สวัสดีครับผม เป็นกระทู้แรกในการรีวิว ในPantipของผมเลยครับ อย่างไรก็ทนๆอ่าน กันสักนิดนะครับ ภาษาอาจผิดบ้างถูกบ้าง ก็อย่าถือสากันนะครับบ

เอาเป็นว่า เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ครับ เพราะถือว่าเป็นการเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของผมเลยก็ว่าได้ "เวียดนาม ไม่โหดอย่างที่คิด" "ไทยบ้าง อังกฤษบ้าง รอดตายแน่ครับ"

"เวียดนาม" ประเทศที่มากล้นไปด้วยมนตร์เสน่ห์

ฮานอย ฮาลอง มนตร์เสน่ห์เวียดนามเหนือครับ


เมื่อพูดถึงเวียดนามใครๆ ก็มักจะนึกถึง โฮจิมินห์ เมืองหลวงทางตอนใต้ แต่ไอ้เรามันคนเหนือล่าง เราก็ขอไปเที่ยวเวียดนามเหนือจะดีกว่า อะไรเหนือๆ มันจะขาวผุดผ่อง


ทริปนี้ ฮานอย ฮาลองเบย์ 3 วัน 2 คืน บินเช้า กลับค่ำ แบบชิลๆ เพราะค่าครองชีพที่นี่แสนจะถูกเหมือนบ้านเรานี่แหละคร้าบบบ เรทเงินคิดโดยประมาณ 15 THB = 10,000 Dong (VND) แต่ด้วยวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ บ้านเรือนไสไตล์โคโลเนียน ก็ทำให้เราหลงใหลได้เหมือนกัน


ฝากกดไลค์ สับตะไคร้ กันตามลิงค์หน่อยนะครับ 1ไลค์ของท่าน มอบเป็นกำลังใจให้ผมไปในที่ต่อไปคับ ขอกราบแทบเท้าทุกท่านครับ

http://www.youtube.com/c/NattanaT Youtube

https://www.facebook.com/nanthiao/ Facebook นาน เที่ยว ถี่


ทริปนี้ ขาไปผมใช้บริการพี่หางแดง บินลัดฟ้าไปฮานอย ดอนเมือง-ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย ใช้เวลาประมาณ 1.45 นาที ไอ้เวลาบินอาจแป๊บเดียว แต่เวลานั่งรอขึ้นเครื่องนานอย่าบอกใครเชียว บนเครื่องไอ้เราก็ขอนอนเล่นๆเก็บเอาแรงสักนิดสัก 30 นาที ก็ยังดี แต่พอใกล้จะแตะพื้นดินฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมา อย่างที่รู้กันว่าเวียดนาม เมืองที่มีฝนได้ตลอดทั้งปี ครับ

แล้วเราก็ถึงสนามบินโหน่ยบ่าย กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม จร้า ใหญ่โตเงียบสงบดี เออะหรือเรามาเช้าเกินไป ทริปนี้เป็นทริปสบายๆ เราเลยขอไปตั้งต้นที่ ฮาลองเบย์ จากสนามบินไปฮาลองเบย์ที่จริงไม่ไกล 170 กิโลเอง แต่เดินทางแบบชิลๆประมาณ 4-5 ชม. เห็นจะได้ ที่นี่เขาเข้มงวดในเรื่องความเร็ว ห้ามเกิน 80 กม./ชม. รถบัสที่เรานั่งไปจึงขับไปเรื่อยๆ ช้าๆ ทำให้เรามีโอกาสเสพวัฒนธรรมผ่านบานกระจกได้บ้าง ทั้งบ้านเรือน ไร่นา อุตสาหกรรม บรา บรา บรา ลืมบอกครับว่า ทริปนี้มาเป็นหมู่คณะ แบบส่วนตัว 10 คน เราเลยใช้บริการรถบัสนำเที่ยว เฉลี่ยแล้วทั้งทริปประมาณคนละเกือบ 1 พันบาทเห็นจะได้ แต่ก็คุ้มครับ เพราะใช้บริการ 3 วันเต็มๆ (แต่ถ้าใครจะเดินทางไปเองก็มีรถประจำทางนะครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชม.โดยประมาณ)

#ในภาพไม่ใช้รถที่เรานั่งนาจา แต่หน้าตามันจะระม้ายคล้ายกันแบบนี้แล

ขึ้นรถปุ๊บหลับบั๊ป และแล้วเราก็มาถึงที่ท่าเรือ Tuan Chau ferry terminal ซึ่งอยู่บนเก่าเล็กๆ ริมอ่าวฮาลอง หรือ อ่าวหะล็อง เราก็รีบซื้อตั๋วเพื่อลงเรือหัวมังกร จริงๆมันชื่อไรไม่รู้อะ แต่มันมีหัวมังกร ขอเรียกตามนี้ละกัน เพื่อล่องไปยังเกาะต่างๆ พร้อมรับประทานอาหารกลางวันกันบนเรือ ซีฟู๊ดนะแก ใหญ่ๆ สดๆ แต่น้ำจิ้มซีฟู๊ดที่นี่ไม่เด็ดเหมือนที่ไทยเราครับ ถ้าใครเตรียมมาได้ก็เตรียมมาเลยนะ อิอิ เพราะว่าผมทำการบ้านมา จึงเตรียมน้ำจิ้มซีฟู๊ดที่ลงมือทำเองมาด้วย

