สวัสดีค่ะ

ครั้งนี้เป็นการเดินทางไปสิงคโปร์เป็นครั้งที่สอง มีผู้ร่วมเดินทาง 6 คน พวกเราซื้อตัวโปรข้ามปีของแอร์เอเชียคนละ3,500 บาท ถึงแม้จะเคยไปมาแล้วแต่ยังไงก็ยังหลงทาง เพราะเราไปเที่ยวแล้วหลงเลยอยากมารีวิวเพื่อให้เพื่อนๆไม่หลงทางกันค่ะ

โปรแกรมเดินทางคราว ๆ

วันที่หนึ่ง

13.25 น. ออกเดินทางไปสิงคโปร์ด้วยเที่ยวบิน FD 355

16.35 น ถึงสิงคโปร์โดยสวัสดิภาพเวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าไทย1 ชั่วโมง เดินทางไปโรงแรม Tai Hoe Hotel ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงสถานีรถไฟฟ้า Mrt Farrer park Exit A

18.00 น. เช็คอินโรงแรม Tai Hoe Hotle 19.00 น. ทานอาหารเย็นฟู้ดคอร์ทข้างโรงแรม

20.00 น. ไปมาริน่าเบย์รอดู wonderful show โชว์เริ่ม 20.00, 21.30น. @ ลาน Promenade หน้ามาริน่าเบย์แซนด์ Mrt Bayfront exit D เดินเข้าไปใน The Shoppes at Marina Bay

22.30 น. กลับโรงแรม

วันที่สอง

9.00 น. วัดพระเขี้ยวแก้ว Mrt Chinatown Exit A แวะกินคายาโทส ที่ร้านยาคุน ช๊อปปิ้งย่านไชน่าทาว์น

11.00 น. เดินไปซื้อตั๋วเครื่องเล่นที่ร้านSea Wheel ที่ชั้น 3 ของห้าง Poeple's Park กินอาหารกลางวันที่ห้าง

12.00 น. เดินทางไปเกาะเซนโตซ่า Mrt HarbourFront Exit E ห้าง vivocity ขึ้นบันไดไปชั้น 3 หลังจากขึ้น Monorail ก็มาลงที่สถานี Waterfont Station ก็จะมาถึง Universal Studio เที่ยวใน uss จนจบพาเรดรอบหกโมงเย็น

19.00 น. - 20.00 น. ออกจากเกาะเซนโตซ่าไปช๊อปต่อที่ห้าง ViVo city กินอาหารเย็นที่ฟู้ดคอร์ด

20.00 น - 22.00 น. ช๊อปปิ้งต่อที่ห้างมุสตาฟา Mrt Farrer park Exit A เดินกลับโรงแรม

วันที่สาม

9.00 น. หาอะไรกินแถวโรงแรม

10.00 น. การ์เด้นบายเดอะเบย์ Mrt Bayfront exit B

11.00 น .ช๊อปปิ้งย่านออร์ชาด MRT Someset กินอาหารกลางวันที่ห้าง313@sameset

14.00 น. ช๊อปชาร์ลแอนด์คลีดเอาท์เลทที่ห้างAnchorpoint out let Mrt Queenstowm Exit b

18.00 น. เดินเล่นย่านเมอร์ไลอ้อนพาร์ค Mrt. RafflesPlace ทางออกที่ H /6 ถนน Battery rd.

20.00 น. นั่ง Taxi กลับโรงแรม

วันที่สี่

กินอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว นั่งแท็กซี่ไปสนามบินเครื่องออก 14.40 น.

