กระบี่ ไม่ได้มีดีแค่ทะเล หน้าฝนแบบนี้เราจะพาไปเที่ยวกระบี่ แบบไม่ต้องง้อทะเลกัน
ทริปนี้เราไปเที่ยวกระบี่กับแคมเปญ บินดี อยู่ดี ของสายการบิน
ที่เค้ามีจัดแพ็คเกตสุดคุ้ม ที่สะดวกตั้งแต่เริ่มต้นเดินทาง ทั้งที่พัก รถรับ ส่ง เรียกว่าเอาใจสายเที่ยว มากๆ ไม่ยุ่งยาก จ่ายครั้งเดียว ครบ จบในทริปเดียวเลย ราคาเริ่มต้นเพียง 5,900 บาท ต่อท่าน
ซึ่งประกอบไปด้วย
* ตั๋วโดยสาร ไป- กลับ กรุงเทพ -กระบี่
* บริการรถรับส่ง จากสนามบิน - โรงแรม
* ห้องพัก 3 วัน 2 คืน รวมอาหารเช้า
* ทัวร์ one day trip จะมีให้เลือก 3 Option ตามนี้ค่ะ
- แบบที่ 1 ทัวร์ 4 เกาะ ชมทะเลแหวก
- แบบที่ 2 ทัวร์ สระมรกต น้ำตกร้อน
- แบบที่ 3 ทัวร์ หมู่เกาะห้อง
โดยสามารถเลือกได้ 1 อย่าง
และสามารถเลือกโรงแรมที่จะเข้าพักได้ ราคาแพ็คเก็ตก็จะแตกต่างกันตามราคาของห้องพักโรงแรมนั้นๆ โรงแรมที่เข้าร่วมแคมเปญ มีให้เลือกตามนี้ค่ะ
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บินดี อยู่ดี
https://www.facebook.com/BindeeUdee/
เริ่มต้นทริปนี้กันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเราจะบินตรงไปที่ จ.กระบี่ กับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เพื่อให้สมกับชื่อ ทริป บินดี อยู่ดี ก็เริ่มต้นกันที่เลานจ์ของสายการบินกันก่อนเลย ระหว่างรอขึ้นเครื่องเค้าจะมีบริการ ขนม เครื่องดื่ม ที่นั่งในเลานจ์ และบริการ ฟรี wifi ที่จัดเตรียมไว้คอยต้อนรับผู้โดยสารของ บางกอกแอร์เวย์ เรียกว่ากินอิ่ม นั่งสบาย กันตั้งแต่เริ่มการเดินทางเลยทีเดียว
หลังจากเครื่องขึ้นซักพัก เค้าก็มีอาหารมาเสริฟค่ะ
ถึงสนามบินกระบี่ปุ๊บจะมีรถตู้มาคอยรับที่สนามบินเลย สะดวกสบายมากๆ ที่แรกที่เราจะไปเที่ยวกันคือ ล่องเรือ คาตามารัน ชมบรรยากาศของป่าชายเลน ที่เกาะกลาง โดยเราใช้บริการเรือ คาตามารัน ของ กระบี่ โบ๊ท ลากูน ระหว่างทางเรือจะพาไปชมความงามตามธรรมชาติ ของป่าชายเลน ลัดเลาะชมวิถีชีวิตของชุมชนเกาะกลาง และได้ถ่ายรูปกับบรรยากาศสวยๆบนเรือ
หลังจากล่องเรือไปซักพัก เราก็จะแวะทานอาหารกลางวันกันที่ บ้านมะหญิง
บ้านมะหญิง เป็นร้านอาหารทะเล ตั้งอยู่บนแพริมน้ำ มีกระชังปลารอบๆ บรรยากาศเย็นสบาย สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติของป่าชายเลน ทางร้านมีการแสดงโชว์ให้อาหารปลาในกระชังปลา เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาทานอาหารที่ร้านได้เพลิดเพลินหลังจากมื้ออาหาร เมนูอาหารของที่ร้านเน้นไปทางอาหารทะเลสดๆ อย่างเมนูที่เราสั่งมาทานก็เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน ไม่ว่าจะเป็น ปลากระพงทอดน้ำปลา , แกงส้มปลากระพง ,กุ้งลายเสือราดซอสมะขาม , ปูผัดพริกไทยดำ ,หมึกดำสมุนไพร
ขากลับจากบ้านมะหญิง เรานั่งเรือหัวโทง กลับฝั่งกันค่ะ เป็นลักษณะคล้ายๆเรือหางยาว ซึ่งจะมาขึ้นเรือที่ท่าเรือเจ้าฟ้า
จากนั้นก็แวะไปเก็บภาพบรรยากาศ ที่ลานปูดำ หรือ อนุเสาวรีย์ปูดำ จุดชมวิวเขาขนาบน้ำ ซึ่งจะเห็นวิวเขาสองลูกตั้งเด่น ขนาบแม่น้ำกระบี่ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองกระบี่เลยทีเดียว
