"เบาๆ ที่สุคิริน" ทำไมแค่เบาๆ เพราะทริปนี้แค่ไปพักโฮมสเตย์ ชิมผลไม้ ชมทะเลหมอก ถ่อแพถ่ายรูป และไปลองร่อนทองกัน ไม่มีเดินป่า ปีนเขาไปนอนดูดาว ไม่มีล่องแก่ง เราออกเดินทางจากปัตตานีกันสายๆ แวะไปเรื่อยๆ ตลอดทาง ถึงตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ก็บ่าย 2 แล้ว แวะติดต่อพักโฮมสเตย์มากันแค่ 3 คน (เราไปจากกรุงเทพฯ สองสาวพาเที่ยวจากปัตตานี) ตกลงเราเลือกนอนที่หมู่บ้านด้านบนจุดชมวิวจะเป็นหลังใหญ่ รอบนี้พักกันที่บ้านพี่แดง ค่าที่พักคนละ 150 บาทต่อคืนรวมกาแฟตอนเช้า (กาแฟสำเร็จรูป) ก่อนเข้าที่พักเราแวะเที่ยวกันก่อน

ทำความรู้จักสุคิรินกันก่อน

ที่นี่ "สุคิริน" มาสัมผัสธรรมชาติที่ยังสวยมาก ผู้คนที่นี่ใจดี เป็นชุมชนพุทธที่มีประเพณีบุญบั้งไฟแห่งเดียวในภาคใต้ มาพักโฮมสเตย์กับ ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตำบลภูเขาทอง ได้เห็นการเพิ่มมูลค่าผลไม้ต้น-กลางฤดูที่ออกมามากด้วยการกวน ได้ขึ้นไปดูทะเลหมอกที่จุดชมวิวบ้านภูเขาทองที่จะมีทะเลหมอกให้ชมกันตลอดทั้งปี ได้ถ่อแพไม้ไผ่ ได้ร่อนทอง ได้เดินฝ่าดงทากไปดูต้นกะพงยักษ์ ได้เห็นพรรณไม้ต่างๆ และได้วิถีชีวิตของชุมชนแบบปกติอย่างแท้จริง มาที่นี่ไม่ยากนั่งรถไฟมาลงสุไหงโกลก ต่อรถสองแถวมาลงที่ตัวสุคิริน แล้วโทรแจ้งโฮมสเตย์ที่เราไปพักมารับได้เลย

คำว่า "สุคิริน" เป็นชื่อตำหนักที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานเมื่อคราวเสด็จมาประทับแรม เมื่อปี พ.ศ. 2510 ซึ่งหมายความว่า "พรรณไม้งามเขียวชอุ่ม" ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานเพื่อความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยป่าและภูเขา มีพรรณไม้นานาชนิดขึ้นอยู่อย่างงดงาม

จุดแรก เหมืองทองโต๊ะโมะ จุดนี้จะเป็นถ้ำลำเลียงทองออกมาจากเหมือง ตัวถ้ำสามารถเดินเข้าไปได้แต่ไกด์ชุมชนบอกให้ระมัดระวังภายในถ้ำอาจจะมีงูดักรอกินสัตว์เล็กสัตว์น้อยอยู่ ให้ส่องไฟก่อน

ระหว่างทางเดินไปถ้ำนี้จะมีความสมบูรณ์ของพืชพรรณข้างทาง

จุดที่สอง สะพานแขวน จุดนี้ใครมาสุคิรินก็มาถ่ายกันเยอะ เราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

ความสมบูรณ์ของน้ำท่าที่นี่เห็นได้จากอ่างเก็บน้ำเยอะมาก หลายอ่างเลย

เดินข้ามสะพานมาหามุมถ่ายรูป ก็ได้อีกมุมของสะพานและวิวทิวทัศน์ของที่นี่

ออกจากจุดนี้ก็มาแวะหมู่บ้าน เจอพี่ๆ กำลังกวนทุเรียนอยู่ วันนี้กวนทุเรียนบ้าน (พันธุ์ท้องถิ่น) ด้วยความอยากรู้เราเลยได้ชิมทุเรียนกวน มังคุดกวน และเงาะกวน

ฤดูผลไม้ของภาคใต้จะมาช้ากว่าภาคตะวันออกทำให้ราคาที่ได้น้อย ชุมชนก็เลยเพิ่มมูลค่าด้วยการทำผลไม้กวน เราชอบมังคุดกวนมาก เปรี้ยว-หวาน อร่อยถูกปากเรามาก อยากยกหม้อกลับบ้านเลย

จุดที่สาม ฟาร์มตัวอย่างไอร์ปาโจ แต่เราไม่ได้ไปเดินดูอะไร มานั่งแพริมน้ำและสั่งอาหารง่ายๆ เป็นมื้อเย็นกัน มีเรือเป็ดให้เด็กน้อยถีบด้วย น้องบอกคนละ 10 บาท

