'สมุทรสงคราม' หรือ 'เมืองแม่กลอง' เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย
ทั้งจังหวัดมีเพียง 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที
ชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนที่นี่มีความผูกพันกับสายน้ำแม่กลองมาตั้งแต่อดีต
จนได้รับการขนานนามว่า “เมืองสายน้ำสามเวลา”

นิยามของเมืองสายน้ำสามเวลา ก็คือ วิถีชีวิตของคนที่นี้ใช้สายน้ำในการดำเนินชีวิต
ทั้งเช้า-กลางวัน-เย็น เราจะได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ของเมืองนี้ได้ทั้งสามเวลา
- เวลาเช้า : ตักบาตรตอนเช้าทางน้ำ
- เวลากลางวัน : เที่ยววิถีชุมชน วัดวาอาราม ตลาดบกและตลาดน้ำ
- เวลาเย็น : นั่งเรือชมหิ่งห้อย

Route Plan

Day 1 : ออกเดินจากกรุงเทพ > ตลาดร่มหุบ > เข้าที่พัก > ตลาดน้ำบางน้อย > วัดบางกุ้ง > วัดบางแคน้อย > วัดท้องคุ้ง > ตลาดน้ำอัมพวา > ชมหิ่งห้อยคลองแควอ้อม

Day 2 : ตักบาตรทางเรือ > ตลาดน้ำบางน้อย > ตลาดน้ำอัมพวา > เดินทางกลับกรุงเทพ

ที่มาภาพ : https://www.edtguide.com/th/thailand/detail/จังหวัดสมุทรสงคราม

*รีวิวนี้ได้รับ Sponser ที่พักและกิจกรรมจาก ‘บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท’ ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง*


การเดินทาง
(กรุงเทพมหานคร - สมุทรสงคราม)

การเดินทางของเราในครั้งนี้ เราเลือกวิธีการเดินทางที่คลาสสิคสุดๆ นั่นคือ การนั่งรถไฟไปนั่นเอง .. จุดเริ่มต้นของเราจะอยู่ที่ สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ เป็นสถานีต้นทางของทางรถไฟสายแม่กลอง

สำหรับการเดินทางมาที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ที่ง่ายที่สุด คือ นั่ง BTS มาลงสถานีวงเวียนใหญ่ ทางออก 1 กับ 2

เดินตาม Sky Walk มาเรื่อยๆ เลี้ยวขวาลงมาทางป้ายที่บอกว่า ‘ไปวงเวียนใหญ่’

แล้วเดินเลียบถนนตรงมาเรื่อยๆจะเจอสะพานลอย ข้ามสะพานลอยมาเลยค่ะ สังเกตดีดีจะเจอทางเข้าสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่

การเดินทางครั้งนี้ เราจะนั่งรถไฟ 2 เส้นทางด้วยกัน คือ รถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย และ สายบ้านแหลม-แม่กลอง .. ก่อนออกเดินทางควรเช็คตารางรถไฟให้ดีนะ เราต้องทำเวลาเพื่อไปให้ทันในรอบที่เราต้องการจะไป โดยยึดรอบรถไฟจากบ้านแหลม-แม่กลอง เป็นหลัก หากผิดจากนี้ สามารถนั่งรถตู้ไปลงตลาดแม่กลองได้อีกวิธีนึงค่ะ โดยวินรถตู้ย้ายจากอนุสาวรีย์ชัยไปอยู่ที่ ขนส่งสายใต้ใหม่ (ปิ่นเกล้า) ค่าตั๋ว 70 บาทค่ะ

กำหนดการเดินรถไฟ วงเวียนใหญ่-มหาชัย

กำหนดการเดินรถไฟ บ้านแหลม - แม่กลอง

เรามาถึงที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ก่อนรถไฟจะมาเพียงนิดเดียว ราคาตั๋วรถไฟจากวงเวียนใหญ่-มหาชัย เพียง 10 บาทเท่านั้นจ้า เราซื้อรอบ 7.40 น. จะถึงสถานีมหาชัยตอน 8.39 น.

