Hellooooooo…สวัสดีค่ะ แหม่..มาถึงก็หมดแรงตั้งแต่ต้นปีกันเลยเชียว จริงๆ เป็นทริปส่งท้ายปลายปี 58 ค่ะ
ถือว่าเป็นทริปสุดโหดแห่งปีเลยก็ว่าได้ เพราะตลอดทาง มีทั้งเดิน ปีน ป่าย เหนี่ยว รั้ง สะดุด ลื่น ไถล รวมๆแล้ว
ร่วม 30 กิโลเมตร เข่าแทบหลุด ร่างแทบสลายกันทีเดียว

เริ่มต้นที่ อุทยานแห่งชาติขุนแจ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สมาชิกทริปนี้ทั้งหมด 21 คน ลูกหาบ 4 คน
คนที่ชอบเดินป่าหลายคนคงรู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อ ป๋า คมรัฐ มาบ้าง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้www.trekkerhut.com ซึ่งก็คือหัวหน้าทริปนี้นี่แหละ

ก่อนจะลุยเข้าป่า ป๋าบอกว่า วันนี้เราจะเดินกันไม่เยอะ วันแรกไม่อยากให้เดินหนัก เพราะนั่งรถกันมาทั้งคืนแล้ว กลัวจะเหนื่อยเกินไป
เลยจัดเบาๆ ขึ้นดอยมดก่อน (สารภาพเลยว่า ไม่ได้หาข้อมูลดอยมดเลย เพราะใจมุ่งพิชิตลังกาหลวงอย่างเดียว)

อ่ะ...มดก็มด ดีเหมือนกัน วันแรกจะได้เดินวอร์ม ชิลล์ๆไป
จัดของจำเป็นใส่เป้ ของส่วนกลางชั่งน้ำหนักให้ลูกหาบ พร้อมแล้ว ขึ้นรถ เตรียมลุยยยยยยย...

เริ่มต้นเดินเท้าประมาณ 10.30น.โมง ทางเดินช่วงแรก ผ่านหมู่บ้าน ผ่านไร่กาแฟ ชาวบ้าน เด็กๆ ละแวกนั้นก็โบกไม้โบกมือ
อวยพรให้คณะเราโชคดี

ชิลล์ได้สักครึ่งชั่วโมง ผ่านพ้นไร่กาแฟไม่ทันไร ก็ต้องเดินตัดขึ้นดอย
ด้วยระยะทาง 3.7 กิโลเมตร ที่ชันตลอดทาง และไม่มีทางราบสักเมตร

เก็บกล้องเลยค่ะ ไม่ถ่งไม่ถ่ายมันแล้ว จะหยุดพักหอบยังต้องหาต้นไม้จับ ไม่งั้นหน้ามืดขึ้นมา อาจกลิ้งหลุนๆเป็นลูกขนุนตกเขาก็เป็นได้

กัดฟันเดินขึ้นๆๆๆๆ ทีละย่างก้าว จนกระทั่งเวลา 14.30 น. ในที่สุดเราก็ถึงแค้มป์

จัดการเลือกทำเลกางเต็นท์ และทำลายเสบียงก่อนเลย หิวมหาศาล 5555


หลังจากท้องอิ่ม ก็หลับซิคะ อากาศก็เป็นใจ ไม่ร้อนเกินไป แต่กลางคืนน่าจะหนาว เพราะกางเต็นท์รับลมเต็มที่

ไมรู้คณะไหนลืมหม้อไว้


ตกเย็น ช่วยกันทำกับข้าว และทานมื้อเย็น อากาศหนาวขึ้นตามลำดับ คืนนี้กะฉลองคริสต์มาสกันบนดอย
แต่หลังจากอิ่มข้าวไม่นานนัก เราก็หลับผล็อย Zzzz
ตื่นมากลางดึก เพราะลมแรงมาก แรงจนเต็นท์สั่น หลังจากนั้นก็นอนไม่หลับ จนกระทั่งเช้า

เช้าวันใหม่ ถึงแม้จะสูงจากระดับน้ำทะเล 1,805 เมตร แต่ไม่มีทะเลหมอกอย่างที่เราคาดหวังค่ะ เป็นอันว่าเฟล
รีบเก็บเต็นท์ และทานข้าวเช้า โดยใช้เวลาไม่นานนัก เพราะวันนี้เราต้องเดินลงไปอุทยานแห่งชาติ และนั่งรถไปศูนย์เรด้า
เพื่อไปจุดเริ่มต้นสู่ดอยลังกาหลวง เสียเวลามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไปถึงช้าเท่านั้น

นั่นนนน...ดอยหลวงเชียงดาว


ทั้งคณะตกลงกันแล้วว่า จะยอมเดินอ้อมไปตามสันเขา เพราะไม่อยากใช้เส้นทางเดิมที่ขึ้นๆๆๆ เพราะขาลงก็ต้องลงๆๆๆ
เกรงว่าเข่าจะพังซะก่อนถึงดอยหลวง 555+...