โปรแกรมพร้อมแล้วไปเที่ยวกันเลยค่ะ

วันแรก

เราไปถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่เก้าโมงเช้าทั้งที่เครื่องออก 13.25 น. เพราะกลัวรถติดแต่เอาเข้าจริงรถไม่ติดเลย

พอเดินทางมาถึงสนามบินชางอีก็หาไวไฟฟรีเข้าได้เลย รอเช็คอินนานนิดหน่อยรับกระเป๋าเรียบร้อยก็เดินไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกันค่ะ


หลังจากผ่านขั้นตอนของตม. ตรง Terminal 1 แล้ว ให้เราเดินตามป้าย Skytrain to T2 พอถึง Terminal 2 แล้วให้เดินตามป้าย Train to City เลี้ยวขวานิดเดียวจะเห็นบันไดเลื่อนสูงๆให้เราลงบันไดเลื่อน พอลงไปสุดทางจะบังคับเลี้ยวซ้ายลงมาแล้วจะเจอบันไดเลื่อนอีกอันให้ลงบันไดเลื่อนต่อไปก็จะถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินค่ะ

ซื้อบัตร EZ-Link Cards กันก่อน ค่าบัตรเบื้องต้นราคา12 ดอลล่าร์ แต่ราคานี้จะแยกเป็น 2 ส่วนคือ 7ดอลล่าร์ เป็นค่าโดยสารที่เราสามารถใช้ได้และ 5ดอลล่าร์ คือเงินกินเปล่าเป็นค่าบัตร หน้าตาแผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินตามรูปเลยค่ะ



วิธีการเดินทางสายไหนเปลี่ยนสายยังไงค่าโดยสารเท่าไหร่แนะนำเว็ปนี้เลย http://www.smrt.com.sg/Journey-with-Us/Trains/Train-Map-Line-and-Station-Information

หลังจากที่เราได้บัตร EZ-Link แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Changi Airport เพื่อไปลงที่สถานี Tanah Merah แล้วให้มองหาป้าย ที่เขียนว่า

to Joo Koon และให้เรารอรถไฟฟ้าสายนี้เพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเปลี่ยนสายที่สถานี Bugis (11) เปลี่ยนอีกครั้งที่ little india (7) ลงสถานีรถไฟฟ้า Farrer park แล้วมองหา Exit A พอออกมาจาก mrt ก็เดินตรงไปเลย ไม่ต้องเลี้ยวใดๆ ข้ามถนนตรงร้านขายอาหารอินเดียแล้วเดินไปอีกหน่อยก็เห็นโรงแรมแล้วโรงแรมอยู่เยื้องห้าง city square mall อยู่ท้ายๆห้างค่ะ อยู่หัวมุมถนนพอดี



ตอนแรกเล็งไว้ว่าจะนอนโฮเทลในไชน่าทาว์นแต่ด้วยความที่เราอิ่มตัวกับการเที่ยวโซนประเทศตระกูลกินข้าวด้วยตะเกียบมากอยากเปลี่ยนแนวไปนอนโซนที่ไม่ได้ออกแนวจีนมั่ง เลยมาเลือกนอนย่านลิตเติ้ลอินเดีย สุดท้ายก็หนีพี่จีนเค้าไม่พ้นได้นอนโรงแรมจีนในย่านลิตเติ้ลอินเดียแต่ถึงยังไงโรงแรมนี้ก็ไม่มีความเป็นจีนให้เห็นเลยค่ะ

เราจองโรงแรมผ่าน booking.com ค่าโรงแรมประมาณ 2,700 บาท ต่อคืน แต่พอถึงโรงแรมกลายเป็นว่า เราดูเงื่อนไขของbooking.com ไม่ดีเพราะราคานั้นเป็นราคาไม่รวมภาษีและService charge 10.7% เลยกลายเป็นว่าค่าห้องประมาณ 2,900 บาทต่อคืนถ้ารู้ว่าราคานี้เลือกนอนตระกูล Hotel 81 หรือ fragrance ดีกว่าค่ะ

