61wcfls8w39h

หากมีใครเอ่ยปากชวนคุณไปเที่ยว ‘ยะลา นราธิวาส’ ขออย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ เพราะนั่นคือคุณกำลังทิ้งโอกาสดีๆ ที่จะได้ไปสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยๆ พลาดโอกาสชิมอาหารพื้นเมืองเด็ดๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

ทริปนี้ผมเดินทางไปนราธิวาสด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นสายการบินเดียวที่บินลงท่าอากาศยานนราธิวาส ใช้เวลาเดินทางราว 1.30 ชั่วโมง นับเป็นทางเลือกในการเดินทางไปยังนราธิวาสที่ดีที่สุด เพราะใช้เวลาเดินทางน้อยสุด แถมค่าโดยสารยังจับต้องได้ด้วย

5x66o7hd1sm3

กว่าจะได้ออกจากท่าอากาศยานนราธิวาสก็เกือบบ่ายโมงแล้ว คงต้องเติมพลังใส่ท้องกันก่อน ผมมุ่งหน้าสู่สวนอาหารบ้าน 2 ฤดู (พิกัด https://maps.app.goo.gl/4Vq7Hw7oSpaBtKgP6 ) สวนอาหารชื่อดังเมืองนราธิวาส ที่เปิดขายอาหารตามสั่งมาแล้วกว่า 7 ปี

kn9aumo1488p

สวนอาหารบ้าน 2 ฤดู เปิดขายเป็น 2 ช่วงนะครับ ช่วงเช้าเปิดขายตั้งแต่ 06.00 น.-10.00 น. จะขายอาหารเช้า และอีกช่วงคือ 10.00 น.-17.00 น. จะขายอาหารตามสั่งครับ

กะยะห์-สมศรี เต็งมา ผู้ก่อตั้งสวนอาหารบ้าน 2 ฤดู เล่าถึงที่มาของชื่อร้าน 2 ฤดูให้ผมฟังว่า “ทางบ้านเรามี 2 ฤดู คือฤดูฝนและฤดูร้อน เลยเลือกชื่อนี้ เพราะจำง่าย ไม่ซ้ำเพื่อน และเข้ากับฤดูกาลด้วย” พร้อมยังแนะนำเมนู signature อย่าง ‘ข้าวยำ’ สูตร 120 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูอาหารเช้า ซึ่งกะยะห์ได้เก็บเซ็ตอาหารเช้าไว้ให้ได้ลิ้มลองด้วย

4ip5pgxrykcm

“ข้าวยำ กะยะห์จะทำสดๆ ทุกอย่างวันต่อวัน โดยใช้สูตรของคุณยายสมัยก่อน ปลาจะนำไปย่างบนเตาถ่านก่อนเพื่อให้เนื้อปลามีกลิ่นหอม จากนั้นแกะเอาเนื้อแล้วนำมาคั่วในกระทะอีกรอบ มะพร้าวก็จะคั่วสดๆ น้ำบูดาปรุงด้วยเครื่องสมุนไพร ข้าวหุงด้วยใบพาโหมหรือดอกอัญชัน แครอทซื้อมาจากตลาดเพราะปลูกเองไม่ได้ ส่วนผักกินใบต่างๆ จะเป็นผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านเก็บจากป่าแล้วนำมาให้บ้าง หลักๆ จะหาเก็บเองรอบๆ ร้านนี่แหล่ะ ส่วนใหญ่จะเน้นเพื่อสุขภาพ” กะยะห์พูดจบ ผมไม่รอช้า รีบคลุกข้าวยำในทันที ต้องบอกเลยว่าจานนี้ทานได้แบบไม่ต้องกังวลใจใดๆ รสชาติอร่อยแบบนวลๆ กลิ่นของปลาย่างคั่วและมะพร้าวคั่วหอมขึ้นจมูกมาก ที่สำคัญราคาดีงามมาก จานนี้ 25 บาทเองครับ

ztdciiie4igp

ในเซตอาหารเช้า นอกจากจะมีข้าวยำแล้ว ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสนใจ อย่างนาสิดาแฆ, ข้าวหมกอาหรับ, ยำมะม่วง (มหาชนก), หมี่ผัด, ปลาตาโตย่าง, เนื้อย่างขมิ้น, ข้าวเหนียวปลาเค็มมะพร้าว, ข้าวเหนียวดำคลุกมะพร้าวเสิร์ฟพร้อมปลาโอต้มหวานทอด และมันต้มทานคู่กับมะพร้าวและน้ำตาลครับ

egynvsna3k0m

นาสิดาแฆ ตัวข้าวจะนึ่งจากข้าว 3 ชนิด คือ ข้าวหอม ข้าวเหนียว และข้าวซ้อมมือ ทานคู่กับแกงปลาโอและไข่ต้มครับ

iohxa5x2n6gj

ข้าวเหนียวดำคลุกกับมะพร้าว ทานคู่กับปลาโอต้มหวานที่ต้มบนเตาถ่านราว 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้ก้างเปื่อยยุ่ย จากนั้นจะนำมาทอด จานนี้อร่อยดีทีเดียว ข้าวเหนียวนุ่มๆ นวลๆ เพิ่มความมันด้วยมะพร้าวขูดฝอย ทานคู่กับปลาโอเข้ากันดีมาก เมนูนี้ก็เป็น Signature ของร้านเช่นกันครับ

7smzd3gv0zfn

มันต้มทานคู่กับมะพร้าวทึนทึกและน้ำตาล ผมทานคนเดียวไปเกือบครึ่งจาน

ru38xgq5mh6z

ข้าวหมกอาหรับ ทางร้านจะผัดเครื่องข้าวหมกกับน้ำมันก่อน แล้วใส่เนื้อต้มน้ำจนเนื้อเปื่อย แล้วนำไปหุงกับข้าวจนหอมครับ

5lnhsvxftfp9

สำหรับเมนูอาหารกลางวัน ก็น่าทานไม่แพ้กัน มาแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ จัดเต็มกับเมนูชุดสุขภาพ ประกอบด้วย ปลาย่าง ไข่ต้ม ไข่เจียว ผักลวก ผักสด บูดูและน้ำพริกกะปิครับ

3x35vddfzudc

ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ รสชาติคล้ายกับที่เคยทานมา

l4ufzbxzhxw3

ทะเลผัดกะปิสะตอ มาทั้งกุ้ง ปลาหมึก ครับ

0xnunxqx21cm

เนื้อผัดพริกไทยดำ

q2ar3lwwjf6e

ยำสามกรอบ ความกรอบมาจากกระเพาะปลา ปลากรอบ ปลาหมึกแห้ง กุ้งกรอบ เพิ่มความมันด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ น้ำยำจะคล้ายๆ กับพล่าภาคกลางครับ

b5lg0ejmde0s

ยำผักกูดที่นี่ไม่เหมือนยำภาคกลาง ยำที่นี่จะประกอบด้วยปลาย่าง มะพร้าวคั่ว ตะไคร้ หอมแดง พริกสด มะนาว กะทิ น้ำบูดู เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลมะพร้าว ฉีกกฎน้ำยำภาคกลางไปอย่างสิ้นเชิง

dj8ybqhdtl6a

ไข่เจียว

06evl2857itv

ต้มยำทะเล

lcofzi1vkxp7

บูดูผักลวก ทานคู่กับผักลวก อร่อยดีทีเดียวครับ

a5ysi0fjcbie

อิ่มท้องแล้ว ผมเลยขอไปเดินสำรวจผักสวนครัวรั้วกินได้หลังร้าน ตามคำชวนของกะยะห์ครับ นอกจากผักกินใบอย่างผักชีแล้ว ยังมีผักกินผลอย่างบวบ ถั่วฝักยาวด้วยครับ

6nsdsoz8grv7
uofd2kx6p6to
px625ips8jzh

รสชาติอาหารโดยรวมของสวนอาหารบ้าน 2 ฤดู ไม่ได้เผ็ดจี๊ดจ๊าดจัดจ้านเหมือนอาหารใต้ที่ผมเคยทานมา แต่รสชาติที่นี่ออกจะนวลๆ เป็นอีกหนึ่งรสชาติที่น่าลองมากๆ จุดเด่นของร้านนี้คือการทำทุกอย่างบนเตาถ่าน ไม่ว่าจะเป็นการย่างปลา การคั่วมะพร้าว การต้มน้ำบูดู ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างมีกลิ่นหอมขึ้นจมูกครับ

สวนอาหารบ้าน 2 ฤดู เปิดขายวันอังคารถึงวันอาทิตย์ หยุดทุกวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-17.00 น. สามารถโทรสอบถามและสำรองโต๊ะที่ 093-7294519 ครับ

อิ่มท้องแล้ว ผมตีตั๋วยาว ราว 2.30 ชม. มุ่งหน้าสู่ อ.เบตง จ.ยะลา พอใกล้เข้าเขต อ.เบตง ฝนก็ตกพรำ ต้อนรับการมาเยือนเบตงของผมในทันใด แอบนึกในใจ ฝนจะตกก็ตกมาเลย แต่พรุ่งนี้เช้าห้ามตกเด็ดขาด!!

ผมแวะถ่ายภาพที่สะพานแม่หวาดธารโต หรือที่ชาวบ้านเรียกกันอีกชื่อว่า สะพานโต๊ะกูแช-ฆอแย (พิกัด https://maps.app.goo.gl/97LjSKnVMVHkYeNB6 ) เป็นสะพานข้ามทะเลสาบป่าฮาลา-บาลา เส้นทางสู่ อ.เบตง จะพูดว่าสะพานแห่งนี้เป็นประตูสู่เบตงก็คงไม่ผิดนัก เพราะหากเราเดินทางโดยรถยนต์ ยังไงก็ต้องผ่านสะพานแห่งนี้กันทุกคน ถึงแม้ฝนจะตกพรำ แต่บรรยากาศยามนี้ก็สวยดีไม่เบา สายหมอกบางๆ เคลียคลอ หยอกล้อยอดเขา พาลให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ

o4efk5axu6tf
8jf49woum9p8

จากนั้นมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอำเภอเบตง ผ่านป้าย OK BETONG (พิกัด https://maps.app.goo.gl/HYUzHGoE7V8PzR6o8 ) เลยขอแวะเก็บภาพสักเล็กน้อย

ป้าย OK BETONG ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าเมืองเบตง บนถนนสาย 410 สร้างเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเคยได้เดินทางมาสัมผัสดินแดนใต้สุดแดนสยาม ‘เบตง’

yf72uzxmck6n
w6vx1q3487o3

มาเบตงทั้งที ถ้าไม่มาถ่ายรูปคู่กับป้าย ‘ใต้สุดสยาม’ ก็ดูจะเสียเที่ยวนัก เพื่อเป็นการการันตีว่าเราได้มายืนบริเวณจุดสุดท้ายของผืนแผ่นดินไทยทางตอนใต้จริง ป้ายนี้จะอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดของถนนสุขยางค์ ห่างจากตัวเมืองเบตงประมาณ 7 กม. เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับรัฐเปรัค มาเลเซียครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/BCX7H1Y3LqG7tcJi6 )

