หลังจากลุยงานมาตลอด 3 เดือน ร่างกายเริ่มอ่อนล้า โหยหาการเดินทาง หาข้อมูลอยู่หลายที่
สุดท้ายจึงตกลงปลงใจ ไปเขาสก เหตุผลเพราะยังไม่เคยไป และเป็นที่ที่ตั้งใจจะไปมานานมากกกกกกกกก
จนในที่สุดก็มีโอกาสสักที

1 เดือนก่อนหน้า เราโทรไปจองแพของอุทยาน อาจเพราะไปในช่วงวันหยุด แพเต็มเกือบทุกที่ แต่แล้วเราก็ได้ที่พัก “แพโตยเตย"
อุทยานคิดค่าหัวคนละ 800 บาท รวมอาหาร 3 มื้อ (กลางวัน / เย็น /เช้า) ไปถึงนู่นทั้งที ต้องให้คุ้มค่าเวลาเดินทาง จอง 2 คืนเลยค่ะ 555+...
แต่เนื่องด้วย เราไปกัน 2 คน ลุงเจ้าหน้าที่บอกว่าจะให้เราไปจอยกับเรือของกรุ๊ปต่างชาติ ส่วนขากลับก็จะฝากเรากับกรุ๊ปอื่นที่กลับวันเดียวกัน
(ลุงบอกปกติแล้ว นักท่องเที่ยวจะมาอยู่แค่ 2 วัน 1 คืน) ลุงนัดแนะกับเรา ให้ไปถึงท่าเรือเทศบาลก่อน 10 โมง
และไม่ลืมที่จะให้เบอร์โทรศัพท์คนขับเรือมาด้วยค่ะ (ขอขอบคุณในความกรุณา)

เดินทางจากกรุงเทพ - สุราษฎร์ฯ โดย สมบัติทัวร์ค่ะ VIP Supreme รอบ 20.20 น. ราคา 711 บาท
(จ่ายตังค์ปุ๊บ วันรุ่งขึ้นตั๋วเครื่องบินมีโปร ราคาพอกัน ) มาถึง บขส.สุราษฎร์ เกือบ 7 โมง ช้ากว่ากำหนด 2 ชม.

ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็ขึ้นสองแถว ไปตลาดเกษตร 2 ค่ารถคนละ 20 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที
รถจะจอดที่ปากทางเข้าตลาดค่ะ เราต้องเดินต่อไปอีก หาคิวรถตู้ไปเขื่อน เราได้รอบ 9 โมงค่ะ เผื่อใจไว้แล้วว่า อาจจะตกเรือเป็นแน่
อ้อ!!...ค่ารถตู้คนละ 150 บาท

แล้วก็เป็นจริงตามที่คาดคิด 10 โมงกว่าแล้ว เพิ่งไปได้ครึ่งทาง เราโทรหาคนขับเรือ เค้าบอกรอเราไม่ได้ค่ะ
แต่จะช่วยหาเรือให้ เราก็โอเค กะว่าถ้าไม่มีเรือไป ก็คงหาที่พักนอนบนฝั่งสักคืน พรุ่งนี้ค่อยหาจอยกับกรุ๊ปอื่น

11 โมงนิดๆ เรามาถึงท่าเรือ สักพักก็มีคนติดต่อมา เผอิญว่าเค้าเป็นญาติกัน และเรือลำนี้มาส่งลูกค้า และจะซื้อของกลับไปแพพอดี
เค้าขอค่าน้ำมัน 1,000 บาท เรารีบตกลงเลยค่ะ นัดกัน 13.00 น. ระหว่างรอ เราก็ทานข้าว มองดูผู้คนผ่านไปผ่านมา ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย

และแล้วก็ได้เวลาตามนัดค่ะ บ่ายโมงกว่า มีผู้หญิงเจ้าของเรือติดต่อมา พาเราไปลงเรืออีกท่านึง
เพราะต้องเติมน้ำมัน และขนของสดลงไปด้วย ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีเนอะ ได้เรือใหญ่ แถมมีแค่ 2 คนอีกต่างหาก

ออกเดินทางโลด...


เขาหินปูน รูปร่างแปลกตา ท้องฟ้าเป็นใจมาก พี่ผู้หญิงบอกว่า ฝนไม่ตกมา 2-3 วันแล้ว
อ้าวว...อุตส่าห์ว่าจะมานอนเล่น ฟังเสียงฝนตกสักหน่อย

นั่งเรือ ผมปลิว ชมวิว มาประมาณ 1.30 ชม. เรือก็พามาถึงแพที่อยู่ท่ามกลางภูเขา น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต นี่แหละที่เราต้องการ

มาถึงเกือบบ่าย 3 แล้ว น้องต้อนรับก็จัดแจง พาไปดูห้อง แจ้งเวลาอาหารเย็น และแจ้งเปิดไฟเวลา 18.30-22.30 น.
เอาของเข้าที่พักเรียบร้อย น้องบอกเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้แล้ว...พอดีเลย พี่กำลังหิว 555+..