เรามาถึงสถานีมหาชัย เลทไปถึง 45 นาที ตอนนี้เวลา 9.10 น. เราจะต้องไปที่สถานีรถไฟบ้านแหลมให้ทันรอบ 10.10 น.

พอจะมีเวลานิดหน่อย เราจึงเลือกที่จะทานมื้อเช้ากันก่อนที่จะไปต่อ ก่อนหน้านี้เราเห็นรุ่นน้องคนนึงเชคอินอยู่ที่ เส่ย เป็ดย่าง เลยตามรอย สั่งข้าวหน้าเป็ดมาทาน ราคาจานละ 40 บาท

เมื่อทานเสร็จเรากลับมาตรงสถานีรถไฟมหาชัย หากหันหน้าออกจากสถานีให้เดินผ่านตลาดมหาชัยมาทางขวามือ

ระหว่างทางก็จะมีร้านขายอาหารทะเล ทั้งแบบสดและแบบแห้ง ให้เลือกซื้อจนเพลินไปเลยล่ะคะ เพลินจริงๆนะ เพลินจนลืมไปเลยค่ะว่าเราต้องนั่งเรือข้ามฝากไปท่าฉลอม

เดินมาจนสุดทางเลี้ยวซ้ายก็จะเจอท่าเรือค่ะ ค่าโดยสารคนละ 3 บาท

ข้ามฟากมายังท่าฉลอม ใครใคร่จะเดินไปยังสถานีรถไฟบ้านแหลมก็เดินได้นะคะ แต่ตอนนี้เราเดินไม่ทันแล้วค่า อีก 5 นาที รถไฟจะออก หนทางที่เร็วที่สุด คือ วิ่ง!!! วิ่งมาซ้อนท้ายพี่วินเพื่อไปสถานีรถไฟบ้านแหลม ค่ารถมอเตอร์ไซด์ 15 บาท

ตีตั๋วรถไฟอีก 10 บาท หากตีตั๋วไม่ทันขึ้นรถไฟให้ทันค่ะ แล้วค่อยมาซื้อตั๋วบนรถไฟเอาจ้า .. สรุป มาทันรอบ 10.10 น. น้า จะถึงสถานีแม่กลองตอน 11.10 น.

วิวสองข้างทางของรถไฟสายนี้จะเป็นวิวนาเกลือ

และก่อนที่จะถึงสถานีแม่กลอง เราจะได้พบกับ Unseen Thailand อย่างตลาดร่มหุบ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจะวางขายสินค้าบนพื้นจนติดกับรางรถไฟ เวลารถไฟมาก็ต่างหุบร่มที่กางและเก็บสินค้าภายในพริบตา จนเป็นที่มาของชื่อตลาดหุบร่มนั่นเอง

การที่จะเก็บภาพนั้นควรมีสติและระมัดระวังอยู่ตลอดเวลานะคะ เพราะ สามารถเกิดอุบัติเหตุกับเราได้ตลอดเวลา ถึงรถไฟจะวิ่งผ่านบริเวณตลาดร่มหุบอย่างช้าๆ แต่ควบคุมความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวก็ยังไม่ทั่วถึง

หากเราอยู่บนรถไฟถ้าหากอยากได้ภาพตอนที่ร่มเริ่มกาง แนะนำให้อยู่ไม่หัวขบวนก็ท้ายขบวนนะคะ ก็จะได้มุมภาพอย่างที่เห็นนี้

คนที่อยู่ข้างล่างจะถ่ายรูปขึ้นมาบนรถไฟ คนที่อยู่บนรถไฟก็จะมีความเป็นเซเลปนิดๆ ยิ้มสวยๆ โบกไม้โบกมือกันไป

ปัจจุบัน จะมีรถไฟวิ่งผ่านตลาดหุบร่ม วันละ 8 รอบ ดังนี้ 06.20, 08.30, 09.00, 11.10, 11.30, 14.30, 15.30 และ 17.40 น.