0oid9zwe1adh
an5yqs5k6awy
toggjrguw862

ยังไม่ทันไรก็หมดวันเสียแล้ว เย็นนี้ผมมาฝากท้องที่ร้านต้าเหยิน (พิกัด

https://maps.app.goo.gl/LKgdoHQLDusrssjdA ) ร้านอาหารจีนในตำนาน ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองเบตง ผมเชื่อว่าร้านต้าเหยินแห่งนี้ต้องอยู่ในลิสต์ร้านอาหารที่ทุกคนต้องไปชิมเมื่อมาเบตงเป็นแน่ๆ เพราะไม่ใช่เพียงแค่นักท่องเที่ยวไทย ยังมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ต่างก็ตรงมาลิ้มลองรสชาติอาหารกันอย่างไม่ขาดสายเลยครับ

จะบอกว่าร้านต้าเหยินเป็นร้านที่รวมของดีของเด็ดเมืองเบตง ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเมนูที่ลูกค้าน่าจะสั่งกันทุกโต๊ะ เห็นจะเป็นไก่สับเบตง เนื้อไก่หวาน นุ่ม ไม่ยุ่ย หนังฉ่ำ กรุบกรอบ ไม่มีมัน เนื้อสัมผัสไม่เหมือนไก่ทั่วไป สมแล้วที่เป็น signature ของเบตงครับ

f9xdklhrsg4u

เคาหยก หมูสามชั้นอบกับเผือกทอด เป็นอีกหนึ่งเมนูที่สั่งกันเกือบทุกโต๊ะ ด้วยการนำหมูสามชั้นมาผ่านกรรมวิธีการปรุงแต่งกับเครื่องยาจีน เห็นว่าใช้เวลาทำราว 3-4 ชั่วโมงเลยครับ

igbhxkdi9jtb

ซี่โครงสวรรค์ น้ำซอสฉ่ำมาก เค็มๆ หวานๆ อร่อยดีครับ

1levtc86u3m4

ปลาจีนนึ่งซีอิ้ว เนื้อปลานุ่ม หวาน ทานคู่กับน้ำซีอิ๊วสูตรของทางร้าน เด็ดไม่เบาครับ

h9pc9n79qzs9

ถั่วเจี๋ยน ถั่วอวบๆ กรุบกรอบ เนื้อถั่วหวานนิดๆ รสชาติกลมกล่อม ที่สำคัญไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวเลย

i9h8guepexhh

ผัดหมี่เบตง เส้นหมี่นุ่ม ฉ่ำด้วยน้ำซอสปรุงรส ผัดมากับปลาหมึก กุ้ง หอมกลิ่นกระทะมาก

k5cod1oc3584

เต้าหู้ทอด กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน ทานร้อนๆ อร่อยเลยทีเดียว

aykuu2fhdeke

หากใครอยากจะมาลิ้มรสอาหารเบตงแท้ๆ ที่ร้านต้าเหยิน แนะนำให้โทรจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนนะครับ ที่เบอร์ 073-230461 ช่วงเย็นลูกค้าเยอะมากๆ

หลังจากอิ่มท้องแล้ว ยังพอมีแรงเหลืออยู่นิดหน่อย เลยขอเดินเก็บบรรยากาศยามค่ำในตัวเมืองเบตงกันต่อ เดินออกมาจากร้านต้าเหยินนิดเดียว มองเห็นหอนาฬิกา แลนด์มาร์คสำคัญของเบตง หอนาฬิกาแห่งนี้อยู่คู่กับเมืองเบตงมาช้านาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์และเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง โดยสร้างจากหินอ่อนขาวนวลจากยะลาครับ

ตั้งเคียงคู่อยู่กับหอนาฬิกาคือตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่ที่สุดในโลก จริงๆ แล้วในเบตงยังมีอีกหนึ่งตู้ไปรษณีย์ที่สูงใหญ่กว่านี้ แต่ตู้นี้ถือเป็นตู้ต้นตำรับที่ใช้กันมานมนานแล้ว นอกจากจะเป็นตู้ไปรษณีย์แล้ว ด้านบนสุดของตู้ไปรษณีย์ยังใช้เป็นลำโพงเพื่อใช้กระจายเสียงแจ้งข่าวสารให้กับชาวเบตงด้วย

mrhrwbllcutt

ไม่ไกลจากหอนาฬิกา เป็นที่ตั้งของอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทยที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไปมา กับความยาวราว 273 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร มีทางเดินเท้าตลอดทั้งความยาวอุโมงค์ ช่วงค่ำภายในอุโมงค์ประดับไฟอย่างสวยงามครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/F7pWUBBYz84qkbE28 )

pw4n3g6wd58p
awmap3aoga2u

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในตัวเมืองเบตง นั่นคือการชม Street Art ซึ่งภาพวาดจะกระจายอยู่ตามผนังอาคารบ้านเรือน ตามตรอกซอกซอย แต่ละภาพจะบอกเล่าเรื่องราว วิถีชีวิต รวมถึงเอกลักษณ์ของชาวเบตง เพิ่มสีสันการท่องเที่ยวให้กับเบตงขึ้นอีกเยอะเลย เสียดายผมมีเวลาเพียงน้อยนิด เลยได้ชมเพียงไม่กี่ภาพ

my583hpvui5c
9jiue6mjww7y

สมควรแก่เวลา คงต้องเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนแล้วครับ คืนนี้ผมเข้าพักที่โรงแรมแกรนด์วิว แลนด์มาร์ก (พิกัด https://maps.app.goo.gl/bJk713D9VX9juA986 ) โดยรวมที่พักโอเค มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันตามมาตรฐานโรงแรม เตียงนุ่ม นอนสบาย ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งก็จริง แต่เวลาอาบน้ำแล้วน้ำกระเด็นออกมาที่ส่วนแห้งด้วย โถสุขภัณฑ์มีสายฉีดชำระให้พร้อม ที่ตั้งโรงแรมอยู่ในเขตชุมชน ไม่ไกลจากโรงแรมมี 7-11 ด้วย

9ibrgv1mdx3h
2fl8ugoysj8e
rf0ucsvxqwkk
i5a56mmgsw3y
voasutywgodx

ฝนหยุดตกไปตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้เช้าตรู่วันนี้ตัวเมืองเบตงถูกปกคลุมด้วยสายหมอกบางๆ ถือเป็นฤกษ์ดี ที่เช้านี้ผมน่าจะได้เห็นทะเลหมอกหนาๆ สมใจ

05.30 น. ถึงเวลานัดหมายล้อหมุน เพื่อมุ่งหน้าสู่ Skywalk อัยเยอร์เวง หลังรถเคลื่อนตัวไม่ถึง 10 นาที ราว กม.4 บนทางหลวงหมายเลข 401 เราจอดแวะร้านเฉาก๊วยเบตง กม.4 ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนฮากกา จริงๆ แล้วเวลาเช้าตรู่ขนาดนี้ ทางร้านยังไม่ได้เปิดขายเฉาก๊วยเป็นกิจจะลักษณะหรอกครับ เพียงแต่ทางร้านกำลังเตรียมตัดเฉาก๊วยเพื่อบรรจุให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อไว้ เราเลยขอแบ่งซื้อเพื่อเก็บไว้ทานในมื้อเที่ยงครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/3kt3swoNJ8kSQDJQ6 )

kfl6w9hn1rz8

ต้นเฉาก๊วยครับ

eh6x7i6zh4i4

หลังได้เฉาก๊วยสมใจแล้ว ก็รีบมุ่งหน้าเดินทางกันต่อ ระหว่างทางก็ลุ้นไปตลอดว่าจะทันได้เห็นแสงแรกที่ Skywalk หรือไม่ ถึงแม้เช้านี้ผมจะไม่ทันได้เห็นแสงเช้า แต่เพียงแค่ได้เห็นทะเลหมอกหนาๆ ผมก็พอใจแล้วครับ

การเดินทางมายัง Skywalk อัยเยอร์เวง สามารถเข้ามายังจุดชมทะเลหมอกได้ 2 ทาง แต่ทั้งสองเส้นทางจะมาบรรจบพบกัน จากนั้นต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถ และต่อรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซด์รับจ้างขึ้นไปยัง Skywalk โดยเสียค่าบริการขาขึ้น 30 บาท ขาลงอีก 20 บาท สำหรับการขึ้นชม Skywalk คนไทยจะเสียค่าบริการ 40 บาท ชาวต่างชาติเสียค่าบริการ 200 บาท นอกจากนั้นยังมีค่าบริการถุงเท้าอีกคู่ละ 30 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 120 บาทครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/ByG5F75aoNkY8RdaA )

7dlrzgu3gvl5

ทะเลหมอกไหนที่ว่าสวย คงต้องหลบชิดซ้ายให้ ‘ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง’ จะบอกว่าที่อัยเยอร์เวง สามารถชมหมอกได้แบบ 360 องศากันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี Skywalk ให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ความหวาดเสียว ได้สัมผัสกับปุยหมอกอย่างใกล้ชิดด้วย บอกเลยว่าตั้งแต่ที่ผมได้ไปจุดชมทะเลหมอกดังๆ มา ที่อัยเยอร์เวงนี่ มาแรงแซงโค้งเลยครับ

gh1a7n1ykhhg

บนหอ Skywalk มีทั้งหมด 6 ชั้น หากคิวที่จะเข้าไปเดินบน Skywalk พื้นกระจกยาว ผมแนะนำว่าให้ขึ้นไปบนหอคอยชั้นบนก่อนเลย เราจะได้มุมมองเห็น Skywalk ลอยอยู่บนปุยหมอกครับ

z2a5zijhx6k4
7wv98yaj7aoy

ยอดเขาที่เห็นคือยอดฆูนุงซีลีปัต เป็นอีกหนึ่งจุดชมทะเลหมอกแบบ 360 องศา แต่การที่จะขึ้นไปถึงยอดนั้น ต้องเดินเท้าขึ้นไปครับ

onshzqgq7s4z

เช้านี้หมอกมาแน่นมากๆ

kgsou2gha0ju
df6nd6y8od0y
dn7hgfersswm

มุมนี้มองเห็นจุดชมทะเลหมอกจุดแรกก่อนที่จะมีการก่อสร้าง Skywalk ครับ

axpihmy8otna

ชมหมอกบน Skywalk แล้ว ผมแนะนำให้เดินมาที่จุดชมทะเลหมอกจุดแรกด้วยนะครับ เพราะมองออกไปเราจะได้เห็นวิว Skywalk แบบเต็มๆ ตาครับ

