สวนป้าแกลบ

หลังจากมาเมืองจันทน์ด้วยวัตถุประสงค์อันชัดแจ้งว่าจะมาตามหาทุเรียนกันที่นี่ แต่จนแล้วจนรอด จบไป 1 ตอนแล้ว ยังไม่เจอทุเรียน มาตอน 2 นี่หละค่ะ เจอแน่ ๆ เจอก่อนเลยทุเรียนจ๋า ชั้นมาแว๊วววววววว

ร้านจำหน่ายสินค้าแปรรูปจากพืชผลการเกษตรของทางสวน

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ เที่ยวในละแวกทางผ่าน คราวนี้เราก็มุ่งหน้าไปตามหาทุเรียนตามระบบจีพีเอส (GPS) กันเลย สวนแรกที่เราไปคือ "สวนทุเรียนป้าแกลบ" แต่ด้วยฟ้าฝนไม่ค่อยจะเป็นใจกับเรามากนัก การเดินทางที่ฝนสลับแดดกันมาทั้งวัน มาเจอฝนกันที่หน้าสวนอีก

อีกทั้งสวนป้าแกลบไม่เน้นการเข้าสวน จึงมีการนำผลิตภัณฑ์ออกจากสวนมาขายบริเวณด้านหน้าของสวน ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด และอื่น ๆ เราเข้าไปสอบถามได้ความว่า ทุเรียนหมอนทองนั้นหมดแล้ว เหลือแต่ชะนี ดังนั้น ก็คงไม่ต้องซื้อกันหละวันนี้ เดินชมของซื้อของขายในร้านดีกว่า

ออกจากสวนป้าแกลบเรามุ่งหน้าไป "สวนสะเด็ดยาด" เพราะเห็นว่ามันอยู่ในทำเลเดียวกัน วนห้าสี่ห้ารอบ ก็วนกลับมาที่เดิม เป็นล้งรับซื้อผลไม้ ลงไปสอบถามได้ความว่า "ตรงนี้เขาเลิกไปแล้ว ไม่ทำตรงนี้แล้ว" โอ้วววว แม่เจ้า แต่กระนั้นพี่เขายังใจดีบอกว่าให้ขับไปเรื่อย ๆ สวนไปเปิดอยู่ตรงข้ามวัดเขาสุกิม ไม่ไกล

ไอ้เราก็เชื่อคนง่าย ขับไป ๆ พระเจ้าเกือบครึ่งชั่วโมงไม่เจอ สวนสะเด็ดยาด ขับผ่านจุดที่เขาบอกไปแล้วขับวนมาใหม่ เจอแต่ "สวนอรุณบูรพา" ที่เป็นสวนผลไม้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่สวนสะเด็ดยาด เห็นน้อง ๆ ที่สวอรุณบูรพาบอกว่า สวนสะเด็ดยาดนั้นเลิกกิจการไปแล้ว ส่วนสวนอรุณบูรพาเป็นสวนที่เปิดใหม่ อยู่ตรงข้ามตลาดนัด วัดเขาสุกิมเลย

สวนอรุณบูรพา ยินดีต้อนรับ

เมื่อขับรถเข้าไปด้านใน เราจะเจอกับโรงเรือนเล็ก ๆ สองสามหลัง หลังแรกซ้ายมือเป็นส่วนของที่อยู่อาศัย ส่วนหลังขวามือ เป็นโรงเรือนที่เหมือนโรงอาหาร มีแต่หลังคาไม่มีฝา วางขายผลิตภัณฑ์จากสวนหลากหลาย ทั้งของสด และของแปรรูป

ผลไม้ขายส่งที่กำลังเตรียมการขนส่ง

ทุเรียนที่สวนวันนี้ขายดีมาก เรียกว่าแทบไม่เหลือ (สำหรับกินพรุ่งนี้) เลยดีกว่า มีแต่ทุเรียนที่ต้องบ่ม หรือต้องกินเลยทันที เราเลยยังยั้งทีท่าเอาไว้ก่อน น้อง ๆ เล่าว่าสวนเป็นสวนเปิด ใครจะเข้าก็ได้ ไม่เก็บค่าเข้า ส่วนโรงเรือนหลังที่สามด้านใน ว่าจะเปิดเป็นร้านกาแฟ

ต้นเงาะในสวน

หลังที่จะเปิดเป็นร้านกาแฟนี้ สูงสองชั้น แต่ไม่ได้ทำข้างฝาเหมือนกัน กั้นไว้แต่รั่วระเบียงกันตก น้องว่าเอาไว้ให้ลูกค้านั่งจิบกาแฟ กินทุเรียนชมวิว แต่พอดีว่ายังไม่สามารถเปิดบริการได้ เพราะยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ว่าแล้วก็ชวนเราขึ้นไปชมวิวด้านบน

