ในวันที่เราเริ่มเบื่อกับความวุ่นวายแบบเดิมๆซ้ำ สมองไม่โปร่ง ไม่โล่งที่จะคิดงานใหม่ๆออกมา วิธีแก้ปัญหาบางคนบอกว่าเลิกงาไปร้านเหล้าสิเดียวดีเอง ใช่จริงหรือ กินปาร์ตี้มันก็คงเหมือนกันกินยานั่นแหละ ถ้าเราหยุดกินอาการก็กลับมากำเริบเหมือนเดิม ฉะนั้นเราควรจะบำบัดสมองและหัวใจของเราจะดีกว่าไหม

การที่เรากระโดดรุกจากเก้าอี้ เพื่อออกไปที่ไหนสักทีมันคงไม่ใช่หนีปัญหา แต่ผมมองว่ามันคือการเดิมออกซิเจนให้สมอง ให้หัวใจได้สูบฉีดเลือดสีแดงสดใส แล้วที่นั่นคือที่ไหนละ ลองไปเลยไหม ไปหาความสงบให้หัวใจ เชียงคานไง อำเภอเล็กๆติดแม่น้ำโขง ที่สุดแสนจะคลาสสิค

การมาเชียงคานในครั้งนี้ มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ที่ผมเคยมา ผมรู้สึกว่าที่นี่ สงบ..ขึ้น หรือเป็นโชคดีที่เรามาในช่วงหน้าฝน ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นช่วงโลซีซั่น


การเดินทางมาเชียงคาน

มาได้หลายวิถีหลายเส้นทาง ถ้าเอาสะดวกสบายหน่อย ก็นั่งเครื่องบินหางแดง บินตรงลงท่าอากาศยานเมืองเลย แล้วนั่งรถตู้ของสายการบินมาลงที่ถนนคนเดินเชียงคานได้เลยสะดวกสุด

หรือใครจะสายชิลนั่งรถไฟสายเหนือ ลงที่พิษณุโลก ต่อด้วยนั่งรถทัวร์ลงที่เมืองเลย และนั่งรถสองแถวเข้าเชียงคาน ก็ได้นะประหยัดดี

แต่ถ้าใครมีรถส่วนตัว อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกเลือกเส้นทาง จะไปทางอุดรธานี หรือจะมาทางพิษณุโลก - เพชรบูรณ์ ก็ได้ ซึ่งสำหรับผมทริปนี้เดินทางด้วยรถส่วนตัว ไปกันสองคนกับเพื่อนคู่ซี้ ใช่เส้นทางพิษณุโลก ขึ้นไปทาง อ.ด่านซ้าย ผ่านตัว อ.ภูเรือ เข้าตัวเมืองเลย แล้วตรงไปที่เชียงคาน


ที่พัก

ระหว่างเดินทางเราก็รีบเต็มที่เพราะที่พักที่เราจองไว้ผ่าน Expedia ชื่อ บ้านริมโขง เป็นห้องพักลักษณะแบบโฮมสเตย์ ติดริมแม่น้ำโขง ตอนจองเราจ้องไว้ขนาดห้อง 4 คน ราคา 1,200 บาท โดยทางที่พักให้เช็คอินถึงแค่ 4 โมงเย็นเท่านั้น ซึ่งเราก็พยายามทำเวลาให้ไปถึงก่อน เพราะไม่อยากหาที่พักใหม่ และแล้วเราก็ถึงเชียงคานตอน 5 โมงเย็น ก็นำรถไปจอดไว้ในวัดศรีคุณเมือง แล้วเดินมาที่พักซึ่งอยู่ใกล้ๆกันเดินประมาณ 10 เมตรก็ถึงแล้ว บ้านริมโขง ทำการเช็คอินเก็บของเข้าห้องเรียบร้อย บรรยากาศยามเย็นที่ริมโขงมันชั่งเงียบสงบเหลือเกิน ขอบอกว่าเจ้าของใจดีเห็นเรามา 2 คนเปลี่ยนห้องให้ด้วยครับเป็นห้องสำหรับ 2 คน ราคา 700 บาท คือถูกดี


อย่างที่บอกไปว่าที่พักของเราอยู่ติดริมโขง และอยู่บนถนนคนเดินเชียงคาน เรียกว่าอยู่ต้นๆทางเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นเราจึงเดินผ่านถนนคนเดินยามเย็นๆ จะเห็นชาวบ้านเริ่มนำของออกมาขายให้กับนักท่องเที่ยว แต่จุดหมายแรกของผมคือ จุดชมวิวริมแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่บริเวณน่าวัดท่าคก โดยตรงนี้ก็จะเป็นส่วนสาธารณะริมแม่น้ำโขง ที่จะเห็นชาวเชียงคาน และนักท่องเที่ยวออกมาทำกิจกรรมยามเย็นกัน แต่วันที่ผมไปอากาศค่อนข้างร้อน ถ้ามีลมพัดสักนิดคงจะดี