6awretclznhb

ที่นี่ไม่อนุญาตให้บินโดรนนะครับ หากจะบินโดรน ต้องทำเรื่องขออนุญาตก่อน เนื่องจากผมทำเรื่องขออนุญาตไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงมีภาพมุมสูงของ Skywalk มาฝากกันครับ

zntjzxpqr1r7
wxh3rl9gnrep
tq7vjxf86908

Skywalk อัยเยอร์เวง เป็นจุดชมวิวที่ยิ่งใหญ่ในภาคใต้ ที่มีทางเดินยื่นยาวที่สุดในเอเชียครับ

e7md9b9ncx6k

หลังจากเต็มอิ่มกับทะเลหมอกสวยๆ แล้ว แต่ท้องไม่ยักอิ่มตามไปด้วย เมื่อลงจาก Skywalk ผมแวะเติมพลังที่ร้านสถานี กม.32 ซึ่งร้านตั้งอยู่ใกล้กับปากทางเข้า Skywalk นั่นเองครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/QgPKqoQdh22m1DgH7 )

z4mc6i760frj

ร้านสถานี กม.32 เป็นร้านเล็กๆ คนเยอะมาก อารมณ์ภายในร้านคล้ายการเล่นเก้าอี้ดนตรีเลย 55 ใครที่คิดจะ walk in คงต้องไปลุ้นเอาหน้างานนะครับ หากมีโต๊ะว่างคงได้ทานสมใจ แต่เช้าๆ อย่างนี้ ขอแนะนำว่าให้จองล่วงหน้าไปก่อน ที่เบอร์ 088-7626884 จะดีที่สุดครับ

q4xu1qf7bhtx

ร้านสถานี กม.32 เป็นร้านอาหารอิสลาม ที่ขายอาหารตามสั่ง มีเมนูให้เลือกชิมมากมาย แต่เมนูเด็ดอยู่ที่ข้าวหมกไก่ มีทั้งแบบไก่ต้ม ไก่ทอด รวมถึงข้าวยำ โรตี และเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นครับ

cbyup4at83jy
3ms01jnt2i0n

ข้าวหมกที่นี่ เม็ดข้าวเรียงตัวสวย นุ่มแต่ไม่แฉะ ไก่ต้มมีความถึงเครื่อง ไก่ทอดหมักออกมารสชาติดีมาก เวลาเสิร์ฟจะโรยหน้าด้วยหอมเจียวกรอบ เพิ่มความกรุบกรอบและความหอมให้กับข้าวหมกไก่ครับ

“"มากินข้าวหมกร้านนี้แล้ว หนูจะกลับไปกินร้านแถวบ้านได้อีกไหมเนี่ย เมล็ดข้าวของร้านแถวบ้านมันจะเกาะๆ เหนียวๆ ไม่ร่วน ไม่เข้มข้น แต่ข้าวร้านนี้ร่วนๆ เหมือนข้าวบาสมาติ ของอินเดียเลย ไก่ทอดก็หมักอร่อย อยากให้ร้านแถวบ้านหุงข้าวให้ได้แบบร้านนี้จัง" เสียงของสมาชิกร่วมทริปการันตีความอร่อยของข้าวหมกไก่ร้านสถานี กม.32 ครับ

c0a0xut28blh

ข้าวยำสมุนไพรใต้ก็อร่อยไม่แพ้กัน วันแรกทานที่บ้าน 2 ฤดู ว่าอร่อยแล้ว ที่ร้านสถานี กม.32 รสชาติจัดจ้านกว่ามาก เมล็ดข้าวร่วน ผักต่างๆ ที่ใช้เคียง ชูรสชาติได้ดี กลิ่นของผักแพว ขึ้นจมูกมากๆ เพิ่มความจี๊ดจ๊าดด้วยมะนาว เสิร์ฟมาพร้อมหมี่ผัดครับ

โรตีก็อร่อยไม่แพ้กัน ทางร้านจะแยกนมข้นหวานและน้ำตาลใส่ถ้วยเล็กมาให้ ผมสั่งโรตีกล้วย ทานคู่กับชาชักเย็น อร่อยเข้ากันดีครับ

fxa58tzkocy4

รสชาติอาหารโดยรวม ถือว่าเด็ดสมคำร่ำลือจริงๆ ร้านสถานี กม.32 เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. ครับ

ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงที่ทุเรียนกำลังออกผลผลิต ตอนที่อยู่หน้าร้านสถานี กม.32 ก็มีชาวสวนขี่มอเตอร์ไซด์นำทุเรียนที่มีตำหนิออกมาขายพอดี เลยแกล้งสอบถามราคาว่าขายยังไง “กิโลละ 15 บาท” คือคำตอบ ผมถามกลับไปอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะไม่ได้ยิน แต่เพราะไม่มั่นใจในคำตอบว่าทำไมขายถูกจัง แต่ก็ยังคงได้คำตอบเหมือนเดิม นี่ถ้าบังมีมีดติดตัวมาด้วย ผมคงจะอุดหนุนไปสัก 2 ลูกแล้วครับ

hbzzcvlgzd2k

หลังจากอิ่มท้องแล้ว ผมมุ่งหน้าสู่น้ำตกละอองรุ้ง ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าฮาลาบาลา ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติบางลาง การเข้าชมน้ำตกละอองรุ้ง มีค่าบำรุงสถานที่คนละ 20 บาทครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/E2w3pu7eiDE3dWdA6 )

จากจุดชำระค่าบำรุงสถานที่ เราต้องเดินเท้าเข้าไปราว 300 เมตร เส้นทางเดินสะดวกสบาย เพราะทางอุทยานได้ทำเป็นทางเดินอย่างดี มีทั้งทางราบและบันได ลัดเลาะไปตามลำธารและผาหิน น้ำตกละอองรุ้งมี 3 ชั้นให้ได้ทัศนา

สิ้นสุดทางเดิน เราจะได้พบพาลสายน้ำตกที่สูงกว่า 10 เมตร ถาโถมลงมายังแอ่งน้ำด้านล่าง สายน้ำแตกฉานซ่านเซ็นเป็นละอองน้ำ ยามที่ต้องกับแสงอาทิตย์เกิดเป็นประกายสายรุ้งสวยงาม เสียดายในวันที่ผมไป แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเพียงเล็กน้อย จึงได้เห็นสายรุ้งเพียงลางๆ เท่านั้น สายรุ้งนี้ไม่ได้มีให้เห็นตลอดทั้งวัน ใครอยากชมสายรุ้ง คงต้องไปในช่วง 08.00 น.- 10.00 น. ครับ

xv32zd9tqd4h

น้ำตกสายรุ้งชั้นที่ 2

wvn6rafhz33p

น้ำตกสายรุ้งชั้นที่ 1

q37envmqxde1

ตลอดเส้นทางเดินเท้าที่ได้เดินผ่าน นอกจากจะได้เห็นสายน้ำไหลลดหลั่นในลำธารแล้ว ยังมีพืชพรรณไม้ให้ได้ชื่นชมไปตลอดทาง

e9pevoamuz2r
yv2r4qam8s8s

จากนั้นเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าสู่ชุมชนจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ระหว่างทางขอแวะล้างตาที่สะพานโต๊ะกูแช-ฆอแย อีกสักครั้ง เพราะสภาพอากาศในวันนี้แดดดีสมใจ

ton95uc4ecq1
hjrokyqc3ntb

จากสะพานโต๊ะกูแช-ฆอแย นั่งรถต่ออีกราว 2 ชั่วโมง ก็มาถึงยังชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 อำเภอธารโต ครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/vsksqVkLyQBxdRKK6 ) ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนประวัติศาสตร์ เป็นกลุ่มคนเชื้อสายจีนในประเทศมาเลเซียที่ลุกขึ้นสู้ด้วยอุดมการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถอยร่นเข้ามาสู่ประเทศไทย จนใครๆ ต่างเรียกพวกเขาว่า จคม. หรือโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ที่นี่ได้รับการยกระดับและพัฒนาภายใต้สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์เพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยรอบชุมชนถูกโอบล้อมด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกยางพารา เลี้ยงเป็ด ไก่ ทำสวนผสม โดยเฉพาะสวนทุเรียน ที่เห็นกันตลอดสองข้างทาง

jhvfhk40fh7i
nwhr06vgujrb

มาถึงชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ก็บ่ายกว่าแล้ว ขอเติมพลังก่อนที่จะออกไปทำกิจกรรมในภาคบ่ายครับ ชาวบ้านจัดเตรียมมื้อกลางวันไว้ให้เรียบร้อย มื้อนี้มีผัดผักกูด ปลานิลราดพริก ปลาส้มปลากรด น้ำพริกกะปิพร้อมผักแนมที่มีทั้งสะตอ หน่อไม้และแตงกวา นอกจากนี้ยังซุปไก่ต้าหลีหวัง อาหารพื้นถิ่น ผมก็เพิ่งจะเคยทานเป็นครั้งแรก ในซุปใส่พุทราจีนใส่ลงไปด้วย ปิดท้ายด้วยเฉาก๊วยเบตง กม.4 ที่ซื้อไว้ตั้งแต่เช้ามืดครับ

j5a37wcgbnh5
2eiu7luwi4tr
84zxq3it5221
qcvz54ebolui
tyh355gnp4zo
2ly72dd49j1j

บริเวณจุดกินข้าว ชาวบ้านได้นำทุเรียน เงาะ มังคุดมาขายด้วย คืออยากจะบอกว่า ราคาหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ทุเรียนน้ำหนักกะคร่าวๆ จากสายตา ราว 2 กก. สายพันธุ์ก้านยาว ขายราคาลูกละ 90 บาท บ้าไปแล้ว!! ฟังไม่ผิดครับ นอกจากนี้ยังมีหมอนทอง พวงมณี ทุเรียนบ้าน ลูกขนาดย่อมลงมา ราคาไม่ถึง 100 บาท ถูกสุดตกลูกละ 30 บาทเองครับ แต่ทุเรียนที่นี่จะเป็นทุเรียนสุกที่หล่นลงจากต้นนะครับ ทำให้เนื้อทุเรียนจะออกไปทางเละๆ จะไม่มีแบบกรอบนอกนุ่มใน ผมเองเลยได้ทุเรียนก้านยาวมา 1 ลูกใหญ่ ฝากให้มะปอกไว้เพื่อเก็บเอาไว้ทานช่วงเย็น สำหรับเงาะ ขายพวงละ 10 บาท ให้ตายซิ!! เนื้อเงาะสดมาก เนื้อแห้งไม่มีน้ำ เม็ดร่อน อร่อยมาก

กว่าจะทานข้าวเสร็จ กว่าจะเปลี่ยนชุดเพื่อทำกิจกรรมในช่วงบ่ายเสร็จ เวลาก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย 3 แล้ว ทำให้กิจกรรมการเดินป่าถูกตัดทอนลง ตามโปรแกรมผมจะต้องเดินป่าไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังน้ำตกฮาลาซะห์ ที่ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าฮาลาบาลา ป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก จนได้รับฉายาว่าแอมะซอนแห่งอาเซียน ผืนป่าฮาลาบาลามีเนื้อที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือ ‘ป่าฮาลา’ ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา และอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ส่วน ‘ป่าบาลา’ อยู่ในเขตอำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส จริงๆ แล้วเส้นทางศึกษาธรรมชาติเส้นนี้มีระยะทาง 4 กิโลเมตร (เส้นทางเดินเป็นวงกลม) แต่เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ ไกด์โก้-ไกด์ท้องถิ่น จึงนำคณะเดินเท้าเข้าป่าไปยังน้ำตกฮาลาซะห์ในระยะทางที่ใกล้ที่สุด กับระยะทางเพียง 300 เมตรเท่านั้น