ต่อจากนี้ เราจะนั่งรถสองแถวสีฟ้าเพื่อไปที่พักกันค่ะ จะเจอวินอยู่ 2 วินบริเวณฝั่งตรงข้ามธนาคารธนชาติ สายนึงจะไปตลาดน้ำอัมพวา ส่วนอีกสายจะไปทางวัดปราโมทย์ ซึ่งที่พักเราตั้งอยู่ทางอำเภอบางคนที ซึ่งขึ้นรถสองแถวที่ไปทางวัดปราโมทย์จะผ่านหน้าที่พักเราเลยค่ะ ค่าโดยสารคนละ 16 บาทเท่านั้นเองค่ะ


ที่พักค้างอ้างแรม

จริงๆแล้ว จังหวัดสมุทรสงครามใช้เวลาเดินทางไม่นาน เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวแบบ One day trip ได้สบายๆ แต่จะดีกว่าไหมหากจะเลือกพักค้างคืนซัก 1 คืน เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ของวิถีชีวิตคนในชุมชนริมแม่น้ำแม่กลอง .. วันนี้เราได้รับโอกาสดีดีจากที่พัก บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท (Baan Nam Pen Resort) ที่เอื้อเฟื้อที่พักค้างคืนและกิจกรรมดีดีให้พวกเรา

บ้านน้ำเป็นรีสอร์ท (Baan Nam Pen Resort) เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กตั้งอยู่ในอำเภอบางคนที ติดริมแม่น้ำแม่กลอง ..

ภายในมีบ้านพักทั้งหมด 9 หลัง อันได้แก่ บ้านน้ำหนึ่ง, บ้านน้ำเพชร, บ้านน้ำใส, บ้านน้ำจิต, บ้านน้ำใจ, บ้านน้ำฝน, บ้านน้ำฟ้า, บ้านน้ำเย็น, บ้านน้ำริน .. สามารถพักได้ 2 ท่านและเสริมได้ 1 ท่าน

ซึ่งทุกหลังจะมีขนาดห้องที่เท่ากัน ต่างกันที่เตียงค่ะ .. ห้องพักจะมีให้เลือก 2 แบบ คือ Superior King Size Bed และ Superior Twin Bed .. ซึ่งห้องพักของเรา ชื่อ บ้านน้ำฟ้า เป็นหลังที่ 9 เตียง Twin ค่ะ

บรรยากาศที่เงียบสงบห่างไกลจากแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ ประกอบกับความร่มรื่นของเงาไม้จากต้นไม้ใหญ่ เหมาะที่จะเป็นสถานที่พักผ่อนของผู้เข้าพักได้อย่างดี

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักก็มีให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น แอร์ พัดลม ทีวี ตู้เย็น กาต้มน้ำร้อน ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัว และ wifi

หรือแม้แต่น้ำดื่ม snack ชา กาแฟ โอวัลติล ก็สามารถรับประทานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ในส่วนของห้องน้ำสะอาด ไม่มีกลิ่นรบกวน สามารถ open view ได้ มีเครื่องทำน้ำอุ่น และอุปกรณ์อาบน้ำ อันได้แก่ ครีมอาบน้ำ แชมพู คอนดิชั่นเนอร์ เตรียมไว้ให้พร้อม

หากใครนำรถส่วนตัวมาให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 และมาแยกเข้าตัวเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม ตามป้ายตลาดน้ำยามเย็นอัมพวามาเรื่อยๆ บ้านน้ำเป็นจะอยู่ห่างจากตลาดน้ำอัมพวา 7 กิโลเมตร ห่างจากตลาดน้ำบางน้อย 1 กิโลเมตร ห่างจากวัดบางกุ้ง 3 กิโลเมตร .. ที่จอดรถของทางรีสอร์ทจะอยู่ภายในที่พักเลย มีหลังคาและแสงสว่างพร้อม หลัง 4 ทุ่มจะปิดประตูรั้วเพื่อความปลอดภัย (หากใครจะเข้า-ออกหลัง 4 ทุ่ม สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ)

