รีวิวนี้ผมจะเน้นเนื้อหาปนสาระเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับโอกินาวาให้มากขึ้นเล็กน้อย รวมถึงภาพถ่ายกาก ๆ ของผมที่จะใส่ให้เยอะมาก (เสียดายตัดไม่ลง) มีทั้งภาพสวยและภาพกากปนกันไป และที่สำคัญการเดินทางในรอบนี้ไม่ได้เช่ารถขับนะครับ ไปกับตัวและเงินในกระเป๋า
รีวิวตอนที่ 2 : สู่ตอนใต้นาฮา OKINAWA WORLD http://pantip.com/topic/35953525
รีวิวตอนที่ 3 : สู่ตอนเหนือ OKINAWA http://pantip.com/topic/35962970
จากแผนที่ประเทศญี่ปุ่นจะเห็นว่า ส่วนที่อยู่ใต้สุดจริง ๆ แล้วก็คือ จังหวัดโอกินาวา โดยจังหวัดนี้เป็นเกาะแยกตัวอยู่ต่างหาก ค่อนข้างไกลจากแผ่นดินใหญ่พอสมควร ค่อนไปทางไต้หวัน ประกอบกับประเทศญี่ปุนมีลักษณะภูมิศาสตร์ค่อนข้างยาว ทำให้แผนที่ส่วนใหญ่จึงต้องตัดปะจังหวัดโอกินาวาไว้ตรงมุมแผนที่เหมือนภาพด้านล่าง
คำถาม : ทำไมต้องไป "โอกินาวา" และทำไมต้องไปช่วงหน้าหนาว
คำถามนี้คาดว่าหลายคนที่ไปโอกินาวา จะต้องโดนถามกันไม่มากไม่น้อยเลยทีเดียว เหมือนกับตอนผมไปไต้หวันเมื่อปีก่อนก่อนที่จะบูมเหมือนวันนี้ก็โดนคำถามนี้เหมือนกัน คำตอบของผมง่าย ๆ เลยคือ อยากไปจังหวัดในญี่ปุ่นที่คนไทยไม่ค่อยจะไปกันเพื่อหลีกหนีจากความวุ่นวย และไม่ได้เที่ยวเพื่อตามกระแสเพราะบางครั้งเรามองภาพจากจอคอมพิวเตอร์เห็นฟูจิ เห็นวัดทอง วัดน้ำใส หรือหิมะตกซับโปโรจนเริ่มเป็นความคุ้นชิน ทำให้เกิดความคิดว่าเราไปโอกินาวาดีกว่าเพื่อหาอะไรที่แตกต่างและไม่จำเจ
คำถามต่อมาทำไมต้องไปช่วงหน้าหนาว
คำตอบเลยคือ หน้าหนาวของโอกินาวาจะเป็นช่วงโลว์ซีชั่นทำให้ค่าที่พักราคาถูกลง อย่างโรงแรม 5 ดาวที่ตกคืนละหมื่นกว่าพอมาช่วงนี้ราคาถูกลงเป็นครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว รวมถึงค่าใช้จ่ายก็จะถูกลง
การเดินทางสู่โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
ผมเดินทางไปโอกินาวาในช่วงระหว่างวันที่ 13 - 18 ธันวาคม 2559 โดยผมจองตั๋วไปโอกินาวาตั้งแต่เดือนเมษายนซึ่งตอนนั้นฮ่องกงแอร์ไลน์ออกโปรมาในราคา 6700 กว่าบาทรวมภาษีนั่นนี่ก็ราคาประมาณ 8000 กว่าบาทซึ่งก็ยอมรับได้เพราะรวมค่าโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ดังนั้นมาดูการเดินทางไปโอกินาวากันเลยครับ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีเส้นทางบินตรงจากไทยไปโอกินาวา ทำให้มีแต่วิธีต่อเครื่องซึ่งมี 2 วิธี (อัพเดทล่าสุด 15 ธันวาคม สายการบินพีชเเอร์ได้เปิดเส้นทางบินตรงจากไทยไปโอกินาวาแล้วนะครับ) คือ
