"การรอคอย" เป็นคำที่ให้ความหมายความรู้สึกที่ดูเนิ่นนานเหลือเกิน บางครั้งเราก็รอคอยเวลาและโอกาสของเราว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ เหมือนกับทริปนี้ที่ผมได้แต่รอคอยให้มันเกิดขึ้นอย่างเร็ววัน กับแรงบันดาลใจตามรายการ HUMAN RIDE : จักรยานบันดาลใจ และหนังสือ HUMAN RIDE ที่ได้ไปปั่นเยือนเกาะมันเทศแห่งนี้มันล้วนแต่ดึงดูดความสนใจจากตัวผมเป็นอย่างดี

การเดินทางผจญภัย ณ ฮ่องกง เขาหลังมังกร http://pantip.com/topic/34105872

การเดินทางในเวียดนามแบบคนเดียวไม่ทันตั้งตัวhttp://pantip.com/topic/34285240
และสุดท้ายเพจเล็ก ๆ ของผมเอง "สองเท้าก้าวตะลุย By SOLO Traveler"
https://www.facebook.com/lifeisatravelbytee2015/?ref=aymt_homepage_panel

หากเอ่ยถึง "LITTLE JAPAN" หรือ "เกาะมันเทศ" หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน แต่ ณ ตอนนี้หลายคนคงเริ่มคุ้นหูเป็นอย่างดีผ่านรายการต่าง ๆ และรีวิวมากมายที่ได้ไปเยือนดินแดนแห่งนี้ เพราะที่นี่คือ "ไต้หวัน/TAIWAN" เกาะเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจข้ามผ่านไปอย่างไม่สนใจเพื่อไปเกาหลี หรือญี่ปุ่น หรือหลายคนอาจข้ามมาไม่ถึงเพราะได้ลงเที่ยวแดนฮ่องกง มาเก๊า เสินเจิ่น แต่ผมได้เลือกที่นี่เป็นที่แรกที่คาดหมายว่าจะเป็นทริปแบ็คแพคสไตล์คนเดียว แต่แล้วอย่างที่หลายคนได้อ่านรีวิวผมก่อนหน้า กลายเป็นที่แห่งนี้เป็นที่แห่งแรกที่ได้จองตั๋วเครื่องบิน แต่กลับเป็นสุดท้ายที่ได้ไปปิดทริปปี 2015 ของตัวเอง

สถานที่แรกที่ผมได้ไปออกทริปกลายเป็นที่ไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยในตอนนั้นคือ "ฮ่องกง"  แล้วตามมาด้วยทริปตะลอน "เวียดนามใต้" เป็นการฝึกปรือการเดินทางด้วยลำเเข้งและสองมือของเราเอง (เป็นสายเที่ยวเอเชียมือใหม่)  ฝากติดตามรีวิวก่อนหน้าด้วยนะครับ (แอบโฆษณาแฝงเล็ก ๆ )

สำหรับการเดินทางไปเกาะมันเทศครั้งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจจากการดูรายการ HUMAN RIDE ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นประกอบกับเจอโปรโมชั่นของ V-AIR ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมพอดีครับกับโปร 777 บาท ส่วนตอนนี้เจอแต่โปรขั้นต่ำ 999 บาท เลยตัดสินใจจองไปปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นธันวาคม ตอนแรกที่จองผมได้วางแพลนและจองไว้ 3 วัน 2 คืนครับ แต่ประมาณสิงหาคมสายการบินแจ้งมาจากทางไต้หวันว่ามีการเปลี่ยนแปลงไฟล์ทฤดูหนาว

อันนี้เป็นไฟล์ทที่จองตอนแรกครับ เวลาขาไปและขากลับที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง

อันนี้ไฟล์ทเปลี่ยนแปลงใหม่ครับโดยทางไต้หวันได้โทรศัพท์มาหาผมโดยตรงครับ แต่ไม่ได้รับสายเค้าเลยส่งเมลล์มาแจ้งจากไต้หวันซึ่งตอนนั้นไปแบ็คแพ็คที่ฮ่องกงอยู่ครับเลยไม่ได้เชคเมลล์ แต่ตอนเข้าที่พักเกิดอารมณ์เชคเมลล์หน่อยปรากฏทางไต้หวันประสานงานให้วีแอร์ประเทศไทยติดต่อการเลื่อนไฟล์ททางเมลล์มาให้ครับ บริการดีเยี่ยมประทับใจมาก (10/10) กลายเป็นทริปไต้หวันของผมจาก 3 วัน 2 คืน เป็น 4 วัน 3 คืนแทนครับ

บรรยากาศภายในเครื่องบิน V-AIR ครับคนหนาแน่นเลยทีเดียว ภายในเครื่องบินเที่ยวนี้มีป้ายโฆษณางานดอกไม้ที่ไต้หวันด้วยครับ (อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ)

งานเทศกาลดอกไม้ที่ไต้หวัน "TAIWAN HAKKA TUNG BLOSSOM FESTIVAL"
ลิงค์เข้าชมเว็บไซต์ครับ http://tung.hakka.gov.tw/default.aspx?lang=2