ที่นี่สามารถรองรับการจัดสัมมนาขนาดเล็กได้ด้วยนะคะ ประมาณ 30 ท่าน ภายในห้องสัมมนาจะมีเครื่องอำนวยความสะดวก อาทิเช่น เครื่องฉายโปรเจคเตอร์และเครื่องเสียง และสามารถจัดเลี้ยงสังสรรค์ได้ค่ะ พร้อมด้วยอุปกรณ์ปิ้งย่างและคาราโอเกะ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ..

อาหารเช้า จะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ อาหารเช้าจะให้บริการเวลา 7.30 น.-10.00 น. บริเวณใต้ถุนบ้านริมน้ำ และสามารถ Check-in เวลา 14.00 น. Check-out เวลา 11.00 น.

กิจกรรมของที่พักก็จะมีการล่องเรือเที่ยวสถานที่ต่างๆ เช่น เที่ยววัดไหว้พระ, เที่ยวชมตลาดน้ำ, ชมหิ่งห้อยในช่วงหัวค่ำ (เดี๋ยวจะมีลงรายละเอียดใน part ถัดไป) .. แต่ที่เราชอบมากๆ สำหรับเด็กเมืองกรุงอย่างเรา คือ การตักบาตรทางน้ำ ซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสตักบาตรตอนเช้าสักเท่าไหร่ จะทำบุญทีไม่วันพระใหญ่ก็เป็นช่วงวันเกิด

สำหรับชุดตักบาตรสามารถให้ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ได้ค่ะ ชุดละ 60 บาท หรือจะเตรียมชุดตักบาตรมาเองก็ได้ค่ะ .. พระที่นี่จะปฏิบัติตามนิกายธรรมยุต จะไม่รับซองเงินนะคะ และตักบาตรเสร็จท่านจะไม่ให้พร ท่านจะให้ทีเดียวก่อนฉันเช้า จะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ค่ะ

พระที่มาบิณฑบาตทางน้ำจะเป็นพระจากวัดเกตการาม จะมาถึงรีสอร์ทเราเป็นที่แรกค่ะ เลยจะเช้าสักนิดนึง ประมาณ 6.15 น. หากไม่ทันจริงๆ รอใส่ทางบกได้อีกทางนึง แต่ทางบกรีสอร์ทจะเป็นบ้านสุดท้าย ประมาณ 7.30 น.

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเข้าพักและกิจกรรมต่างๆ สรุปได้ตามภาพนี้เลยจ้า .ราคาห้องพักวันธรรมดาจะถูกกว่าช่วงที่เป็นวันหยุดนะคะ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้ได้เลยค่ะ

Phone : 034-702-528

Mobile : 094-454-4149

Facebook : Baan Nam Pen Resort

Line : @bnpresort

Website : www.bnpresort.com


ลอยละล่องท่องเมืองแห่งสายน้ำ

หากพูดถึงแม่กลอง คนมักจะนึกถึงดอนหอยหลอดหรือไม่ก็ตลาดน้ำอัมพวาขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ เพื่อนๆรู้ไหมว่ายังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอีกเยอะแยะมากมาย ทั้งวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ ตลาดบก ตลาดน้ำ ก็น่าสนใจมิใช่น้อย รับรองว่าทริปเที่ยวสมุทรสงครามครั้งนี้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

1. ตลาดน้ำบางน้อย ตั้งอยู่บริเวณริมน้ำของวัดเกาะแก้ว เป็นตลาดน้ำที่เป็นวิถีชุมชนดั้งเดิม ในสมัยก่อน เป็นตลาดค้าน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุด แต่ตอนนี้ไม่มีทำน้ำตาลแล้ว การทำน้ำตาลจะมีแถวๆอัมพวาแทน .. เราจะพาไปทานอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันเลย ..