สภาพเส้นทางค่อนข้างชื้น สองข้างทางอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณไม้น้อยใหญ่ โชคดีที่การเดินป่ารอบนี้ผมไม่เจอทาก อาจเป็นเพราะผมยังไม่ได้เดินเข้าไปในป่าลึกก็เป็นได้

u39aay8hzkad
1thempkrofk5
kcrixt2pj4hi
vwx6jomk2dno

ต้นสมพง เป็นไม้เนื้อกลาง เนื้อไม้จะไม่แข็งมากเกินไป เนื้อไม้จะกลวงข้างใน เปลือกบาง เวลาเคาะแล้วจะเกิดเสียงดัง ความสูงใหญ่ของต้นสมพงต้นนี้ใหญ่ขนาดไหน ลองเทียบสเกลกับคนดูครับ

xxk6fls54x0x

แล้วก็มาถึงน้ำตกฮาลาซะห์ครับ คำว่า “ฮาลาซะห์” มาจากคำ 2 คำ คือ “ฮาลา” ก็คือผืนป่าฮาลาบาลา น้ำที่ไหลมาก็มาจากป่าฮาลาบาลา และอีกคำคือ “ซะห์” แปลว่า ลำธาร ห้วย ตัวน้ำตกมีความสูงกว่า 100 เมตร น้ำจากน้ำตกฮาลาซะห์จะไหลไปลงเขื่อนบางลาง และลงแม่น้ำปัตตานีต่อไป บนชั้นบนของน้ำตกจะมีฝายเล็กๆ ที่คอยยกระดับน้ำและเก็บน้ำสำหรับทำประปาภูเขา เพื่อใช้หล่อเลี้ยงชีวิตชาวชุมชนจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ด้วยครับ

“ปีนี้น้ำแล้งกว่าทุกปี ปกติช่วงนี้น้ำจะเต็มน้ำตกแล้ว” ไกด์โก้พูดออกมายิ่งทำให้ผมนึกเสียดาย ภาพน้ำตกฮาลาซะห์ที่ผมได้หาข้อมูลมาจะไหลแผ่เต็มผืนผา ดูสวยงามยิ่งนัก ผิดกับวันนี้ที่สายน้ำเหือดแห้งลงไปมาก ถึงแม้วันนี้ฮาลาซะห์จะมีน้ำน้อย แต่ผมก็ยังพอจะจินตนาการเห็นความยิ่งใหญ่ในช่วงน้ำหลาก เทียบจากความกว้างใหญ่ของหน้าผาสูงชันที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม ณ เวลานี้

5wmt4u9vj4us
tbjzv2rm331y

เมื่อกลับออกมาจากน้ำตกฮาลาซะห์ ไกด์โก้พาผมไปต่อที่ท่าเรือ เพื่อจะไปล่องเรือชมป่าต้นน้ำคลองน้ำใส ท่ามกลางผืนป่าฮาลาบาลาครับ

mk4hd78juhhl
hodvyvl6irkg
oi2gcuiai6yp

การล่องเรือในครั้งนี้เราจะล่องเรือเข้าไปในเขื่อนบางลาง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติบางลาง ปลายทางอยู่ที่คลองน้ำใส ซึ่งต้นน้ำของคลองน้ำใสมาจากตาน้ำที่อยู่บนเทือกเขาฮาลาบาลา ไหลผ่านลงมาผ่านคลองน้ำใสและจะไหลไปลงเขื่อนบางลาง น้ำเหล่านี้จะนำไปใช้ประโยชน์ทั้งน้ำกิน น้ำใช้ หล่อเลี้ยงชีวิตคนภาคใต้ในพื้นที่นั่นเอง ระหว่างเส้นทางล่องเรือหากโชคดีอาจจะได้เห็นกระทิงออกมาหากิน หรือไม่อาจจะได้เห็นนกเงือก ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของผืนป่าฮาลาบาลาครับ

ระหว่างนั่งเรือผมเห็นสุสานต้นไม้เยอะมาก ทำให้ผมจินตนาการถึงในอดีตก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อน ที่นี่คงเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้ใหญ่ นั่งเรือไปได้พักใหญ่ เรือก็มาจอดอยู่ริมตลิ่ง เนื่องจากระดับน้ำลดต่ำลงมากทำให้เรือไม่สามารถไปถึงคลองน้ำใสได้ ไกด์โก้จึงพาพวกเราเดินลัดเลาะไปตามตลิ่ง แต่เนื่องจากดินริมตลิ่งยังคงชุ่มน้ำ ทำให้ทุกย่างก้าวที่ผมย่ำลงไปเป็นไปด้วยความยากลำบาก ด้วยน้ำหนักตัวเกือบ 90 กิโลกรัมทำให้ขาผมจมโคลนไปเกือบครึ่งหน้าแข้ง เลยต้องขอยอมแพ้นั่งรออยู่บนเรือจะดีกว่า ไกด์โก้พาสมาชิกคนอื่นๆ เดินไปยังลานหญ้าซึ่งอยู่ห่างจากที่จอดเรือราว 200 เมตร เพื่อไปดูรอยเท้าสัตว์กินเนื้อ อย่างเสือ ตัวเงินตัวทอง ผมแอบนึกในใจว่า ถ้าหากสมาชิกเจอกระทิง แล้วกระทิงวิ่งไล่ เขาเหล่านั้นจะวิ่งหนีกระทิงกันทันไหม เพราะเพียงแค่ค่อยๆ ก้าวเดิน ขายังจมโคลนแบบดึงแทบไม่ขึ้นเลย 555

gjewa2fus37e
t4n86nyvlm9i
vzezvfriabwx

ถึงแม้ว่าวันนี้ผมจะไม่ได้เห็นกระทิง ไม่ได้เห็นนกเงือก แต่ผมก็ยังได้ซึมซับกับบรรยากาศอันเขียวขจีของผืนป่าฮาลาบาลา แหล่งต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านแห่งนี้ครับ

สำหรับที่พักของผมในคืนนี้เป็น Guess house ซึ่งตั้งอยู่กลางชุมชนเลยครับ ภายใน Guess house จะมีห้องโถงใหญ่ 1 ห้อง และจะมีห้องพักแยกซอยเป็นห้องส่วนตัวอยู่หลายห้อง สภาพห้องแบบบ้านๆ มีห้องน้ำในตัว มีผ้าห่มและผ้าเช็ดตัวให้พร้อม ไม่มีทีวี ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีเพียงพัดลมเพดานและพัดลมติดผนังเท่านั้น ใครที่มีความจำเป็นจะติดตามข่าวสารผ่านทีวี สามารถมาชมที่ห้องโถงได้ บริเวณที่พักมีสัญญาณเน็ตนะครับ

sc6ipmsg4ryi
z2pe5b2pw55x
yvh296l6tnhu
rh4swmi8voy0

สำหรับมื้อเย็นนี้ แม่ครัวได้เตรียมอาหารไว้ให้ 5 เมนู มีทั้งไก่ผัดสะตอ ผัดผักรวม ปลากระโดดทอด แกงส้ม และน้ำพริกกะปิแบบมื้อกลางวันครับ

n4el9mihc5cg
kyhdlgnrr9xg
vyodz82ilocf
v214op710tm1

นอกจากนี้ยังมีทุเรียนที่เห็นในมื้อกลางวันมาให้เลือกซื้อเลือกชิมอีก ทั้งก้านยาว พวงมณี เฉพาะที่โต๊ะอาหารนี้ ผมล่อไปเกือบ 2 พลู และที่ห้องยังมีก้านยาวอีก 1 ลูก คืนนี้ทานทุเรียนแบบต้องร้องขอชีวิตกันเลย เพราะต้องรีบทานให้หมดเนื่องจากปอกเปลือกไว้แล้ว แต่...มันไม่ไหวจริงๆ ครับ ทานได้อีกเพียง 2 พลูใหญ่ๆ มันรู้สึกว่าทุเรียนจ่ออยู่ที่คอหอยแล้ว 555 เลยตัดใจทิ้งอีก 3 พลูที่เหลือไปอย่างน่าเสียดาย นี่ถ้าอยู่ที่บ้านผมจะจับเอาทุเรียนส่วนที่เหลือไปทำข้าวเหนียวทุเรียนแล้ว

กว่าจะหลับได้ นอนทุรนทุรายพอสมควร มันรู้สึกอึดอัดไปหมด ดีที่ผมไม่ฝืนกินทุเรียนให้หมดลูก ไม่อย่างนั้นคงต้องเรียกรถพยาบาลให้มารับเป็นแน่ๆ 555

xdyx1uacsn3k

05.00 น. เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น รีบล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เช้านี้ผมมีนัดไปดูทะเลหมอกที่จุดชมวิวผาหินโยกครับ

05.30 น. เป็นเวลาล้อหมุน เพื่อไปยังจุดเดินเท้าขึ้นไปชมทะเลหมอก ผมนั่งรถราวครึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดที่ข้างถนน เห็นเพียงป้ายบอก ‘ทะเลหมอก สันติ 2 จุดชมวิวผาหินโยก’ อยู่รำไร เนื่องจากฟ้ายังไม่สว่างนัก

ทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวผาหินโยกสูงชันตั้งแต่เริ่มเลยก็ว่าได้ แหงนหน้ามองขึ้นไปตามทางไม่เห็นว่าจะมีทางราบเลยสักนิด จุดเริ่มต้นจะมีไม้สำหรับพยุงตัวที่ทางพื้นที่ได้เตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว บอกเลยว่าอย่าอายที่จะหยิบขึ้นมาใช้ มันช่วยผ่อนแรงได้จริงๆ นะ เราต้องเดินเท้าขึ้นไปด้านบนราว 800 เมตร ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง นำน้ำติดตัวไปด้วยสักขวดเพื่อจิบแก้เหนื่อยก็ดีครับ

x7pto0sut6aj

เดินมาได้ราว 1 ใน 3 ของเส้นทาง มองย้อนกลับไปเห็นทะเลหมอกกำลังไหลมาปกคลุมผืนป่าจนแทบเป็นสีขาวโพลน และจากจุดนี้ขึ้นไปจนถึงจุดชมทะเลหมอก เราจะต้องบุกป่าฝ่าดงกันอีกหลายอึดใจ

alaov4a2u6vr

ในที่สุดก็ทำได้ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น บริเวณนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกจุดแรก มุมที่มองออกไปอาจไม่ใช่มุมเปิดนัก แต่ก็มองเห็นสายหมอกได้แบบถนัดตา ใกล้กันมีหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นที่เล็กๆ ให้นั่งพักชมวิวทะเลหมอก ไกด์โก้รีบบอก”โยกหินได้นะครับพี่ แต่อย่าโยกแรง เดี๋ยวหินหล่น” สิ้นเสียงก็มีเสียงหัวเราะแถมท้ายมา อ๋อนี้ซินะ ที่มาของชื่อ ‘ลานหินโยก’ ผมพิสูจน์แล้ว หินโยกได้จริงครับ

lsa73yu6r375
jozuiptuiu9c
3pn4lb1cxo9z

หายเหนื่อยแล้ว ผมเตรียมเดินขึ้นจุดต่อไป เสียงไกด์โก้ลอยมาตามสายลม “พี่วางไม้พยุงตัวไว้แถวนั้นเลยครับ” ผมมองหาที่มาของเสียง มองขึ้นไปเห็นไกด์โก้ยืนรออยู่ด้านบนแล้ว จากจุดชมวิวจุดแรก เราต้องปีนป่ายกันแบบจริงจัง ไม้พยุงตัวจะเป็นภาระในทันที เพราะสองมือตอนนี้ต้องใช้ในการยึดกับหินเพื่อพยุงตัว ดีหน่อยที่ระยะทางไม่ไกล เพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึงยังจุดชมวิวที่ 2 แล้ว