ถึงแม้สายการบิน V-AIR จะเป็นสายการบินประเภทแบ Low cost airline ก็ตามนะครับแต่ผมว่าระยะห่างระหว่างเก้าอี้ตัวหน้ากับเข่าของผมก็ห่างพอสมควรไม่ค่อยอึดอัดเหมือนเจ้าอื่นที่เข่าเกือบจะชนเก้าอี้ตัวหน้าแล้วนะครับ

สภาพภายในของเครื่องบิน V-AIR สัญชาติไต้หวันครับที่นั่งเบาะม่วง รูปหมีมุ้งมิ้งครับ

เก้าอี้ของสายการบินน้องหมีผู้น่ารักครับ เก้าอี้น่านั่งและค่อนข้างสบาย แต่นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่จากนั้นก็เผลอนอนไม่รู้ตัว การเดินทางไปไต้หวันใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครับ ของผมก็เดินทางไปถึงไต้หวันประมาณ 05.20 น.ครับตามเวลาท้องถิ่น (ไต้หวัน)

ระหว่างอยู่บนเครื่องแอร์สาวผู้น่ารักก็จะแจกใบตม.ขาเข้าไต้หวันให้ครับ ใบเข้าไต้หวันจะเป็นสีขาวแบบนี้นะครับ ถ้าเป็นสีเหลืองนี่คือแบบผิดประเทศเลยครับ เพราะใบสีเหลืองเป็นใบของประเทศจีน 555 แต่บางท่านอาจกรอกข้อมูลใบตม.ขาเข้าออนไลน์ได้เลยครับเพื่อความสะดวก ตามเว็บนี้ครับ https://oa1.immigration.gov.tw/nia_acard/acardAddAction.action โดยต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นนะครับ
พอไปถึงสนามบินไต้หวันเถาหยวนก็เจอกับความเงียบสงบและวังเวง แบบคนหายไปไหนกันหมด คิวเข้าตม.หายเกลี้ยงผมเข้าคิวตม.เป็นคนที่ 3 หรือ 4 เนี่ยแหละ เสร็จภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ได้เข้าไปเหยียบไต้หวันอย่างเต็มตัว

เนื่องจากเช้าเกินบวกกับความหิวเลยไปหาของกินที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ชั้นล่างของสนามบิน คือร้าน Hi Life ซึ่งจะอยู่ทั้งมุมด้านขวาและด้านซ้ายของสนามบินตรงบริเวณที่ขายตั๋วรถบัส แต่ตอนที่ไปไม่เจอที่ขายซิมหน้าร้าน Hi-Life ตามที่รีวิวเลย 555 จะรอก็กลัวเสียเวลาเลยตัดสินใจไปซื้อเอาดาบหน้าแหละกัน ก่อนไปซื้อตั๋วรถบัสก็ขอลิ้มลองนมรสมะละกอและชานมไต้หวันหน่อยแหละกัน

นมมะละกอราคา 35 NTD แต่กล่องใหญ่มากและอร่อยมาก เข้มข้นกว่าไทยเยอะเลย

รถบัสที่จะไปไทจงนั้นมีอยู่ 3 เจ้าคือ  U-BUS  Kuo-Kuang และ Free Go Bus รายละเอียดและเวลาบริการตามลิงค์นี้ครับ
http://www.taoyuan-airport.com/english/Buses/#b55f75b9-e1b6-4bb0-ad8b-862193305554
โดยรถที่ผมใช้บริการคือ Free Go Bus ครับถามทำไมเลือกเจ้านี้เพราะสายนี้ไปจอดตรงป้าย Gancheng Station ซึ่งเป็นป้ายสุดท้ายของสายนี้และที่สำคัญอยู่ใกล้กับท่ารถ NANTOU BUS ที่จะไปทะเลสาบสุริยันจันทรา (ชื่อยังกับหนังจีน) นอกจากนี้ยังเจอความน่ารักของคุณลุงที่ขายตั๋วรถบัส Free Go Bus ครับ ผมจะถามแหล่งซื้อซิมตรงไทจงแทน ลุงเลยกวักมือเรียกให้ตามลุงมาไปเจอกับหนุ่มใส่แว่นตรง Information  เพื่อให้คุยกันเพราะลุงพูดอังกฤษไม่ได้ นอกจากนี้ลุงกลัวว่าผมจะหลงทางไปขึ้นรถบัสต่อไป SML ไม่ถูกเลยใจดีเขียนภาษาจีนในแผ่นกระดาษให้ผมนำติดตัวไปกันตายด้วย พร้อมกับให้ผมอ่านออกเสียงภาษาจีนตามแกด้วย และแกก็อ่านภาษาจีนและพูดว่าคำนี้นะแปลว่า NANTOU BUS คำว่านี้คือ sun moon lake 555 มาถึงก็เจอความใจดีของคนไต้หวันเลยประทับใจมาก จากนั้นผมก็เดินทางจากสนามบินเถาหยวนไปไทจงต่อครับ