ของกินที่นี่จะบอกได้เลยว่าเป็นตลาดก๋วยเตี๋ยวจริงๆ มีก๋วยเตี๋ยวทุกรูปแบบให้เลือกรับประทาน ^^

ก๋วยเตี๋ยวโอเล่ : ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทั้งเย็นตาโฟ ต้มยำน้ำใส เส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ หมี่กรอบ เกี๊ยวกรอบ สั่งได้หมด มีเกี๊ยวกุ้งกรอบๆ ที่ทอดเสร็จใหม่ๆ ไว้ให้สั่งทานเล่นระหว่างรอก๋วยเตี๋ยวด้วย

ก๋วยเตี๋ยวปูป้าแขก : ข้ามสะพานมาอีกฝั่งยังมีของอร่อยรออยู่ เดินตามเสียงเพลงที่ลอยตามลมมาจะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวปู ส้มตำปู ในบรรยากาศครึกครื้น ที่ว่าครึกครื้นก็เพราะที่ร้านเขามีคาราโอเกะให้ร้องโชว์ลูกคอกันด้วย

แต่ที่ต้องลองเลย ก็ต้องเป็น ‘โรตีแต้จิ๋ว’ อีกหนึ่งขนมที่หาทานได้ยาก กระทงนึงมี 3 ชิ้น 20 บาทเท่านั้นเอง .. แผ่นแป้งบางเหนียวหนึบหนับ รสชาติก็จะมีความหอมของงา ความหวานของน้ำตาลทรายแดง กรุบๆของถั่ว ชิ้นพอดีคำ แนะนำให้ทานตอนที่กำลังร้อนๆนะจ๊ะ

ร้านกาแฟที่นี่ก็มีอยู่หลายร้าน หลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟดิฟ กาแฟโบราณ กาแฟสมัยใหม่ มีให้เลือกเพียบเลยค่า

ขนมกล้วยย่าง : กล้วยน้ำว้า แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า มะพร้าว กะทิ ผสมให้เข้ากันแล้วนำมาห่อใบตอง ย่างบนเตาจนสุกหอม ทานร้อนๆ อร่อยที่สุด

ผัดไทไฟระเบิด : ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา ที่มาของชื่อนี้เคยเคยขึ้นหน้าหนึ่งเชียวหนา ลองค้นหาดูแล้วจะร้อง อ๋อออ~

ขนมปังปิ้งโบราณ : คุณตาคนขายพรีเซ้นท์จนเราต้องลองทาน พรีเซ้นท์ว่า ไส้ชาเย็น ไส้ใบเตย เนี่ย แกกวนเองกับมือเลยเชียวนะ

ปกติตลาดน้ำบางน้อยจะเปิดช่วงเช้าวายช่วงบ่ายๆ แต่ตอนนี้ ตลาดแห่งนี้จะทำเป็นตลาดน้ำยามเย็นด้วย จะเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 12 ส.ค. นี้ ใครผ่านมาแถวนี้อย่าลืมมาแวะอุดหนุนกันนะจ๊ะ

2. พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ หรือบ้านไหพันใบ ตั้งอยู่บริเวณตลาดน้ำบางน้อย เปิดเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่เต็มไปด้วยความรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภาชนะเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่ที่บางชิ้นมีอายุนานนับร้อยปี ไหที่นี่ 80% งมได้จากแม่น้ำแม่กลอง สะสมมาตั้งแต่ พ.ศ. 2526 เปิดพร้อมตลาดน้ำบางน้อย ในปี พ.ศ. 2557

3. วัดบางกุ้ง

จากท่าเรือวัดบางกุ้ง จะต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง ซึ่งจะต้องผ่านบริเวณสวนสัตว์เล็กๆของทางวัด ซึ่งมีทั้งอูฐ ม้า ควาย แพะ แกะ หมูป่า กระต่าย ไก่งวง กวาง ห่าน นกกระจอกเทศ หรือแม้กระทั่ง จระเข้ ก็ยังมี .. เราสามารถซื้อผักบุ้งกำละ 10 บาท ป้อนพวกเค้าได้

