‘อยากไปนั่งโง่ๆอยู่ริมทะเล’ วลีเด็ดของชาวโชเชียลที่ถูกนำไปตั้งเป็นแคปชั่นอยู่บ่อยๆ

ซัมเมอร์นี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

และในครั้งนี้เราจะได้เห็น ‘เกาะกูด’ ในแบบที่ต่างออกไป

จะต่างออกไปในรูปแบบไหน ก็ตามเรามาเที่ยวด้วยกันเลย !!

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่เราได้มาเยือนเกาะกูดเป็นครั้งแรก .. เกาะกูด ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป ใครจะคิดล่ะว่า ทะเลฝั่งอ่าวไทยจะมีน้ำทะเลที่ใสราวกับกระจกแบบนี้ .. ปกติเราเป็นคนไม่ชอบเที่ยวที่ที่เราเคยไปมาแล้ว แต่เกาะกูดทำให้เราต้องกลับมาอีกสักครั้ง

Route Plan แพลนคร่าวๆ สำหรับทริปเกาะกูด 4 วัน 3 คืน

Day 1 : ออกเดินทางจากกรุงเทพ > ตัวเมืองฉะเชิงเทรา > ตัวเมืองตราด
Day 2 : ตัวเมืองตราด > เกาะกูด
Day 3 : เกาะกูด
Day 4 : เกาะกูด > ตัวเมืองตราด > ตัวเมืองฉะเชิงเทรา > เดินทางกลับกรุงเทพ

Place to visit 

- สะพานวัดใจ ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว
- หาดทรายดำ
- ประภาคารแหลมงอบ
- น้ำตกคลองยายกี๋
- หาดคลองเจ้า
- หาดบางเบ้า
- หาดพร้าว
- โอ๋อ๋า 

Place to stay

- Hotel Toscana Trad
- Escape Life Koh Kood

Place to eat

- ลาบสารคาม 2
- ข้าวต้มอินเตอร์
- ห้องอาหาร Rest Sea Resort Koh Kood
- Blu Beach Cafe
- Sea Thru Beach Club
- Million Beach Cafe & Bar
- ห้องอาหาร Siam Beach Resort Koh Kood
- ธัญรัต ซีฟู้ด


วันแรกของการเดินทาง : 3 เมษายน 2565

การเดินทางครั้งนี้เป็นทริปแรกของปี 2565 ต้อนรับปีเสือที่มาพร้อมกับปีชง (ชงแต่เหล้า หยอกๆ) .. ทริปนี้เรามีสมาชิกที่ไปด้วยกันทั้งหมด 3 คน ซึ่งแพลนของเราในวันนี้ คือ เรากับแฟนจะเดินทางจากกรุงเทพไปรับสมาชิกอีกคนที่จังหวัดฉะเชิงเทรากันก่อน เพื่อไปเตรียมตัวที่ตัวเมืองตราดก่อน 1 คืน แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยนั่งเรือข้ามไปยังเกาะกูดกัน ..

ครั้งนี้ เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพกันประมาณ 8 โมงเช้า ถึงตัวเมืองฉะเชิงเทราประมาณ 9.30 น. จากนั้นใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ ผ่านจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี จนเข้าสู่จังหวัดตราด ขับรถยิงยาว มีแวะปั๊มบ้าง จนถึงที่พักประมาณบ่ายสองโมง

สำหรับที่ซุกหัวนอนในคืนแรก เราพักกันที่ Hotel Toscana Trad ที่พักใกล้ตัวเมืองตราดสไตล์ยุโรป เหมาะสำหรับการมาพักค้างคืนก่อนขึ้นเกาะ ไม่ว่าจะเป็นเกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะหวาย ฯลฯ อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือแหลมงอบและแหลมศอก

เราจองห้อง standart double room ผ่าน Agoda มาในราคาห้องละ 676 บาท ไม่รวมอาหารเช้า พักได้ 2 ท่าน  มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิเช่น wifi, ไดร์เป่าผม, ผ้าเช็ดตัว, น้ำดื่ม เป็นต้น