จุดชมวิวที่ 2 มองเห็นมุมได้กว้างกว่าจุดชมวิวที่ 1 ไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าเปิดโลกทัศน์ได้ดีขึ้นกว่าเดิม มองเห็นพื้นที่เก็บน้ำของเขื่อนบางลางด้วย เห็นเพียงไม่นาน สายหมอกก็คืบคลานเข้ามาปกคลุม ส่วนจุดชมวิวที่ 3 ก็อยู่ไม่ไกล ออกแรงกายอีกนิดก็ถึง มุมที่เห็นแทบไม่ต่างกับมุมที่ 2 เลย

652msk5s592o
jsp7r03pt17b
ilflotljbkge

ถึงแม้ว่าจุดชมทะเลหมอกที่ลานหินโยกจะไม่ได้เห็นหมอกแบบ 360 องศา แต่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามเลย มองเห็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และยังได้เห็นผืนน้ำของเขื่อนบางลางควบคู่กันไป

เช้านี้ แม่ครัวเตรียมโจ๊กไก่ ไข่ต้ม และปาท่องโก๋สังขยา ไว้ให้พร้อมครับ

kpj4556ymjwm

หลังอิ่มท้องกลับมายังห้องพัก รีบอาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋า เตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป

ยังพอมีเวลาเหลืออยู่นิดหน่อย ผมขอแว๊บไปชมหอพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ซึ่งอยู่ติดกับ Guess House ที่ผมพัก หอพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชุมชนจุฬาภรณ์พัฒนา 9 โดยมีคุณป้ายุ้ยเหลียง แซ่ซิว อดีตหมอผ่าตัดตาในสมัยนั้น ที่ปัจจุบันผันตัวเองมาเป็นผู้ดูแลหอพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และเป็นผู้นำชมพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยที่ชาวบ้านยังคงอาศัยอยู่ในป่ามากมาย มีทั้งหนังสือ อุปกรณ์เครื่องใช้ในการดำรงชีพ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทำการผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผ่านการใช้งานจริงมาแล้ว เครื่องมือกระจายเสียง เครื่องมือสื่อสาร และอื่นๆ อีกมากมายครับ

zw7kp2jvumm1
gonh7n2leefp
xt6e5wtjsrl6
x4bjzc56fppf
jlh6ywi023e7
dhso22rxs956
m3oenb8a01po
j8h0ajm91r50

สำหรับเพื่อนๆ ท่านใดที่สนใจจะมาสัมผัสกับความสวยงามทางธรรมชาติของผืนป่าฮาลาบาลา ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก ทะเลสาบ พันธุ์ไม้หายาก รวมถึงนกนานาพันธุ์ และยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา สามารถติดต่อซื้อแพคเกจท่องเที่ยวได้ที่ เพจ ‘ฮาลาบาลา ชุมชนท่องเที่ยวจุฬาภรณ์พัฒนา๙ จ.ยะลา’ (https://www.facebook.com/Chulaborn9 ) หรือโทรหารคุณหลินปิง ที่เบอร์ 097-1175567 ครับ

wmzno7i35piz

จุดหมายต่อไป ผมมุ่งหน้าสู่ชุมชนท่องเที่ยวเหมืองลาบู ในเขตอำเภอยะหา จังหวัดยะลา โดยได้แวะชมไร่เทียมฟ้า (พิกัด https://maps.app.goo.gl/9zEDz8r15GaTEww59 ) ซึ่งที่นี่เป็นแปลงเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียน ของจังหวัดยะลา โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2565 ครับ

wlzrsgopsqab

Welcome Drink เป็นน้ำดอกดาหลา จิบแล้วชื่นใจมากๆ ผมแอบจิบไป 3 แก้ว แฮะ..แฮะ ก็มันหวานอ่อนๆ หอมกลิ่นดอกดาหลานี่นา นอกจากนี้ยังมีเงาะใหม่ๆ ที่เด็ดจากสวนด้วยครับ

ft09nkk4sg8u

น้องฝน ผู้ดูแลไร่เทียมฟ้า ได้เล่าถึงกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้ทำในไร่เทียมฟ้าแห่งนี้ โดยกิจกรรมจะมีการเดินป่าชุมชน ระยะทาง 2 กม. ชมน้ำตกซับซ้อน ชมประวัติศาสตร์เหมืองแร่เก่า แล้วมาพักที่ไร่เทียมฟ้า ที่พักจะเป็นแบบโรงเรือนเปิดโล่ง นอนบนแคร่ไม้ กางมุ้ง มีแค้มป์ไฟอยู่ข้างๆ โดยกิจกรรมต่างๆ จะทำมีแพคเกจ one day trip และแบบ 2 วัน 1 คืน ให้เลือกครับ

jj2az54ail8o
j2fj7asx0534
9zgtxkx6jt6d

ทุเรียนในไร่เทียมฟ้า ผลใหญ่ สวย ผลผลิตต่อต้นมากมาย สมแล้วที่เป็นแปลงเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียน ของจังหวัดยะลาครับ

jwynx05hhgub
fq1u3a5j7zd3
dgf188r2clcr

เดินชมสวนพักใหญ่ น้องฝนก็นำผมเดินทางต่อเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่บ้านพี่น้อยครับ ระหว่างทางแวะชมน้ำตกนกน้อยเหมืองลาบู ซึ่งอยู่ริมถนนเลยครับ

srs4kfvr03mq
2klyitco8ro4

ในอดีตบ้านพี่น้อยเคยเป็นสถานพยาบาลเก่าที่มีอายุกว่า 100 ปี แต่พี่น้อยและพี่แจ๊ค (แฟนพี่น้อย) มาปรับปรุงใหม่ โดยยังคงใช้โครงสร้างเดิมและตกแต่งให้ออกมาในรูปแบบเดิม ทำให้ยังคงกลิ่นอายความเป็นบ้านแบบฝรั่งสมัยยุคเหมืองแร่อยู่ครับ

xg9db58ydx1e

อาหารมื้อเที่ยงนี้เป็นแบบปิ่นโตชุมชนครับ

p5xff1b5wfsq

พี่น้อยรับบทเป็นแม่ครัวปิ่นโตชุมชน ได้เตรียมเมนูผัดพริกไก่ ต้มจืดหน่อไม้ ผัดมะละกอ ปลาทอด และน้ำพริกกะปิ ไว้รอต้อนรับ บอกเลยว่าอร่อยทุกเมนูจริงๆ โดยเฉพาะน้ำพริก จนต้องร้องขอเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย น้องหนึ่งรับบทพ่อครัวจำเป็นตำน้ำพริกเพิ่มให้อีกหนึ่งครก นอกจากนี้ยังมีสมาชิกในทริปขอให้น้องหนึ่งตำน้ำพริกแล้วห่อกลับมาทานที่กรุงเทพด้วยครับ

5bvppk4zl8xe
an7z8lh0ghtn
f4b1j5x7nwy8
e4n0mz9ex43s
6ple7hxfkws3
b3xx3sso5u86

“วันนี้ใครชวนพี่กินทุเรียน พี่จะโกรธใส่เลย คอยดูซิ” เป็นวลีที่ผมพูดขึ้นในตอนเช้าให้กับสมาชิกร่วมทริปได้ฟัง เพราะในวินาทีนั้น เพียงแค่ผมได้กลิ่นทุเรียน มันก็รู้สึกจ่ออยู่ที่คอหอยแล้ว

“ทุเรียนที่เหมืองลาบู อร่อยมากๆ นะ” คำพูดเชื้อเชิญแกมโฆษณาชวนเชื่อออกจากปากพี่น้อย แถมรีบปอกทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์เอามากองตรงหน้า ผมนี่แอบนึกโกรธพี่น้อยขึ้นมาในทันที แต่เอ... เมื่อเช้าพี่น้อยไม่ได้ยินที่ผมพูดนี่นา โอเค.. ไม่โกรธก็ได้ ว่าแล้วผมก็หยิบทุเรียนที่พี่น้อยบรรจงปอกขึ้นมาชิม เพราะเกรงว่าจะเสียน้ำใจพี่น้อยครับ

“เป็นยังไงบ้าง อร่อยมั้ย” พี่วุธ ไกด์ชุมชน ถามผมหลังจากผมได้ชิมรสชาติทุเรียนพันธุ์พื้นบ้าน ที่เนื้อของทุเรียนออกสีเหลืองอ่อนค่อนไปทางขาว

ผมสวนกลับในทันควันว่า “รสชาติไม่เหมือนที่ผมชิมเมื่อวานเลยครับ รสชาติหวาน ออกจะเหนียวๆ อร่อยดีครับ ว่าแต่ลูกนี้พันธุ์อะไรครับเนี่ย”

“มันเป็นทุเรียนบ้าน ยังไม่มีใครตั้งชื่อสายพันธุ์เลย ถ้าจะให้เรียกชื่อจริงๆ คงเรียกว่า หนามเขียว ตามลักษณะของทุเรียน แต่ละพันธุ์รสชาติก็ต่างกันออกไป” พี่วุธตอบกลับมา

เผลอแผลบเดียว คราวนี้พี่น้อยปอกทุเรียนลูกใหญ่ อีกหนึ่งสายพันธุ์มาให้ลิ้มลอง

ผมคงต้องลุกหนีแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอึดอัดทรมานเหมือนเมื่อคืนอีกเป็นแน่