วัดบางกุ้ง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เคยเป็นที่ตั้งค่ายทหารในช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นค่ายของพระเจ้าตากสิน ที่นี่จึงมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินและรูปปั้นทหารเอกอย่างหลวงพิชัย อาสา (พระยาพิชัยดาบหัก) และยังมีหุ่นนักมวยแห่งค่ายบางกุ้งในกระบวนท่าต่างๆ ให้ชมกันอีกด้วย

วัดแห่งนี้มีไฮไลท์อยู่ที่โบสถ์ปรกโพธิ์หรือโบสถ์ที่ปกคลุมด้วยรากไม้ขนาดใหญ่ของต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง ทำให้วัดบางกุ้งแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน Unseen Thailand

ภายในโบสถ์จะเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อนิลมณี พระประธานเป็นพระพุทธรูปปั้นขนาดใหญ่ ..

4. วัดบางแคน้อย

เมื่อได้เดินทางเข้ามาถึงลานจอดรถของวัดบางแคน้อยแล้ว จะมีสิ่งหนึ่งที่ชวนให้สะดุดตา นั่นคืออะไร? คำถามแรกได้ถูกตั้งขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็น คำตอบก็คือ องค์พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานบนบุษบก บริเวณฐานมีพระสาวกล้อมรอบ มีเทพรักษาทั้งสี่ทิศ ประดับตกแต่งอย่างงดงามมาก อยู่ตรงลานกลางแจ้งของวัดนั่นเอง

วัดบางแคน้อย เป็นวัดที่มีความงดงามทางด้านศิลปะอย่างแท้จริง ภายในพนังของพระอุโบสถถูกแกะสลักด้วยไม้สักอย่างวิจิตรบรรจงเป็นเรื่องราวของพุทธประวัติ โดยฝีมือช่างแกะสลักที่มีชื่อเสียงของช่างชาวเพชรบุรี เรารู้สึกภูมิใจในความประณีตของฝีมือช่างไทยจริงๆ .. มาทั้งที อย่าลืมแวะไปสักการะหุ่นขี้ผึ้งของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสีซึ่งประดิษฐานอยู่บนกุฏินะจ้า ซึ่งตอนเราไปเราพลาด แง้ๆ T^T

ก่อนจะกลับ หลวงพี่ที่อยู่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวบนพระอุโบสถ เราเดาว่า น่าจะเป็นเจ้าอาวาสของวัด ท่านได้กวนขนมข้าวตูไว้และคอยเรียกนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาให้มาชิมขนม และให้หยิบขนมไปคนละกล่องสองกล่อง .. เราเลยหยิบมา 1 กล่องแล้วนำไปฝากคุณลุงที่ขับเรือพาเราเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในละแวกนี้


5. วัดท้องคุ้ง

วัดทองคุ้งเป็นวัดที่มีอายุประมาณ ๒๐๐ ปีมาแล้ว ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิ .. คุณลุงคนขับเรือเล่าว่า วัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ใครอยากเสี่ยงทายต้องมาที่วัดนี้ ในพระอุโบสถจะมีช้างเสี่ยงทายตั้งไว้ให้ให้อธิษฐานแล้วลองยก ถ้ายกขึ้นแสดงว่าสิ่งนั้นที่เราอธิษฐานจะสำเร็จ (โปรดใช้วิจารณญาณ)

6. ตลาดน้ำอัมพวา

หลังจากแวะทำบุญ ตอนนี้ก็มาถึงเวลากิน กิน กิน แล้วก็กินกันแล้วค่ะ และที่สุดของความฟินคนหนีไม่พ้น ‘ตลาดน้ำอัมพวา’ เป็นสถานที่ที่รวมนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในวันหยุดที่หนาแน่นไปด้วยผู้คน