จากนั้นพี่คนขับเรือเขาก็จะจอดให้เราได้ถ่ายภาพมุมโน้นมุมนี้มุมนั้น ฟินกันไป เอ่อที่นี่เขาก็มีบริการถ่ายภาพให้เราพร้อมอัดลงโปสการ์ด ไม่ซื้อเขาก็ไม่ว่านะ แต่ก็นะอุดหนุนเขาสักนิด เพราะเขาคิดไม่แพงจร้า ใบละ 20 บาท ถือว่าเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะปกติเป็นถ่ายภาพแต่ไม่ค่อยชอบอัดภาพลงโปสการ์ด

จากนั้นเรือก็แวะเทียบท่าที่ Hang Sung Sot สถานที่นี่เป็นมรดกโลกนะครับ ข้างบนก็จะเป็นถ้ำซึ่งเรานั่นต้อง อองแรงเดินนิดหน่อยขึ้นไปด้านบน ซึ่งก็จะเป็นถ้ำที่มีหินงอก หินย้อย ประดับด้วยแสงต่างๆ สร้างจินตนาการ แต่ถ้าใครเคยเข้าถ้ำแบบที่ธรรมชาติจริงๆไม่ได้มีการย้อมแสงจากหลอดไฟก็อาจจะขัดๆใจ เหมือนผมนิดนึง เพราะผมชอบอะไรที่มันไม่ต้องมาตกแต่ง ชอบเสพธรรมชาติแท้ๆมากกว่า พอครบ 30 นาที ก็เดินกลับไปที่เรือ ทุกท่านครับบอกเลยว่าจงจำเรือของตัวเองหรือไม่ก็เด็กท้ายเรือให้ดีมิเช่นนั้นจะขึ้นผิดลำนาจา

จบทริปวันแรก ที่ฮาลองเบย์ เราก็เข้าโรงแรมกันครับ แถวตลาด เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพไว้ โรงแรมระดับ 3 ดาว แถวๆนี้มีเยอะพอสมควร

#Day2 เช้าวันที่ 2 ของทริป เราก็ตักตวงอาหารเช้าเข้ากระเพาะ เพราะว่าต้องนั่งรถยาวๆ 4-5 ชม. เพื่อเข้าสู่เมืองฮานอย จร้า นอนหลับเอาแรง ลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่ทันไรเที่ยงอีกแล้ว เราก็อาหารกลางวันกินกันแถวในตัวเมืองนั่นแหละขอเป็นอาหารไทยละกันเมื่อเช้าเจออาหารเวียดนามท้องใส้ไม่คุ้นชินเท่าไร บอกเลยว่าเวียดนามก็มีอาหารไทยขายนาจา เหมือนไทยก็มีอาหารเวียดนามนั่นแหละจร้า

เอาเป็นว่ามาฮานอย จุดแรกที่มาคือจุดแลนมาร์คสำคัญๆ ที่เขาบอกว่ามา ฮานอย ต้องมากราบไหว้ ที่แรกที่ เจดีย์เฉินก๊วก เขาบอกว่าสถานที่นี้มักจะมีผู้นำระดับต่างๆมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง ส่วนประวัติถามกูเกิ้ลกันเอานะ แบบว่ายังง่วงอยู่อ่ะไม่มีเวลาเก็บข้อมูล จริงๆครับ T-T

จุดที่2 ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม หรือ ทะเลสาบคืนดาบ จุดเด่นๆ คือสะพานไม้สีแดง (สะพานเทฮุก) ที่เชื่อมระหว่างถนนกับเกาะเล็กกลางทะเลสาบ ซึ่งด้านในจะมีศาลเจ้าหรือวัดชื่อว่า วัดหง็อกเซิน โดยทะเลทราบละวัดแห่งนี้มีประวัติที่ยาวนาน น๊าน นาน ค้นหาในกูลเกิ้ล มีรายละเอียดบอกจร้า

ใกล้กับทะเลสาบคืนดาบ ก็จะเป็นถนน36สาย (Hanoi 36 old streets) ย่านช็อปปิ้ง ย่านโบราณเมืองฮานอย เดินเล่นเดินช็อปปิ้ง ได้ตามอัธยาศัย บริเวณรอบทะเลสาบก็จะเป็นสวนสาธารณะมีคู่หนุ่มสาวนักท่องเที่ยวมาเดินเล่นมาทำกิจกรรมกันครับ

และใครมาที่ฮานอย ก็อย่าลืม มาชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำกันน่ะ เพราะการแสดงนี้บ่งบอกถึงวัฒนธรรม เอกลักษณ์ ร่วมถึงประวัติของคนฮานอยได้เป็นอย่างดี