ห้องน้ำเป็นแบบ Shower แยกส่วนเปียกส่วนแห้งอย่างชัดเจน .. กระจกห้องน้ำเป็นแบบบานกระจกใสสามารถมองเห็นบรรยากาศของห้องพักได้ เพิ่มความเซ็กซี่เล็กๆ แต่ถ้าใครเขินก็รูดมู่ลี่ลงมาปิดเอานะ อิอิ

หากใครสนใจสามารถสอบถามข้อมูลและสำรองห้องพัก ได้ที่

หลังจากเข้าห้องพักไปได้แปปนึง ท้องก็เริ่มประท้วง พวกเราจึงออกมาหาข้าวทานร้านใกล้ๆที่พัก โดยใช้ทริคออกจากซอยเลี้ยวซ้าย เจอร้านไหนก็ทานร้านนั้น และร้านที่เรา Random มา คือ ร้านลาบสารคาม 2 .. เราสั่ง ตำทะเลปลาร้า, ต้มแซ่บ, น้ำตกคอหมูย่าง, ข้าวเหนียว รสชาติแบบอีสานแท้ๆ ถูกใจ๊ ถูกใจ ค่าเสียหายมื้อนี้อยู่ที่ 345 บาท (ราคามิตรภาพมาก)

พอท้องอิ่มเราก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม ใครใคร่นอนก็นอน แต่เราขอมาว่ายน้ำเล่นคลายร้อนที่สระว่ายน้ำของโรงแรมซะหน่อย มาพักทั้งทีเดี๋ยวจะใช้ฟังก์ชั่นของโรงแรมไม่คุ้ม

17.00 น. เรากับแฟนก็ขับรถออกมาเที่ยวชมเมืองตราดกันค่ะ มาตราดก็หลายครั้งแต่ไม่เคยเที่ยวในตัวเมืองเลย สถานที่แรกที่เราแวะไป ก็คือ ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ .. ไฮไลต์เด็ดของที่นี่ ก็คือ สะพานวัดใจ สะพานไม้โค้งสูง ที่อาจทำให้ขาสั่นเลยทีเดียวหากได้ขึ้นไป ที่ทำสูงขนาดนี้ก็เพื่อให้เรือประมงลอดผ่านใต้สะพานได้

สถานที่ต่อมา หาดทรายดำ ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เราต้องเดินผ่านป่าชายเลนระยะทาง 500 เมตรเข้าไปก่อนที่จะเจอหาดทราย แต่ไฉนเราไปถึงไม่เจอหาดทรายดำ เจอเพียงแต่น้ำทะเลขึ้นมากลบหาดทรายไปหมดแล้ว บ้าจริง! อดทำสปาเท้าเลย .. หากใครอยากมาสัมผัสผืนทรายต้องมาให้ถูกที่ถูกเวลานะ จะได้ไม่มาเสียเที่ยวแบบเรา

สถานที่สุดท้าย ขับรถต่อไปอีก 5 นาที เพื่อแวะไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ ประภาคารแหลมงอบ ที่ตั้งโดดเด่นตระหว่างอยู่กลางถนน หลายๆคนชอบมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเวลามาเที่ยวที่แหลมงอบ และเป็นจุดเชคอิน ‘สุดแผ่นดินตะวันออก’

นอกจากนี้ เราจะได้พบเจอกับทัศนียภาพท้องทะเลตราดแบบพาโนรามาพร้อมท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม

ส่วนด้านหลังเป็นสะพานท่าเทียบเรือที่เคยใช้เป็นท่าเทียบเรือโดยสารข้ามไปเกาะต่างๆ ปัจจุบัน เรือโดยสารย้ายไปอ่าวธรรมชาติบ้าง ท่าเทียบเรือแหลมศอกบ้าง แต่ที่นี่ก็ยังมีบริการเรือและแพคเกจนำเที่ยวต่างๆ อยู่นะ มาที่นี่ก็ยังหาซื้อแพคเกจและเรือนำเที่ยวได้เหมือนเดิม

