สวัสดีค่ะ เผลอแป็ปเดียวก็เป็นรีวิวที่ 3 ของเราใน Readme.me แล้ว
ยังไงก็ฝากติดตามและให้กำลังใจด้วยนะคะ ^^
มาคราวนี้ขอเปลี่ยนจากเที่ยวในเมืองไทย ไปเที่ยวในยุโรปกันบ้าง รีวิวนี้จะเป็นการแชร์ประสบการณ์ และวิธีการเดินทางไปเหมืองเกลือที่ Hallstatt (ฮอลสแตท) ประเทศออสเตรียแบบ 1 day trip ค่ะ
เมืองฮอลสแตท - นอกจากจะมีทะเลสาปที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเหมืองเกลือนี่แหละค่ะ ที่นำความมั่งคั่งมายังหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ และฮอลสแตทถูกจัดเป็นมรดกโลก
World Heritage site ประเภท Cultural Landscape
(ข้อมูลโดย: UNESCO)
รีวิวนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนค่ะ
- การเดินทาง และการจองตั๋วรถไฟ -
- การเที่ยวเหมืองเกลือ -
- หมู่บ้านชาวประมงและร้านอาหาร -
พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลยค่า
- การจองตั๋วรถไฟและการเดินทาง -
> การจองตั๋วรถไฟ <
Hallstatt (ฮอลสแตท) ตั้งอยู่ในรัฐ Upper Austria ประเทศออสเตรีย
เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านมรดกโลก Salzkammergut
การเดินทางหลักๆ จะเป็นการเดินทางด้วยรถไฟและรถบัส การเดินทางสามารถเริ่มต้นได้หลายทาง จุดเริ่มต้นหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมจะอยู่ที่ Wien (เวียนนา) และ Salzburg (ซาร์ลบวก) ค่ะ
รีวิวนี้จะเป็นการแนะนำการเดินทางด้วยรถไฟนะคะ เราต้องมาทำความรู้จักรถไฟของออสเตรียกันก่อน รถไฟที่พาเราไปยัง Hallstatt คือ รถไฟที่ operate โดย OBB รถไฟ OBB มีตั๋วด้วยกัน 2 แบบ
แบบแรก - ตั๋วราคาเต็ม สามารถซื้อได้เลยที่เคาน์เตอร์ หรือจองออนไลน์ก็ได้
แบบสอง - ตั๋วลดราคา (หรือตั๋ว OBB Sparschiene อ่านว่า ซะ-ปา-ชี-เนอร์) จองล่วงหน้าได้ 2-3 เดือน *** จองออนไลน์โดยเฉพาะ *** ตั๋วแบบนี้ขอบอกว่าถูกแสนถูกค่ะ แต่ฟิกวันเดินทาง เปลี่ยนแปลงวันเดินทางไม่ได้ค่ะ
เว็บไซต์ของ OBB >> http://www.oebb.at/en/
เราเดินทางไปกลับ Hallstatt ในราคา 24 ยูโร (ขาละ 9 ยูโร รวมที่นั่งอีก 3
ยูโรค่ะ) เป็นตั๋วแบบ sparschiene จองเสร็จก็ปริ้นใส่ A4
มาใช้ขึ้นรถไฟได้เลยค่ะ ไม่ต้องเอา code ไปกดที่ตู้อีกรอบ
OBB railjet ที่พาเราไป Hallstatt
...............................................................................................................................
> การเดินทาง <
การเดินทางในครั้งนี้ของเราเริ่มต้นที่ Salzburg ด้วยรถไฟ Obb รอบ 7 โมง 12 นาที ซึ่งเปลี่ยนขบวนที่ Attnang-Puchheim Bahnhof ประมาณ 10 นาที มาถึง Hallstatt Bahnhof ประมาณ 9 โมงครึ่ง
หลังจากมาถึง Hallstatt Bahnhof ก็ต้องไปซื้อตั๋วเรือข้ามฟากไปกลับราคา 10 ยูโร เพื่อข้ามไปยังฝั่ง Hallstatt Markt และ Hallstatt Lahn พื้นที่ตั้งของสถานที่เที่ยว โรงแรม และร้านอาหารในทริปนี้ค่ะ
รถไฟจากสถานี Salzburg ปลายทางจะอยู่ที่ Wien เราจะต้องไปเปลี่ยนขบวนที่ Attnang
รถไฟจะมาส่งเราที่ Hallstatt Bahnhof เดินมาซื้อตั๋วเรือไปกลับ 10 ยูโร ข้ามมาฝั่ง Hallstatt Markt
ระหว่างทางเดินไปยัง Hallstatt Lahn สองข้างทางเป็นโรงแรม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก
- การเที่ยวเหมืองเกลือ -
