ม่อนทูเล หรือ ภูเขาสีทอง เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเขตบ้านแม่จวาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อยู่เหนือจากระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร เส้นทางเดินนั้นจัดว่ายากระดับ 3.5 ซึ่งหนักกว่าดอยหลวงเชียงดาว โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นเขา 200 เมตรสุดท้าย ที่ชันเกือบ 80 องศา แต่เป็นที่น่ายินดีปนเสียดายนิดๆ ที่กรุ๊ปเราไม่ได้เดินขึ้นเส้นทางนั้น แต่ก็ยังได้ใช้เป็นทางลงที่ลำบากไม่แพ้กัน



เพราะเนื่องจาก ทริปนี้ไปตรงกับวันหยุด (5-7 ธ.ค.58) มีหลายคณะที่ใจตรงกัน จึงเกรงว่าพื้นที่กางเต็นท์ที่ม่อนทูเล จะไม่พอ กรุ๊ปเราจึงเปลี่ยนโปรแกรมไปม่อนคลุยกันก่อน ซึ่งนั่นทำให้พวกเราต้องเดินกันยาวขึ้น จาก 2 วัน เป็น 3 วัน แต่ไหนๆ ก็หลวมตัวมาแล้ว เป็นไงเป็นกัน


ออกจาก กทม. เวลา 20.30 น. ด้วยรถตู้ พร้อมสมาชิกร่วมทริปทั้งหมด 20 ชีวิต มาถึง อบต.ท่าสองยาง ประมาณ 7 โมง ล้างหน้า แปรงฟัน

ทานข้าวเช้ากันก่อน น้อง staff บอก ไม่ต้องรีบๆ วันนี้เราจะเดินขึ้นกันสายๆ เดินสบายๆ แค่ 4 ชม.

เอิ่มมมมมม...!!!!

ระหว่างรอเวลาลูกหาบจัดสัมภาระทั้งหลาย สำรวจแม่น้ำเมยสักนิด

ฤกษ์งามยามดี ประมาณ 10 โมง ก็ขึ้นรถกระบะ เดินทางต่อไปยังบ้านแม่จวางราวๆ 1.30 ชม. จนถึงม่อนคลุย
แอบดีใจ รถมาส่งถึงที่ แบบนี้ก็ไม่ต้องเดิน 4 ชม.แล้วนะซิ

แต่ๆๆ...สิ่งที่คิด กับ สิ่งที่เป็น มักจะตรงข้ามกันเสมอ!!!
คืนนี้ เราไม่ได้นอนกันที่นี่ ต้องเดินไปตั้งแค้มป์ที่ปุยหลวง หลังจากรับน้ำคนละ 2 ขวด
และข้าวกลางวัน ก็ออกเดินทาง

ช่วงแรก ป่าโปร่งๆ เดินสบายๆ


พอพ้นป่าโปร่งไม่ทันไร ก็ต้องขึ้นเขาซะแล้ว หมอกก็มารอต้อนรับ ขาวโพลนไปหมด

อากาศดี๊ดี เดินๆอยู่ หมอกก็มาปะทะหน้า

เข้าสู่ชั่วโมงที่ 2 เดินกันไป ขึ้นๆ ลงๆ ลูกแล้วลูกเล่า
โชคดีที่อากาศไม่ค่อยร้อน แต่เราไม่ค่อยชอบหมอกฟุ้งๆเท่าไหร่ อยากเจอเป็นคลื่นทะเลมากกว่า
ได้แต่ภาวนา ขอให้หมอกจางไปเร็วๆ

เข้าสู่ ชั่วโมงที่ 3 พักทานข้าวกลางวัน ที่สันเขาสักครู่ หล้งจากท้องอิ่ม ก็ลุยกันต่อ
ฟ้าเริ่มเปิด และแล้วในที่สุด สิ่งที่ภาวนาไว้ก็ได้เห็น