สถานที่อยู่ติดทะเลสาบคืนดาบเลยครับ เดินจากถนน36สาย โดยให้แขนซ้ายเราอยู่ฝังทะเลสาบนะครับ ถ้าให้แขนขวาอยู่ฝั่งทะเลสาบ แม่มโคตรอ้อมอะ

ค่ำๆ หาอาหารอะไรเบาๆรองท้อง ก็ได้นะเพราะว่า ของกินที่นี่มีอยู่ตลอดทุกตรอกซอกซอย โดยเฉพาะชาบูต้มยำกุ้งเนีย ไปตรงไหนก็เจอ สงสัยคนฮานอยชอบกินอาหารแบบไทยแฮะ

ไอ้เราก็ขอนั่งริมถนนแบบนี้แล ได้บรรยากาศดี นั่งๆอยู่ก็จะมีศิลปินพเนจร เดินมาโชว์ของลับ เอ้ยของดีให้เราดูเป็นระยะๆ สร้างบรรยากาศ ไม่ต้องนั่งกินแบบเหงาๆ เราสองสามคน ครับ

ราตรีสวัสดิ์ วันที่สอง เดินเหนื่อยดี ครับ



วันสุดท้ายก่อนกลับ เราก็ไปเที่ยวที่สุสานโฮและพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ เสียดายตอนเราไป เขาไม่ให้เราเข้า เลยได้แค่เดินผ่าน บอกก่อนนะแม้แต่ถ่ายภาพด้านหน้าต้องสำรวม มิเช่นนั้นพี่ชุดขาวเขาจะเป่านกหวีดสงสัญญาณ ยืนถ่ายภาพด้านหน้าตรงกลางนานๆก็ไม่ได้นะครับ สำรวมครับสำรวม

มองไปไกลๆนั่นบ้านพักลุงโฮ เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง เหมือนไทยเราเลย อ่อ มีบันทึกบอกว่า ที่นี่มีส้มโอพิจิตร ปลูกไว้ด้วยนะ สมัยที่ลุงโฮมาพำนักอยู่ที่ จ.พิจิตรอะ

โดยรอบบ้านลุงโฮ ก็จะมีจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ และจำหน่ายของที่ระลึกอยู่ ในตึกสีเหลืองสวยสดใส เดินเพลินๆไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็นั่งพัก ครับ

จากนั้นเราก็เดินต่อไปยัง เจดีย์เสาเดียว กันครับ

เจดีย์เสาเดียว ผมถ่ายจากด้านหน้า อยากเห็นเสาเดียวลองเดินไปด้านหลังจร้าาา

ออกจากเจดีย์เสาเดียว เราก็เดินย้อนกลับไปยัง พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์

ที่นี่ก็จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัย โฮจิมินห์ และสงครามเวียดนาม ให้เราได้ชมกัน เยอะมว้ากกก ถ่ายภาพมาลงให้หมดคงไม่ไหวครับ เราต้องไปเสพประวัติศาสตร์ด้วยตัวเราเองครับ

คือแบบว่า เราสามารถเดินชมเดินเล่นอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลย แต่บังเอิญว่าเราต้องกลับไทยเย็นนี้จึงรีบๆหน่อย โดยที่สุดท้ายที่เราจะพาไปคือ

วิหารวรรณกรรมวันเหมียว หรือวัดจอหงวน เป็นวัดโบราณที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานเกือบพันปี สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลีไทโต เพื่ออุทิศให้แก่ท่านศาสดาขงจื้อ ในอดีตเคยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม แหมะข้อมูลเป่ะเวอร์ ป่าวก๊อปมาจากวิกิพีเดีย อิอิ

ก่อนกลับแวะช็อปกันอีกสักรอบ หลังเมื่อวานเดินดูๆเรงๆ กันไว้แล้ว ที่ถนน36สาย บอกเลยว่านักช็อป นักต่อราคาต้องมาที่นี่ บรรยากาศอาจจะไม่ต่างจากบ้านเรา แต่สินค้าไหนแบรนด์เนมที่เมคอินเวียดนาม มาซื้อที่นี่น่าตามันก็จะดีกว่าที่บ้านเรานะครับ ไม่แท้แต่เหมือนมากครับ.

"เวียดนาม" ประเทศที่มากล้นไปด้วยมนตร์เสน่ห์



#ก่อนอื่นต้องขออภัยหากเนื้อหาและภาพไม่ประทับใจผู้อ่านบางท่าน เพราะเป็นครั้งแรกจริงๆครับ จะพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆนะครับ

เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

http://www.youtube.com/c/NattanaT Youtube

https://www.facebook.com/nanteawtee Facebook นาน เที่ยว ถี่



สวัสดีครับ พบกันใหม่ทริปหน้าครับ

นาน เที่ยว ถี่

 วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.

ความคิดเห็น