1. ต่อเครื่องโดยเริ่มต้นจากไทยไปโอกินาวา ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินต่อไปนี้
1.1 ฮ่องกง แอร์ไลน์ (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง
1.2 คาร์เธย์ แปซิฟิค (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง
1.3 ไชน่า แอร์ไลน์ (กรุงเทพฯ - โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องที่ไทเป ไต้หวัน
1.4 EVA airlines (กรุงเทพฯ โอกินาวา) เปลี่ยนเครื่องไทเป ไต้หวัน
โปรดอย่าถามว่าจะเลือกสายการบินไหน ผมก็เลือกฮ่องกง แอร์ไลน์สิครับเพราะราคาถูกสุดแล้วในช่วงปลายปีแบบนี้ รวมถึงเวลาก็ยังโอเคอีกด้วย ตีตั๋วไปประมาณ 8000 กว่าบาทเองงงงงง
2. ต่อเครื่องภายในประเทศญี่ปุ่น เช่น PEACH AIRLINES เป็นต้น
3. บินตรงจากไทย - โอกินาวา (กรณีนี้ต้องรอให้มีการเช่าเหมาลำการบินไทย ซึ่งจะมีการเปิดให้จองอีกทีหนึ่ง) และล่าสุดสายการบินโลวคอสจากแดนปลาดิบ (PEACH AIR) ก็ได้เปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ - โอกินาวาแล้วนะครับ โดยเปิดเส้นทางไปเมื่อ 15 ธันวาคม 2559
เข้าเรื่องต่อดีกว่า ฮ่องกงแอร์ไลน์จะตั้งอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ แถว K ถ้าเป็นไปได้ก็แนะนำให้ทำการเชคอินออนไลน์ไปก่อนจะดีที่สุดและเพื่อความรวดเร็ว
ภาพจาก : http://www.naha-airport.co.jp/en/access/monorail.htm
OKINAWA MONORAIL
- โอกินาวา เป็นจังหวัดที่ไม่มีเส้นทางรถไฟ รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือรถไฟลอยฟ้า มีเพียงการคมนาคมด้วยรถไฟที่เรียกว่า โมโนเรล เท่านั้น
- โมโนเรลที่โอกินาวา เรียกว่า YUI RAIL
- สถานีของ Yui rail นั้นมีเพียง 15 สถานี โดยเริ่มจากสถานีสนามบินนาฮา (Naha airport/Naha koku) จนสิ้นสุดที่สถานีชูริ
- จากสถานีแรกถึงสถานีสุดท้ายจะใช้เวลาเพียงแค่ 27 นาทีเท่านั้น
- อัตราค่าโดยสารของ Yui rail ต่ำสุด 110 เยน สูงสุดที่ 330 เยน
หมายเหตุ สถานี Kencho-mae ปัจจุบันคือสถานี Prefectural Office Station ดังนั้นสองสถานีคือสถานีเดียวกันนะจ้ะ อย่าสับสน
บัตรโดยสาร Yui rail
บัตรโดยสารจะมีอยู่ 2 แบบดังนี้
- QR 1-day ticket (2-day ticket) บัตรแบบ 1 วันหรือ 2 วัน ซึ่งราคา 700 เยน และ 200 เยนตามลำดับ (ภาพด้านบนเป็นแบบ 2 Day) ซึ่งจะมีอายุการใช้งาน 24 และ 48 ชั่วโมงตามลำดับ เช่น ถ้าซื้อบัตร 1 DAY วันที่ 13 ธันวาคม เวลา 10.07 น. บัตรจะหมดอายุวันที่ 14 ธันวาคม เวลา 10.07 น. ครับ