สภาพห้องค่อนข้างโทรมมีกลิ่นอับนิดหน่อย ตอนเช็คอินพนักงานจะให้รีโมทแอร์และรีโมททีวีให้ พอตอนเช็คเอาท์ก็ให้เอามาคืน โรงแรมมีไวไฟฟรีให้แต่ต้องมารับรหัสที่เคาวน์เตอร์ทุกวันหนึ่งรหัสต่อหนึ่ง user และใช้ได้หนึ่งวัน สัญญาณแรงค่ะแต่พักห้องละ 2คนก็ต้องแชร์กันเล่น ถ้าเพื่อนเข้า password เดียวกับเราคนเล่นคนแรกจะโดนเด้งออกไป


รูปในห้องไม่ได้ถ่ายมาค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติมไปที่เวปโรงแรมเลย http://www.taihoehotel.com/

หลังจากเก็บข้าวของกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาอาหารมื้อเย็นพวกเรากินกันที่ฟู้ดคอร์ดข้างโรงแรม อาหารที่ขายจะมีอยู่ 3 ร้านเป็นร้านขายข้าวราดแกง ร้านขายข้าวมันไก่และร้านขายน้ำ ราคาข้าวมันไก่จานละประมาณ 2.5 เหรียญรสชาติใช้ได้เลยค่ะไม่ได้อร่อยเวอร์แต่ก็ไม่ได้แย่ คนที่มากินส่วนมาจะเป็นพวกแขกซะส่วนใหญ่ก็นะนี่ย่านอะไรลิตเติ้ลอินเดียไง

จากในรูปร้านจะอยู่ตรงป้ายห้ามจอดค่ะ รูปนี้ถ่ายจากโรงแรมย้อนขึ้นไปที่เห็นซุ้มสีขาวไกล ๆ คือสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินค่ะ


อิ่มแล้วเดินหน้าต่อไปที่รถไฟฟ้าใต้ดิน พวกเราจะไปดู Wonderful Show กันค่ะ



โชว์ wonderful show ที่ Esplanade โชว์เริ่ม 20.00, 21.30 น. @ ลาน Promenade หน้ามาริน่าเบย์แซนด์

วิธีการเดินทาง Mrt.Bayfront exit D เดินเข้าไปใน The Shoppes at Marina Bay Sands สังเกตง่ายๆ จะเห็นคลองที่มีเรือกอนโดล่า

แล้วขึ้นบันไดเลื่อนไป 2 ชั้นค่ะ



พวกเราไปถึงตอน20.30 น. โชว์รอบ 20.00 น. จบไปแล้วเลยเดินเล่นใน Marina Bay Sands และ Shop Louis รอดูโชว์รอบ 21.30 น.



สำหรับโชว์นี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตคนในช่วงเวลาวัยต่างๆ ส่วนตัวเราชอบให้ผ่านค่ะ ดูโชว์เสร็จแล้วก็กลับโรงแรมนอน

วันที่สอง

เราเริ่มออกเดินทางกันตอน 8 โมงเช้ากะว่าไปหาอะไรกินกันที่ย่านไชน่าทาว์น ที่จริงเราอยากไปร้านยาคุนแต่ยังไม่บอกสมาชิกเพราะเกรงว่าจะหาร้านไม่เจอ เอาเป็นว่าไปหาเอาข้างหน้าดีกว่า

วิธีการเดินทาง Mrt China town Exit A ด้วยความที่มาถึงกันแต่เช้าร้านค้าเลยยังไม่เปิด พอดีว่าไปเจอร้านอาหารไทยกำลังเตรียมเปิดร้านอยู่

แล้วมีพี่คนไทยมาทักทายเราเลยถามทางไปร้านยาคุนกับเค้า พี่คนไทยก็เลยหยิบแผนที่พร้อมอธิบายทาง แกบอกว่ามีคนไทยมาถามบ่อย

มื้อเช้าเราไปกินคายาโทสกันที่ร้านยาคุนร้านดังห้องบูลค่ะ จาก MRT China town Exit A ไปร้านยาคุน เดินไปจดสุดซอยพอเห็นวัดแขกเลี้ยวซ้าย