สำหรับรถบัสของ FREE GO BUS นั้นจะจอดตรงชานชาลาที่ 9 ครับแต่ตอนที่ผมไปคันที่ไปไทจงไปจอดตรงชานชาลาที่ 8 แทนครับ ดังนั้นฟังลุงที่เคาเตอร์บอกดี ๆ นะครับ เดี๋ยวไปรอชานชาลาที่ 9 อาจรอเก้อได้ 555

อย่างที่บอกไปแต่ตอนแรกครับ ตอนมาถึงไต้หวันเถาหยวนฝนตกแต่เช้าเลยครับ บรรยากาศเลยแบบอึมครึม ในใจเริ่มคิดว่า sun moon lake คงเป็นแบบนี้แน่เลย จิตใจเริ่มเศร้าหมอง

ตรงนี้คือชานชาลาที่รอรถบัสครับ (ต้องบอกก่อนนะครับว่าตรงนี้เป็นของ Terminal 1 สายการบิน V-AIR จะจอดตรง Terminal 1) ดังนั้นสายการบินไหนลงเทอร์มินัล 2 ก็ไม่ต้องห่วงครับ รถบัสจะไปรับตรงท่ารถตรงเทอร์มินัล 2 เช่นกันนะ

จากนั้นรถบัสคันที่ผมนั่งก็เดินทางมารับคนที่เทอร์มินอล 2 ครับ คนรอเยอะกว่าเทอร์มินอล 1 อีกแหนะ

ระหว่างรอผู้โดยสารคนอื่นขึ้นรถบัส ผมก็ได้สังเกตว่าบริเวณที่เป็นจุดรอรถจะมีเส้นแบ่งว่ารถบัสสายไหนยืนรอตรงเส้นไหน (ไต้หวันเป็นระเบียบดีนะเนี่ย)

นั่งรถไปสักพักถึงแม้ง่วงนอนแต่นอนไม่หลับ เพราะตื่นเต้นได้มาไต้หวันครั้งแรกก็เข้าสู่เมืองไทจง รถราเริ่มเยอะครับเพราะวันจันทร์นี่น่า

ถนนหนทางของเขามีเส้นแบ่งทางรถยนต์กับทางจักรยานด้วย เห็นได้อย่างชัดเจนเลย

รถบัสของ FREE GO BUS จะจอดตรงป้ายสุดท้ายคือ Gancheng Station ซึ่งป้ายนี้จะอยู่ใกล้กับตึก NANTOU BUS เลยครับเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ที่สำคัญขึ้นตรงนี้ผมว่าดีสุดครับเพราะรถบัสหนานโถวที่ไป SML จะต้องไปรับคนที่ตรง HSR TAICHUNG แต่ตอนผมขึ้นตรงท่ารถคนก็เยอะแล้วครับ ดังนั้นพอไปถึง HSR คนขึ้นได้แค่ 6-7 คนเอง นอกนั้นต้องยืนรอคันต่อไปอีก (อิอิ) นอกจากนี้ตรงหนานโถวบัสยังขายบัตรต่าง ๆ ของ sun moon lake ด้วยครับ
]http://www.ntbus.com.tw/en-index.html]
เว็บไซต์ของ NANTOU BUS ครับลองเข้าไปดูข้อมูลและตารางเวลาได้เลยครับนอกจาก SML แล้วยังมีหมู่บ้านปีศาจซีโถว ซิงจิ้นฟาร์มด้วยครับ

ระหว่างทางจะไปรับผู้โดยสารที่ HSR TAICHUNG ก็ผ่านมหาวิทยาลัยแพทย์อะไรสักอย่างในเมืองไทจง ครับ จากนั้นรถก็เดินทางไปเรื่อย ๆ จนถึงทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือ SML (ชื่อยังกะหนังจีนกำลังภายในจริง ๆ )

รถบัสที่จะมายัง SML (ต่อไปขอเรียกสั้น ๆ ว่า SML แทนทะเลสาบสุริยันจันทราแทนนะครับ) จะจอดตรงหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวคือ ตรงตึกตรงนี้ครับและก็จะมีที่จำหน่ายตั๋วรถจาก SML ไปไทจง ไทเป หรือไปหมู่บ้านซีโถว ลองถามจากบริเวณตรงนี้ครับ จากนั้นก็ไปที่พักเก็บข้าวของก่อนแล้วออกมาตะลุย SML กันกับตามหาซิมการ์ดที่หายไป

หลังจากเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางตามล่าหาซิมการ์ดที่หายไป โดยใครถึงสนามบินเช้ามาก ๆๆ และร้าน Hi Life ก็ยังไม่ขายซิม และขี้เกียจรอร้านซิมเปิดก็อดทนแล้วมาซื้อตรง SML ได้ครับ โดยร้านขายซิมจะเป็นของ Chunghwa Telecom ครับ