9zt1v7xj14p1

หลังมื้อเที่ยง ผู้ใหญ่น้อย-คุณวรรณภพ แท่นทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านเหมืองลาบู พ่วงตำแหน่งพ่อของน้องฝนอีกหนึ่งตำแหน่ง ได้นำชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนบ้านเหมืองลาบู โดยเริ่มที่จุดชมตราประจำจังหวัดยะลาครับ

qu0pdpu8bsp9

ตราสัญลักษณ์จังหวัดยะลาจะที่มีรูปต้นไม้ใหญ่ ภูเขาสองลูก และคนหาบแร่ อันหมายถึงพื้นที่ของจังหวัดยะลานั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ดีบุก อาชีพหลักของประชาชนในอดีตคือการทำเหมืองแร่ดีบุกนั่นเอง ปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้ยังคงมีต้นไม้ขนาดใหญ่และภูเขาสองลูกอยู่เหมือนเดิมเลยครับ

id2hd3jfae35

ในอดีตที่บ้านเหมืองลาบูเป็นเมืองที่มีความเจริญถึงขีดสุดจากการทำเหมืองแร่ดีบุกและแร่ทองคำ มีชาวออสเตรเลียมาสร้างบ้านเรือนเพื่อใช้เป็นที่พำนักในขณะที่เข้ามาทำเหมืองแร่ มีการสร้างโรงฉายภาพยนตร์ โต๊ะสนุกเกอร์ ท่ามกลางป่าเขา ทำให้ผู้คนแห่เข้ามาอยู่ที่บ้านเหมืองลาบูกันเป็นจำนวนมาก ความเจริญของบ้านเหมืองลาบูในเวลานั้นเจริญกว่าเมืองยะลาเสียอีก แต่ภายหลังปี 2535 กิจการเหมือนแร่ได้ปิดตัวลง จากยุคที่บ้านเหมืองลาบูเจริญที่สุดกลับกลายมาเป็นหมู่บ้านที่กันดารที่สุดในเวลานี้ไปแล้ว

จากนั้นผู้ใหญ่น้อยพาไปชมอุโมงค์แร่ประวัติศาสตร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมตราประจำจังหวัดยะลา พร้อมกับให้ชมตัวอย่างก้อนแร่ดีบุกด้วย

9uiujzayo3cs
1x8ucruc46bq

อุโมงค์เหมืองแร่ดีบุกแห่งนี้จะเจาะลึกเข้าไปด้านในตามเส้นแร่ ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ในอดีตบ้านเหมืองลาบูมีเหมืองแร่ดีบุกทั้งหมด 5 อุโมงค์ ทุกอุโมงค์ยังคงมีสายแร่หลงเหลืออยู่ แต่ละอุโมงค์มีความยาวไม่เท่ากัน บางอุโมงค์มีการขุดเจาะยาวเข้าไปในเขตมาเลเซียด้วย และในทุกอุโมงค์จะมีรถไฟขนาดเล็กเพื่อใช้สำหรับขนแร่ ปัจจุบันบางอุโมงค์ก็แทบไม่หลงเหลืออุปกรณ์ต่างๆ ให้ได้เห็นแล้ว อย่างเช่นในอุโมงค์ที่ผมกำลังชมอยู่จะเห็นเป็นเพียงอุโมงค์เปล่าๆ เท่านั้น

ผู้ใหญ่น้อยอธิบายวิธีการร่อนแร่ให้ฟัง โดยเริ่มจากการใช้ค้อนเคาะไปตามผนังถ้ำ ให้เศษหินตกลงมาในจานร่อนแร่ จากนั้นจะล้างน้ำดูว่ามีแร่อยู่ในเศษหินหรือไม่ แต่ตอนสาธิตผู้ใหญ่น้อยจะใช้ค้อนเคาะก้อนแร่ตัวอย่างที่ผู้ใหญ่นำมาให้ดูให้เป็นเศษเล็กๆ ลงบนจานแร่ จากนั้นจะล้างด้วยน้ำ และร่อนไปมา เราก็จะเห็นแร่ดีบุกครับ

1s91t3gg2l2k
t0qoyw7yhb6m
zk928xplko0u
8gq26wio7use

ผู้ใหญ่น้อยพยายามที่จะพัฒนาและผลักดันให้อุโมงค์แร่ของบ้านเหมืองลาบูเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของยะลา เพื่อจะนำความเจริญกลับมาสู่บ้านเหมืองลาบูอีกครั้ง

สำหรับใครที่ต้องการไปเรียนรู้ ซึมซับบรรยากาศของเหมืองโบราณบ้านเหมืองลาบู สามารถติดต่อได้ที่เพจ ‘ชุมชนท่องเที่ยวเหมืองลาบู จังหวัดยะลา’ (https://www.facebook.com/profile.php?id=100077148498661 ) หรือติดต่อผ่านน้องฝนได้ที่เบอร์ 081-2554647 ครับ

แพคเกจ one day trip เริ่มต้นที่ไร่เทียมฟ้า ออกทริป 5 คนขึ้นไป คนละ 700 บาทครับ

i9c5tk9njnou

แพคเกจ 2 วัน 1 คืน ราคา 1 ท่าน 2,000 บาท / 2 ท่าน ท่านละ 1,800 บาท / 3-4 ท่าน ท่านละ 1,600 บาท / 5 ท่านขึ้นไป ท่านละ 1,300 บาท ราคารวมที่พัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ และประกันอุบัติเหตุครับ

x31aurb6fvlk

จากเหมืองลาบู ผมมุ่งหน้าสู่หาดบ้านทอน ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาสครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/PzCHJiUtaAEkbjzy6 )

‘หาดบ้านทอน’ เป็นหมู่บ้านชาวประมงไทยมุสลิม และยังเป็นแหล่งผลิตเรือกอและที่สำคัญแห่งหนึ่งของนราธิวาส ที่นี่ผลิตทั้งเรือขนาดจริงและเรือจำลองขนาดเล็ก ลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศเลยครับ

koletbmsf9pe

แบมะ-คุณอาหะมัด สาและ ผู้ใหญ่บ้านบ้านทอน พ่วงตำแหน่งเจ้าของอู่ต่อเรือและช่างต่อเรือกอและที่มากประสบการณ์คนหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส แบมะเล่าถึงที่มาของเรือกอและให้ฟังว่า “ตั้งแต่เดิมจะเรียกเรือทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะแบบโค้งหรือรูปแบบอื่นๆ ว่าเรือทั้งหมด พอออกไปทำประมงแล้วนั่งประชุมบนเรือ บังเอิญเรือกำลังโคลงเคลง เลยตั้งชื่อเรือว่า เรือกอและ ติดกันมาจนถึงทุกวันนี้ คำว่า กอและ เป็นภาษามาลายู หมายถึงโคลงเคลง ”

b4slljaj4i1r

แบมะต่อเรือกอและมากว่า 40 ปี สืบต่อวิชาการต่อเรือกอและจากบรรพบุรุษเป็นรุ่นที่ 5 แล้ว และกำลังถ่ายทอดวิขาต่อให้ซอลาฮูดดีน ลูกชาย เป็นรุ่นที่ 6 เดิมเรือกอและมีอยู่หลายแบบ แต่ปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียง 2 แบบ คือกอและแบบดั้งเดิมและกอและแบบท้ายตัด ที่อู่ต่อเรือของแบมะมีทั้งประกอบเรือกอและขึ้นมาใหม่ทั้งลำ และยังรับซ่อมเรือเก่าให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง การประกอบเรือกอและขึ้นใหม่ หากเป็นเรือลำใหญ่ จะใช้เวลาในการประกอบเรือนานนับปี เฉพาะค่าแรงในการต่อเรือ 400,000 บาท ราคาขายยกลำอยู่ที่ 1,500,000 บาท (ไม่รวมเครื่องเรือ) แต่ถ้าเรือขนาดกลาง ก็จะใช้เวลาในการประกอบลดลง อาจเหลือประมาณ 6 เดือน แบบดั้งเดิมราคาขายยกลำอยู่ที่ 600,000 บาท (ไม่รวมเครื่องเรือ) แบบท้ายตัด ราคาขายยกลำอยู่ที่ 500,000 บาท (ไม่รวมเครื่องเรือ)

zwrv5l4vatd1

ลักษณะท้ายเรือกอและแบบดั้งเดิม

uc4m9ktvyy7t

ลักษณะท้ายเรือกอและแบบท้ายตัด

bh2g0mz0e1pz

เรือกอและสร้างขึ้นจากไม้ตะเคียนทราย โดยขั้นตอนจะเริ่มที่การดัดไม้ ประกอบตัวเรือ และการวาดลวดลายครับ

1drj5r5a9qdj
ccz9u59f8pm1

สีที่ใช้เขียนลวดลายบนเรือกอและจะใช้สีน้ำมัน

d76qdmtejm26
qwqa29cayld1
4a87bwa39ajn

ในอดีตการเขียนลวดลายบนเรือกอและ อาจจะมีส่วนบ่งบอกถึงสถานะของเจ้าของเรือ แต่ในปัจจุบันการเขียนลวดลายบนเรือกอและเน้นไปที่ความสวยงาม เอกลักษณ์ และการสืบทอดวัฒนธรรม มากกว่าการบ่งบอกถึงสถานะ ลวดลายที่ใช้เขียนมีทั้งลายไทย ลายอินโด ลายพื้นบ้าน เขียนขึ้นตามจินตนาการของช่างเขียนครับ

s7ly4v0bjixv

ซอลาฮูดดีน สาและ ลูกชายแบมะ ช่างต่อเรือกอและรุ่นใหม่ เล่าว่า “ลูกค้ามีกระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่เชียงใหม่ก็เคยสั่งมาแล้ว” ผมแอบสงสัยว่าเชียงใหม่จะเอาไปใช้ทำอะไร ซอลาฮูดดีนบอกว่า “เขาเอาไปตั้งประดับในสวนหย่อม”

เพื่อนๆ คนไหนที่สนใจอยากชมวิธีการต่อเรือกอและ สามารถไปชมกันได้ที่อู่ต่อเรือกอและบ้านทอนนาอีม โทร.085-8989812 ครับ

หลังจากได้รับความรู้ในการต่อเรือกอและจากแบมะ และซอลาฮูดดีน แล้ว ผมเดินข้ามฟากถนนเพื่อไปยังชายหาดบ้านทอน ไปดูเรือกอและของชาวประมงที่ใช้งานจริงกันครับ

crdipxmt9jm0
toqovedzyvqo

มีการทำเป็นโรงจอดเรือกอและชั่วคราวอยู่บริเวณหน้าหาดบ้านทอนอยู่เต็มไปหมด ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวประมง ที่กำลังตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์เพื่อเตรียมออกหาปลาครับ

e9rnm7gtmv65

เรือหลายลำเตรียมเหยื่อเพื่อจะออกไปตกปลาหมึกครับ

v0sq7ihrtce3

มื้อเย็นผมมาฝากท้องที่ร้าน Summer Thon (พิกัด https://maps.app.goo.gl/gJz8NaUMzGijFQMK7 ) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับอู่ต่อเรือของแบมะ ตัวร้านตั้งอยู่ริมชายหาดบ้านทอน ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแบบ Open Air บรรยากาศนั่งชิลล์ริมทะเล ลูกค้ามีทั้งคนไทยและคนมาเลเซียครับ