ขากลับเราแวะไปรับรุ่นพี่ที่โรงแรมเพื่อออกไปทานข้าวเย็นกัน ไม่มีร้านในดวงใจ เราเลยใช้ทริคออกจากซอยเลี้ยวขวาดูบ้าง ร้านที่ได้มาจากการสุ่ม (อีกแล้ว) และร้านที่ชนะการสุ่มของเราในมื้อนี้ ก็คือ ร้านข้าวต้มอินเตอร์ เราสั่ง ปลาหมึกผัดไข่เค็ม (ปลาหมึกทอดจนกรอบแข็งไปหน่อย), ผัดกะเฉดหมูกรอบ, กุ้งฟู, ต้มจืดไข่น้ำ อร่อย!! แต่เสริฟ์ช้าไปหน่อย ค่าเสียหายมื้อนี้ 425 บาทค่ะ

หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็ขับรถเล่นยามค่ำดูเมืองตราดที่เหมือนจะเงียบเหงาก่อนเข้าโรงแรม แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ตรวจ ATK กันก่อนเพื่อความสบายใจ โอเคยังรอดอยู่ ก็ See You Tomorrow จ้า ~ นัดรวมตัว 8 โมงเช้า !!!


วันที่สองของการเดินทาง : 4 เมษายน 2565

เราตื่นขึ้นในตอนเช้าด้วยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่ดังไม่หยุด เราลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อเตรียมตัวไปท่าเรือ วันนี้ เราจะเดินทางข้ามเกาะไปเกาะกูดกันแล้วค่า เย้ เย่ ~

ทริปนี้ เราเดินทางไปเกาะกูดด้วยเรือของบริษัทบุญศิริ (Boonsiri Ferry) เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่เราเลือกเดินทางมาโดยตลอด ใช้เวลาเดินเรือประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าตั๋วเรือ เที่ยวละ 500 บาท ไป-กลับ 1,000 บาท .. สำหรับเรื่องการเดินทางไปเกาะกูดนั้น จะมีบริษัทเรือหลักๆให้บริการอยู่ 3 บริษัท คือ Boonsiri Ferry, Koh Kood Princess, Koh Kood Express ซึ่งแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันที่ ราคา รอบเวลาเดินเรือ ลักษณะและความจุของเรือ ค่ะ ซึ่งรอบเวลาเดินเรือในช่วงนี้ที่เราไปจะเป็นรอบ ดังนี้ค่ะ

ขอบคุณรูปภาพจาก Escape life koh kood


เรามาถึงออฟฟิศบุญศิริที่แหลมศอก ประมาณ 9.10 น. ควรมาถึงบริษัทฯเพื่อมาเตรียมตัวอย่างน้อย 45 นาที - 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะไปลงเรือ

สำหรับใครที่นำรถส่วนตัวมา สามารถนำมาจอดไว้ที่ออฟฟิศบริษัทได้เลยนะคะ มีบริการรับฝากรถ วันละ 50 บาท ..

หรือใครไม่ได้นำรถส่วนตัวมาบริษัทฯเค้าก็มีรถมินิบัสพามาจากกรุงเทพด้วย เที่ยวละ 1,000 บาท (ราคาลดลงเยอะเลยแต่ก่อนเราเคยใช้บริการตกเที่ยวละ 1,700 บาทแหนะ)

เข้าเรื่องกันต่อ ~ พอมาถึง จุดแรกที่เราต้องไปติดต่อ คือ เค้าเตอร์ไม้ด้านหน้าเพื่อลงทะเบียน วัดไข้ และโชว์เอกสารการฉีดวัคซีนก่อนนะคะ ใครนำรถส่วนตัวมาก็จ่ายค่าฝากรถตรงจุดนี้ รถยนต์วันละ 50 บาท รถจักรยานยนต์ วันละ 20 บาท บิ๊กไบท์ วันละ 50 บาท (อ่านดีดีวันละนะคะไม่ใช่คืนละ)