สันคมมีด เห็นทางแล้วหวาดเสียว


ข้ามดอยมาลูกนึงแล้ว เรายังต้องไปต่อ โดยทางเส้นนี้ต้องปีน เหนี่ยวตัว โหนรากไม้ กันเลยทีเดียว
บอกเลยว่า " โ ค ต ร เหนื่อย "

ข้ามมา ก็เข้าสู่ป่าดึกดำบรรพ์ค่ะ จากที่ร้อนๆ เมื่อกี๊ ก็เย็นฉ่ำ ชุ่มชื่น
เดินชมนกชมไม้ จนลืมไปว่า ต้องทำเวลา

หันกลับไปมองข้างหลัง นั่นคือยอดดอยมด (ที่ไม่มด) และสันคมมีดที่เราข้ามมา

เรายังคงเดินกันอย่างต่อเนื่อง เจอวิวสวยๆ ก็หยุดพักเป็นระยะๆ
พักขา ดื่มน้ำและที่ขาดไม่ได้ คือช็อคโกแลตเพิ่มพลัง

ตั้งหน้า ตั้งตา เดินๆๆ

ระยะทาง 5 กม. กว่าๆ กับ เวลา 4 ชั่วโมงเศษ ในที่สุด เราก็ถึงอุทยานฯ ด้วยสภาพอ่อนละโหยโรยแรง
แต่หลังจากอาบน้ำ และได้ทานข้าวมื้อกลางวันแล้ว ร่างกายก็สดชื่นขึ้น พร้อมแล้วที่จะลุยลังกาหลวงต่อไป

รถไปส่งพวกเราที่ศูนย์เรด้า เวลาประมาณ 13.50 น. หัวหน้าทริปแจ้งว่า คืนนี้อาจจะต้องตั้งแคมป์ที่ผาโง้ม
เพราะเกรงว่าจะไปถึงลังกาหลวงค่ำเกินไป ในวันนี้มีสมาชิกถอนตัว เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า

จริงๆเราเองก็หวั่นนะ กลัวไม่ไหวเหมือนกัน โดนดอยมดตัดกำลังไปเยอะมาก แต่ก็นะ ใจมันอยาก 555+..

ช่วงแรกก็เดินชิลล์อีกแล้ว

มีขึ้นๆ ลงๆบ้าง ให้ได้หอบเป็นพักๆ

ผ่านไป 2.30 ชม. เราก็มาถึงผาโง้มค่ะ ถือว่าทำเวลาได้ดี เพราะยังไม่มืด เรายังมีเวลาเดินต่อไปถึงลังกาหลวงได้
ทั้งคณะจึงตกลงไปต่อ เพราะไม่งั้น วันรุ่งขึ้นจะต้องเดินจากจุดนี้ไปลังกาน้อย จนถึงบ้านท่าตอน ซึ่งมันไกลเกินไป

เห็นผาโง้มแล้ว แหงนคอตั้งบ่า บอกตัวเองทันที เราไม่ขึ้น 5555.. ขอเก็บแรงไว้เดินลงลังกาน้อยดีกว่านะ

ไม่ขึ้นผาโง้ม ก็ต้องเดินเลาะๆไปตามเขา เป็นอีกครั้งที่ต้องเก็บกล้อง เพราะทางมันกว้างสุดแค่ฟุตเดียว!!!


มือข้างซ้าย ยันผาไว้ มือข้างขวาถือไม้เท้า แหย่ๆ หาเส้นทาง เราลื่น ไถล ขาขวาหล่นไปข้างนึง ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

18.00 น. ระยะอีกไกลไหม ไม่รู้ ?? รู้แต่ว่า ร่างกายเราเริ่มล้า น้ำ ขนม อะไรที่อยู่ในเป้ ก็เริ่มหมดทีละอย่างๆ

เราตะหนักดีว่า ยิ่งแสงใกล้หมด เราจะเดินลำบากขึ้น เพราะฉะนั้นไม่มีเวลาโอ้เอ้แล้ว แต่ขามันก้าวไม่ออก