ดังนั้นจะใช้บัตรแบบไหนก็ขึ้นกับความสะดวกของแต่ละคนครับ ส่วนผมวันแรกได้บัตรฟรีจากคนญี่ปุ่นใจดีก็ขอเที่ยวให้คุ้มกับบัตรก่อนดีกว่า เดี๋ยวเจ้าของจะเสียใจเอาจากสถานีโมโนเรลนาฮะโคคุ ผมก็นั่งโมโนเรลไปที่สถานีโอโมโรมาชิ (Omoromachi station) เพราะผมจองที่พักแถวสถานีนี้ไว้
T-GALERRIA
NAHA MAIN PLACE
เมื่อถึงถนนโคคุไซโดริ จะสังเกตเห็นรูปปั้นคล้ายสิงโต คนโอกินาวาเรียกว่า ซีซาร์ ครับ ตั้งเด่นตรงทางเข้าถนนเลย เดี๋ยวผมจะพาไปดูบรรยากาศดีกว่า ถ้าอยากรู้เป็นร้านไหนไปสัมผัสด้วยตัวเองโลดดด
ฺBLUE SEAL @OKINAWA
ท่ามกลางตอนกลางคืนที่ลมพัดผ่านร่างกายต้องหาอะไรอุ่น ๆ มากินเพื่อแก้หนาว เลยตัดสินใจไปกินไอศกรีมบูลซิลดีกว่า (เอิ่ม มันร้อนยังไงหว่า ยิ่งหนาวต้องกินอะไรเย็น ๆ มันจะฟิน)
ร้าน Blue seal ถ้าสังเกตตราแบรนด์จะคล้ายกับนมโฟร์โมสต์ ซึ่งมีจุดกำเนิดในอเมริกาก็จริงแต่ถูกยกระดับและพัฒนาในโอกินาวา ดังนั้นบลูซิลจึงได้ชื่อว่าเป็นไอศกรีมของโอกินาวา นั่นเอง
PURPLE SWEET POTATO SOFT SREVE
ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดก็ต้องกินไอศกรีมท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ รสที่ผมกินรสนี้เป็นรสมันม่วงครับที่ชื่อ Beni-imo soft sreve อร่อยหวานนุ่มเลยทีเดียว
PABLO MINI CHOCOLATE
อันนี้ธรรมดาไปขอผ่าน
PABLO MINI ORIGINAL
อันนี้ก็หากินได้ทั่วญี่ปุ่นและไทย ขอผ่าน
PURPLE OKINAWAN SWEET POTATO
เฮ้ย สายตาก็เหลือบไปเห็นรสชาติที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน นั่นคือ รสมันหวานโอกินาวา นั่นเอง ซึ่งรสชาตินี้ไม่มีขายในจังหวัดอื่นของญี่ปุ่นนะครับ มีขายเฉพาะโอกินาวาเท่านั้น เสร็จเรา
PURPLE OKINAWAN SWEET POTATO CHEESE TART
ชีสทาร์ตก้อนใหญ่รสมันหวานโอกินาวา อันนี้ก็มีเฉพาะโอกินาวาเท่านั้นนะครับ ถ้าจะกินรสชาตินี้ก็มาที่นี่เท่านั้น
ตลาดสด MAKISHI
เป็นตลาดสดที่อยุ่ในตรอกซอกซอยที่ไม่ไกลจากถนนโคคุไซ ที่จะทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตของคนโอกินาวาได้หรือเบื่อความแออัดพลุกพล่านบนถนนโคคุไซก็สามารถหลีกหนีมาเดินในตลาดแห่งนี้ได้เลย
ฺBENI-IMO KITKAT (PURPLE SWEET POTATO)
คิทแคทถือได้ว่าเป็นของฝากยอดนิยมจากญี่ปุ่น แต่ในแต่ละจังหวัดของญี่ปุ่นก็มีรสชาติประจำจังหวัดนั้น ๆ เช่น คิทแคทชาเขียวก็นึกถึงเกียวโต คิทแคทแอปเปิลชินชูจากนากาโน เป็นต้น ส่วนโอกินาวาก็มีคิทแคทประจำจังหวัดเช่นกัน โดยวัตถุดิบนั้นทำมาจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาได้ในโอกินาวา ก็คือ มันม่วง นั่นเอง