เดินไปจดสุดถนน เจอห้าง China Square ข้ามถนนเดินตรงเข้าไปในตึกร้านจะอยู่หลังตึกรูปล่างค่ะ



อาหารที่เรากินเป็นชุด มีคายาโทส 2 แผ่น กาแฟและไข่ลวกราคาชุดละ 2.4 ดอลล่าร์ ราคาแพงใช้ได้อยู่นะคะราคาเท่าข้าวมันไก่หนึ่งจานเลย สำหรับคายาโทสอร่อยดีค่ะ แต่กาแฟจะออกขมหน่อยถ้าคนชอบกาแฟนมคงไม่ถูกปาก


หลังจากนั้นก็เดินกลับไปเที่ยววัดกันค่ะผ่านวัดแขกเลยแวะเข้าไปดูหน่อย ไปเจอเค้ากำลังจัดพิธีแต่งงานอยู่พอดี รูปในวัดไม่ได้ถ่ายมาเพราะเค้าเก็บค่ากล้องถ่ายรูปด้วยเลยไม่ถ่ายดีกว่า


ไม่ไกลจากวัดแขกเดินตรงไปเรื่อย ๆ จะเจอวัดพระเขี้ยวแก้วที่วัดนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น ที่ชั้น 3 จะมีพระแก้วมรกตจำลองด้วย ชั้นบนสุดจัดเป็นสวนและมีกงล้อธิเบตด้วยค่ะ



ในซอยด้านข้างของวัดพระเขี้ยวแก้วจะมีสินค้าพวกของที่ระลึกขายในราคาย่อมเยาว์ ช๊อปปิ้งของฝากกันได้เพลิน ๆค่ะ



ฝั่งตรงข้ามวัด เป็นศูนย์อาหาร Maxwell ซึ่งในศูนย์อาหารจะมีร้านข้าวมันไก่ในตำนาน ซึ่งเราไม่ได้เข้าไปเลยไม่มีรูปค่ะ

จากนั้นเราก็เดินกลับไปทางเดิมที่ MRT Chinatown exit A หาทางไป exit D เพื่อจะไปห้าง Poeple's Park ไปซื้อบัตรเข้า USS และ Garden by the Bay ที่ร้าน Sea Wheel ระหว่างทางเจอร้านน้ำหอมเพื่อนสาวเลยไปสอยมาซะหลายขวดเค้าบอกว่าราคาถูกแต่จะของแท้หรือเปล่ายังไงเราไม่รู้เพราะเราไม่ใช้น้ำหอม


จาก Chinatown Exit D เดินไปร้าน Sea Wheel ในห้าง Poeple's Park ก็ข้ามถนนตรงข้ามห้าง Perennail หรือเดินเลยมาอีกหน่อยจะเจอสะพานลอยก็สามารถข้ามมาที่ชั้น 3 ของห้าง Poeple's Park ได้เลย



เราได้บัตรเข้า USS คนละ 62 ดอลล่าร์ Garden by the Bay คนละ 19 ดอลล่าร์ ที่ร้านรับเฉพาะเงินสดไม่รับบัตรเครดิตค่ะ หลังจากซื้อบัตรแล้วเพื่อนร่วมทริปบ่นหิว พวกเราเลยกินอาหารกลางวันกันที่ใช้ใต้ดินของห้างเป็นพวกข้าวมันไก่ข้าวหมูแดง จานละประมาณ 3 ดอลล่าร์ ไม่ค่อยอร่อยสู้ฟู้ดคอร์ดข้างโรงแรมไม่ได้ เข้าห้องน้ำที่ห้างนี้เสียตังค์ด้วยนะคะบรรยากาศของห้างอารมณ์ประมาณอิมพีเรียลเวลิ์ดลาดพร้าว วังเวงนิดหน่อย