พอฟ้าเปิด อะไรๆ ก็เด่นชัดขึ้น ภูเขาสุดลูกหูลูกตา สลับซับซ้อนกันเป็นชั้นๆ

ในที่สุด เราก็มาถึงจุดตั้งแคมป์ที่ดอยปุย ประมาณ บ่าย 3 ฟ้าปิดอีกแล้ว หมอกก็คละคลุ้ง ฟุ้งกระจาย
ไม่มีอะไรดีกว่าการช่วยกันกางเต้นท์ ทำกับข้าว เวลาที่เหลือก็นั่งเม้าส์มอยกันไปตามประสา
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงใครคนนึง เรียกให้ออกมาดู

โอ้โห...มันแน่นมาก กดชัตเตอร์รัวๆเลยค่ะ

ชัยภูมิในการตั้งแคมป์เหมาะมาก เรียกได้ว่า เปิดเต็นท์ออกมา ก็เจอเลย 55555+...

หันกลับไปอีกฝั่ง ก็ไม่น้อยหน้า


เราเดินย้อนกลับไป เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ตก แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้น ช่างงดงามเหลือเกิน
หมอกไหลยังกับสายน้ำ เราได้แต่ยืนจ้อง ไม่อาจละสายตาเลยจริงๆ

จ้องนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หันกลับมาอีกที พระอาทิตย์จะลาลับแล้ว 555+..


กลับเข้าแค้มป์ก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี ใครจะไปเชื่อว่าจะได้กินปลาราดพริกบนดอย

หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นๆ คงไม่มีอะไรดีกว่าการเข้าเต็นท์
พรุ่งนี้ เรายังต้องเดินต่อไปม่อนทูเล
ZZzzzzzzzzzz.....
*************************
อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่ ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ตั้งแต่ 6 โมง ลมแรง อากาศหนาวจนฟันกระทบกันกึกๆๆๆ อยากจะเอาถุงนอนมาห่อให้รู้แล้วรู้รอด

หมอกแบบนี้ที่ต้องการ


เต็มอิ่ม กับหมอกตรงหน้าแล้ว ก็จัดการเก็บเต้นท์ ทานข้าวเช้า และเดินกันต่อ
ช่วงแรก เดินลงเขาทุลักทุเลพอสมควร เพราะทางชัน และมีกรวดหินเล็กๆ ทำให้ลื่น สิ่งหนึ่งที่ช่วยได้เป็นอย่างดี นั่นคือ "ไม้เท้า"

กว่าจะลงมาถึงพื้นราบได้ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 นาที


และก็เดินขึ้นอีก


เส้นทางวันนี้ ไม่ได้เดินสันเขาเหมือนวันก่อน เราเดินในป่า ไม่รกมาก มีทางเดินเด่นชัด มีป้ายบอกเป็นระยะ ไม่มีหลง

ใกล้ถึงแล้วววววววว

มาถึงจุดกางเต็นท์ ประมาณ บ่าย 2 ใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 5 ชม.


ที่ตรงนี้ มีแหล่งน้ำธรรชาติ ใช้อาบ ใช้ดื่มได้ และมีห้องน้ำให้ด้วย

หลังจากช่วยกันกางเต้นท์แล้ว ก็สำรวจพื้นที่กันเลย
ดอยธง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก ห่างจากจุดกางเต็นท์แค่ 5 นาทีเท่านั้น เราเลยเดินขึ้น-ลงซะหลายรอบ เนื่องจากฟ้าไม่เป็นใจ 555..