8ece0u6nf5mk
uxk1i5vj7u84
5ubqu2reebz6
gom0c9xbgfc6

มื้อนี้จัดเต็มหลายเมนูเลย เริ่มที่ปลากะพงทอดน้ำปลา

4l6ayndchsez

เนื้อทอดใบมะกรูด

lc5hy9hjbcya

ยำข้าวโพดทะเล

6fbsfodlbnjm

ปลาหมึกลวกจิ้มซีฟู้ด

fueuu3jcmgji

กุ้งแช่น้ำปลา

b3j13bcebg0r

กุ้งซอสมะขาม

sdq00lv1mu4f

ส้มตำปูม้า

xkm2p31j43tx

แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าว

ny3xqhps1x7g

ไข่เจียวกุ้ง

iqfpv7arqbha

กรือโป๊ะสติ๊ก

d8bmrhymc92g

ลูกชิ้นเนื้อทอด

5f0rxe674die

ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างชาดำลิ้นจี่

zexuny15ie90

รสชาติอาหารโดยรวมถือว่าอร่อยดีครับ บรรยากาศช่วงแดดร่มลมตกดีมากๆ ร้าน Summer Thon เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 น.-20.00 น. ครับ

เขาว่าโรตีที่นราธิวาสจัดว่าเด็ด ก่อนเข้าที่พักเลยขอแวะไปพิสูจน์ความอร่อยของโรตีที่ร้านแอโรตีก่อนครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/5icFXn3zzEosnTx4A )

4tvgn4yg39d6
nbfqczjdrl1x
tbrupjbd3a32

แอโรตี เด็ดจริงครับ ลูกค้ามาอุดหนุนเยอะเลย ทั้งนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน มื้อนี้ผมสั่งโรตีไมโล ทานคู่กับชาเย็น แผ่นโรตีไมโลเนื้อแน่นและกรอบมากๆ ส่วนเพื่อนร่วมทริปสั่งโรตีธรรมดาและโรตีไข่ดาว แอบเกรงใจเพื่อนเลยไม่ได้ขอชิมครับ

dea4srcledt0
vhffszfhld91

คืนนี้ผมเข้าพักที่โรงแรมพันธุ์ษา บูทีคโฮเทล (พิกัด https://maps.app.goo.gl/vH5uaVCWS11WJQhc7 ) โรงแรมเล็กๆ ค่อนข้างใหม่ ห้องพักสะอาดทีเดียว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีตามที่จำเป็น ไม่มีไดร์เป่าผมครับ

yf25wcyknr6l
xmkfky35cdu8
34pxwiu35tdc
yo2ggqykt5sf
qfj5yz3e7vz8
5nj644xilp21

เช้าวันใหม่ ผม Check out แต่เช้า ตั้งใจไปเดินเล่นชมบรรยากาศตลาดเช้าเมืองนราธิวาสครับ (พิกัด https://maps.app.goo.gl/Bv6EBXsVLB1CXxkeA )

ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าตลาด ยะก็เรียกให้ผมชิมสาหร่ายหน้าตาแปลกๆ ผมเองก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยชิม ยะบอกชื่อ “สาหร่ายผมนาง”พร้อมคะยั้นคะยอให้ผมชิม จัดไปเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ รสชาติสาหร่ายออกจืดๆ เนื้อสัมผัสแบบกรอบๆ ยะขายยำสาหร่าย ยะยำเสร็จแล้วยื่นให้ผมชิมอีกที ชิมครั้งนี้อร่อยดีครับ ยำออกเปรี้ยวๆ

xakqsc6j6htr

หันหลังไปอีกที แม่ค้านั่งยิ้มหวาน หวานพอๆ กับขนมที่ขาย โซนนี้ขายขนมพื้นบ้านอย่างขนมสอดไส้ ขนมหัวล้าน ขนมกอดู ขนมอาเกาะ ขนมกอเมาะหลายอย่างนี่ไม่เคยเห็นเลย เห็นแล้วอยากจะซื้อมาชิมทุกอย่างเลยครับ

gcs10oimgibp
z2anlrie0sep
qktqrjme36o6
vvvywith05bn

ผลไม้ก็มีหลากหลายครับ

3zisvtdrcpse

โซนนี้ขายผัก ถ่ายรูปไปแม่ค้าก็ชวนคุยไป

sw5c5o9ti8uj
mzpfp4z325gp
4willi23zjvg
ro20emb2y5jx

โซนอาหารสำเร็จรูปครับ

kalokf40lnj2
1tshhbc4y71s

โซนอาหารทะเล เห็นราคาแล้วอยากซื้อกลับบ้านมากๆ เสียใจอย่างแรงที่หิ้วกลับไม่ได้

z9n12kmyep4a
4xojol2scni4
ok7v3skwar5b

แม่ค้าและผู้คนที่นี่น่ารักมากๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายผมตลอดทางเลย การมาเดินตลาดเช้าทำให้เราได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ รู้ว่าเขากินอยู่กันอย่างไร เพื่อนๆ คนไหนที่ตื่นเช้า ผมแนะนำให้มาเดินเล่นที่ตลาดเช้าแห่งนี้ มาหาชิมขนมแปลกๆ ที่หาชิมที่ไหนไม่ได้ ผมเองยังหิ้วกลับมาฝากคนที่บ้านชิมด้วยเลยครับ

3j57ix4buh7a
czie3jtuixgs

หลังเดินสำรวจตลาดกันแล้ว เช้านี้ผมมาฝากท้องที่ร้าน AKHOO (พิกัด https://maps.app.goo.gl/Fwgwy86Z8pMpnmks8 ) ร้านอาหารเช้าพื้นบ้านของจังหวัดนราธิวาส ที่บริหารงานโดยทีมงานคนรุ่นใหม่ ‘พี่น้อง’ คือความหมายของชื่อร้าน ‘AKHOO’ เป็นภาษาอาหรับ (อา-คู) คอนเซปของร้านจะเป็นการให้บริการและความใส่ใจอย่างพี่น้อง ตามชื่อของร้านเลยครับ

บรรยากาศในร้านตกแต่งได้ร่มรื่น น่านั่งมาก พื้นที่ในร้านค่อนข้างกว้างขวาง

64f4mmowrkbh
clz7vpyzg3y8
76t7nny036go

โซนเครื่องดื่มและครัวโรตีนาน

ctgsfkxak8fu
iab61fd4ph1b
t0yu0aop0fys
o3yoyow9m2xo

นาซิลือเมาะมาเลย์ เป็นข้าวมันเสิร์ฟพร้อมไก่ทอดและปลาตัวเล็กตัวน้อยทอดครับ

fqt2437q2rlq

บูคอรีเนื้อ เป็นข้าวมันอาหรับเนื้อครับ

acyd2wrs31eu

เมนูพิเศษ ที่มีขายเฉพาะวันศุกร์-อาทิตย์ คือ บูคอรีแพะ เป็นข้าวมันอาหรับแพะ เมนูนี้มีขายเฉพาะที่ร้าน AKHOO ที่เดียว เป็นสูตรของทางร้านโดยเฉพาะ ส่วนตัวคิดว่าแพะค่อนข้างเหนียวครับ เอาช้อนหั่นแพะแทบไม่ขาดเลย

nfezyah2ohte

สะเต๊ะเนื้อ สะเต๊ะไก่ เสิร์ฟพร้อมข้าวอัดและขนมปังปิ้ง เนื้อและไก่หอมกลิ่นเครื่องเทศมาก ส่วนตัวชอบทานคู่ขนมปังปิ้ง ขนมปังกรอบนาน ส่วนข้าวอัดเนื้อข้าวค่อนข้างแน่น

owlvgnq14xlg

นาซิกราบู หรือข้าวยำ รสชาติดี กลิ่นเครื่องยำหอมขึ้นจมูกดีครับ

i3v6ami0tk43

นาสิดาแฆ

jq9bpdtgvb8u

ข้าวเหนียวไก่ทอดจิ้มแจ่ว

o0ktgixq5rd3

โรตีแกงเนื้อ อร่อยมากๆ แป้งโรตีกรอบบาง ทานคู่กับแกงเนื้อเข้ากันมาก

7bfnefmpoqbs

โรตีนานแกงแพะ

ce8bohexgelo

กือโป๊ะ

0vkwgm8am4pe

ปาท่องโก๋ ชาไทย/ใบเตย

wy28o66vvf6o

รสชาติอาหารที่ได้ชิม โดยรวมถือว่าดีเลยครับ เสียดายที่หลายเมนูไม่ทันได้ชิม หน้าตาอาหารตกแต่งออกมาทำให้ชวนทานด้วย

h4f250p6h4wn

ขนมอาเกาะ (ซื้อมาจากตลาดเช้า) รสชาติหวาน คล้ายขนมสังขยาแบบตัดและขนมหม้อแกงของภาคกลาง ที่ใช้กระบวนการนึ่ง แต่ขนมอาเกาะจะใช้กระบวนการผิงไฟบนล่างครับ

g7mo1tpbexd8

มาเที่ยวนราธิวาสแล้ว แนะนำให้มาทานอาหารเช้าแบบพื้นบ้านที่ร้าน AKHOO นะครับ ร้านเปิดทุกวัน 2 ช่วงเวลา คือช่วง 06.00 น.- 11.00 น. จะขายอาหารเช้า และช่วง 11.00 น. - 21.00 น.จะขายอาหารตามสั่งและเมนูทานเล่นครับ

เช้านี้ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง ผมมุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 วัฒนธรรม ได้แก่ องค์พระศรีคเณศ (ฮินดู), ศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ (จีน) และเขามงคลพิพิธ (ไทย) เรียกได้ว่าจอดรถจุดเดียว เที่ยวได้ทั้ง 3 วัฒนธรรมเลย เพราะสถานที่ทั้ง 3 แห่ง ตั้งอยู่ติดกันเลยครับ

น้องวิ-วิรินยา หอสุวรรณ เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนราธิวาส เป็นผู้นำชมและเล่าเรื่องราวต่างๆ ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 วัฒนธรรม โดยเริ่มที่เทวสถานองค์พระศรีคเณศ พระพิฆเนศ ณ นราธิวาส ครับ

น้องวิเล่าว่า “องค์พระพิฆเนศองค์นี้เป็นองค์พระพิฆเนศกลางแจ้งองค์ใหญ่ที่งดงามที่สุดในภาคใต้ ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 9 ปี เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 แล้วเสร็จปี พ.ศ.2555 การก่อสร้างในครั้งนี้ใช้งบประมาณของคณะผู้ร่วมสร้างที่นำโดยคุณอินดาร์แซล บุศรี ผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เจ้าของกิจการห้างดีวรรณพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายผ้ารายใหญ่ในจังหวัดนราธิวาส โดยมีอาจารย์เจริญชัย ต้นครองจันทร์ เป็นผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมเหล่านี้” แต่จากการที่ผมได้มีโอกาสไปสักการะองค์พระพิฆเนศกลางแจ้งตามจังหวัดต่างๆ มานั้น บอกได้เลยว่า ที่นี่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเห็นมา เพราะสัดส่วนสรีระสมส่วน มีลักษณะอ่อนช้อย ความละเอียดอ่อนของเครื่องทรงต่างๆ มีความวิจิตรตระการตามาก