เสน่ห์ของที่นี่ก็ไม่ต่างจากตลาดน้ำดำเดินสะดวกเท่าไหร่ เหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือเสิร์ฟอาหาร แต่คนส่วนมากไม่ซื้อกลับบ้านก็จะนั่งทานกันที่นี่เลย ที่นี่จะมีโต๊ะริมน้ำไว้คอยให้บริการ ถ้ามาวันที่คนเยอะ ก็จะมีอารมณ์เสียกันบ้าง ต้องทำใจ ~

ตลาดน้ำอัมพวา เปิดทุกวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ช่วงเย็นๆก็จะคึกคักเป็นพิเศษ) และควรระมัดระวังกระเป๋าสตางค์และสิ่งของมีค่าให้ดี เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และพื้นที่ทางเดินค่อนข้างแคบ

7. นั่งเรือชมหิ่งห้อย

เมื่อพระอาทิตย์เริ่มที่จะลับขอบฟ้า ก็เป็นช่วงกิจกรรมไฮไลต์ของคนที่มาที่นี่ นั่นคือ ‘การล่องเรือชมหิ่งห้อย’ .. เชื่อไหม? ตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยเห็นหิ่งห้อยเลย ได้แต่เคยเห็นแต่ในละคร ซึ่งก็รู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง แต่วันนี้เราได้มีโอกาสมาเห็นแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ถึงใครๆจะชอบบอกว่า หิ่งห้อยที่อัมพวาไม่ใช่ของจริงหรอก ไฟกระพริบบ้างแหละ แต่เราว่ามันเป็นเสน่ห์ของอัมพวานะ .. ถ้าหากใครมาที่ตลาดน้ำอัมพวาเค้าจะมีบริการพาไปชม คนละ 60 บาท มีชูชีพให้สวมใส่ เค้าจะพาไปแถวๆคลองที่อยู่ใกล้ๆกับตลาดน้ำ .. ส่วนเราเป็นกิจกรรมของทางรีสอร์ทเค้าจะพาไปชมแถวๆ คลองแควอ้อม ซึ่งห่างมาจากตลาดน้ำเป็นทางกลับรีสอร์ทของเราพอดี สิ่งที่เราเห็นในคลองที่มืดสนิท เป็นแสงไฟกระพริบๆบนต้นลำพู ที่ดูเหมือนไฟบนต้นคริสต์มาส เราไม่อาจพิสูจน์ได้ว่านั่นเป็นของจริงหรือของปลอม แต่เราเชื่อว่า สิ่งที่เราเจอนั้นมันต้องมีหิ่งห้อยตัวจริงอยู่แน่นอน .. หากใครที่อยากมาชมควรมาในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – ตุลาคม จะเป็นช่วงที่มีหิ่งห้อยเยอะที่สุดค่ะ

ดูแบบเคลื่อนไหว คลิกที่ลิงก์นี้ได้เลยจ้า >> https://www.facebook.com/100001174231198/posts/1774056095976848/


8. อุทยาน ร.2

อุทยาน ร.๒ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 6 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 จุดจำหน่ายบัตรเข้าชม มีร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟสด พิพิธภัณฑ์ขนมไทยจำลอง

เปิดให้เข้าชมทุกวัน

วันจันทร์-ศุกร์ เปิดเวลา 08.30-17.00 น.

วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 08.30-17.30 น.

ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท

ส่วนที่ 2 โรงละครกลางแจ้ง มีเนินลดหลั่นสำหรับใช้จัดการแสดงโขน ละคร ดนตรี ตามบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ส่วนที่ 3 อาคารทรงไทยหมู่ 5 หลัง จัดเป็นพิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตไทยสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ก็จะแบ่งออกเป็น 6 โซน

โซนที่ 1 หอกลาง ภายในจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งจำลองวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้น อาทิ การจัดแสดงห้องพระ ห้องนอน การนวดประคบ โต๊ะเครื่องแป้ง การรีดและอัดกลีบผ้าสไบ และศิลปะโบราณวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องถ้วย เป็นต้น