อาหารที่นี่มีทั้งก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่ง ราคาปกติ ชอบรสชาติแบบไหนสั่งได้เลย มื้อนี้ 180 บาท

เย็นย่ำแล้วก็เข้าโฮมสเตย์ พี่แดงจัดให้ 2 ห้องแยกชาย-หญิง ที่นอนสบายมาก ดึกๆ อากาศเย็นมาก ผ้าห่มมีประโยชน์ขึ้นมาทันที

คืนนี้เรานอนกันเร็ว รุ่งเช้ามีนัดไปดูทะเลหมอกตอน 5:30 คืนนี้นอนสบายมาก


จุดที่สี่ จุดชมวิวทะเลหมอกพระธาตุภูเขาทอง รุ่งขึ้นออกจากโฮมสเตย์ไปที่จุดชมวิวทะเลหมอกบ้านภูเขาทอง มาถึงกลุ่มแรกก็เลยฟินกับบรรยากาศมาก

แป๊บเดียวเท่านั้นหมอกฟุ้งแล้ว

คนเริ่มมาแล้ว ก่อนไปจุดอื่นเราก็ถ่ายพระธาตุภูเขาทองก่อน

บริเวณนี้จะมีที่พักที่ดูแลโดย อบต.ภูเขาทอง เป็นบ้านหลังใหญ่นอนกันได้มากกว่า 10 คน สามารถติดต่อที่พัก ล่องแก่ง และท่องเที่ยวได้เลย fb อบต.ภูเขาทอง สุคิริน นราธิวาส

แถวจุดชมวิวทะเลหมอกมีต้นทุเรียนเยอะมาก ร่วงก็เยอะ 2 ลูกนี้ก็ร่วง



จุดที่ห้า ต้นกะพงยักษ์ เดินฝ่าดงทากไปไม่ไกลนัก ไปกลุ่มแรกอีกเช่นเคย ทากยังไม่ตื่น เดินข้ามสะพานแบบนี้ไปอีกฝั่ง เดินตามทางข้ามสะพานต้นไม้ก็ถึงพอดี






ต้นกะพงยักษ์ใหญ่แค่ไหนวัดจากตัวเราได้


ข้ามกลับมาถ่ายตรงจุดไม้ล้ม มุมฟินมาก


เราถ่ายมุมนี้กันอยู่ กลุ่มที่เจอที่จุดชมทะเลหมอกก็มาพร้อมเสียงร้องเพราะกลัวทาก ไม่นานเราก็ออกจากจุดนี้ ก่อนจะโดนทากเกาะ

จุดที่หก อ่างเก็บน้ำที่มีแพ ไม่ไกลจากชุมชนมากนัก ทางรกพอควร แพถูกทิ้งไว้นานจนเฟิร์นขึ้นแล้ว ถ่อกันแค่ริมๆ ฝั่ง เพราะ แพเริ่มจมแล้ว




ขึ้นจากแพกำลังจะขึ้นรถกลับก็ได้เจอเห็ดเยื่อไผ่หรือเห็ดร่างแห และหน่อไม้ที่กำลังเป็นต้นไผ่ (เราไม่เคยเห็นก็เลยตื่นตาตื่นใจ)



จุดที่เจ็ด ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ



เริ่มหิวกันแล้ว วันนี้มาลองกินร้านตรงข้ามฟาร์มตัวอย่าง รสชาติถูกปากมาก 50 บาทอิ่มมาก


จุดที่แปด ร่อนทอง พี่แดงให้ลูกชายพามาร่อนทอง ร่อนจนเท้าเปื่อยก็ไม่มีแววว่าจะได้ มาท่องเที่ยวที่นี่ ถ้าร่อนทองได้ก็นำกลับเป็นที่ระลึกได้


จุดนี้เราโดนทากกัดไปหนึ่งรอย เข้าป่าไม่โดนมาโดนริมน้ำ พอเสร็จจากจุดนี้เราก็กลับที่พักอาบน้ำเก็บของ จ่ายค่าที่พัก และไปจุดสุดท้ายที่สุคิรินกัน

จุดที่เก้า จุดผ่อนปรนบ้านภูเขาทอง ชายแดนไทย-มาเลเซีย หลักเขตที่ 65/149 ชายแดนไทยสุดด้ามขวานที่ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส กับเยอลี รัฐกลันตัน

ระหว่างทางก่อนออกจากสุคิรินก็แวะซื้อทุเรียนริมทาง ก๊ะวัยรุ่นมาก กับการขายทุเรียน ด้วยประโยคเด็ด "มีแต่ชะนีไม่มีเก้ง" หัวเราะกันลั่นรถเสร็จแล้วซื้อทุเรียนก๊ะ ลูกนี้ 150 บาท

"สุคิริน" เป็น road trip ที่สนุกและประทับใจมาก สามจังหวัดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราโดนหลอก


ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่:

เพจ: ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

IG: prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว


ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 04.15 น.

ความคิดเห็น