จากนั้น เราตรงไปเชคอินเรือที่เค้าเตอร์ด้านในต่อ เราจองเรือผ่านที่พักมาก็สามารถแจ้งชื่อกับชื่อที่พักที่เราจองมา เค้าจะให้สติกเกอร์ และปริ้นตั๋วเรือทั้งไปและกลับ พร้อมอธิบายขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ก่อนลงเรือจนกระทั่งขึ้นฝั่งให้ฟัง

บริษัทบุญศิริพัฒนาไปกว่าแต่ก่อนมากๆเลยค่ะ มีการจัดการที่เป็นระบบมากขึ้น แถมมีคาเฟ่ย่อมๆระหว่างนั่งรอด้วย เยี่ยมไปเลย ^^

พอถึงเวลาจะมีประกาศเรียกขึ้น Shuttle Bus เพื่อส่งเราไปยังท่าเรือแหลมศอก ตรงจุดนี้คนจะแย่งกันขึ้นรถราง จะบอกว่า ไม่ต้องรีบได้ไปทุกคน .. สัมภาระใบใหญ่ๆก็ใส่ท้ายรถกระบะได้เลยนะคะ พอถึงท่าเรือก็อย่าลืมขนสัมภาระเองด้วยน้า ไม่มีคนขนขึ้นเรือให้นะจ๊ะ

ภายในห้องโดยสารของเรือที่ทั้งโซน Indoor และ โซน Outdoor แต่ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยเรานั้นขอตากแอร์ ฟินๆ สบายๆ ดีกว่า ..

เราใช้เวลาข้ามเกาะ 1 ชั่วโมงก็มาเทียบท่าที่ท่าเทียบเรืออ่าวสลัด ..

พอมาถึงแล้วจะมีรถสองแถวให้บริการรับ-ส่งถึงที่พักให้เลยค่ะ เพียงเราแจ้งชื่อที่พักไปเค้าจะบอกว่าเราต้องขึ้นรถหมายเลขอะไร ที่พักของเราห่างจากท่าเรือ นั่งรถมาเกือบ 1 ชั่วโมง!! ไกลมากกกก

สำหรับที่พักตลอดสองคืนนี้ เราพักกันที่ Escape Life Koh Kood .. ที่พักเล็กๆ ติดริมคลอง ติดป่าโกงกาง ฝั่งอ่าวพร้าว ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามติดกับ Rest Sea Resort Koh Kood

สำหรับห้องพักของที่นี่มีเพียง 8 ห้อง 2 แบบ คือ Standart Room และ Standart Mangrove Room .. เชคอินได้ตั้งแต่ 14.00 น. และเช็คเอ้าท์ได้ถึง 11.00 น.

ห้องพักที่เราพักเป็นห้อง Standart Mangrove ห้องติดริมน้ำวิวป่าโกงกาง จองผ่าน FB ของโรงแรมโดยใช้สิทธ์เราเที่ยวด้วยกัน เราจ่าย 60% รัฐจ่าย 40% จากราคาห้องพักคืนละ 2,000 บาท รวมอาหารเช้า เราจ่ายเพียง 1,200 บาท  ต้องรีบจองให้ทันนะคะ เพราะ มีเพียง 4 ห้อง เท่านั้นเอง!!

ทุกห้องตกแต่งในโทนขาวน้ำตาล ภายในห้องก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้บริการครบครัน .. ด้วยความที่ติดริมคลอง ตอนเช้าๆเราจะได้ยินเสียงเรือของชาวประมง แตร๊ก แตร็ก แตร็ก แทนเสียงนาฬิกาปลุกยามเช้า ..

มาดูด้านนอกกันบ้าง บรรยากาศบริเวณห้องอาหาร ตกแต่งกลมกลืนไปกับธรรมชาติสุดๆ .. มีคนมโนอ่านหนังสือแล้วหนึ่ง ร้อนไม่กลัวกลัวไม่ได้รูป ฮ่าๆ

ที่พักของเรามีคายัค, Paddle Board ให้ยืมพายได้ฟรีด้วยนะ จะพายไปวัดอ่าวพร้าวหรือพายออกชายหาดก็ได้ ..