เหมืองเกลือแห่งนี้มีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ ของใช้ บันไดไม้ และเศษผ้าซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นของมนุษย์ยุคสำริด ของใช้เหล่านี้ถูกสตาฟเอาไว้อย่างดีด้วยเกลือในเหมือง ปัจจุบันเหมืองเกลือแห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนหน้าที่ กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของเกลือค่ะ
เหมืองเกลือตั้งอยู่ทางฝั่ง Hallstatt Lahn เราต้องเดินผ่านร้านค้า
และลัดเลาะทางเล็ก มาถึงจุดจำหน่ายตั๋ว Salzbergbahn Hallstatt
ซึ่งมีร้านขายของที่ระลึกอยู่ด้วยด้านใน
เราซื้อตั๋วแบบ Combined ticket ราคา 30 ยูโร ตั๋วนี้รวมรถรางไปกลับ และค่าเข้าเหมืองเกลือ ทางเข้าของรถรางอยู่ในโซนเดียวกับที่ขายตั๋ว หรือใครอยากจะ Trekking ก็สามารถทำได้ค่ะ
ราคารถรางและค่าเข้าเหมืองเกลือ update 2018
วิวจากบนรถราง เราจะเห็นความสูงของรถราง
ขึ้นมาถึงจะเจอกับแผนที่ตำแหน่งแต่ละที่ ไฮไลท์คือจุดชมวิว Heritage กับ ทัวร์เหมืองเกลือค่ะ
ก่อนไปเหมืองเกลือเราก็ขึ้นลิฟท์แวะมาชมวิวเล็กน้อยตรงจุดไฮไลท์
หมู่บ้านมรดกโลก Salzkammergut
เดินย้อนกลับมาที่ลิฟต์ เดินตามทางเล็กๆ ที่เหมือนเดินเข้าป่ามาเรื่อยๆ จะเจอพิพิธภัณฑ์ที่เป็นที่เก็บโครงกระดูกมนุษย์ยุคสำริด เดินต่อไปประมาณ 15 นาทีก็มาถึงทางเข้าทัวร์เหมืองเกลือค่ะ
ทางเข้าทัวร์เหมืองเกลือ ทัวร์นี้จะใช้เวลาในการผจญภัย 2 ชั่วโมง
จอที่โชว์เวลารอบทัวร์ โชว์รอบ 11.30 คือรอบที่เราได้ค่ะ เราต้องผ่านการตรวจตั๋วรอบแรก เมื่เข้าไปแล้วจำเป็นต้องฝากของและกระเป๋า เอาเข้าได้แค่กระเป๋าเล็ก กล้อง มือถือ ขวดน้ำค่ะ (ฝากฟรีค่ะ) ฝากเสร็จแล้วมาเปลี่ยนชุดเป็นคนงานเหมือง จนท.จะเลือกไซส์ให้เรา แล้วไปรวมกลุ่มกับแก๊งค์ใหญ่ที่มาก่อนหน้า ดูจากสายตาหน้าจะเป็นกลุ่มเด็กนักเรียน อายุ 13-14 มากับคุณครู 3 ท่าน มีคนเกาหลีอีก 5 คน คนจีน 2 คน คนญี่ปุ่น 2 คน คนไทย 2 คน และคุณลุงต่างชาติอีก 4 คนค่ะ รวมๆแล้วรอบนี้ประมาณ 30 คน
เปลี่ยนชุดก่อนการทัวร์เหมือง
พอถึงเวลาไกด์ก็มาแนะนำตัว ไกด์พูดได้ 3 ภาษา คือ ภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ มีการตรวจบัตรอีกรอบ คณะคนงานเหมืองก็ถูกพาไปยังปากอุโมงค์ มาถึงตรงนี้เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมค่ะ อุปกรณ์ในทีนี้ไม่ใช่สิ่วไม่ใช่ค้อน แต่เป็นขวดน้ำกับกล้องถ่ายรูป ทัวร์เหมืองเริ่มต้นขึ้นแล้ว
กลุ่มคนงานเหมืองรอบ 11.30 พังไกด์อธิบาย
เดินเข้ามาข้างในจะมืดๆเย็นๆ จุดนี้ยังชิวอยู่ค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ เริ่มมืดและเริ่มหนาว
ไกด์อธิบายทางเข้าชั้นแรก ลงมาลึก 85 เมตร เราไม่ค่อยได้ยินเที่ไกด์พูดพราะอยู่ปลายแถว เป็นเด็กหลังห้องกับกลุ่มคนเอเชียค่ะ 55
ห้องต่างๆอาจจะมีสลับกันบ้างนะคะ ห้องแรกไกด์ก็อธิบายก้อนเกลือที่เค้าสกัดออกมามีความโปร่งแสง
ผลึกเกลือแบบโปร่งแสง
เดินไปเรื่อยๆเริ่มมืด ทางเริ่มแคบ เรามาเจอสไลด์เดอร์คนงานเหมืองจุดที่ 1 จุดนี้ไม่สูงมากประมาณ 30-40 เมตร ใครไม่อยากสไลด์ก็เดินลงบันไดได้ แต่เราก็ไม่พลาดที่จะสไลด์ลงมา สนุกดีค่ะ เด็กๆขำกันใหญ่ พอลงมาไกด์ก็พาไปดูวิดีโอการกำเนิดเหมืองเกลือ
มาเจอสไลด์เดอร์จุดที่ 2 จุดนี้ห้ามพลาดค่ะ เพราะมีความสูงถึง 75 เมตร ใครไม่ไหวเดินลงบันไดได้เหมือนเดิม เด็กๆกรี๊ดกันใหญ่ ส่วนเราพอรู้ว่ามีกล้องจับภาพด้วย ยิ้มแป้นลงมาเลยค่ะ สนุกมากๆ