ช่วงบ่ายพวกเราไป USS กันค่ะ

Universal studio Singapore วิธีการเดินทาง Mrt Harbour Front Exit E ห้าง vivo city ขึ้นบันไดไปชั้น 3 เพื่อไปขึ้น Monorail ไปเกาะเซนโตซ่า ค่าเข้าเกาะ 3.5 ดอลล่าร์ มีบัตร easy link ใช้บัตรแตะได้เลยไม่ต้องซื้อบัตร หลังจากขึ้น Monorail ก็มาลงที่สถานี Waterfont Station ก็จะมาถึงยัง Universal Studio



สำหรับ Uss เราจะไม่รีวิวอะไรมากนะคะ เพราะข้อมูลของที่นี่หาได้ง่ายมีคนทำไว้เยอะแล้ว เราใช้เวลาอยู่ใน Uss ตั้งแต่บ่ายโมงถึงเกือบหนึ่งทุ่ม เลือกเล่นเครื่องเล่นหรือโชว์ที่ไม่ต้องต่อคิวยาว เพราะเครื่องเล่นแต่ละอย่างคิวยาวมาก กิจกรรมที่ได้เล่นก็มี

ดูหนัง 4D เรื่องเชร็คหนังฉายประมาณ 5-10 นาที ตอนที่รับแว่นสามมิติก็สงสัยนิดหน่อยว่าแว่นไปเปียกน้ำมาจากที่ไหน พอดูจบถึงจะเข้าใจว่าทำไมแว่นถึงเปียก มีพ่นน้ำกันนิดหน่อยพอให้รู้สึกเย็นๆ ค่ะ



โชว์ Water world อลังการงานสร้างชื่นชมนักแสดงแต่ละคนมาก โดยเฉพาะนางเอกของเรื่องกระโดดน้ำ ปีนป่าย ปืน ระเบิดมาเต็ม เป็นโชว์ที่อลังการมากค่ะ



เครื่องเล่นอียิปต์ เพราะคิวไม่ยาวนี่หละค่ะ เลยหลวมตัวมาเล่นเครื่องเล่นนี้ ตอนที่พนักงานบอกให้เก็บสัมภาระไว้ในล็อกเกอร์ให้เรียบร้อย ก็ยังไม่เอะใจนะว่าทำไมต้องเก็บ อ่านในรายละเอียดโรเลอร์โคสเตอร์ ก็ไอ้ที่หมุนๆไง คือคิดไว้แค่ว่านั่งรถรางล่องไปชมเมืองอียิปต์โบราณ พอเอาเข้าจริงคุณพระนี่ฉันหลวมตัวอะไรแบบนี้หัวใจจะวาย ในชีวิตนี้ถ้าเลือกได้จะไม่เล่นเครื่องเล่นโลดโผนเด็ดขาด แค่ไวกิ้งก็กลัวแล้ว เล่นออกมาขาสั่นทรงตัวแทบจะไม่ได้ แต่ยอมรับว่าสนุกจริง



สุดท้ายก็ดูพาเรดตอนหกโมงเย็น



ถ้าใครมีแรงและมีเวลาก็รอชมพลุตอน 2 ทุ่มกันต่อได้นะคะ

หลังจากจบขบวนพาเรดแล้ว พวกเราก็กลับไปกินข้าวเย็นกันที่ฟู้ดคอร์ดในห้าง Vivo และช๊อปปิ้งกันต่อพอดีเพื่อนเค้าอยากไปดูของเล่นให้ลูกที่

ร้าน Toy r us เลยได้ถ่ายรูปกับเลโก้เมอร์ไลอ้อน



จากนั้นก็กลับไปที่โรงแรมพักเอาแรงนิดหน่อย เดินไปช๊อปปิ้งกันต่อที่ห้างมุสตาฟาซึ่งอยู่ใก้ลๆ โรงแรม ดูแล้วก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมา

