามนะ จัดไปหลายรูป แต่เป็นเหมือนกันหมด ตัวอย่างก็รูปด้านล่างนี่แหละ ดวงอาทิตย์มาแล้วววว สวยค่ะ หันมาทางซ้าย เห็นภาพหมอกไหลลงจากสันเขา ไหลแบบไม่มีวันหมด ฮ่าๆ มันก็สวยไปอีกแบบนะคะ
ยังไม่พอเพียงเท่านี้ จัดไปจ้ากับ สันหนอกวัวลูก มุมดี มุมสวย แสงได้ สีได้ หลังจากเก็บภาพสวยๆในช่วงเช้าแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันจ้าา เดินกลับก็กลับทางเดิม ความเหนื่อยก็เท่าเดิม ฮ่าๆๆก่อนกลับก็ไปถ่ายรูปหมู่กับมุมมหานิยมกันก่อนที่สันหนอกวัวลูก เก็บภาพบรรยกาศดีๆ กับมิตรภาพใหม่ๆ ไว้ เอาออกมาดูทีไรก็มีความสุขทุกทีค่ะ ขอบคุณพี่โซโลด้วยที่ก่อไฟให้ กางผ้าใบกันฝนให้ แบกของให้ นำทาง และพาไปดูดาวตอนเช้ามืด ขอบคุณพี่ๆทุกคน พี่นก พี่โก้ พี่ก้อย พี่จูส พี่แมว พี่ฟง เพื่อนป้อ ที่ร่วมใช้ชีวิตลำบากไปด้วยกันตลอด 3 วัน 2 คืน นอนบ้าน 1 คืน นอนป่า 1 คืน ไว้ทริบหน้ามาเจอกันใหม่นะคะ ^^
Journey Eater
วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.11 น.