เราออกเดินทางเพื่อ 'ใช้ชีวิต'
มิใช่เพื่อ 'อินสตาแกรม'
มิใช่เพื่อ 'เฟซบุ๊ค'
มิใช่เพื่อ 'อวดชีวิต'.....
จึงขอทำตามหัวใจ มิใช่ทำตามใคร

คนเราแต่ละคนมีแรงบันดาลใจในการออกเดินทางต่างๆ กัน เหตุการณ์วันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นเสมือนตัวกระตุ้นที่ทำให้ความรู้สึกอยากเดินทางไป 'สวิตเซอร์แลนด์' ของพี่ใหญ่กับหนูเล็กเกิดขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ หลังจากเคยมีความอยากเมื่อนานมากแล้วและก็พับโครงการไป ใบเบิกทางเพียงวีซ่าเชงเก้น และเวลาเตรียมการล่วงหน้าเพียงสามเดือนโดยประมาณ กับผลลัพธ์ที่ลงเอย เป็นความสุข ความประทับใจในแบบของเราที่ยังคงหอมหวานเสมอเมื่อระลึกถึง

การเดินทางครั้งนี้ พี่ใหญ่กับหนูเล็กเดินทางกันในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่สวิตเซอร์แลนด์กำลังเดินทางเข้าสู่ฤดูหนาว ลองไปดูว่าพวกเราจะเผชิญกับอะไรกันบ้าง

ครั้งแรกในชีวิตกับการเดินทางด้วยสายการบิน Swiss Air ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300ER บินตรงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) สู่สนามบินซูริค (ZRH) ใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมง 10 นาที ระยะทาง 5,622 ไมล์ ออกเดินทางในเวลา 01.05 pm ไปถึงซูริคเวลา 07.15 pm (เวลาสวิตเซอร์แลนด์ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง)

เมื่อขึ้นไปบนเครื่องสักพัก แอร์โฮสเตสจะแจกเมนูอาหารที่จะเสิร์ฟในเที่ยวบินนี้ให้ทราบล่วงหน้า อ่านไม่ออกไม่ต้องตกใจ ลองพลิกอีกหน้าสิ มีภาษาไทยพร้อม

นั่งไปสักพักก็เริ่มแจกอาหารการกินกันแล้ว ไลน์อาหารมาเป็นระลอกเลยค่ะ ไปดูกัน

เริ่มเรียกน้ำย่อยกันด้วยสิ่งนี้

และนี่คืออาหารมื้อกลางวันของเราค่ะ มาดูกัน
อาหารเรียกน้ำย่อย (มุมซ้ายบน) อกไก่เสิร์ฟพร้อมสลัดมะละกอและแครอท
อาหารจานหลัก (ตรงกลาง) พาสต้าริกาโทนี ซอสครีมมะเขือเทศและผักขม
ของหวาน (มุมขวาบน) ครัมเบิ้ลสัปปะรดและลูกเกด พร้อมวานิลลามูส


เมนูนี้สำหรับคนทานเนื้อได้ เนื้อผัดกระเทียมพริกไทยดำพร้อมข้าวสวยและผัดคะน้า

นั่งทานไปพร้อมชมวิวงามๆ นอกหน้าต่างไปด้วย

มีของหวานแบบนี้มาเสิร์ฟให้อีก

จากนั้นไปนานกี่ชั่วโมงจำไม่ได้ค่ะ แอร์โฮสเตสเริ่มดูแลเราอีกครั้งด้วยอาหารว่างอย่างแซนวิชไก่แสนอร่อย การเดินทางยาวนานกับอาหารเสิร์ฟตลอดทางแบบนี้ อิ่มจนแน่นทีเดียวเชียว


และแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงจุดหมาย สวิสแอร์ก็ทำตามสัญญา เสิร์ฟเมนูที่บอกกล่าวกันไว้ ผัดหมี่ซั่วใส่เห็ดและผัก พร้อมสลัดผัก และผลไม้ตามฤดูกาล เพื่อเป็นอาหารรองท้องก่อนลงเครื่อง แถมด้วยเวเฟอร์จากเนสท์เล่ผลิตภัณฑ์สัญชาติสวิสอีก 1 แท่ง เป็นของหวาน หน้าตาดีไม่พอ อร่อยอีกต่างหาก