คนเยอะเลือกของไม่สะดวก เดินกลับโรงแรมแบบเซ็ง ๆ ไปเจอร้านโชว์ห่วยที่คนพิ้นเมืองเค้าซื้อกัน น้ำก็ถูกขนมก็ไม่แพง ได้ช็อคโกแลตรูป

เมอร์ไลอ้อนมาสองกล่อง กล่องละ 3 เหรียญ พอกลับมากินรสชาตไม่ได้เรื่องเลย

วันที่สาม

วันนี้เราออกเดินทางกันสายหน่อย 9 โมงเช้า ไปกินข้าวมันไก่ที่ร้านฟู้ดคอร์ดหน้าโรงแรม เสร็จแล้วก็เดินทางไปการ์เด้นบายเดอะเบย์

วิธีการเดินทาง Mrt Bayfront exit B เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อย ๆ พอออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็เดินผ่านสวนไปจะมีรถกอล์ฟบริการพาไปส่งที่การ์เด้นบายเดอะเบย์ ค่าบริการคนละ 2 ดอลล่าร์



สำหรับที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มาก มีทั้งส่วนที่เป็นกลางแจ้งและสวนในโดม ในส่วนของสวนกลางแจ้งชมฟรี แต่ถ้าจะเข้าไปในโดมต้องเสียค่าเข้าชม ถึงแม้จะไปแต่เช้าแต่แดดแรงมากให้แดดกลางแจ้งคงไม่ไหว พวกเราซื้อบัตรเข้าในส่วนของ Flower Dome และ Cloud Forest จากร้าน Seawheel มาแล้วในราคา 19 ดอลล่าร์ รถกอล์ฟจอดให้ลงที่โดมกันเลยค่ะ



Flower Dome จะเป็นสวนดอกไม้ในร่มแอร์เย็นสบาย มีการจัดแสดงดอกไม้ต่าง ๆ นานา ถามว่าสวยไหมก็สวยค่ะ แต่สำหรับเราคือเป็นคนเชียงใหม่เห็นดอกไม้แบบนี้มาตั้งแต่เกิดเราว่าไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค่ะ ค่าเข้ามันแพงไป



Cloud Forest จะเป็นส่วนการแสดงพืชพวกป่าดงดิบ เฟิร์น กล้วยไม้อะไรประมาณนี้ เดินเข้าไปก็จะเจอน้ำตกก่อนละอองน้ำแรงนะคะระวังกล้องเปียกกันด้วยนะ



ส่วนตัวไม่ค่อยเท่าไหร่กับทั้งสองโดมนะคะ สิงคโปร์เค้าเป็นเกาะบ้านเค้าจัดสวนเพื่อให้คนบ้านเค้าได้ดูได้ชมกัน แต่เมืองไทยดอกไม้ธรรมชาติ ป่าดงดิบบนดอย ยังมีให้ชมมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประหยัดงบแนะนำว่ามาช่วงเย็น ๆ เดินเล่นรอบสวนกลางแจ้ง ดูโชว์แสงสี Super tree ก็สวยดีนะคะ



เสร็จจากที่นี่แล้วเราไปช็อปปิ้งกันต่อที่ย่านออร์ชาดค่ะ ถึงแม้ว่าการ์เด้นบายเดอะเบย์ จะอยู่ใก้ลเมอร์ไลอ้อนพาร์ค แต่แดดแรงขนาดนี้ขอหลบเข้าห้างหาที่เย็น ๆ ดีกว่า

พวกเราเลือกช๊อปกันที่ห้าง 313@Somerest ลงรถไฟฟ้าที่ MRT Somerest ออกจากสถานีก็เจอห้างเลยค่ะ กินอาหารกลางวันกันที่ห้างนี้ เดินหาร้านอยู่นานเลือกแล้วเลือกอีกสุดท้ายจบลงที่ MK.สุกี้ ร้านอาหารสัญชาติไทยนี่หล่ะค่ะ เอ็มเคที่สิงคโปร์ก็รสชาติเหมือนที่ไทย มีพนักงานเสิร์ฟคนไทยด้วยค่ะ