โดยที่ตั้งจะอยู่ตรงบริเวณ SUN MOON LAKE POST OFFICE  ครับ

ตรงนี้ที่ตั้งร้านขายซิมการ์ดเห็นป้าย Chunghwa Telecom อยู่ด้านบนเลยครับ จากนั้นเดินเข้าประตูเจอเลยครับ ลุงแกบริการดีมากครับ พูดดีและน่ารักมากช่วยเหลือตลอด และเน็ตผมต่อไม่ได้ลุงก็โทรศัพท์ไปหาศูนย์ให้และให้ผมคุยปัญหากับพนักงาน สปีดอิงลิชอย่างงู ๆ ปลา ๆ อีก ภาษาอังกฤษยิ่งง่อยอยู่ 555

หลังจากซื้อซิมการ์ดเสร็จก็เดินย้อนกลับไปยังท่าเรือ Shuishe Pier โอ๊ยคนเยอะจัง และไม่รู้มีการแสดงอะไรของเด็กนักเรียน แต่ผมว่าน่าสงสารเด็กนะต้องมาเต้นมานอนตากแดด เอ้ย พูดถึงแดด มาถึง SML แดดออกนะครับ ชีวิตไม่ล้มเหลวแล้วเรา 5555

ภาพบรรยากาศ SML ตอนที่ผมไปเป็นวันที่ 30 พย.ที่ผ่านมาครับ เวลาเกือบบ่ายโมงแล้วครับ ฟ้าสดใสต้อนรับการมาไต้หวันเลยนะ อิอิ

ถ่ายรูปบรรยากาศก่อนจะขึ้นเรือออกจากท่า Shuishe Pier ไปยังท่าเรือ Xuanguang Temple ครับ

เรือเล็กออกจากฝั่งสู่หนทางอันเวิ้งว้าง เฮ้ย ไม่ได้ออกเเปซิฟิค แต่กำลังไป Xuanguang Temple ต่างหาก

ในที่สุดก็มาถึงท่าเรือสักทีซึ่งท่าเรือวัดซวงกวง (Xuanguang temple) เป็นจุดจอดเรือแรกและเรือน้อยควรถึงฝั่งได้แล้ว จากนั้นเดินไปยังวัดซวงกวง (ซึ่งกว่าจะไปถึงเจอคนจีนเยอะมากก) นี่วันจันทร์ที่ไม่ใช่วันหยุดยาวนะทำไมเยอะจัง ได้แต่คิดแล้วเดินต่อไปอย่างงง ๆๆ

วัดที่เราจะมาเยือนในวันนี้คือวัดพระถังซำจั๋งหรือวัดซวงกวงนั่นเอง นอกจากจะไปสักการะพระถังซำจั๋งแล้ว ก็จะเห็นวิวทะเลสาบสุริยันจันทราได้ชัดเจนเช่นกันครับ

บรรยากาศทะเลสาบสุริยันจันทราจากตรงวัดซวงกวงหรือวัดพระถังซำจั๋งครับ อากาศและท้องฟ้าสดใสจากนั้นก็เข้าไปสักการะพระถังซำจั๋งกันครับ

ร้านไข่ต้มใบชาที่โด่งดังแต่ขี้เกียจรอคิวเพราะคนเยอะมาก (มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ ???) สงสัยนะสงสัย รีวิวนี้เน้นภาพกับข้อมูลการเดินทางนะครับ เพราะหลายรีวิวคงบอกรายละเอียดพอสมควรครับ

หลังจากเดินชมวัดเสร็จเรียบร้อย และชมวิวพอสมควรก็เตรียมตัวไปรอเรือไปยังท่า Ita Thao Pier ซึ่งเป็นท่าเรือที่จะมีกระเช้าไปยังหมู่บ้านวัฒนธรรมครับ โดยการขึ้นเรือขึ้นตรงท่าหรือที่จอดตรงไหนก็ไปขึ้นตรงท่านั้นตลอดครับ

ระหว่างรอเรือเฟอร์รี่มารับไม่มีไรทำเลยถ่ายรูปตั๋วขึ้นเรือซะเลย ในการขึ้นเรือเจ้าหน้าที่เค้าจะประทับตราปั๊มตรงมือครับ อย่าลบหายไปนะครับเดี๋ยวกลับไม่ได้ 555

เรือเฟอร์รี่มารับเราแล้ว แต่ไม่ใช่เรือของเราเจ้าหน้าที่เด็กน้อยบอกว่า รออีก 10 นาทีนะครับเรือจะมารับ รอต่อไปจากนั้นเรือก็มารับเพื่อไปยังท่า Ita Thao Pier

ตอนนี้เรือมาถึงท่า Ita Thao ครับพอขึ้นจากเรือเสร็จก็เดินข้ามสะพานเเล้วเลี้ยวซ้ายจากนั้นก็ไปตามทางไปหากระเช้ากันอิอิ

ทางเดินไปยังกระเช้าลอยฟ้าครับ ภาพสุดท้ายนี่ขอจินตนาการว่าไปญี่ปุ่นเกาหลีแพรบ ถ้าต้นไม้มีสีแดงสีเหลืองเยอะนะ ตรงนี้จะฟินมากเลยยย

จากนั้นก็เดินลงไปทางเดินที่เลียบกับชายหาดครับ เดินไปเรื่อย ๆ จะเห็นตึกที่เป็นที่ตั้งกระเช้าลอยฟ้าครับ (ภาพด้านบน)

หลังจากนั้นขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ครับสำหรับขึ้นกระเช้า ขาไปผมได้นั่งคนเดียวเพราะไปเกือบบ่ายสามโมงเย็นแล้ว ซึ่งมันปิด 4 โมงเย็น มีเวลาเหลืออีก 1 ชั่วโมงนี่หว่า ????

