หลังจากทริปที่แล้วที่ได้มีโอกาสไปดูผีเสื้อที่โป่งเทียมที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาแล้ว ก็ทราบข่าวว่ามีโปรแกรมที่สามารถให้เราเข้าไปดูผีเสื้อกลางป่าเลย พอดีพี่ที่ทำงานเดียวกันสนใจ ก็เลยตกลงปลงใจจองวันกับเจ้าหน้าที่ คือวันที่ 17 มิ.ย.61 เพื่อที่จะไปหาผีเสื้อน้อยกลางป่ากัน


ร่วมทริปนี้ ได้มีการตกลงชักชวนสมาชิกค่อนข้างเยอะมาก เพราะคิดว่าถ้าไปกันเยอะตัวหารค่าจ้างเหมารถเข้าไปน่าจะถูกลง แต่สุดท้าย พอถึงวันนั้น สมาชิกไม่ว่างบ้าง กลัวฝนบ้าง หดหายกันหมด เพราะวันนั้นที่เมฆฝนตั้งเค้าว่าจะตกตั้งแต่เช้า ก็เหลือสมาชิกแค่ 5 คน และบังเอิญโชคดี ไปเจอพี่ที่มาจากชลบุรีเขามาคนเดียว เลยร่วมไปกับพวกเราด้วย รวมแล้ว รถของพวกเราเลยมี 6 คน และมีอีกคันที่เขาจองวันเดียวกันกับเรา รวมแล้ว เข้าป่าล่าผีเสื้อครั้งนี้ ไปกัน 2 คัน สิ่งที่เราเตรียมเข้าไปด้วยคือพวกน้ำ อาหารสำหรับทานเผื่อจะหิว เพราะเข้าไปตอนเก้าโมงเช้า และจะออกมาประมาณเที่ยง และที่ขาดไม่ได้ เสื้อกันฝนค่ะ เพราะไว้ใจฝนไม่ได้ เดี๋ยวจะเปียกปอนกันซะหมด


รถที่จะขับเข้าไปนั้น ต้องเป็นรถโฟวิลหรือ กระบะยกสูงเท่านั้น แต่เราว่าทางที่ดี ควรไปรถที่เจ้าหน้าดีที่สุดค่ะ เพราะว่าทางเข้าค่อนข้างลำบาก นั่งไปก็สะเทือนไปถึงตับไตใส่พุงข้างในเลย แล้วกิ่งไม้ข้างทางก็เต็มไปหมด พวกเราได้นั่งคันที่เป็นกระบะไป ส่วนอีกกลุ่มนั่งโฟวิลนำหน้า รถคันพวกเราขับตามหลัง เห็นคันหน้ามีคนโดนหนามเกี่ยวด้วยเพราะรถมันสูงกว่าคันของเรา ส่วนพวกเรานั้นก็ต้องหลบกิ่งไม้เป็นระยะ ๆ เหมือนกัน ไม่งั้นเดี๋ยวตาบอด 5555


ระหว่างทางเข้าไป เราได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่มาก และท้องฟ้าก็ยังคงมืดครึ้มเหมือนเดิม ส่วนตัวแล้วเราชอบมากถึงมากที่สุด นอกจากจะเจอป่าสองข้างทางแล้ว ยังได้เจอแมงมุมยักษ์สวยมาก ชักใยทำรังอยู่ข้างทาง เจอหลายตัวเลย เจอตัวเหลือบในป่า มันก็จะกัดเราบ้างเป็นระยะๆ ถ้ารถจอดอยู่นิ่งๆ เจอไก่ป่า เจอทุ่งหญ้าโล่ง เจอโป่งที่สัตว์ลงมาหากิน เจอรอยเท้าสัตว์ในโป่ง และที่สำคัญ เจอขี้มันด้วย ถามเจ้าหน้าที่แล้ว เขาบอกขี้ช้าง แค่ได้ยินก็อยากจะร้องไห้ เพราะส่วนตัวกลัวช้างอยู่แล้ว