ก่อนเข้าที่พัก แวะพักจิบกาแฟ กันที่ร้าน Hub Cafe ร้านกาแฟ วิวภูเขาที่มองเห็นแบบพาโนราม่า ร้านอยู่ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก ใครที่ผ่านไปกระบี่ แนะนำลองแวะร้านนี้ดูค่ะ นอกจาก กาแฟแล้ว เค้ายังมีเมนูเครื่องดื่ม อาหารและขนมอื่นๆให้เลือกเยอะมาก รสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ
สำหรับแคมเปญ “บินดี อยู่ดี” เราสามารถเลือกที่พักเองได้ โดยราคาของแต่ละโรงแรมก็จะแตกต่างกันออกไปดังนี้ค่ะ
มาถึงที่พักของเราในทริปนี้ค่ะ เราเลือกพักที่ เซ็นทรา ภูพาโน รีสอร์ท ( Centra Phu Pano Resort ) ซึ่งไม่ติดทะเล แต่จะเป็นวิวภูเขาแบบพาโนราม่า มาแทนค่ะ โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจาก อ่าวนาง บรรยากาศเงียบสงบ และเดินทางสะดวก
ตัวโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานมาก มีบริการห้องพักทั้งหมด 158 ห้อง ประกอบไปด้วยห้องพัก 3 ประเภท คือ เซ็นทราซุพีเรีย ,เซ็นทราซุพีเรียพูลวิล , เซ็นทราแฟมิลี่เรสซิเดนซ์
ห้องที่เราพักคือ ซุพีเรีย พูลวิว สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ และวิวภูเขาแบบพาโนราม่าได้จากระเบียงห้องพักเลย วิวสวยสดชื่นสบายตามากๆ
ภายในห้องพักตกแต่งสวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
มาดูห้องแบบ เซ็นทราแฟมิลี่เรสซิเดนซ์ กันบ้าง ห้องแบบนี้เหมาะกับคนที่พาครอบครัวมาด้วย และอยากนอนรวมห้องเดียวกัน ซึ่งจะมีเตียงขนาดใหญ่ 1เตียง และเตียง 2 ชั้นอีก 1 เตียง
มื้อเย็น อิ่มอร่อยกับร้านเรือนไม้ ร้านอาหารใต้พื้นเมือง ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย เมนูขึ้นชื่อของที่นี่ ที่ทางร้านแนะนำ ก็จะมี สตอผัดกะปิกุ้ง น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงปูใบชะพลู หมูสามชั้นคั่วเกลือ โดยทางร้านเปิดให้บริการ วันละ 2 ช่วง คือ ตั้งแต่ 10:30-15:00 น. และ 17:00 -21:30 น.
ออกจากร้านอาหารก็มาแวะเดินเล่นที่ถนนคนเดินกันต่อ โดยถนนคนเดินกระบี่ จะเปิดให้บริการ ในวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17:00-20:00 น. ซึ่งเป็นการปิดถนน และมีสินค้ามาจำหน่าย ทั้งของกิน ของใช้ สินค้า otop การแสดงพื้นบ้าน การแสดงบนเวที การแสดงโชว์กระบองไฟ ใครที่มาเที่ยวกระบี่ ลองแวะมาช็อป มาชิมกันดูได้ค่ะ
อาหารเช้ามีให้เลือกหลายหลาย ทั้งอเมริกันเบรคฟาสต์ ข้าวต้ม ขนมจีนน้ำยา ก๋วยเตี๋ยว
วันที่สอง สำหรับโปรแกรม one day trip ซึ่งสามารถเลือกได้ว่า จะไปทริป ทัวร์ 4 เกาะ หรือ ทัวร์สระมรกต หรือ ทัวร์เกาะห้อง ซึ่งช่วงที่เราไป ฝนตก มีคลื่นลมแรง เราเลยต้องเปลี่ยนแพลน จากเดิมที่จะไปทะเล เลยมาแช่น้ำ ที่สระมรกตแทนค่ะ
สระมรกต ออนเซ็นสีเขียวมรกต ท่ามกลางป่า หนึ่งในสถานที่ Unseen ของ จ.กระบี่ กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิ ประมาณ 30-50 องศา ด้านในจะมีทั้งหมด 3 สระ คือ สระมรกต สระแก้ว และ สระน้ำผุด ซึ่งคนจะนิยมมาเล่นน้ำกัน ที่สระมรกต ยิ่งถ้าไปช่วงเช้าๆ คนยังไม่เยอะมาก น้ำจะเขียวใสเป็นสีมรกตเลยทีเดียว
จากจุดจอดรถ เราจะเจอกับทางเข้าที่จำหน่ายบัตร
ค่าธรรมเนียมการเข้าชม
คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
เวลาเปิดให้บริการ 8:00-17:00 น.