พวกเราเดินห้างนั้นออกห้างนี้กันหลายห้างแต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือมา เลยชวนกันไปห้าง Anchorpoint outlet และนี่คือการหลงทางที่เหนื่อยมาก

ตอนที่เตรียมข้อมูลเรามีข้อมูลของห้าง Anchorpoint out let ว่าลงที่สถานี Queenstown Exit b แล้วให้เดินย้อนขึ้นไปทางสถานี mrt redhill พอเดินมาสัก 3 นาทีจะเจอ 4 แยกใหญ่ให้เลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆผ่านปั๊มเซลปั้มหอย เดินไปก็จะเห็น ikea อยู่ฝั่งตรงข้ามห้าง Anchorpoint

แต่พอไปถึงปรากฏว่าเราเดินผิดทางไม่ได้เดินย้อนขึ้นไปแต่กลับเดินทางไปทางตรงข้าม เดินไปก็เจอสี่แยกใหญ่นะ แล้วก็เลี้ยวขวาด้วย แต่ทางที่เดินไปมีแต่อพาร์ทเม้นท์ที่เป็นบ้านคน เราก็เคยอ่านมาว่าห้างนี้เป็นเอาท์เลทอยู่ใต้อพาร์ทเม้นท์เราก็ยังมั่นใจว่าใช่ เดินไปเกือบ 15 นาทีก็ยังไม่มีวี่แววมาจะเจอห้างแถมทางที่เดินก็เป็นทางขึ้นเขา เริ่มเอะใจว่าไม่ใช่ละหลงทางแน่ แต่ก็ดันมีรถบรรทุกของห้างอิเกียผ่านมา อ้าวงั้นก็ใช่สิ เดินกันจนหอบก็เลยมานั่งพักที่ป้ายรถเมล์ และถามคนแถวนั้นว่าห้างนี้ไปยังไงเค้าก็บอกให้นั่งรถเมล์ไปจำสายไม่ได้ละ นั่งไปประมาณ 5 ป้าย ถามเค้าว่าเดินไหวไหมเค้าบอกว่าไกลมาก นั่งรถเมล์ไปเถอะ รอจนรถมานั่งนับกันไปห้าป้าย พอลงจากรถบัสก็ยังไม่เจอห้างอีก ก็เลยต้องเดิน ๆ ๆ ถามทางไปเรื่อย ๆ สรุปก็ลงเร็วไปสองป้าย พอเจอห้างเท่านั้นหล่ะน้ำตาจะไหล เหนื่อยมากยังกะหาอาร์ซี



รูปจากอินเตอร์เนต

สินค้าในห้างมีเยอะนะคะ ที่ดั้นด้นมาเพราะ ชาร์ลแอนด์คีท หล่ะค่ะ ราคาจะถูกกว่าในเมืองนิดหน่อยและมีของตกรุ่นด้วย ถ้าในเมืองจะเป็นรุ่นใหม่ และอย่างรุ่นที่เพื่อนฝากซื้อจากไทยเหมือนกับว่าไปดูในช๊อปไทยมาอยากได้รุ่นนี้คือที่สิงคโปร์ตกรุ่นแล้วไง ในเอาท์เลทก็จะยังมีรุ่นพวกนี้เหลืออยู่ค่ะ พวกสินค้าลดราคาก็จะเป็นสินค้าตกรุ่นพวกนี้แต่พวกรุ่นใหม่ก็จะราคาเท่าในเมืองค่ะ