ท้องเริ่มหิว ส่งสัญญาณว่าได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ผมก็เดินย้อนกลับไปที่ร้านเฮือนฝ้ายคำ หนึ่งในร้านอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ที่เรามาฝากท้องที่ร้านนี้ก็เพราะบรรยากาศบริเวณชั้นสองของร้านดูโล่งโปร่งมองเห็นแม่น้ำโขงและก็ถนนคนเดินไปพร้อมๆกัน ราคาอาหารผมให้อยู่ระดับปานกลางไม่ถูกและไม่แพงเกินไป เหมาะสำหรับคนที่จะพอมีงบอยู่บ้าง แต่ถ้าคนที่คิดจะมาเที่ยวแบบประหยัดงบผมก็ไม่แนะนำครับ หาอะไรกินที่ถนนคนเดินก็พอแล้ว

อิ่มแล้วเราเช็คบิล เดินหาของกินขึ้นชื่อของที่นี่ นั่นก็คือ กุ้งเสียบ นั่นเองมาหลายร้าน เลือกซื้อตามอัธยาศัย กุ้งมีหลายไซต์หลายราคา ผมซื้อมาไม้ละ 10 บาทเองครับ แล้วก็มีปูด้วยนะ แล้วแต่คนชอบ ข้อควรระวัง คือ ระวังหนวดกุ้งแทงเหงือก 555+ ผมนี่ปากระบมเลยครับ เลยต้องหาอะไรดับพิษกุ้ง อิอิ ปล.กุ้งไม่มีพิษ มันเป็นแค่มุขในการหาเบียร์กินเฉยๆ เลยเดินย้อนกลับมานิดนึงมาหยุดที่ร้าน สุขนิยม เป็นบาร์เล็กๆบรรยากาศชิลๆดีครับ


การมาเยือนเชียงคานครั้งนี้ ผมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ที่สั่งเกตเห็นได้ชัดว่าถนนคนเดินคนไม่แออัด เดินเล่นสบายๆ ซึ่งก็จะเห็นอีกว่ากลุ่มร้านค้าบางร้านได้ปิดตัวลง หลงเหลือไว้แต่คนในพื้นที่จริงๆ ที่เปิดขายของอยู่หน้าบ้านของตัวเอง

ปัจจัยที่ทำให้ร้านค้าน้อยลงผมคิดว่าคงอาจเป็นเพราะ เวลานี้ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น และสองเป็นเพราะนักท่องเที่ยวสายชิคคลูๆ ส่วนใหญ่มาแค่ถ่ายรูปแล้วผ่านไป ไม่ได้มีกำลังซื้อ เหมือนสายลุย สายป๋า สายป้า ฉะนั้นสายชิลไปเที่ยวกันก็อย่าลืมอุดหนุนสินค้าของชาวบ้านกันบ้างนะครับ


เช้าแล้วไวจัง

ทริปนี้ชั้นจริงๆ เพราะแพ๊บเดียว ก็เช้าอีกแล้ว ถึงเวลาต้องรีบตื่นไปใส่บาตรเช้า บอกเลยว่าพระที่เชียงคาน ตรงเวลามาก เพราะผมนั้นตื่นลงมาใส่บาตรไม่ทัน วิ่งมาถึงชั้นล่าง พระท่านก็ส่งเสียง อายุวันโน สุขัง พลัง สะแล้ว แต่ไม่เป็นไรไหนๆก็ตื่นมาแบบไม่อาบน้ำ แต่แปรงฟันแล้ว ก็ขอเก็บภาพบรรยากาศมาละกัน

จะเห็นว่าบนถนนตลอดสายจะมีชาวเชียงคาน และนักท่องเที่ยวปูเสื่อยาว แล้วมีชุดของใส่บาตร นั่งรอพระสงฆ์เดินรับบิณฑบาต เป็นภาพที่เห็นแล้วมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


จากนั้นผมก็ขอยืมจักรยานของที่พัก ปั่นไปเที่ยวที่จุดชมวิวแม่น้ำโขง จุดเดิมที่เราไปถ่ายภาพเมื่อเย็น บรรยากาศช่วงเช้าก็จะเย็นๆหน่อย หายใจรับอากาศบริสุทธิ์ริมโขงเข้าปอดให้เต็มที่ แล้วก็ปั่นกลับที่พัก