แดดร่มลมตก ก็ได้เวลาเล่นน้ำ ปกติแล้ว เราไม่ชอบเล่นน้ำ (คือจริงๆแล้วไม่ชอบให้ตัวเปียก) แต่นี่มันใสเกิ๊นนนนนน...ใสจนอดใจไม่ไหว ก็โดดสิคะ
(ก่อนจะโดดน้ำ ใส่เสื้อชูชีพด้วยนะคะ น้ำลึก) เล่นน้ำจนหนำใจ ต่อด้วยพายเรือ พายไม่เป็นหรอกนะ แต่อยากทำทุกกิจกรรมที่มี
หลังจากนั้นก็อาบน้ำค่ะ อ้อ!! ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะคะ โดยรวมก็ถือว่าสะอาดดี มีทั้งหมด 5 ห้อง มีห้อง Open air ด้วย ส่วนใหญ่เห็นแต่ผู้ชายอาบกัน

หมดพลังกับการทำกิจกรรม ได้เวลาอาหารเย็นพอดี มื้อเย็นจะมีกับข้าว 4 อย่าง (ยกเว้นปลา) อร่อยทุกอย่าง
โดยเฉพาะแกงส้มหน่อไม้ดอง มีความแซ่บ ถึงรส ถึงเครื่อง เจ้มจ้นมาก บอกเลย...น้องบอกว่า ถ้าไม่อิ่ม ขอเพิ่มได้ ว่าแล้วก็
"น้องคะ...พี่ขอแกงส้มเพิ่มค่ะ"

อิ่มแล้ว ก็มานั่งเล่นหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่า จะออกไปล่องเรือส่องสัตว์ ไปด้วยกันไหมครับ??
ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยค่ะ คว้าเสื้อคลุมแล้วเดินตามเค้าลงเรือทันที

เรือแล่นอย่างช้าๆ พยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุด สักพักก็จอดท่ามกลางความมืด อากาศเริ่มเย็นลง เพราะมีฝนตกเปาะแปะๆ
ช่วงเวลานี้ ทั้งป่าเงียบสงัด คนบนเรือก็เงียบสนิทเหมือนจะเข้าภวังค์ ไฟฉายขนาดใหญ่สาดส่องไป 2 ข้างทางที่มีแต่ป่า
พยายามมองหาตาที่กระทบแสงไฟ แต่ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ 555+...

สมควรแก่เวลา ลุงก็ขับเรือพากลับแพ ก่อนจะกลับเข้าที่พัก เจ้าหน้าที่บอกว่า พรุ่งนี้เช้า จะล่องเรือพาไปดูหมอก 6.30 น.
ตอบตกลงเรียบร้อย ไม่นานจากนั้น เราก็เข้าที่พัก เปิดพัดลม มุดมุ้ง และหลับเป็นตาย

เช้าวันใหม่ อากาศเย็นสบาย ล่องเรือไปดูหมอกกันเถอะ

สมาชิกบนเรือคนนึงบอกว่า หลายปีก่อนน้ำสูงกว่านี้ และต้นไม้มีมากกว่านี้ อีกหน่อยที่ตรงนี้จะมีแต่ต้นไม้ที่ยืนต้นตาย เพราะขาดน้ำ


ได้ยินแล้วก็ใจหาย ไม่อยากให้มีวันนั้นเลย

จากนั้น กลับมาทานข้าวเช้าค่ะ เมนูเป็นข้าวต้มไก่ และขนมปังปิ้งทาแยม ทานไปเบาๆ 4 ถ้วย

กิจกรรมเช้านี้ไม่มีอะไรให้ทำค่ะ เสียดายที่ไม่ได้ติดหนังสือไปอ่านสักเล่ม เลยงีบไปอีก 1 ตื่น (นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็น....)