ยอดบนนั้นคือ ดอยทูเล จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่พรุ่งนี้เช้าต้องตะกายขึ้นไป

ขึ้นมาอีกรอบ ตอนใกล้เวลาพระอาทิตย์จะตกแล้ว

หลังจากเฝ้าดูพระอาทิตย์จนลับขอบฟ้า อากาศเย็นๆ ก็เข้ามาแทนที่ พร้อมๆกับน้ำย่อยในกระเพาะ
มื้อเย็นวันนี้อลังการไม่ต่างจากวันก่อน
เต้าหู้ทรงเครื่อง ต้มยำปลาดอลลี่ น้ำพริกกะปิ ผักจิ้ม หมูหวาน ตามด้วยของหวาน พุดดิ้งส้ม
แหม่...เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ หิวจนมือสั่น 555+..

คืนนี้ดาวเต็มฟ้ามากมาย แทบเกือบทุกตารางนิ้วบนท้องฟ้า สวยจับใจ
แต่ต้องรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอน ตี 5
ตื่นไปทำงานยังไม่เช้าขนาดนี้เลย ให้ตายเหอะ
Zzzzzzzzz
*********************
เสียงน้อง staff ปลุกตรงเวลาเป๊ะ ทุกคนเตรียมพร้อม คว้าไฟฉาย และแก้วน้ำ ไปจิบกาแฟบนยอดนั้น!!

ทางที่ชันอยู่แล้ว บวกกับ น้ำค้างบนยอดหญ้าและก้อนหิน ทำให้ต้องค่อยๆเดิน ก้าวอย่างช้าๆ ตามๆกัน
คนข้างหน้าลื่น คนข้างหลังก็ช่วยกันจับ ล้มลุกคลุกคลานกันไป

อากาศกำลังดี ไม่หนาวอย่างที่คิด รอแสงแรกของวัน

สันเขาที่ธรรมชาติสรรสร้าง

สายแล้ว ได้เวลาลงมาเก็บเต็นท์ ทานข้าวเช้ากันอย่างง่ายๆ วันนี้เราต้องเดินลงเขากันยาว น้อง staff บอกประมาณ 4 ชม.

ขาขึ้นที่ว่าโหด ขาลงไม่แพ้กัน ทางชันถึงขนาดต้องมีเชือกให้จับ ไม่งั้นอาจร่วงได้

เห็นถนนอยู่ไกลๆ นั่นเป็นจุดหมาย (ตอนแรกไม่คิดว่าจะใช่ แต่มันดันใช่)


ยังคงเดินลงอยู่ พักกันเป็นระยะๆ

ผ่านไป 2 ชม.กว่า เริ่มเป็นพื้นที่ราบ


เริ่มเห็นถนนแล้วววว อีกนิดเดียววววว โอยยยยย..


4 ชม.ผ่านไป เริ่มเข้าเขตหมู่บ้านแล้ว

ในที่สุด ก็ถึงจุดหมาย รถกระบะมารอรับ กลับสู่ อบต.ท่าสองยาง


ได้อาบน้ำสักที หลังจากที่ซักแห้งมา 2 คืน

ทานมื้อกลางวัน และมื้อเย็นอย่างอิ่มหนำสำราญ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ กทม.โดยสวัสดิภาพ

แปลกใจอยู่ว่า ทำไมมันไกล๊ไกล เดินตั้งนานไม่ถึงสักที เพิ่งจะรู้ระยะทางตอนมาถึง อบต.
7.5 กม.

ทริปนี้เป็นอีกทริปที่ประทับใจมาก รู้ว่าโหด หนัก เหนื่อย แต่ก็อยากมา


แม้จะรู้ว่ากลับลงไปจะต้องล้า ปวดขาไปอีกหลายวันก็ตาม



มีเพื่อนถามว่า ไปเดินเพื่อ????



เพื่อ...หมอกไหลที่ปุยหลวง

เพื่อ...สันเขา ที่สลับซับซ้อนที่ม่อนทูเล

เพื่อ...ดาวกระจ่างทั่วท้องฟ้า

เพื่อ...มิตรภาพของคนที่ไม่รู้จักกัน แต่ใช้ชีวิตด้วยกัน 3 วัน 2 คืน



...คุ้มเกินคุ้ม...



ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ความคิดเห็น