โซนที่ 2 ห้องชาย ตกแต่งให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของชายไทย ที่มีความกล้าหาญ พร้อมในการอาสาปกป้องรักษาผืนแผ่นดินตามลักษณะสังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีดาบ โล่ และการเรียนการสอนของเด็กชายไทยในสมัยนั้น รวมถึงการละเล่นหมากสกา เป็นต้น

โซนที่ 3 ห้องหญิง ตกแต่งให้เห็นลักษณะความเป็นอยู่ของหญิงไทยโบราณ มีการจีบบายศรี เครื่องใช้สำหรับเด็ก เป็นต้น

โซนที่ 4 ชานเรือน จัดตามแบบบ้านไทยโบราณ ตกแต่งด้วยกระถางไม้ดัด ไม้ประดับ อ่างบัว

โซนที่ 5 ตำแหน่งศิลาฤกษ์ แสดงแบบจำลองศิลาฤกษ์ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์

โซนที่ 6 พิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอัมพวา ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมา วัฒนธรรม ประเพณี ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของอัมพวาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งประวัติของบุคคลสำคัญที่มีภูมิลำเนาในอำเภออัมพวา อาทิเช่น หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ครูเอื้อ สุนทรสนาน ครูทูล ทองใจ เป็นต้น

ส่วนที่ 4 สวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดี รวบรวมพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดเพื่อแก่การศึกษา และยังมีงานปะติมากรรมตามบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อาทิ รูปหล่อตัวละครเรื่องสังข์ทอง ไกรทอง รามเกียรติ์

ส่วนที่ 5 อาคารเรือนไทยหมู่ 9 หลัง จัดเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

ส่วนที่ 6 พื้นที่ติดริมแม่น้ำแม่กลอง จุดชมวิว จุดถ่ายรูป มีเรือประพาสอุทยาน


9. พิพิธภัณฑ์ขนมไทย

ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยาน ร.2 ภายในเต็มไปด้วยขนมไทยต่างๆ ที่จำลองขึ้นมาให้เหมือนกับของจริง ขนมที่จัดแสดงนั้นมีตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์

อาหารคาว หวานของไทย ในบทกาพย์เห่เรือชมเครื่องคาว และกาพย์เห่เรือชมเครื่องหวาน งานพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2

ขนมมงคล 9 อย่าง เป็นขนมไทยที่มีชื่อเป็นมงคล โดยมากจะมีคำว่า ทอง อยู่ในชื่อของขนม เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ทองเอก จ่ามงกุฎ เสน่ห์จันทน์ ขนมชั้น ขนมถ้วยฟู

นอกจากแสดงขนมไทยโบราณแล้ว ยังมีพาหนะขายขนมสมัยโบราณที่น่าสนใจ อาทิเช่น จักรยานสามล้อพ่วง เรือพาย หรือหาบเร่ขายขนม

ขอบคุณ SONY A6000 + Lens kit 16-50 และ Gopro HERO5
ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้

แต่งภาพโดยโปรแกรม Lr

ขอบคุณคุณเบญและทางที่พักบ้านน้ำเป็นรีสอร์ทที่เอื้อเฟื้อที่พักและกิจกรรมดีๆสุด Exclusive ให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนชาวแม่กลอง

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีน้อมรับทุกคำติชม

สามารถติดตามการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง กดไลท์ได้เลย มีเรื่องราวดีดีรอคุณอยู่
PAGE : https://www.facebook.com/KeepGoingThailand

และฝากกด LIKE และกด SUBSCRIBE เพื่อเป็นกำลังใจให้การทำวีดีโอการเดินทางของเราในครั้งต่อๆไปด้วยนะคะ
YOUTUBE : https://www.youtube.com/channel/UC8BYq-uSUDO23GYAQ-Ck3kQ

.. เจอกันการเดินทางครั้งต่อไป ..

In My Eye

 วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.25 น.

ความคิดเห็น