ลูกดกมาก

ไอ้เราก็ด้วยความเกรงใจ ของก็ไม่ได้ซื้อของเขา ไปเล่นหมาเขา แถมขอเข้าไปเดินเล่นในสวนเขาอีก ก็เลยไม่ได้ขึ้นไป แต่เดินวน ๆ ดูรอบ ๆ เอาจนฝนค่อยซาเม็ดจึงขอตัวกันกลับที่พัก เพราะเย็นมากแล้ว

สวนทุเรียนปลูกเป็นแถว เป็นแนวสวย

ลูกดกทุกต้น

ทุเรียนที่วางขายในสวนอรุณบูรพา

มังคุด

ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ

โรงแรมเจ้าหลาวทอแสงบีช จันทบุรี

เราขับรถมาถึงที่พัก โรงแรมเจ้าหลาวทอแสงบีช ค่อนข้างเย็น พระอาทิตย์กำลังจะตกดินพอดี แต่ก็เคล้าไปด้วยบรรยากาศครึมฟ้า ครึมฝน พอเข้าที่พักได้ ฝนก็เทกระหน่ำกันลงมาแทบไม่ลืมหูลืมตา และตกอยู่อย่างนั้นเกือบทั้งคืน

ห้องพักประเภทต่าง ๆ

พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

ห้องดีลักซ์ (Deluxe) โรงแรมเจ้าหลาวทอแสงบีช

ครั้งนี้ห้องพักของเราไม่ได้เป็นหลัง ๆ ด้วยว่าห้องพักนั้นเต็มทุกห้อง เราเลยได้ที่พักเป็นแบบห้อง ๆ บนตึกใหญ่ 4 ชั้น นั่นคือ ห้อง Deluxe ที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศสวยหรู คมเข้มด้วยสีน้ำเงินเข้ม และใช้แสงประกอบให้ห้องพักดูสวยหรูงดงาม

กิจกรรมตักบาตรตอนเช้าของทางโรงแรม

แม้นช่วงเช้าลมฝนจะยังไม่หยุด และยังคงเทซัดมาเป็นระลอก แต่กิจกรรมตักบาตรช่วงเช้าของทางโรงแรมยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง เครื่องอัฐบริขาร หรือของใส่บาตร เราก็สามารถหาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อภายในโรงแรมนั่นเอง สนนราคาชุดละ 50 บาท

สะพานปลายามเช้า ตอนฝนพรำ

บริเวณใกล้ ๆ กับเจ้าหลาวทอแสงบีช มีสะพานปลาที่เราจะสามารถซื้อหาของทะเลสด ๆ ได้ไม่ไกลนัก หลังอาหารเช้า เราเลยได้ฤกษ์ไปเดินดูกัน น่าเสียดายที่วันนี้เรามาสายไปหน่อย อยู่ในช่วงน้ำลง และฝนตกค่อนข้างหนัก เลยไม่มีชาวประมงนำอวนที่จับสัตว์ทะเลได้ขึ้นมาวางจำหน่าย แต่บรรยากาศโดยรอบก็สดชื่น ชุ่มช่ำด้วยไอฝนบาง ๆ สลับกับลมเย็น ๆ

หาดที่ตื้นเขิน ตอนน้ำลง

เราเช็คเอาท์ตั้งแต่เช้า เพราะตั้งใจจะไปแวะซื้อของฝาก และทุเรียนที่เราตามหามานาน อีกอย่างเราไม่อยากกลับถึงกรุงเทพฯ ให้ดึกนัก และตั้งใจจะแวะเที่ยวไปตลอดทาง

วงเวียนพะยูนเล่นน้ำ

เราแวะซื้อของฝากประเภทอาหารทะเลแปรรูปแถว ๆ วงเวียนพะยูนเล่นน้ำก่อน ซึ่งที่นี่มีให้เลือกหลากหลายมาก ทั้งของสด ของแห้ง อาหารสำเร็จรูป และที่สำคัญ "มีทุเรียน"

ร้านขายทุเรียน ตรงวงเวียนพะยูน

แวะถามราคา เขาบอกราคามาถูกกว่าที่สวนอีกอะ แถมประดันด้วยว่าถ้าผ่ามาไม่ดี คืนได้ เลยจัดไป สี่บ้าน สี่ลูก โลละ 140 บาท หมอนทองล้วน คนขายท่าทางทะมัดทะแมงจัดการเลือก และแกะให้เลยตรงนั้น เนื้อแข็ง เนื้อนิ่มตามที่เราต้องการ ดีเลยไม่ต้องขับรถกลับไปสวนละ จะได้เดินทางกันต่อเลย

นอกจากทุเรียนแล้ว ยังมีสละ กับสัปรดขายด้วย

ร้านขายอาหารแห้ง และของฝากบริเวณวงเวียนพะยูนเล่นน้ำ


เรื่องที่เกี่ยวข้อง

2 วัน 1 คืน ตามหาทุเรียน สุดขอบสวน ตอนที่ 1 :: จันทบุรี ไม่มีเบื่อ

2 วัน 1 คืน ตามหาทุเรียน สุดขอบสวน ตอนที่ 2 :: สวนทุเรียนที่หายไป

สายลม ที่ผ่านมา

 วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.40 น.

ความคิดเห็น