หากใครสนใจที่พักสไตล์นี้ สอบถามข้อมูลและสำรองห้องพัก ได้ที่
Line id : Escapelifekohkood
Facebook : Escape Life Koh Kood
Facebook inbox : m.me/escapelifekohkood
Tel : 098 996 6244 , 083 008 7648

พอเข้าห้องพักทีไร ท้องก็ร้องขึ้นมาเชียว ก็ตอนนี้มันเป็นเวลาบ่ายสองแล้วนิ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย มื้อนี้เราจึงไปฝากท้องที่ห้องอาหารของ Rest Sea Resort Koh Kood ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่พักของเรานั่นเอง เจ้าของเค้าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ..

ระหว่างทางเดินจาก Lobby ของ Rest Sea Resort Koh Kood ไปที่ห้องอาหารและชายหาด มีการตกแต่งรั้วสองข้างด้วยไม้ไผ่ ดูเป็นธรรมชาติมากค่ะ

ห้องอาหารที่ Rest Sea Resort Koh Kood บรรยากาศเป็นแบบ open-air รับลมธรรมชาติ อยู่ใกล้สระว่ายน้ำ

รู้ยัง! ที่ Rest Sea Resort มีคาเฟ่ลับๆซ่อนอยู่นะ ชื่อว่า Blu Beach cafe จะ Mocktail หรือ Cocktail ก็สั่งได้หมดเลย ..

พออิ่มแล้ว สายถ่ายรูปแบบเรา พร๊อบชุดเตรียมมาพร้อมมากค่ะ เราเปลี่ยนชุดที่เตรียมมาเพื่อถ่ายรูปเล่นที่ชายหาด 2 เซท เบาๆ .. มาทะเลทั้งทีก็ขออวดบิกินี่สักนิดนึงนะคะ

เดินถัดไปหน่อยเราก็เดินไปเจอคาเฟ่ริมทะเล ชื่อว่า Sea Thru Beach Club โดยบังเอิญจากการเดินมาหารุ่นพี่ที่มานั่งทำงานอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว .. คาเฟ่แห่งนี้จะจัดเป็นคาเฟ่ลับๆของเกาะกูดก็เข้าข่ายนะ ทางเข้ามี 2 ทาง จะเข้าทางชายหาดก็ได้ หรือจะเข้าผ่านทุ่งหญ้าสะวันนาและดงมะพร้าวก็ได้ฟีลนะคะ หากใครกลัวหลงก็ปักหมุดตาม GPS นี้ได้เลยค่ะ https://goo.gl/maps/R8qp9xJoHi2rmYUp7 


หากจะดูเมนูล่วงหน้า/เมนูพิเศษในแต่ละวัน/รายละเอียดกิจกรรม สามารถติดตามได้จาก Facebook : Sea Thru Beach Club ล่วงหน้าได้เลย


ขอบคุณรูปภาพจาก https://facebook.com/pg/seathrubeachclub/menu/

ส่วนมื้อเย็นเรากลับไปทานที่ที่พัก ที่พักของเรามีให้บริการ หมากะทุ ‘หมูกะทะ’ พร้อมบรรยากาศริมน้ำป่าโกงกาง จะเอาชุดเล็ก ชุดกลาง ชุดใหญ่ ต้องสั่งจองล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ

ถ้าไม่อิ่มจากหมูกระทะ จะทำแมวกระทะก็ได้นะคะ ตัวป่วนประจำที่พักเลยค่ะ แต่ก็น่ารักกกก ถูกใจทาสแมวแบบอิชั้นค่ะ ~

วันที่สองของการเดินทางของเราก็จบลงเพียงเท่านี้ ขออนุญาตราตรีสวัสดิ์ ~ เจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ


วันที่สามของการเดินทาง : 5 เมษายน 2565

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าของโรงแรม .. เราเดินไปทานอาหารเช้ากันที่ ห้องอาหาร HIDDEN BBQ BAR & RESTAURANT ให้บริการอาหารเช้าตั้งแต่ 7.00 น. - 9.30 น.