กระเช้าขาไปขากลับมาเป็นขบวนเลยสีแดง น้ำเงิน เหลือง

พอถึง Formosan aboriginal culture village ผมก็เดินบริเวณรอบนอกครับไม่ได้ไปข้างในครับเดินถ่ายรูป ยืนดูภาพวาดรถไฟสายอาลีซานแต่ยังไม่มีแพลนไปรอทริปหน้านะอาลีซานจ๋า เดินสักพักเตรียมลงไปข้างล่างครับเพราะอย่างที่บอกมันปิดบริการ 16.00 น. ซึ่งคนต่อแถวลงไปข้างล่างเยอะมาก

ตอนลงก็มองวิวเบื้องล่างนิมันไม่ใช่ทะเลสาบสุริยันจันทราแล้วนิเหมือนมือยักษ์เลย 555 จินตนาการล้ำเลิศมากก

พอเดินถึงข้างล่างโอ้พระเจ้าพระอาทิตย์กำลังตกดินพอดี ถ่ายรูปแปบบบจากนั้นก็เดินกลับท่าดีกว่าเพราะเดี๋ยวยิ่งใกล้ปิดทำการคนจะรอคิวขึ้นเรือเยอะ

ตอนนี้ตะวันกำลังยอแสงแล้วไปที่ของเราตรงท่า Shuishe ดีกว่านั่งเรือไปชมพระอาทิตย์กำลังตกดินไป มันช่าง slow life จริง ๆขอบคุณครับฝากติดตามต่อนะครับ  มันเยอะมากก

หลังจากนั้นก็มาถึงท่า SHUISHE PIER กับบรรยากาศที่ฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว ธงชาติไต้หวันโบกสะบัดในยามเย็น

จากนั้นผมก็เดินกลับที่พักก่อนครับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน มาถึงไต้หวันตั้งแต่ตีห้ากว่าน้ำท่ายังไม่อาบเลย ได้แต่ฝากกระเป๋าไว้ที่พัก

ระหว่างเดินกลับที่พักผมก็ผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลยถ่ายรูปรถบัสหนานโถวบัสที่พาผมมาจากไทจงถึงที่นี่ครับ รถจะเป็นลักษณะแบบนี้ครับ

บรรยากาศตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตรงท่า SHUISHE ครับพอกลางคืนของ SML สำหรับคืนที่ผมไปค่อนข้างจะเงียบครับไม่ครึกครื้นอาจเพราะเป็นวันธรรมดาและไปไม่ตรงกับช่วงหยุดยาวเลยเเบบ slow life เลยทีเดียว

บรรยากาศยามกลางคืนตรงบริเวณท่าเรือ SHUISHE ครับเงียบไหมหล่ะครับทุกคน

บรรยากาศตรงบริเวณท่าเรือ SHUISHE ครับคนออกมาถ่ายรูปแสงสีกัน

หลังจากเดินเล่นกลางคืนได้สักพักก็เริ่มหิวแต่ไม่รู้อยากจะกินอะไรดี เลยเข้าเซเว่นดีกว่าซื้อชานมกับข้าวกล่องรถไฟกินดีกว่า ไหน ๆ มาแล้วต้องกินข้าวกล่องที่นี่ราคากล่องนี้ 55 TWD ครับ ถามอิ่มไหม สำหรับผมอิ่มมากครับ จากนั้นก็นอนดีกว่าเก็บแรงต่อสำหรับทริปวันพรุ่งนี้ดีกว่า

ที่พักที่ผมพักใน SML ครั้งนี้ขอเป็นแบบโฮสเทลแหล่ะกันเนื่องจากรอบนี้มาคนเดียวเลยไม่ซีเรียสเรื่องที่พักครับ ที่พักนี้ชื่อ Yue lake backpacker ครับห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 10 -15 นาที (แอบไกลเหมือนกัน) แต่เงียบสงบดีครับ

บรรยากาศยามเช้าจาก Yue lake backpacker มายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ เงียบสงบดี (ขนาดตื่นสายเกือบออกมาเกือบ 7 โมง) แบบจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อย (ร้องไห้แพรบบบบ)

ถึงจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้าแต่ได้เห็นพระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นจากเขาก็โอเคแล้ว ตะวันกำลังทอแสงแล้วแสงแรกของวันใหม่ ณ SML จากนั้นผมก็ไปเช่าจักรยานสำหรับปั่นจักรยานรอบ SML ดีกว่า สำหรับร้านที่ผมเช่าจักรยานตอนเช้านั้นอยู่ใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ ค่าเช่าเค้าคิดเป็นวันละ 100 TWD ครับสำหรับหลักฐานที่ใช้ก็เบอร์โทรศัพท์ไต้หวัน (แต่ผมจำเบอร์ไม่ได้เลยบอกเค้าว่า คุณเอาพาสปอร์ตผมไว้กับคุณก็ได้ครับ อิอิ มันต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้สินะ) คุณลุงก็จะแนะนำเส้นทางปั่นจักรยานรอบ SML และสอนการใช้เกียร์จักรยานครับ น่ารักมากครับ