นั่งรถบุกป่าฝ่าดงกับทางที่ตัดผ่านป่ามาเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึงที่หมายคือ ลานหินดาด ซึ่งรถจะจอดให้ตรงทางเข้าแล้วหลังจากนั้นเดินเท้าฝ่าดงไปอีกนิดเดียว ก็ถึงลานหินดาดแล้วค่ะ....ที่ลานหินดาดเป็นลานหินกว้างๆ มีน้ำไหลบ้างเป็นบางช่วง คาดว่าหน้าฝนน่าจะมีน้ำไหลผ่านมีลักษณะเป็นน้ำตก แถมตอนผ่าน เจอขี้ช้างอีกแล้ว 555 เจ้าหน้าที่บอกว่า หน้าแล้งเขาจะลงมากินน้ำที่นี้ เพราะตรงลานหินดาด จะมีแม่น้ำเล็กๆไหลผ่าน ซึ่งจะมีน้ำตลอดทั้งปี เดินต่อไปอีกนิด ก็จะเจอลานที่ไว้สำหรับดูผีเสื้อค่ะ...


เมื่อสิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันสวนทางกัน... ตรงลานหินดาดนั้นมีผีเสื้อไม่ถึง 20 ตัว เพราะสภาพอากาศเป็นเหมือนฝนจะตกตลอดเวลา แดดไม่มีเลย ครึ้มมาก ฝนพร้อมที่จะตกลงมาได้ตลอดเวลา ซึ่งจริงๆแล้วผีเสื้อเขาชอบบรรยากาศที่มีแดด เจ้าหน้าที่เลยทำการเอากะปิผสมน้ำ แล้วเทราดตรงลานหิน เพื่อทำการล่อผีเสื้อให้ แล้วบอกว่าให้พวกเรารอซักพัก เดี๋ยวเขาจะลงมากินกัน แต่ไม่รับประกันว่าจะมีมาก เพราะอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน แถมยังทิ้งท้ายว่า เมื่อวานยังออกมากันเยอะอยู่เลย เสียดาย น่าจะมาเมื่อวานกัน....แล้วก็ได้มาแค่ไม่กี่ชนิด


เวลาผ่านไปพอสมควรผีเสื้อเริ่มจะมาแต่ไม่มาก เราก็ถ่ายรูปเก็บไปเรื่อย ๆ มีทั้งที่เคยเห็นแล้วและยังไม่เคยเห็น ระหว่างนั่งรอผีเสื้อไปเรื่อยๆ เจองูเหลือมไม่ใหญ่มาก พันอยู่บนกิ่งไป ตื่นเต้นกันยกใหญ่เลย เดินไปถ่ายรูป แอบขยับเข้าใกล้ๆ เขาดันตกใจ ปล่อยตัวเองจากกิ่งไม้ หล่นลงน้ำหนีไปเลย น่าเสียดายมาก เพราะลายงูเหลือมตัวนั้นสวยดี...พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไม่ต้องตกใจ ที่นี่มีทุกอย่าง ตอนเดินผ่านเข้ามาลานหิน ยังมีลูกจระเข้น้ำจืดอยู่บนต้นไม้เลย พี่เขาไปปืนถ่ายรูปเก็บไว้ แต่ไม่ได้บอกพวกเรา สงสัยกลัวว่าจระเข้จะตกใจ 5555



และแล้วสิ่งที่เรารอคอยก็มาถึง แดดเริ่มมา ผีเสื้อเริ่มมา เจอเยอะเลย แต่ที่โชคดีสุดคือ มีผีเสื้อตัวที่หายากมาก ๆ หลงมาอยู่ 1 ตัว พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า เขาชื่อว่าประดับเพชร เลยไม่พลาดที่จะถ่ายเก็บไว้ สักพัก เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง ฝนเทลงมา พี่ๆเลยกางผ้าใบให้เพื่อกันฝน ก็พากันไปหลบอยู่ในผ้าใบ ระหว่างรอเวลาฝนหยุด ก็พากันกินข้าวเหนียวหมูทอดซะเลย แถมมีผีเสื้อน้อยมาเกาะกระเป๋าเสบียงของเราด้วยนะ สงสัยจะหอมกลิ่นหมูทอด 555...ระหว่างรอฝนหยุดก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย พี่เจ้าหน้าที่ก็น่ารักมาก เป็นกันเอง แถมพกแก๊สกระป๋องกับหม้อสนามไปต้มน้ำกินกาแฟฆ่าเวลาด้วย ได้บรรยากาศเดินป่าเหมือนในหนังสุดๆ แอบคิดถึงนิยายเพชรพระอุมาที่เคยอ่าน คือบรรยากาศดีงามมาก....