เมื่อใกล้เวลาที่จะถึงที่หมาย สวิสแอร์ทำให้พี่ใหญ่และหนูเล็กลืมการให้บริการของพวกเขาไม่ลงเพราะสิ่งนี้ เพราะดินแดนแห่งนี้ลือชื่อเรื่องชอคโกแลต สวิสแอร์จึงนำมาเป็นของที่ระลึกอันน่าประทับใจ แม้จะเป็นของชิ้นน้อย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดว่ามีมากเพียงใด น่ารักน่าเลิฟจริงๆ


และแล้วเราก็เดินทางถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในที่สุด เราไม่ได้ขอวีซ่าสำหรับการเดินทางครั้งนี้ เพราะวีซ่าเชงเก้นจากการเดินทางครั้งก่อนยังสามารถใช้ได้

และแล้วเราก็ผ่าน ตม. ของสวิสมาได้โดยง่ายดาย นี่ก็ทุ่มกว่าละ รีบออกไปเอากระเป๋าดีกว่า ยังต้องเดินทางเข้าเมืองอีกไกล

ไปเอากระเป๋ากันก่อนค่ะ

ได้กระเป๋าล่ะ ได้เวลาออกไปผจญภัยกันแล้ว

ระหว่างทางผ่าน Duty Free แต่ไม่ใช่เวลาที่จะสนใจ

หาทางเข้าเมืองกันก่อน

ซื้อตั๋วรถไฟที่ตู้นี้กันก่อนเลย

ขึ้นรถไฟมาแล้วก็หาที่นั่งกันเลย เพราะใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองราว 1 ชั่วโมง

ได้เวลาออกเดินทางเข้าเมืองกันแล้วค่ะ

และแล้วก็มาถึง Zurich HB หาทางไปที่พักกันให้ได้ก่อนดีกว่า


ที่พักของเราคืนแรกเดินจากสถานีมาไม่ไกลนัก มาถึงตอนค่ำก็ยังพอเดินมาได้ ไม่น่ากลัวเกินไป เราจองผ่าน booking.com ที่พักที่นี่ไม่มีแผนกต้อนรับ ตอนจองจะได้รับหมายเลขจอง ก็ใช้หมายเลขนั้นมาใช้ในการกดที่ตู้นี้เพื่อรับกุญแจที่เก็บไว้ในตู้ เมื่อกดรหัสกุญแจก็จะหล่นลงมาที่ช่องด้านล่าง ตอนคืนก็หย่อนคืนที่ช่องด้านบน นับว่าสะดวกทีเดียว ไม่ต้องมีคนรอต้อนรับหากว่าเราจะมาถึงผิดเวลาก็ตาม

นี่คือที่พักของเราคืนแรกในสวิส (ภาพนี้ถ่ายตอนเช้าค่ะ ตอนมาถึงมืดเกินจะเก็บภาพ) Casa Heinrich Guesthouse


นี่คือตู้กดรับกุญแจที่ว่า


เปิดประตูเข้าที่พักจะเจอครัวเล็กๆ แบบนี้


เมื่อไต่บันไดเวียนลงมาชั้นใต้ดิน ก็จะพบห้องนอนรวมที่จัดที่นอนไว้ให้กับพวกเราพร้อมสรรพ สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านในสุดเป็นห้องน้ำที่มีเครื่องใช้ตามมาตรฐานครบ


คืนแรกของเราในสวิตเซอร์แลนด์ยังไม่มีอะไรมาก แค่พาตัวเองให้มาถึงเท่านั้น การผจญภัยเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ยังมีอะไรอีกมากมายนับจากนี้ รอติดตามการเดินทางอันยาวนานนับหมืนไมล์จากแรงบันดาลสำคัญของพี่ใหญ่กับหนูเล็กนับจากนี้ค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไป

แวะไปทักทายกับพี่ใหญ่และหนูเล็กได้ค่ะที่ https://www.facebook.com/TravelWithPiyaiAndNoolek/

ความคิดเห็น