เส้นทางช่วงสุดท้าย ต้องขึ้นเขา เป้ กล้อง อยากจะปลดทิ้งซะให้หมด เราแทบอยากจะนอนอยู่ตรงนั้น ไม่อยากไปไหนทั้งสิ้น
ใจเต้นรัวๆ เหมือนจะหลุดออกจากขั้วซะให้ได้ อยากจะร้องไห้ ถามตัวเองว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ ลำบากเพื่ออะไรวะเนี่ย ??
ทั้งมืด ทั้งหิว เหนื่อย หมดแรง หมดจริงๆ

กัดฟันเดินต่อ จนเวลาล่วงเลยไปถึง 19.10 น. เราก็ถึงแคมป์จนได้ ไม่มีแรงจะกางเต็นท์
ขอบคุณ หัวหน้าทริป ที่ช่วยกางเต็นท์ให้ 555555+...

ค่ำนั้น กินอะไรไม่ลง เหนื่อยจัด และหลับเป็นตายยยย ZZzzzzz

เช้าวันใหม่ เราไม่ตื่นค่ะ เลยไม่ได้ขึ้นยอดดอยหลวง สภาพร่างกายไม่พร้อม ไว้ค่อยมาแก้ตัวอีกที (เหรออออออออ)

ทานอาหารเช้า และเก็บเต็นท์เรียบร้อย เติมน้ำใส่ขวด (น้ำซับ เย็น ชื่นใจ อร่อยมาก)
วันนี้เดินไปลังกาน้อย ประมาณ 6 กม. และเดินต่อไปถึงบ้านท่าตอน ประมาณ 4 กม.

9.00 น.เริ่มออกเดินทาง น้ำค้างลงเมื่อคืน ทำให้ค่อนข้างลื่น มุดป่า มุดดงกันมาสักครู่ ก็เจอภูเขาสวยๆ

เดินมาเรื่อยๆ มุดป่าบ้าง สันเขาบ้าง จนใกล้เที่ยง จึงแวะลงหุบ ใกล้ๆแหล่งน้ำ พักทานข้าวกลางวันกันสักครู่

หลังจากนั้น เดินขึ้นอีกแล้วคร่าาาาา ตอนเที่ยงๆ บ่ายๆ นี่แหละ เจ้าประคุณเอ้ยยยย !!


ถึงลังกาน้อยตอนบ่ายนิดๆ แดดแรงได้ใจจริงๆ ข้างบนนี้ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย

ชมวิว 360 องศา สักครู่ ก็ต้องลงแล้ว เพราะแดดร้อนจัด จนหน้าแทบไหม้ แต่เห็นทางลงแล้ว ขอทำใจแพร๊บบบบ

ทางลงลังกาน้อย เรียกได้ว่า "สาหัส" ชัน และมีแต่ หิน หิน และหิน จับก็ร้อน จึงต้องอาศัยกอหญ้า ดึงไว้ ช่วยไม่ให้ถลำตามแรงโน้นถ่วง
บางช่วงหันหน้าไม่ได้ เพราะเป้ติดผา ต้องหันหลังและไต่ลง แหม่...อยากจะแปลงร่างเป็นเลียงผาซะจริงๆเลย

มองย้อนกลับไป ดีใจกะตัวเอง นี่ฉันลงมาได้ยังไง โดยที่ร่างกายไม่บุบสลายเนี่ย เก่งจริงๆเลยเรา 555+..


พอลงมาแล้ว จากนั้นก็ก้มหน้า ก้มตาเดินค่ะ แดดก็ร้อนเปรี้ยงๆ พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง อ๋อยยยย...อิชั้นจะละลาย

ระยะทางจากนี้ ก็ขึ้นเขา ลงหุบ พักไปเรื่อยเป็นระยะๆ ขาแข็ง จนจะก้าวไม่ออก จนในที่สุดก็ถึงบ้านท่าตอนเวลา 16.00 น.
ด้วยสภาพที่อ่อนเปลี้ย เพลียแรง เดินตุปัดตุเป๋เข้าเส้นชัย 555+..

ทริปนี้ ยกให้เป็นสุดยอดทริปโหดแห่งปี เพราะ
เดินเกือบ 30 กม.
ไม่มีทะเลหมอก
ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น
ไม่เห็นดาวเต็มฟ้า
และ โ ค ต ร จะเหนื่อย

แต่ที่สิ่งที่ได้กลับมา...มันทำให้เรารู้ว่า ที่เราไปถึงได้ เพราะให้ "ใจ" ไปล้วนๆ
เรารักภูเขา เพราะฉะนั้น ต่อให้เหนื่อยกว่านี้ ยากกว่านี้ ยังไงเราก็ไม่หมดรักค่ะ


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ความคิดเห็น