เมื่อฝนหยุดตก โชคก็เข้าข้างพวกเราอีกครั้ง แดดมาแล้ว ผีเสื้อก็มาด้วย คราวนี้เริ่มมาเยอะยิ่งกว่าเดิม ถ่ายกันให้เพลินไปเลยทีเดียว เจอตัวหายากอีกแล้ว เหลืองหนามใหญ่โคนปีกดำ มาคู่กับประดับเพชรเลย อย่างละตัวด้วย นับว่าโชคดีมากๆ เพราะเห็นได้ไม่บ่อยนัก....


เมื่อถึงเที่ยงก็ได้เวลากลับ เดินออกมาขึ้นรถ หันหัวรถออกทางเดิม ตัวนี่เปียกและเหม็นกลิ่นกะปิมาก และพวกเราก็คิดว่าจะรอดจากฝน เสื้อกันฝนที่เตรียมมาคงไม่ได้ใช้ ที่ไหนได้ ออกมาได้นิดเดียว ฝนเทลงมาเลย เอากล้องและของมีค่าไปฝากเจ้าหน้าที่ในรถแทบไม่ทัน และเลือกที่จะนั่งข้างหลังกันเหมือนเดิม เพราะที่นั่งข้างหน้าคงไม่พอให้พวกเรา 6 คนแน่ เสื้อกันฝนถูกนำมาใส่พอกันฝนได้อยู่ เมื่อพ้นจากป่ามาถึงทุ่งหญ้าเท่านั้นแหละ แดดออกเลย น่าเสียดายทำไมในป่าไม่เป็นแบบนี้บ้าง....



พอออกมาจากป่า ผ่านโป่งเทียมด้านนอก เจอผีเสื้อแค่ไม่กี่ตัวเอง ก็เลยคิดว่าวันนี้ไม่น่าจะเจอแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้านดีกว่า ดีนะเอาเสื้อผ้ามาด้วย เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องเปียก เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ จัดการจ่ายเงินให้ผู้จัดการทริป สรุปค่าเสียหายแล้ว 6 คน จ่ายคนละ 270 บาทโดยประมาณ ซึ่งค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่ารถและเจ้าหน้าที่คนขับ 1600 บาทถ้วน ถือว่าไม่แพง กับการได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆของเรา...และก็ได้รูปผีเสื้อแต่ละชนิดเยอแยะเลย ตามภาพ




สุดท้าย สำหรับเราถือว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่เป็นไปตามแผน อดเจอผีเสื้อนับแสนตัวแบบที่เขาพูดกัน แถมฝนก็ยังตกอีก แต่เรายกเลิกไม่ได้ เพราะเราจองล่วงหน้าเป็นเดือน และตั้งใจจะมาแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่าฝนจะตก เราก็ยังยืนยันคำเดิม แต่เราก็ชอบและประทับใจทริปนี้มาก เพราะในความโชคร้ายยังมีความโชคดี เราได้เจอผีเสื้อหายากอยู่ 2-3 ตัว เราได้เจอเจ้าหน้าที่ที่ใจดีมาก เราได้เจอเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ เราได้เจอแมงมุมตัวใหญ่ เราได้เปียกฝนกลางป่า และที่สำคัญ เราได้เจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เพราะการท่องเที่ยวที่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่การไปเจอในสิ่งที่คนเคยเจอแล้ว แต่มันคือการไปเจอในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยเจอและได้ไปกับคนที่มีใจรักในสิ่งเดียวกัน....



ปล.ฝากถึงคนที่อยากจะไป แนะนำให้ไปวันที่มีแดด เพราะผีเสื้อเค้าชอบแดด และวางแผนล่วงหน้าให้ดี ไม่งั้นอาจจะเป็นแบบเราก็ได้ และมันยังฝังใจ อยากจะกลับไปที่นั่นอีกแน่นอน ....เจอกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีค่ะ


หญิงนุช

 วันพฤหัสที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.15 น.

ความคิดเห็น