เดินเท้าเข้าไปอีก ประมาณ 800 เมตร ระหว่างเส้นทางเดินจะมีต้นไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่นตลอดทาง
จากสระมรกต สามารถเดินไปชมบ่อน้ำผุด ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสระมรกต ลักษณะจะเป็นตาน้ำสีฟ้าใสอมน้ำเงิน เป็นสระที่มีแร่ธาตุอยู่มาก แต่ทางเดินจากสระมรกต ไปบ่อน้ำผุด จะเดินไกลพอสมควร วันที่เราไปเส้นทางเดินก็ปิดปรับปรุงอยู่ เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝากกันค่ะ
ออกจากสระมรกต เราก็มาต่อกันที่ วารีรัก ฮ็อต สปริง สปา ค่ะ เนื่องจากฝนตกพรำๆทั้งวัน เราเลยขอมาแช่น้ำร้อน กันที่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ ให้คลายหนาวกันซักหน่อย
อาหารพื้นเมือง ที่จะเสริฟพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล โดยเฉพาะเมนูข้าวยำปักษ์ใต้ของที่นี่ เราว่าอร่อยมากๆ
ที่นี่นอกจากมีบ่อน้ำร้อนให้แช่ แล้ว เค้ายังมีบริการสปา สครับขัดผิว นวดแผนไทย
บ่อน้ำร้อนของที่นี่มีหลายบ่อ ทุกบ่อจะอยู่ในแนวต้นไม้ใกล้ชิดธรรมชาติ บรรยากาศดีและผ่อนคลายสบายตามาก
ระดับความร้อนของบ่อ มี 3 ระดับ
มื้อเย็นของวันนี้ เราเลือกร้านอาหาร แล เล กริลล์ ( Lae Lay Grill ) เป็นร้านที่วิวสวยติดอันดับของกระบี่เลยทีเดียว เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถชมวิวได้แบบ 180 องศากันเลยทีเดียว เสียดายที่ช่วงที่ไปฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ เลยอดชมบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่นี่เลย
เมนูอาหารของทางร้าน มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งแบบสั่งเป็นเซ็ต เหมาะสำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่ม หรือจะสั่งแยกได้ตามใจชอบ เมนูวันนี้ที่เราสั่งเป็นแบบเซ็ตค่ะ ในเซ็ตประกอบไปด้วย ปูนิ่มคั่วพริกเกลือ เนื้อสันในพริกไทยดำ หมึกผัดไข่เค็ม กุ้งทอดราดซอสมะขาม แกงเผ็ดเป็ดย่าง ปลากะพงนึ่งมะนาว หมูตุ๋นสมุนไพรจีน ผัดบล็อคโครี่น้ำมันหอย ปลาดอรี่ทอดยำสมุนไพร และข้าวหอมมะลิ ชุดนี้ทานได้ 6-7 คน รสชาติอาหารก็อร่อยใช้ได้ทีเดียว
เช้าวันกลับฝนโปรยมาแต่เช้า เราเลยเลือกเที่ยวในเมืองใกล้ๆ ก่อนเดินทางไปสนามบิน
เราแวะถ่ายรูป สตรีท อาร์ต แห่งเมืองกระบี่
สถานที่ถ่ายรูปเช็คอิน ชิคๆ เก๋ๆ แห่งใหม่ เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และ ททท. จังหวัดกระบี่
โดยจะมี พิกัดของ รูปภาพทั้งหมด 9 จุดด้วยกัน เป็นผลงานจากศิลปินทั้ง 9 ท่าน โดยเราได้แนบแผนที่คร่าวๆ ให้ตามรอยกันจ้า
ก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ เราแวะร้านของฝากกันซักหน่อย ร้านศรีกระบี่ เป็นร้านของฝากขึ้นชื่อของเมืองกระบี่ ซึ่งรวมเอา ขนม อาหารแห้ง ของกินประจำจังหวัด สินค้า Otop และสินค้าพื้นเมืองต่างๆไว้ครบ นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายไข่มุก สวยๆ และร้านกาแฟสด ให้เลือกซื้ออีกด้วย
ระหว่างรอขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ หลังจากเช็คอิน โหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็มานั่งรอที่เลาจน์ ของบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งเค้าก็จะมีบริการขนม เครื่องดื่ม ให้เลือกทานรองท้องกันเหมือนเคย ทริปนี้เรียกว่า บินดี อยู่ดี กินดี โดยแท้จริง แถมขากลับบนเครื่องเค้าก็ยังมีอาหารเสริฟเหมือนเดิม ทริปนี้ถึงฟ้าฝนและอากาศไม่เป็นใจ แต่ก็เป็นการเที่ยวกระบี่ ในอีกแบบนึงที่ไม่ต้องไปทะเล ก็ได้ความประทับใจกลับมาได้เหมือนกัน
ทริปหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหนอีก รอติดตามน๊า
https://www.facebook.com/somewheresomeone/
หากรีวิวถูกใจเพื่อนๆอย่าลืมแวะเข้าไปกดติดตามเพจเป็นกำลังใจให้เราบ้างนะคะ
Somewhere Someone
วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.02 น.