กลางวันมื้อนี้ ต้มฟักมะนาวดอง เลิศรสมากกกกกก

หลังทานข้าว เจ้าหน้าที่แจ้งว่า บ่ายนี้จะพาไปเที่ยวถ้ำน้ำทะลุ เราก็ตกลงไปง่ายๆอีกแล้ว
ถ้ำน้ำทะลุ ห่างจากแพโตนเตยนิดเดียวค่ะ นั่งเรือประมาณ 5 นาทีก็ถึง แต่ต้องเดินเข้าป่า ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร

เส้นทางนี้ ถ้าเดินเป็นวงกลมจะผ่านถ้ำค้างคาว และถ้ำสี่รู รวมระยะทางประมาณ 11.5 กิโลเมตร เสียดายที่เราไม่มีเวลามากพอ
ป่านี้มีความชื้นสูง มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา เส้นทางเห็นชัดเจน เดินได้เรื่อยๆ แต่ก็เละเป็นช่วงๆ และค่อนข้างลื่น
บางช่วงต้องเดินลุยน้ำ ปีนก้อนหินกันเลยทีเดียว

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงค่ะ เดินเข้าถ้ำได้นิดหน่อย เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ไปต่อไม่ได้ เพราะน้ำสูง และแรงมาก เกรงว่าพวกเราจะได้รับอันตราย
จึงพากันออกจากถ้ำ และเดินไปน้ำตกแทน ห่างจากถ้ำประมาณสัก 100 เมตร

นั่งพักดื่มด่ำกับธรรมชาติตรงหน้า แล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด มันช่างสดชื่นจริงๆ

สมควรแก่เวลา เจ้าหน้าที่ก็พากลับเส้นทางเดิม

กลับมาถึงที่พัก บ่าย 3 โมงกว่า กิจกรรมอื่นใด หามีไม่ นอกจากเล่นน้ำ และพายเรือ อิอิ..
อาบน้ำ อาบท่า และทานอาหารเย็น เด็ดสุดก็ยังเป็นแกงส้มหน่อไม้ดองเหมือนเดิม...เพิ่มเติมคือไข่เจียว

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้ว อยากเก็บทุกบรรยากาศของที่นี่ไว้ เสียดายที่ฟ้าไม่เปิด ไม่อย่างนั้นเราคงได้เห็นดาวเต็มฟ้าแน่ๆ


เช้าวันนี้ ไม่มีกิจกรรมใดๆ ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย จัดกระเป๋า ทานข้าวเช้า แล้วเตรียมตัวเดินทางกลับเวลา 9.00 น.
วันนี้มีสมาชิก 3 กลุ่มเดินทางกลับเรือลำเดียวกัน และนี่คือแลนมาร์คที่เรือทุกลำต้องจอด

“เขาสามเกลอ"

ถึงฝั่งประมาณ 10 โมงกว่า โทรจองรถตู้ให้มารับรอบเที่ยง ขากลับบริการส่งถึงสนามบิน และ บขส.ด้วยนะ ราคาเท่าเดิมค่ะ
ส่วนเรากลับสมบัติทัวร์รอบ 19.40 น. มีเวลาเดินเล่นที่เซ็นทรัลหลายชั่วโมงเลย 555+...

ทริปนี้ โดยรวมแล้ว ประทับใจมาก หักคะแนนเรื่องเครื่องนอนมีกลิ่นอับ นอกนั้นประทับใจทุกอย่าง โดยเฉพาะบรรยากาศที่เงียบสงบ
ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง และที่สำคัญอาหารอร่อยทุกมื้อ ถ้ามีเวลามากกว่านี้ เราก็อยากอยู่ให้นานกว่านี้
แต่ยังไงซะ มีครั้งแรกแล้ว ก็ต้องมีครั้งที่ 2 และครั้งต่อๆไปอย่างแน่นอน

เราจะกลับมาอีกครั้ง...ส่วนตอนนี้ก็คิดถึงเขา(สก)ไปก่อนนะ

สรุปค่าใช่จ่าย
1) ค่ารถทัวร์ไป-กลับ เที่ยวละ 711 บาท *2 คน = 2,844 บาท
2) ค่าเรือ =1,000 บาท
3) ค่ารถตู้ไป-กลับ เที่ยวละ 150 บาท *2 คน = 600 บาท
4) ค่าที่พัก+อาหาร หัวละ 800 *2 คน*2คืน =3,200 บาท
5) ค่ารถสองแถวไปตลาด 2 คน = 40 บาท
6) ค่าอาหาร บนฝั่ง 2 มื้อ = 1,000 บาท
7) ให้เจ้าหน้าที่ นำทางเที่ยวถ้ำ = 200 บาท
รวม 8,884 บาท (ไม่รวมค่าขนมอื่นๆ ที่ซื้อจาก กทม.)

ขอบคุณที่ติดตาม และขอบคุณ readme สำหรับพื้นที่แบ่งปันค่ะ

ความคิดเห็น