สำหรับทริปวันนี้ครึ่งวันเช้าของผมก็จะเป็นการปั่นจักรยานรอบ SML ครับโดยแรงบันดาลใจก็มาจากรายการ Human ride : ตอนไต้หวันนั่นเองนั่นทำให้อยากมาไต้หวันครับ ไม่ได้เน้นมากิน มาชอป แต่มาปั่นชมบรรยากาศ ฟินมาก

ปั่นมาเรื่อย ๆ ตามเส้นทางจักรยานพร้อมกับถ่ายมิวสิควิดีโอ อากาศยามเช้าที่นี่สดชื่นและหนาวมาก

พระเอกของเราในวันนี้คือ น้องจักรยาน Giant นี่แหละครับที่จะพาลัดเลาะไปยังส่วนต่าง ๆ ของ SML ทิ้งจักรยานไว้กลาง SML อะไรแบบนั้นเลย

หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล จริง ๆ ทางไม้ตรงนี้จะมีป้ายเตือนบอกว่าให้เดินลากจักรยานไปนะครับเพราะอาจเกิดอันตรายได้ แต่แต่ทุกคนกลับขี่จักรยานเฉย โดยไม่สนใจป้ายเตือนเลย ????

ภาพยามเช้าจาก SML เอ๊ย ก็ไม่เช้าแล้วนะยามสายแล้วน่า แสงอาทิตย์ตัดกับสายหมอกและผืนน้ำสีครามให้ความรู้สึกแบบนิ่งสงบดีครับ

จุดหมายต่อไปของผมที่จะปั่นต่อไปคือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ครับเพราะมีลักษณะสถาปัตย์ที่ดูโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ดีครับ

ระหว่างทางก็เจอสะพานรูปทรงแปลก ๆ ภูเขาสลับกับสีน้ำของทะเลสาบสุริยันจันทราที่บางช่วงดูเป็นสีน้ำเงิน บางช่วงก็เป็นสีเขียวมรกต ปั่นมาเรื่อย ๆ ก็มาเจอป้ายศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วครับ

ในที่สุดก็ปั่นมาถึงอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวดูเหมือนมีจัดงานอะไรด้วยก็ไม่รู้เดี๋ยวต้องไปแวะชมซะหน่อย ก่อนเข้าชมขอพระเอกของเราถ่ายรูปหน้าตึกก่อนนะ 555

จากนั้นพาน้องจักรยานไปจอดตรงที่จอดจักรยาน แล้วผมก็เดินเข้าไปดูข้างในครับเหมือนจัดงานต้นไม้อะไรสักอย่าง คล้ายบอนไซแต่ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แต่สายตาดันสะดุดกับวิวทิวทัศน์ข้างหน้าครับน้ำทะเลสาบตัดกับสีท้องฟ้า และตึก สวยงามจิงเกอเบลมาก

ภาพบรรยากาศจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ

จากนั้นผมก็ไปปั่นจักรยานออกจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปตามเส้นทางจักรยานเรื่อย ๆ ครับ มีหลงบ้าง

ปั่นมาก็มาเจอกับเจอจุดชมวิวตรงนี้ครับ ซึ่งเค้าห้ามนำจักรยานเข้าไปต้องจอดไว้ข้างนอกเส้นกั้นครับ วิวสวยมากเสียดายมาคนเดียวรอทริปหน้านะ ครั้งนี้มาดูลาดเลาก่อน 555

หลังจากสูดอากาศเต็มปอดก็ปั่นต่อไปเรื่อย ๆ ครับตามเส้นทาง

พอปั่นไปเรื่อย ๆ มันจะเป็นทางตันครับซึ่งต้องขี่ย้อนกลับมาครับ

สีน้ำทะเลสาบสุริยันจันทรา มีหลายสีเลยตอนผ่านไปเห็นสังเกตเห็นเพิ่งมาเห็นตอนปั่นจักรยานกลับทางเดิม