DAY 2 : 14 DECEMBER 2016
NAHA - MANZA BEACH
พิพิทธภัณฑ์ OKINAWA PERFECTURAL MUSEUM & ART MUSEUM
ตึกที่เห็นด้านหน้าเป็นพิพิทธภัณฑ์แสดงความเป็นมาของชนชาติริวกิว รวมถึงงานศิลปะทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม เป็นต้น แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะครับพอดีต้องไปที่อื่นก่อน
การเดินทาง : นั่งโมโนเรลลงสถานี OMOROMACHI เดิน 5 นาทีจากสถานี
วันที่สองของการอยู่ในนาฮา โอกินาวา ผมจะต้องไปมันซา บีทที่อยู่ทางตอนเหนือของนาฮาในเวลา 11.40 น. ทำให้มีเวลาช่วงเช้าเล็กน้อยผมเลยตัดสินใจจะไปเก็บภาพปราสาทชูริก่อนแล้วกัน ส่วนกระเป๋าก็ฝากที่โรงแรมไว้ก่อน
DAY 2 : 14 DECEMBER 2016
NAHA - MANZA BEACH
วันที่สองของการมาอยู่โอกินาวาก่อนที่จะไปมันซะบีท ผมตัดสินใจไปชมปราสาทชูริบริเวณรอบนอกก่อน ส่วนภายในผมจะมาอีกวันหลังกลับมาจากมันซะบีท เพราะถ้าเข้าไปข้างในเวลาคงไม่พอแน่ ๆ ผมหาทางเข้าปราสาทไม่เจอแถมยังเดินผิดทางทำให้ต้องขึ้นเนินที่สูงชันแทน กลายมาเป็นโผล่มาด้านข้างพระราชวังตรงประตู Kyukeimon gate 555
Kyukeimon gate
ประตูคิวไคมอนเป็นประตูด้านนอกของปราสาทชูริโจ หรือชูริ (อันเดียวกันนะ) ตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือ กำแพงทำจากหินส่วนด้านบนกำแพงทำมาจากไม้
Zuisenmon Gate
Zuisen มีความหมายว่า ฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามและเป็นมงคล ซึ่งชื่อประตูนัมาจากฤดูใบผลิของริวกิว มีชื่อว่า Hikawa-ujo
Roukokumon Gate
Roukokumon Gate
เมื่อผ่านประตู Roukokumon Gate ก็จะเริ่มเจอกับตัวปราสาทสีแดงบริเวณด้านนอก ซึ่งรีวิวตอนนี้ผมจะไม่กล่าวถึงประตูปราสาทมากนะครับ เดี๋ยวจะกล่าวในตอนที่ 2 ทีเดียวเลย
Koufukumon Gate
เมื่อผ่านโควฟุกุมอนเกทแล้ว ผมมีเวลาอีกไม่กี่นาทีต้องรีบไปให้ถึงประตู Houshinmon Gate ก่อนเวลา 8.25 น. แต่ ๆ ไปถึง 8.28 น.แล้ว
Houshinmon Gate
ทำไมต้องไปถึงก่อนเวลา 8.25 น.เพราะเจ้าหน้าที่จะแต่งตัวด้วยชุดโบราณ และทำการตีฆ้องดังกังวาลเป็นจังหวะ และเสียงประกาศ “อุเคโจ(เปิดประตู)"แล้ว ประตูโฮชินมง(Hoshinmon)ซึ่งเชื่อมไปยังสวนหน้าตำหนักหลักแห่งปราสาทชุริก็จะถูกเปิดออก เป็นช่วงเวลาพิเศษในยามเช้าที่มีเสียงดนตรีโบราณแห่งริวกิวดังลอยมาเป็นสัญญาณถึงการเริ่มวันใหม่ของมรดกโลกด้วยเสียงฆ้อง
อันนี้เป็นคลิปจากยูทูป ขอบคุณคุณ首里城公園 นะครับ พอดีถ่ายแต่ภาพนิ่ง และไปไม่ทันไปฟังตีเสียงฆ้อง
ZUISENMON GATE
เดินจากประตู Zuisenmon ก็จะเจอประตูอีกบาน