ตอนขากลับก็ยังคงมีปัญหาอยู่เพราะเคยอ่านมาว่ามีรถชัตเตอร์บัสไปส่งฟรีที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ถามพนักงานในห้างก็บอกว่าไม่มี เลยถามคนที่ป้ายรถเมล์ว่าจะไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใก้ลที่สุดยังไง เค้าก็บอกให้นั่งรถเมล์สาย 195 ไปสามป้าย พอได้ขึ้นรถเมล์ลงจากรถเท่านั้นแหละมันใก้ลมาก ปั๊มเชลก็เจอ สี่แยกก็มีถ้าเดินมาทางนี้ซะตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้

ย้ำอีกครั้งวิธีการเดินทางที่ถูกต้อง Mrt Queen Town Exit B นั่งรถเมล์สาย 195. ไป 3 ป้าย ลงหน้าห้าง IKEA แล้วข้ามสะพานลอยจะเจอห้าง Anchorpoint outlet

เวลา ณ ตอนนั้น 6 โมงเย็นต้องเร่งไปย่านเมอร์ไลอ้อนพาร์ค ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกเพราะตากล้องไม่อยากถ่ายรูปตอนกลางคืน

เมอร์ไลอ้อนพาร์ค วิธีการเดินทาง mrt. Raffles Place ทางออกที่ H /6 ถนน Battery rd. ออกจากสถานีแล้วก็เดินเลาะแม่น้ำไปเรื่อยมีป้ายบอกทางตลอดถ้าเดินถูกทางจะไม่ไกลค่ะ ถ้าเดินไกลแสดงว่าหลง ข้ามถนนแล้วเดินลงบันไดไปด้านหน้าก็คือ เมอร์ไลอ้อนพาร์คแล้วค่ะ



กว่าจะมาถึงแสงก็หมดพอดี เมอร์ไลอ้อนยามค่ำคืนก็สวยไปอีกแบบนะคะ



ถ่ายรูปกันหนำใจแล้วหมดแรงกันมากมายขอนั่งแท็กซี่กลับโรงแรมละกันไปกัน 6 คนนั่งแท็กซี่สองคันเอาที่อยู่โรงแรมจากใบจองโรงแรมยื่นให้คนขับดู ใช้เวลาไม่นานก็ถึงโรงแรมค่าแท็กซี่ไม่แพงค่ะคันละ 14 ดอลล่าร์ ถึงโรงแรมนั่งพักกันซักพักใหญ่ ก็ไปช๊อปกันต่อที่ห้าง city square mall อยากสมน้ำหน้าตัวเองจะดั้นต้นไปทำไมให้เหนื่อย ห้างหน้าโรงแรมก็มีทุกอย่างให้เลือกซื้อ เราได้ Vincci มาสองคู่ คู่ละ 700 กว่าบาทเอาซิ คนอื่นเค้าช๊อป charles & keith เราได้รองเท้าสัญชาติมาเลเซีย ทำไมต้องเหมือนใคร

วันสุดท้ายในการเดินทางกินอาหารเช้าเป็นพวกนมขนมปัง โจ๊กกันที่โรงแรม แล้วก็นั่งแท็กซี่จากโรงแรมไปสนามบินเลย ค่าแท็กซี่ คันละ 20 ดอลล่าร์ กิจกรรมวันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากนั่งเล่น wifi ที่สนามบินรอขึ้นเครื่องตอน 14.40 น. ในโซนที่รอขึ้นเครื่องก่อนเช็คอินสามารถเอา passport ไปขอรับรหัส wifi ฟรีได้ที่เคาว์นเตอร์ประชาสัมพันธ์ค่ะ แต่พอผ่านตม.มาแล้วหา wifi เข้าฟรีได้เลย



รูปนี้เป็นต้นไม้แห่งอนาคตค่ะ เค้าจะมีกล้องไว้ให้เราถ่ายรูปพอถ่ายเสร็จแล้วก็ส่งข้อมูลรูปที่เราถ่ายขึ้นจอภาพด้านบนได้เลย

ขอบคุณที่เข้ามาชมรีวิว


Tharasaki

 วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.41 น.

ความคิดเห็น