มีหลายคนบอกว่าเดินเขาหลวง สุโขทัยทางโหด จริงหรือไม่เรามาพิสูจน์กัน
เราออกเดินทางผ่านนครสวรรค์ กำแพงเพชร แยกมา อุทยานแห่งชาติรามคำแหง ถึงเวลา 8:15 แต่ด้วยที่วันนี้เป็นวันหยุดยาว และ เรามาถึงช้ากว่าคนอื่นจึงพบว่า มีคนขึ้นไปแล้ว 300 คน ทำให้ เต้นท์ของอุทยาน เต็มแล้ว เหลือแค่ ผ้าห่ม และลูกหาบก็ยังไม่ลงมา ดังนั้นของทุกอย่าง และเต้นท์ต้องแบกเองสิครับ น้ำหนักรวมไม่เท่าไหร่ แค่ 24 กก แค่นั้น เอาล่ะสิ แทบกลับบ้าน เลยทีเดียว
แต่ไหนๆก็ไหนๆเจอกันสักหน่อย ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง
เราเริ่มออกเดินทางเวลา 9:30 เดินไปนิดเดียวก็เริ่มชัน ไม่มากครับ ประมาณ45 องศาแค่นั้นเอง เดินผ่านมาซักพักก็ถึงจุดชุมวิว เราก็คิดว่ามาไกลล่ะ แต่มันพึ่งแค่ 1 กม จาก 3.5 กม แสดงว่ายังเหลืออีก 2.5 กม เอาสิ ไปต่อกัน
ทางช่วงนี้อยากบอกว่า น่าจะชันสุด เพราะ นอกจากจะชันยังไม่ค่อยมีจุดพัก ต้องเดินยาวไปถึงจุดตะเคียนคู่
หลังจุดตะเคียนคู่ ลูกหาบบอกว่าเดินสบาย จริงๆจะบอกว่าสบาย ก็สบายกว่า ทางที่ผ่านมา แต่ก็ยังต้องเดินขึ้นอยู่ดี ถึงจุดน้ำดิบผามะหาดก็เป็นจุดสุดท้ายที่มีน้ำให้ หลังจากนี้จะมีอีกก็ที่ทำการอุทยานเลย
จุดถัดไปคือไทรงาม ก็ถือว่าเดินสบายๆ เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา
รวมการเดิน 3.5 กมใช้เวลา 3 ชม
ที่จุดกางเต้นท์ มีของขายแค่มาม่า กับน้ำร้อน แต่ถ้ามาช่วงเทศกาลแนะนำว่าติดมาเองจะดีกว่าเพราะของอาจจะหมดได้ ส่วนน้ำสามารถกรอกจากก๊อกได้ ผมลองแล้วไม่เป็นไร
หลังจากกางเต้นท์เสร็จ พักผ่อนเล็กน้อยเราก็ลองเดินเล่น โดยหมายตาที่ เขาแม่ย่า ซึ่งระยะทางประมาณ 1 กม แต่พอเริ่มเดินฝนก็เริ่มตก สุดท้าย เลยกลายเป็นเดินกลางสายฝนแทน ถึงยอดแม่ย่าเราก็อยู่ท่ามกลางฝนและลม ก็เลยต้องไปต่อโดยวนให้ครบรอบ ก็จะผ่าน เขาเจดีย์ ไปโผล่แถวๆห้องน้ำที่จุดกางเต้นท์
ได้เห็นแค่แสงจากเมืองสุโขทัย
คนมารอดูฟ้าขาวกันเยอะเลย
เราเลยกลับมากินข้าวเช้า แล้วเริ่มเดินใหม่ โดยตั้งเป้าที่ภูกา จุดแรก คือถ้ำมเห-รก เดินลงไปนิดเดียว ก็ถึงเป็นเหมือนชะง่อนผา มีพระให้ไหว้
จุดต่อไปคือยอดเจดีย์ ตอนไปถึง เมฆกำลังไหลผ่านพอดี เสียดายหามุมถ่ายไม่ได้ เพราะต้องเดินไปอีกนิด ก็มีแอบเสียดาย จากเจดีย์ เราเจอทางแยกไปภูกา 1 กม
ตุ๊กแก บริเวณเขาเจดีย์
เป็นทางเดินสบายๆ แต่มีทางชันช่วงท้ายๆ ไปเจอเมฆมากมาย ดีที่ฟ้าเปิดเลยมองได้ไกลหน่อย
จากภูกาต้องเดินย้อนมาที่ทางแยก แล้วขึ้นเนินไป แม่ย่า แต่ก็เจอเมฆขาวโพลน เพราะ ยอดแม่ย่าอยู่สูงเลยชนเมฆเต็มๆ
เราเลยต้องเดินต่อไปที่ผาชมปรง ก็ถือว่าโชคดีนิดหน่อยฟ้าเปิดบ้างเลยคิดว่าจะมาดูพระอาทิตย์ตกที่ผมชมปรงนี่ล่ะ แล้วกลับไปที่กางเต้นท์
แต่พอถึงที่กางเต้นท์ ก็ได้เจอกับฝนชุดใหญ่ ติดอยู่ในเต้นท์ต่อไป พอตกเย็นฝนหยุด ออกไปผาชมปรงแต่รอบนี้ก็เหมือนเดิม คือ เมฆขาวโพลนสุดท้ายก็ต้องกลับมานอนจนได้
เช้าไปดูพระอาทิตย์อีกรอบที่ผานารายณ์ แต่ฟ้าก็ไม่เป็นใจเช่นเดิม
สุดท้ายก็ต้องลง ขาลงนี่ใช้เวลาน้อยหน่อยคือ 2 ชม แต่ก็สะท้านเข่าเอาเรื่อง
มีดอกไม้ให้ชมระหว่างทางบ้าง
แถวๆชานเบิกไพร เราจะพบพวกเฟริน์ ตามข้างทางเยอะพอควร
และนี่คือน้ำหนักขาลง เห็นไหมว่าขนาดแบกเองขนาดนี้ยังขึ้นไหว ดังนั้นสบายมาก
สรุป ทางเดินสะดวกดีมีน้ำให้ดื่มเป็นช่วงๆ แต่ความชันค่อนข้างมาก ประมาณ 24% ถ้าเทียบภูกระดึงจะแค่ 21% (ความสูง หาร ด้วยระยะทาง)
ถ้ามาช่วงเทศกาลอาจต้องเตรียมตัวดีๆ เพราะ อาจจะต้องแบบของเองเพราะลูกหาบมีไม่มาก
จัดเป็นการเดินเขาแบบมือใหม่(ไม่แบกของ) แต่ควรเตรียมตัวบ้างเพราะทางค่อนข้างชัน
บนยอดเดินรอบทุกจุด 4 กม(รวมไปกลับภูกา 2กม) เป็นทางแบบขึ้นลงเนิน
การมาดูสภาพอากาศบ้างก็ดี เพราะถ้าเจอฝน ก็ลำบากและอาจไม่ได้เจอวิวทะเลหมอก เพราะอยู่ในเมฆแทน
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมนะครับ
Sinard Narktubtee
วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.43 น.