KANKAIMON GATE
SHUREIMON GATE
ประตูสุดท้าย แต่จริง ๆ ประตูนี้ต้องเป็นประตูแรกก่อนจะไปเจอปราสาทชูรินะครับ แต่ผมเข้าผิดทางกลายเป็นประตูสุดท้าย นี่แหละวางแผนไม่ดีแต่ก็สนุกไปอีกแบบ
Bezaitendo Shrine and Enganchi Pond
แต่ยังไม่สำนึกก็ยังเดินเล่นต่ออีก เมื่อมาอีกทางที่เป็นทางที่ถูกที่ควรจะเจอกับศาลเจ้า Bezaitendo และสระน้ำ Enganchi ศาลเจ้านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บพระไตรปิฏกที่ได้รับมาจากกษัตริย์ของเกาหลีในยุคนั้น
ลีมูซีนบัส คืออะไร
ลีมูซีนบัส คือ รถบัสที่จะรับผู้โดยสารจากสนามบินหรือท่ารถนาฮาไปยังโรงแรมทางตอนเหนือของโอกินาวา ซึ่งจะเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว 5 ดาว โดยการซื้อตั๋วลีมูซีนบัสสามารถซื้อได้ที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศชั้น 1
ข้อมูลลีมูซีนบัส : ดูได้จากลิงค์นี้ครับhttp://okinawabus.com/en/ls/
หรือต้องการดูรถบัสที่วิ่งระหว่างเมืองก็สามารถดูได้ลิงค์นี้ครับ : http://okinawabus.com/eng
พอซื้อตั๋วรถบัสลีมูซีนบัสเสร็จก็เดินไปรอที่ป้ายหมายเลข 12 ตรงหน้าสนามบินนาฮาเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายเส้นทางครับว่าเดินไปยังไง จากนั้นก็รอรถและเตรียมตัวเดินทางไปตอนเหนือกัน
TIME TO EAT @ ANA INTERCONTINENTAL MANZA BEACH
1.OKINAWA STYLE SPICY SAUCE FRITTER & HAMBERGER STEAK
(รูปบนซ้าย OKINAWA STYLE SPICY SAUCE FRITTER และขวา HAMBERGER STEAK ตามลำดับ)
2. UCHINA TEMPURA (OKINAWA SPECIALS TEMPURA)
เทมปุระสไตล์โอกินาวาคือ การเอามันม่วงมาชุบแป้งแล้วทอดนั่นเอง อร่อยไปอีกแบบนะครับ โดย Uchina มีความหมายถึง ชาวโอกินาวาท้องถิ่น โดยเทมปุระนี้จะใช้ส่วนประกอบจากท้องถิ่นที่ได้รับความนิยม เช่น มันฝรั่ง (Red potato) ที่อุดมด้วยแร่ธาตุ Goya หรือมะระที่อุดมไปด้วยวิตามิน และ Mozuku ที่เป็นสาหร่ายทะเล
3. GOYA CHAMPURA
GOYA CHAMPURA หรือแปลแบบไทย ๆ ก็คือ ผัดมะระญี่ปุ่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาหารประจำของโอกินาวาที่ไม่ต่างจากของไทยเท่าไหร่ ซึ่งอาหารประเภทนี้อุดมไปด้วยวิตามินซี แคโรทีนและโปรตีน อาหารชนิดนี้ช่วยในเรื่องการฟื้นฟูร่างกาย Champura หมายถึงการรวมหรือผสม ซึ่งเป็นภาษาถิ่นของโอกินาวาครับ
4. NABERA
NABERA หมายถึง Sponge cucumber หรือแตงกวาที่มีรูปร่างเหมือนฟองน้ำในภาษาถิ่นของโอกินาวา ซึ่ง Sponge cucumber ได้รับความนิยมในการนำมาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารทั้งในบ้านและภัตตาคาร