องค์พระพิฆเนศองค์นี้มีความสูงถึง 16 เมตร ขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร ประทับนั่งในท่าลลิตาสนะ มี 4 กร โดยพระหัตถ์ขวาบนถือดอกบัว มีความหมายถึงสติปัญญา พระหัตถ์ขวาล่างสลักคำว่า ‘โอม’ และถือลูกประคำ หมายถึงการประทานพรให้ประสบความสำเร็จ พระหัตถ์ซ้ายบนถือขวาน หมายถึงการฝ่าฟันอุปสรรค์ ส่วนพระหัตถ์ซ้ายล่างถือชามขนมโมทกะ หมายถึงรางวัลแห่งความเจริญรุ่งเรือง มีการสวมศิลาภรณ์มงกุฎประดับโมเสคแก้วหลากสีที่แปะด้วยฝีมือช่างอย่างละเอียดอ่อน เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างองค์พระพิฆเนศยาวนานถึง 9 ปี

90idkset1bk5
idvlm0x42pzf
2cl9ucdcpxuw

โดยรอบขององค์พระพิฆเนศจะมีประติมากรรมต่างๆ มากมาย ทั้งภาพวาดของอาจารย์เจริญชัย รวมถึงประติมากรรมปูนปั้นเกี่ยวกับการกวนเกษียณสมุทร

v8des8gaw6xr

ด้านขวามือขององค์พระพิฆเนศ ยังมีวิหารหนุมาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของผู้มีพละกำลัง นิยมมาขอพรเรื่องสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ขอเกี่ยวกับพลังอำนาจ

ส่วนด้านซ้ายมือขององค์พระพิฆเนศ จะเป็นวิหารองค์ไสบาบา ซึ่งเป็นนักบุญที่มีความรู้แตกฉาน องค์ไสบาบาเป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ แต่คลุกคลีกับพื้นที่ของอิสลาม ท่านจึงมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามอยู่ด้วย จึงเป็นตัวแทนของผู้มีความรู้และสติปัญญาในพื้นที่นี้

3x1ae7egva6y

ด้านข้างของวิหารองค์ไสบาบา ยังมีรูปปั้นช้างเผือก ซึ่งเป็นตัวแทนของช้างเผือกที่พลัดหลงมาจากป่า เจอในพื้นที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส มีการตรวจสอบคชลักษณ์แล้วตรงตามตำราช้างเผือก จึงมีการนำถวายรัชกาลที่ 9 และทรงพระราชทานนามให้กับช้างเผือกช้างนี้ว่า “พระศรีนรารัฐราชกิริณี จิตรวดีโรจนสุวงศ์ พรหมพงศ์อัฏฐทิศพิศาล พิเสฐธารธรณิพิทักษ์ คุณารักษกิตติกำจร อมรสารเลิศฟ้า” ปัจจุบันช้างเผือกช้างนี้ยืนโรงอยู่ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร ครับ

wxbnu59h2bpy

ติดกับเทวสถานองค์พระศรีคเณศ เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุ 109 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2457 ในสมัยนั้นจะมีชาวจีนภาษาแต้จิ๋วได้มาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ และได้ร่วมกันก่อสร้างศาลเจ้าไม้ขนาดเล็ก หลังจากชาวจีนกลุ่มดังกล่าวได้อพยพโยกย้าย บางส่วนล้มตายไป ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้ได้ถูกทอดทิ้ง รกร้าง เป็นเวลาถึง 9 ปี หลังจากนั้นมีผู้มาบูรณะซ่อมแซมให้คงอยู่จนถึงปัจจุบัน

ที่ซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้าโก้วเล้งจี่จะมีการปั้นลวดลายมังกร ที่ประตูมีการวาดภาพจตุรเทพ จตุรบาล ซึ่งชาวจีนมีความเชื่อว่าเป็นผู้ปกป้องรักษาศาลเจ้า

tcizmzbfupam
b9783509kl6k
ku5523722lxw

บริเวณนี้มีหลังคาเปิดโล่ง ด้านล่างจะเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถลงไปเหยียบได้ เชื่อกันว่าบริเวณนี้เป็นที่ขึ้นลงขององค์เทพเทวดา น้องวิเล่าว่า “ศาลเจ้าโก้วเล้งจี่จะจัดพิธีแห่พระลุยไฟเป็นประจำทุกปี เวลาที่เทพเจ้าของชาวจีนจะลงมา ท่านก็จะลงมาจากช่องประตูด้านบน”

04qozgp36pxw

ภายในศาลเจ้าประดิษฐานองค์พระและเทพเจ้าต่างๆ กว่า 20 องค์ อย่างซุ้มกลาง เป็นที่ประทับของพระยูไลฮุดโจ้ว, สมเด็จหลวงปู่ทวด วัดช้างให้, พระโพธิสัตว์จี้กง, ไต้ฮงโจวซือ, ไต้เซียฮุดโจ้ว (ปางสำเร็จ), ตั่วเหล่าเอี้ย (เจ้าพ่อเสือ) และ ซีเทียนไต้เซี่ย (ปางบู๊)

qt97fs2ie84f
hxgyu4lab00b

ที่ฐานด้านล่างของซุ้มกลาง เป็นที่ประทับขององค์เทพที่มีความสำคัญที่สุดนั่นคือ พ่อปู่มังกรดำ มีองค์มังกรคาบแก้ว ลำตัวใหญ่ยาว คอยปกปักดูแลศาลเจ้าแห่งนี้และลูกหลานชาวนราธิวาสอยู่ด้วย

uwipvdr0k3fn

ซุ้มขวา เป็นที่ประทับของเทพเจ้ากวนอู, องครักษ์ฉิวฉ่อง, บุตรบุญธรรมกวนเพ่ง และพระร้อยแปด

qz3f4upgh9k1
ayk1zd8j8j6q

ซุ้มซ้าย เป็นที่ประทับของเสี้ยนไข่ทงจื้อ (อั้งไฮยี้), เฉ่งจุ้ยโจ้วซือ (พระหมอปัตตานี), ไฉ้ซิ่งเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ), ฉั้งอู่ง่วงส่วย (เทพแห่งดนตรี), เหล่าเอี๋ยกง (พระหมอสายบุรี) และ นาจาไท้จื้อ

bhkh97iwaon8
10087l4ehqdy

ปีกซ้ายของศาลเจ้าเป็นที่ประทับของพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ

zw1sgcxw48qt

ส่วนปีกขวาของศาลเจ้า จะมีองค์เทพประทับอยู่ 3 ซุ้ม

t6892yzzzccn
fiignufoeqlb

ซุ้มซ้าย เป็นที่ประทับของเจ้าแม่เก้าเทียน และเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว

ที่ซุ้มซ้ายนี้ หากสังเกตที่กระถางธูปดีๆ จะมีการสลักอักษรพระปรมาภิไธยย่อ จปร ด้วย

o8bz5umwapus

ซุ้มกลางเป็นที่ประทับของเจ้าแม่กวนอิ่ม และเจ้าแม่ทุกพระองค์

ส่วนซุ้มขวา เป็นที่ประทับของเจ้าแม่โต๊ะโม๊ะและเจ้าแม่ทับทิม

y8482x6jnlbz

ศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ ถือเป็นศาสนสถานในวัฒนธรรมจีน ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองนราธิวาสมาช้านาน โดดเด่นทั้งด้านความสวยงาม ความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงมีผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรอยู่เป็นประจำ

ติดกับศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ เป็นที่ตั้งของเขามงคลพิพิธ น้องวิเล่าถึงตำนานเขานี้ให้ฟังว่า “ ในสมัยก่อนเขาพิพิธเป็นเกาะกลางทะเล มีเรือสำเภาขนาดใหญ่ที่บรรทุกนักเดินเรือมา ปรากฏว่ามีพายุมรสุม ทำให้เรืออัปปาง ผู้คนก็หนีตาย แหวกว่ายน้ำเข้ามาอาศัยอยู่ภายในถ้ำ หลังจากนั้นได้มีชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาหยิบยืมถ้วยชาม เมื่อยืมแล้วไม่คืน เลยทำให้ปากถ้ำปิดตัวลง และมีคนในพื้นที่พบเห็นวัวแดง ทำหน้าที่คอยปกปักรักษาอยู่บริเวณหน้าปากถ้ำด้วย และมีความเชื่อว่า หากใครพูดจาไม่ไพเราะ พูดจาไม่ดี ก็จะทำให้ปากบิดเบี้ยวไป”

คำว่า “พิพิธ” คือชื่อของเจ้าเมืองพระยาสุรพลพิพิธ โดยในสมัยนั้นพื้นที่ของบางนรายังไม่มีวัด พระยาสุรพลพิพิธก็เลยให้สร้างศาลาไม้เล็กๆ ไว้ด้านบนเขาและได้นิมนต์พระมาทำพิธีในวันสำคัญต่างๆ ของศาสนาพุทธ ภายหลังต่อมาได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาประดิษฐานด้านบน ก็เลยได้มีการเปลี่ยนชื่อจากเขาพิพิธ เป็นเขามงคลพิพิธ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลขึ้น

odtccq7s7qc2

เขามงคลพิพิธ เป็นพุทธสถานลักษณะเป็นโขดหินน้อยใหญ่ในพื้นที่ของวัดบางนรา ด้านบนเขาประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เช่น พระพุทธบาทจำลอง พระพุทธสังกัจจายน์ รูปหล่อหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่ทิม พระครูวิสัยโสภณ วัดช้างให้ นอกจากนี้ยังมีพระโพธิสัตว์พังพระกาฬ จตุคามรามเทพ และรูปปั้นของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวด้วยครับ

i7tprc7tmvyh
mqzxfqpw7yso
fdxesuye1a4b

ทริปนี้ เรียกว่าเที่ยวกันจนวินาทีสุดท้ายเลยครับ จริงๆ ยังมีอีกหลายสถานที่ที่อยู่ในโปรแกรม แต่ผมพลาดไม่ได้ไปเที่ยวชม เนื่องจากมีเวลาจำกัด หวังไว้ลึกๆ ว่า คงได้กลับมาเที่ยวที่ยะลา และนราธิวาสอีกในเร็ววันนี้

46zz834obsqr

ถึงเวลาที่ผมต้องอำลาจังหวัดยะลาและนราธิวาสแล้ว ภาพความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ความสวยงามของม่านหมอก รสชาติของอาหารพื้นถิ่น รวมถึงรอยยิ้มของผู้คนที่นี่ ความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้จะอยู่ในใจของผมไปอีกนานแสนนาน

Kamol Phapoom

ลุงเสื้อเขียว

 วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เวลา 13.18 น.

ความคิดเห็น