ซึ่งผมก็มาเจอกับ พี่อู๋ เจ้าของบ้านริมโขง เราเลยได้พูดคุยกันพักใหญ่ จนรู้ว่าพี่อู๋เป็นศิษย์จากสถาบันเดียวกับผม และพี่อู๋ ก็เป็นคุณครูอยู่ที่เชียงคาน พี่อู๋ใจดีมากครับ คือผมประทับใจตั้งแต่ก่อนที่จะมาเช็คอินอีก เรื่องของเรื่องคือ ผมนั้นจองห้องพักผ่าน expedia ซึ่งเป็นแอบจัดการเรื่องที่พักที่ผมใช้ประจำ โดยแพลนทริปนี้จริงๆ จะมากัน 4 คน แต่เอาจริงวันเดินทางมากันแค่ 2 คน พี่อู๋ โทรมาถามเพื่อยืนยันการเข้าพัก ผมก็คอนเฟริมว่าจะเข้าพัก และมากันแค่ 2 คน เมื่อมาถึงพี่อู๋ก็เปลี่ยนแปลงห้องให้เป็นขนาดห้อง 2 คน ทำให้เราจ่ายเงินถูกลงมาอีก ซึ่งปกติโรงแรมที่พักที่อื่นๆเขามักไม่ทำแบบนี้กัน

คุยกันพักใหญ่ พี่อู๋ ก็แนะนำให้เราไปกิน ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว อาหารเช้าพื้นบ้านของคนเชียงคาน ซึ่งอยู่ในซอยตรงข้ามกับที่พักนี่เอง ซอย7 ข้างวัดศรีคุณเมือง ชื่อร้าน ยายปั่ง ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว น่าตาอาจดูคล้ายต้มเลือดหมู แต่รสชาติน้ำซุปไม่เหมือน ที่เรียกว่าข้าวปุ้นน้ำแจ่ว เพราะมีเส้นขนมจีน กับน้ำซุปกระดูกหมูสูตรโบราณ บวกกับรสชาติพริก หรือแจ่ว ที่เป็นสูตรของที่นี่ รสชาติอร่อยมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบกินเครื่องในหมู ก็มีเนื้อหมูเหมือนให้เลือกใส่เหมือนกันนะครับ แต่ผมกินได้ทุกอย่าง เลยให้ป้าปั่งใส่ทุกอย่างที่มีมาในชามได้เลย

ในซอย 7 มีของกินขึ้นชื่ออีกอย่างคือ แหนมคลุกแม่แห่ว คนย่านนี้เขาการันตี แต่วันที่ผมไป แม่แห่ว ปิดร้านนาจา อดกินเลย

จากนั้นก่อนกลับขอไปเยือนจุดชมวิวยอดฮิตสัก 2 จุด คือ ที่จุดชมวิวแม่น้ำโขง วัดท่าแขก และแก่งคุดคู้ ซึ่งเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขง ที่ใครต่อใครมาเชียงคานก็ต้องมา มาครั้งนี้มาฤดูฝน เลยขอแวะมาดูสักนิดนึก ซึ่งภาพที่เห็นคือ แก่งหินหายไปครับ เพราะน้ำเต็มลำน้ำโขงเลย เราคงทำได้เพียงยืนดูเรือที่จอดเทียบท่า และแม่น้ำโขงที่ไหลแรง โดยมีฉากหลังเป็นภูควายเงิน บรรยากาศร้านค้าก็จะเงียบเหงานิดหน่อย แต่สำหรับผมที่นี่ดูสงบดี

และแล้วก็ได้เวลาเก็บข้าวเก็บของกลับไปสู่ชีวิตจริงของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราอีกครั้ง

แต่สิ่งที่ได้แม้มันจะระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็คุ้มครับ กับการที่เราได้มาพบเจออะไรใหม่ๆ

การเที่ยวแม้มันจะสถานที่เดิม แต่แค่เวลาเปลี่ยนมันก็ทำให้เราได้พบได้เห็นได้สัมพัทธ์กับอะไรใหม่

ที่บางครั้งอาจวุ่นวายสนุกสาน หรือบางครั้งเงียบสงบเยือกเย็น

ก็เหมือนตัวเราทุกคนนี่แหละครับ ที่บางโอกาสบางครั้งชีวิตมันก็สนุกสนาน บางครั้งชีวิตมันก็ขุ่นมัว

มันก็ขึ้นอยู่ที่เรา ว่าเราจะเลือกเดินออกจากมันมาเวลาไหน


ฝากทิ้งท้ายทริปเพื่อเป็นข้อมูลให้กับคนที่อยากมาแต่ไม่มีแพลน

  • ที่พักผมพัก บ้านริมโขง พิกัด ตรงข้ามวัดศรีคุณเมือง ถนนคนเดินเชียงคาน ห้องพักราคา 700 บาท ติดต่อ พี่อู๋ โทร.087-2213430
  • อาหารเช้าแนะนำ ร้านข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ยายปั่ง เชียงคานซอย 7 ติดวัดศรีคุณเมือง
  • อาหารเย็น ร้านเฮือนฝ้ายคำ ช่วงระหว่างกลางถนนคนเดินเชียงคาน
  • ค่าชุดใส่บาตรเช้า 60 บาทครับ

รวมค่าใช้จ่ายที่เชียงคานตกคนละ 1,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน

ลองมาเลย มาเที่ยวเชียงคาน ในวันที่เชียงคานเงียบสงบขึ้น


นาน เที่ยว ถี่

 วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.10 น.

ความคิดเห็น