5.GREEN PAPAYA CHAMPURA
เป็นผัดมะละกอของโอกินาวาที่ทำจากมะละกอสองชนิด ผักและผลไม้ ในเอเชียตะวันออกมะละกอถูกนำมาใช้เป็นสลัด แต่ในโอกินาวามะละกอเหล่านี้จะถูกนำมาทำเป็นอาหารผสมเนื้อและผักเข้าไป ตามสไตล์ Champura
6. RAFUTE (PORK RIBS)
RAFUTE (PORK RIBS) มีวัฒนธรรมมาจากอาหารจีนที่เรียกว่า Dong Po Rou หรือหมูซีอิ๊ว คล้าย ๆ พะโล้ของบ้านเรา
7. TACO RICE
Taco rice เป็นเมนูที่เกิดในเมือง Kin ครั้งแรกถูกทำให้ทหารสหรัฐอเมริกา เนื่อสัตว์สับปรุงรสแล้ววางบนข้าว ตามด้วยชีส ผักกาดหอม มะเขือเทศ แล้วราดด้วยซอสทาโก้สูตรพิเศษของโอกินาวา โดยจะเสิร์ฟกันแบบจานโตชนิดที่ว่าคนเดียวทานไม่หมดกันเลยล่ะ
8. TABICHI
TABICHI (ขาหมูตุ๋น) เป็นอาหารที่กินในประเทศจีนและเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน
9. OKINAWAN DOUGHNUT
SATA ANDAGEE – OKINAWAN DOUGHNUT
SATA หมายถึง น้ำตาล ANDA หมายถึง น้ำมัน AGEE หมายถึง การทอด (เป็นภาษาถิ่นของโอกินาวา)
โดนัดชนิดนี้เป็นโดนัทท้องถิ่นที่ได้รับความนิยม ข้างนอกกรุบกรอบ ข้างในนุ่ม
10. KOKUTO
KOKUTO LOCAL BROWN เป็นของกินในโอกินาวาที่ถูกจัดเตรียมเพื่อขอพรให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เป็นขนมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากจีน และรับประทานโดยการม้วนแผ่นแป้งบางๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับขนมเครป รสชาติของขนมจะคล้ายกับฮอตเค้กและให้ความรู้สึกถึงความหวานนิดๆ ขนมชนิดนี้อาจเรียกว่าอีกอย่างว่า Chinbin (ちんびん)
11. UMIBUDO
Umibudo สาหร่ายองุ่นทะเล สาหร่ายทะเลแสนอร่อยมีลักษณะเป็นผลเล็กๆลูกกลมๆ ทานแล้วเหมือนไข่ปลาแซลม่อนที่แตกตัวในปาก รสชาติเค็มนิดๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มปอนสึอร่อยเข้ากันได้เป็นอย่างดี อันนี้ผมก็เอาตัวอย่างในห้องอาหารสไตล์โอกินาวาบุฟเฟต์มาให้ชมกันครับ ดังนั้นถ้าใครอยากลิ้มลองอาหารพื้นเมืองท้องถิ่นแบบให้คุ้มค่าก็แนะนำร้านอาหารแนว ๆ นี้ครับที่จะทำให้เรามีเวลาได้ทำความรู้จักกันจนอิ่มกันเลยทีเดียวเมื่อใกล้เวลา 20.45 น. ไฟในห้องอาหารก็ดับลงเป็นสัญญาณบอกว่าการแสดงฉบับโอกินาวาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เออิซ่า