ภาพตอนลงมาจากสไลด์เดอร์ ราคา 5 ยูโร สามารถซื้อได้หลังจากออกจากเหมือง
ไกด์พาไปชมวิวัฒนาการของเหมืองเกลือที่นี่ผ่านวิดีโอที่ Mapping ลงไปบนผนังถ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าแคบขนาดนี้ยังสามารถฉายอะไรแบบนี้ได้ แล้วแสงสีเสียงอลังการมาก เล่าเรื่องของเหมืองนี้ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ความสามารถของกล้องได้แค่นี้ค่ะ เบลอๆมัวๆ
Mapping Light up ในเหมือง
ตั้งแต่จุดนี้ไปก็จะเป็นเรื่องราวของเหมืองในยุคประวัติศสาตร์ และการทำงานของคนงานเหมืองตั้งแต่ยุคสำริดจนมาถึงปัจจุบัน การสกัดเอาเกลือออกมาทั้งแบบ wet และแบบ dry และการขุดค้นพบบันไดไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
สิ่งของต่างๆที่พบในเหมือง
บันไดไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สันนิษฐานว่าถูกสร้างโดยมนุษย์ยุคสำริดค่ะ
จุดสุดท้ายคือทางออกของเรา จะเดินออกมันดูธรรมดาไปค่ะ มาถึงจุดนี้คือจุดที่ต้องขนเกลือออกไปนอกเหมือง ซึ่งจะมีรถรางขนออกไป การออกจากที่นี่เราต้องนั่งบนรถรางออกไปค่ะ โดยที่ห้ามเอามือแตะผนังถ้ำระหว่างรถรางเคลื่อนเพราะมันแคบและอันตรายมาก
ทางออกจากเหมืองเกลือ นั่งบนรถรางยาวๆ
จบการทัวร์เหมืองเกลือ 2 ชั่วโมงเต็ม ได้ความรู้แถมสนุกมาก ใครมีแพลนเดินทางมา Hallstatt ขอแนะนำให้ขึ้นมาเหมืองเกลือ เพราะการจัดการและการนำเสนอของที่นี่ดีทำได้ดีมากค่ะ
ทัวร์เหมืองเกลืออาจจะไม่เหมาะกับคนที่กลัวที่แคบและมืดเพราะข้างในเหมืองคือของจริงทั้งหมด
- หมู่บ้านชาวประมงและร้านอาหาร -
> หมู่บ้านชาวประมง <
หลังจากที่ไปเที่ยวเหมืองเกลือแล้ว เราลงมาเดินเล่นริมทะเลสาป ทะเลสาปแห่งนี้ครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านของชาวประมง มีชาวประมงอาศัยอยู่จริงๆ ก่อนที่ปัจจุบันจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบเต็มตัว
หมู่บ้านเล็กๆที่ล้อมรอบหุบเขาและทะเลสาป
บ้านไม้เก่าตามเนินเขา
พร้อมกับโรงเก็บเรือริมทะเลสาปก็ถูกเปลี่ยน Function
จากเดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมง ปัจจุบันได้กลายเป็นร้านอาหารและโรงแรม
ปฎิเสธไม่ได้นะคะเพราะเวลาเปลี่ยน User ก็ถูกเปลี่ยนมือ Function
ก็เปลี่ยนตาม เหตุผลนึงเพื่อรองรับการท่องเที่ยว
อีกเหตุผลนึงที่สำคัญคือเพื่อการอนุรักษ์ เช่นเดียวกับบ้านไม้ที่อัมพวา
ที่ถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็น Homestay ที่เกียวโต Ninenzaka และ Sannenzaka
(ทางที่ไปวัดน้ำใส)
บ้านแบบโบราณก็ถูกปรับเปลี่ยนกลายเป็นร้านค้าเหมือนกันค่ะ
บ้านไม้เก่าตามเนินเขา ปัจจุบันที่นี่คือเเกสต์เฮ้าส์
โรงเก็บเรือริมทะเลสาป
...............................................................................................................................
> ร้านอาหาร <
ร้านอาหารที่นี่เน้นวิวทะเลสาปค่ะ เมนูจะคล้ายๆกันเกือบหมดทุกร้าน เมนูทั่วไปที่หากินได้ในออสเตรียค่ะ
Grill Sausage with Fries ในราคา 10 ยูโร
ขอจบการรีวิวไปด้วยภาพแมวเจ้าถิ่น ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ ^^
You travel (Around the world)
วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.50 น.