ขากลับขอถ่ายมุมเดิมอีกรอบชอบมุมนี้มากครับ มันฟินมากกก

ยิ่งสาย ๆ คนก็จะมาปั่นจักรยานกันมากขึ้นครับ ถ้าเป็นไปได้มาแต่เช้าดีกว่าครับเพราะได้เห็นบรรยากาศแบบแสงแดด สายหมอกตกกระทบกับพื้นน้ำมันสวยมากจริง ๆ เนื่องจากจักรยานยืมมาเช่าทั้งวัน 100 TWD ถามเสียดายเงินเหมือนกันนะครับ ไม่รู้ต่อได้หรือเปล่าแต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็คุ้มครับกับบรรยากาศทะเลสาบในวันนี้แลกกับไม่ต้องมากังวลเวลาที่ต้องคืน และได้ชมวิวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ จากนั้นผมเลยปั่นจักรยานกลับที่พักครับเพื่อเชคเอาท์แล้วเอาจักรยานมาคืนที่ร้านครับ จะได้ไม่ต้องเดินให้เสียเวลา (555 ฉลาดป่ะหล่ะเรา) เนื่องจากสะพายเป้มาใบเดียวครับเลยไม่มีปัญหา จากนั้นก็เอาจักรยานมาคืนลุงที่ร้านก็ถามว่า ปั่นทั่วหรือยัง สนุกไหม และลุงก็เซียะ เซียะ เราก็เซียะ เซียะตอบครับ จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วรถบัสไป HSR TAICHUNG

ตรงนี้คือที่จำหน่ายตั๋วรถบัสครับ จุดบริเวณเดียวกับที่ผมมารับวอยเชอร์ขึ้นเรือ

ลักษณะตั๋วรถบัสไปไทจงครับ ราคา 190 TWD ครับ จากนั้นก็รอเวลาที่รถมารับครับเเละเตรียมตัวเดินทางไปยัง HSR TAICHUNG เพื่อนั่งชินคังเซนสไตล์ไต้หวันกลับไทเป

จากนั้นรถบัสก็ไปรับคนตามจุดต่าง ๆ จนมาถึงป้าย NATIONAL CHI NAN UNIVERSITY ครับ ป้ายนี้รถต้องเข้าไปในตัวมหาวิทยาลัยครับ มหาวิทยาลัยที่นี่น่าเรียนจังอยู่ใกล้ทะเลสาบและวิวธรรมชาติมาก

และแล้วก็มาถึงสถานี HSR TAICHUNG แล้ว (โดยหาไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองที่กำลังจะเล่าต่อไป) บริเวณนี้ที่ขายตั๋วของ NANTOU BUS และตั๋วไปทะเลสาบสุริยันจันทราครับ ถ้าใครนั่งจากเถาหยวนหรือไทเปมาลง HSR TAICHUNG ครับแต่อย่างที่บอกคนโดยสารโดยวิธีนี้ก็มากและต่อคิวเยอะด้วยบางครั้งอาจต้องรอต่อรถไป SML ค่อนข้างนานครับ

จากนั้นก็ไปที่เคาเตอร์ขายตั๋วครับ พอดีผมจองจากเว็บ http://www5.thsrc.com.tw/en/ ถ้าจองล่วงหน้าก็จะได้ส่วนลดครับ แต่ผมจองรอบ 12.03 น.ครับ แต่ตัวเองดันเข้าใจผิดอีกว่าจองรอบ 12.30 น. ปรากฏไปถึงสถานีตอน 12.05 น. บะบายรถไฟไปแล้วจ้าไปไม่ทัน อาลัยกับความโง่ของตัวเองอย่างสิ้นเชิง ณ ไทจงเนื่องจากไปช้ากว่าเวลาสักประมาณ 5 นาทีรถไฟความเร็วสูงที่จองไว้ก็ได้หลุดลอยไป ปัญหาความเครียดเริ่มมากับภาษาอังกฤษแบบงู ๆ ปลา ๆ ทำไงดีกับชีวิตดี เลยนำใบจองที่จองผ่านทางเว็บมาครับซึ่งตอนจองชำระเงิน 560 TWD ครับจากปกติ 750 TWD ไม่รวมค่าตัดบัตรนะครับรวมก็ 640 TWD ครับ แต่กรณีนี้ผมไปช้ารถไฟออกไปแล้วทำไง เจ้าหน้าที่ชายผู้น่ารักเลยบอกว่า คุณต้องชำระเงินเพิ่ม 115 TWD ครับ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้บัตรรถไฟบัตรเดิมที่เราจองไว้กับบัตรที่จ่ายเพิ่ม 115 TWD โดยบัตรโดยสารนี้นะครับจะใส่ช่องเสียบบัตรไม่ได้ครับเพราะต้องให้เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้อย่างและที่นั่งที่จองไว้ก็จะกลายสภาพเป็น NON-RESERVE ครับและตู้อย่างในบัตรคือ CAR 5-2E ก็จะกลายเป็นต้องไปนั่งตู้สำหรับ NON_RESERVE แทนครับ

อันนี้เป็นบัตรโดยสาร HSR ครับใบแรกก็จะเป็นใบที่จองไว้จากเว็บครับ เนื่องจากไปช้ารถไฟ HSR ออกไปแล้วเลยต้องทำการจองตั๋วใหม่จากรอบ 12.03 น. เป็น 12.31 น.ก็จะได้ใบที่สองครับคือจ่ายค่าส่วนต่างของรถไฟHSR  แล้วนำบัตรทั้ง 2 ใบไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ครับเจ้าหน้าที่ก็จะปั๊มตราบนบัตรครับ เนื่องจากสอดใส่ตู้เสียบบัตรไม่ได้