ประเพณีการเต้นรำบงโอโดริของโอกินาว่า เรียกว่า “เออิซ่า" เป็นการแสดงที่เร้าใจและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก กล่าวกันว่าต้นกำเนิดการเต้นรำนี้มาจากการเต้นรำเพื่อสักการะเทพเจ้า การเต้นรำจะมีลักษณะคล้ายกับการเต้นรำบงโอโดริในญี่ปุ่น แต่ที่นี่จะเป็นการเต้นรำเพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันคิวบง ทั่วทั้งเกาะโอกินาว่าจะมีการจัดงานขึ้นเพื่อแสดงความเคารพและขอพรต่อบรรพบุรุษ เช่น ขอให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆ ขอให้ครอบครัวปลอดภัย เป็นต้น ในโอกินาว่ายังมีเพลงประจำเกาะ “ชิมะอุตะ" เป็นเพลงเก่าที่ถ่ายทอดจากรัชสมัยกษัตริย์ริวกิวมายังประชาชนธรรมดา ปัจจุบันนี้มีการปรุงแต่งเพลงเก่าอย่างโอกินาว่ามินโย เป็นดนตรีแนวป็อปที่แทรกซึมอยู่ในวิถีการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว (ข้อมูลจากเว็บ http://ocvbth.namjai.cc/e47737.html)
หลังจากดูการเต้นรำเออิซ่าเสร็จเรียบร้อย ต่อไปก็จะเป็นการเต้นรำพื้นเมือง
ริวกิว บุโย (การรำพื้นเมือง)
เครื่องแต่งกายตามแบบฉบับโอกินาวาครับ ซึ่งสีเสื้อที่ดูสดงดงามแดงตัดกับสีเหลือง บ่งบอกถึงสภาพภูมิอากาศเขตร้อนได้เป็นอย่างดีเลย ประกอบกับการแสดงที่มีเสียงดนตรีประจำท้องถิ่นที่ขาดไม่ได้ในการแสดง “ซันชิน" เป็นเครื่องดนตรีประเภทสาย มีเสียงอันไพเราะและสร้างสีสันให้กับ “ริวกิว บุโย" การรำพื้นเมืองเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยของกษัตริย์ริวกิว มีไว้แสดงรับแขกบ้านแขกเมืองในปราสาท เรียกว่า “โกเตง บุโย" มาถึงสมัยที่ศิลปะการร่ายรำจากเมจิเข้ามามีอิทธิพล และขยายเข้ามาสู่ประชาชนโดยทั่วไป เรียกการรำแบบนี้ว่า “โซอุโดอิ" ปัจจุบันนี้มีการประยุกต์และปรับแต่งท่ารำมากขึ้น เรียกว่า “โซซาคุ บุโย" ต่อไปก็เป็นการแสดงที่สร้างความระทึกให้กับผู้ชม
DAY 3 : 15 DECEMBER 2016
ANA INTERCONTINENTAL MANZA BEACH
สรุปการเดินทางเยี่ยมเยือนโอกินาวาตอนที่ 1
การเดินทางไปโอกินาวา : 13 - 17 ธันวาคม 2559
สายการบิน : ฮ๋องกงแอร์ไลน์ (Hong Kong Airlines)
ที่พักในโอกินาวา : นาฮา (วันที่ 1) โรงแรม สตอร์ก สถานี Omoromachi 997 บาท/คืน
มันซะบีท ออนนะ (วันที่ 2) เอเอ็นเอ อินเตอร์คอนทิเนนทัล มันซะบีช รีสอร์ท 5796.80 บาท/คืน รวมอาหารเช้า
นาฮา (วันที่ 3-5) Minshuku Getto สถานี Kenchomae 6000 เยน/2คืน (คืนละ 3000 เยน)
*ที่พักสไตล์ผมจะเป็นโฮสเทล หรือเกสท์เฮาส์ราคาไม่แพงเกินไปครับ ส่วนที่มันซะแพงหน่อยเพราะผมถือว่าขอไปพักร้อนสักคืน 555 ส่วนแผนการเดินทางผมจะมาบอกอีกทีครับ ในรีวิวตอนหน้าครับ
เพราะโลกนั้นกว้าง
วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.45 น.