จากไทจงไปไทเปรอรถไฟตรงชานชาลา 2B นะครับ

ได้ตั๋วเรียบร้อยผ่านไปได้ด้วยดี ขอบคุณเจ้าหน้าที่ชายผู้น่ารักแนะนำดีมากครับ ถึงแม้จะฟังไม่ค่อยทันก็เหอะ 555

บรรยากาศภายในรถไฟ HSR ซึ่งจากคนเคยมีตู้นั่งกลายเป็นต้องนั่งแบบ Non-reserve แทนไม่เป็นไรที่ไหนว่างก็ไปนั่งครับ สบายไม่เครียดหลังจากนั่งรถไฟไปพนักงานก็จะขายอาหารและเครื่องดื่มครับแต่ผมของีบก่อนดีกว่า โดยรถไฟฟ้าความเร็วสูง (HSR) เป็นชินคังเซ็งรุ่น 700T ครับ(รุ่นโกอินเตอร์ส่งนอกครับ)

ถึงสถานีเถาหยวนแล้ว ใกล้ถึงเป้าหมายที่รอคอย

ถึงไทเปแล้วเตรียมตัวลงดีกว่าครับทุกท่านนนนนน

ณ ตอนนี้เรามาอยู่ไทเป เมืองหลวงของไต้หวันกันซะที บริเวณตรงนี้คือบริเวณที่เรียกว่า TAIPEI MAIN STATION  ครับจุดศูนย์กลางการเดินทางทั้ง HSR(รถไฟความเร็วสูง) TRA(รถไฟชานเมือง) MRT (รถไฟฟ้าใต้ดิน) และยังมีทางเชื่อมไปยัง BUS STATION (ศูนย์รวมรถบัสเดินทาง) นอกจากนี้ก็มีร้านค้า ชอปปิ้งมอลล์ให้เดินเล่นกันเพลินเลยครับ ผมคิดว่าครั้งหน้าน่าจะจัดทริปเดินทัวร์ Taipei main station สักครึ่งวันดีไหมครับ ???

สรุปการเดินทางแบบสั้น ๆ นะครับสำหรับทริปวันที่ 30 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2015
1. ผมเดินทางด้วยสายการบิน V-AIR ครับในโปรโมชั่น 777 บาท*ในราคา 2882 บาท รวมค่าจองที่นั่ง ค่าธรรมเนียมบัตรเบ็ดเสร็จ 3152 บาท (ยังไม่รวมค่าซื้อน้ำหนักเพิ่มเติมตอนขากลับนะครับ)
2. รถบัสจากสนามบินไต้หวันเถาหยวน - ไทจง ของ Free Go Bus ราคา 240 TWD
3. รถบัสจากหนานโถวบัส - SML    ราคา 190 TWD
4. บัตรท่องเที่ยว sun moon lake  ราคา 360 TWD  (บัตรที่ผมซื้อรวมรถบัสท่องเที่ยวรอบ SML  ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปกลับ เรือโดยสารระหว่างท่า SML และบัตรอีซี่การ์ด หรือโย่ว โย่ว ข่า ที่มีมูลค่าในนั้นแล้วครับ)
โดยทุกท่านสามารถศึกษาข้อมูลล่วงหน้าได้ที่เว็บของหนานโถวบัส ครับตามลิงค์นี้ http://www.ntbus.com.tw/en-eticket.html
** หมายเหตุ บัตรแบบนี้ทุกคนจะต้องนำใบนี้พร้อมกับใบเสร็จที่อยู่ในซองไปยื่นให้กับ VISITOR CENTER เพื่อรับบัตรขึ้นเรือครับ ตรงบริเวณที่ผมโพสว่าไปซื้อตั๋วกลับไทจงอ่ะครับ ส่วนบัตรขึ้นกระเช้าลอยฟ้าก็อยู่ในบัตรอีซี่การ์ดแล้วครับ ไปถึงก็ให้เจ้าหน้าที่แทปการ์ดเปิดประตูให้ครับ

ไปรับบัตรขึ้นเรือและซื้อตั๋วรถได้จากตรงนี้เลยครับ
5. บัตรนี้ไม่รวมค่าเข้าหมู่บ้านวัฒนธรรมชนเผ่านะครับ อันนี้ต้องจ่ายเพิ่มเอง หรือไม่ก็จะมีบัตรราคา 990 TWD ครับรวมทุกสิ่งอย่าง
6. ค่าเช่าจักรยาน ONE-DAY     ราคา 100 TWD
7. ค่ารถจาก SML - HSR TAICHUNG ราคา 190 TWD
8. ค่าซื้อซิมการ์ด (อ่านว่า ซิง ข่า นะเดี๋ยวเค้าไม่เข้าใจ) ราคา 300 TWD (ใช้ 5 วัน)
10. ค่าที่พัก YUE LAKE BACKPACKER ราคา 658 บาท  (รวมเอาเองนะครับ) อิอิ

ติดตามรีวิวตอนที่ 2 เร็ว ๆ นี้ครับกับตอน "ตะลอนไทเป" ครับ

เพราะโลกนั้นกว้าง

 วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 เวลา 13.45 น.

ความคิดเห็น