สำหรับอาหารเช้าที่นี่มีทั้งอาหารไทยและ American Breakfast ให้เลือก 1 เมนู เช่น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวหมูทอดกระเทียม ไข่กะทะ ข้าวต้ม

แล้วก็จะมีไลน์อาหารแบบบุฟเฟ่ต์ พวก ชา กาแฟ โอวัลติน ขนมปัง แยม น้ำส้ม นม โยเกิร์ต ซีเรียล สลัด ให้เราได้เติมพลังในตอนเช้า ก่อนออกไปตะลุยเกาะกัน

จากรีวิวก่อนเราเคยมาตะลุยเกาะกูดบ้างแล้ว ทำให้ในครั้งนี้เราไม่ได้เที่ยวฮาร์ทคอมากนัก เน้นเดินเล่น ถ่ายรูป ชิลล์ๆไป แต่ก็พยายามหาที่เที่ยวที่รอบก่อนยังไม่เคยไป .. เราเช่ารถมอเตอร์ไซค์จากที่พักเลยเพื่อความสะดวก คิดวันละ 300 บาท (24 ชั่วโมง)

ที่แรกที่เรามาแวะ ก็คือ หาดคลองเจ้า หาดนี้เป็นหาดที่เราชอบมากๆเมื่อครั้งก่อน แต่มารอบนี้ค่อนข้างเปลี่ยนไปมากอยู่เหมือนกัน

เราจอดรถบริเวณด้านหน้า Tinkerbell Resort และเดินเล่นมาเรื่อยๆจนถึงแลนด์มาร์คสำคัญ อย่าง ต้นมะพร้าวคู่ ที่ตั้งอยู่บริเวณโรงแรม High Season โรงแรมชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของเกาะกูด

เบื้องหน้าที่เห็นรูปสวยๆ เราขอเผยเบื้องหลัง costume สำหรับแว้นเกาะในคราวนี้ค่ะ ขำๆก่อนเดินทางไปยังที่ต่อไปนะคะ ฮ่าๆ

ที่ต่อไป มาที่เกาะกูดก็ต้องมาเที่ยวน้ำตกด้วย เป็น Destination ที่คนมาที่เกาะกูดต้องมีในแพลน คนส่วนใหญ่จะต้องไปที่ น้ำตกคลองเจ้า อย่างแน่นอน แต่เราเคยไปมาแล้ว .. รอบนี้ เราขอเปลี่ยนมาเที่ยวที่ น้ำตกคลองยายกี๋ เป็นอีกน้ำตกนึงของเกาะกูด ที่สามารถลงเล่นน้ำได้ จากจุดจอดรถจะมีทางลงไปอีก 200-300 เมตร ทางชันเล็กน้อยไม่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ คนไม่เยอะ เงียบ และสงบมากๆ

ตอนอยู่น้ำตกก็เย็นสบายอ่ะน่ะ พอสตาร์ทรถจะกลับไปพักที่โรงแรม แดดตอนเที่ยงก็จ้าซะเหลือเกิน เราเลยมาพักหลบแดดที่ Million Beach Cafe & Bar ตั้งอยู่ที่เอสบีชรีสอร์ท หาอะไรหวานๆเย็นๆดับร้อนกันซะหน่อย ซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับของเราพอดี

จอดรถข้างหน้ารีสอร์ตแล้วเดินเข้ามาโซนริมทะเลได้เลย เปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น. (เฉพาะช่วงนี้) หยุดทุกวันพุธ สามารถติดตามอัพเดทข่าวสารได้ทาง Facebook Fanpage : Million Beach Koh Kood ได้ค่ะ

เราสั่งเมนู Brownie Set ,น้ำมะพร้าว และ Watermelon Mint Lemonade ทั้งหมดนี้ ราคา 380 บาท ร้านนี้ไม่เข้าร่วมโครงการของทางภาครัฐ เลยอดใช้คูปองเราเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ

ทานของหวาน จบด้วยของคาว .. เรากลับมาตายรัง ฝากท้องมื้อกลางวันกันที่ห้องอาหาร Rest Sea Resort Koh Kood อีกเช่นเคย จนพนักงานจำหน้าได้แล้ว เพิ่มเติมคือ สามารถใช้คูปองเราเที่ยวด้วยกันเป็นส่วนลดได้แล้วจ้า .. มื้อนี้ เราสั่งเป็น ข้าวคลุกกะปิ, ข้าวไข่ข้นเนื้อย่างจิ้มแจ่ว, น้ำแตงโม, น้ำมะม่วง เราจ่ายไปทั้งสิ้น 438 บาท

พอท้องอิ่มเจอลมทะเลเข้าไปหนังตาก็เริ่มหย่อน เราจึงออกไปหา Activity ทำกันสักหน่อย สมัยนี้เวลาไปทะเลเค้าไม่ได้เล่นลอยห่วงยางกันในทะเลแล้วนะคะ สมัยนี้เค้าเล่น Paddle Board ยืนถ่ายรูปเก๋ๆ สวยๆกันไปเลยสิคะ หลังจากได้รูปสวยๆกับชุดที่เปียกปอนจากการตกทะเล เราก็กลับไปพักเอาแรงกันที่ห้องก่อน เดี๋ยวออกไปตะลุยใหม่ตอนแดดร่มลมตกแล้ว

16.30 น. เราเริ่มแว้นมอเตอร์ไซด์อีกรอบ ฤดูอะไรก๊อน!!! ฝนตกจ้า .. ทริปนี้เราเจอครบ 3 ฤดูเลย หนาว ร้อน ฝน .. อ๊ะ! ลุยฝนกันไปเลยจ้า คราวนี้เราจะไปเยี่ยมเยียนที่พักเดิมของเราเมื่อคราวที่แล้วว่าจะเปลี่ยนไปขนาดไหน เจอกันที่หาดบางเบ้าซึ่งเป็นที่ตั้งของ Siam Beach Resort Koh Kood กันเลยจ้า ..

เสียดายฝนตก เมฆเยอะ เลยทำให้เราไม่เห็นพระอาทิตย์ตก .. เราตกลงปลงใจกันว่า จะทานมื้อเย็นกันที่ร้านอาหารของ Siam Beach Resort Koh Kood กันเนี่ยแหละ .. มาดูกันว่า มื้อนี้เราสั่งอะไรทานกันบ้าง เริ่มเลย
เมนูที่ 1 หอยนางรมทรงเครื่อง
เมนูที่ 2 ปลากะพงทอดน้ำปลา
เมนูที่ 3 ต้มยำกุ้งน้ำข้น

มื้อนี้จัดเต็ม ค่าเสียหายมื้อนี้เพียง 630 บาท (ใช้สิทธิ์คูปองเราเที่ยวด้วยกัน) หารสามก็ตกคนละไม่กี่บาท คุ้มสุดๆ .. เอ้อ! ลืมบอกไป ที่รีสอร์ตนี้มีบาร์ให้เรานั่งชิลล์ด้วยนะ แต่ก่อนใช้ชื่อว่า Monkey Bar ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Hidden Gem แล้วจ้า ไฮโซโก้เก๋ แต่ใครขับรถไม่เก่งไม่แนะนำให้อยู่จนดึกนะคะ เพราะ ขับรถกลับทางค่อนข้างมืดมีเพียงไฟส่องจากหน้ารถเท่านั้นค่ะ อันตราย

ส่วน My Fan ของเรา ขับรถเก่งค่ะ สบายบรื้อ ~ แต่ก็ไม่เสี่ยง เราจึงขับรถกลับมาที่ที่พักของเราหลังจากทานอาหารเสร็จ

แต่ค่ำคืนนี้ของเรายังไม่จบ เราขอไปนั่งรับลม จิบค็อกเทลตามคำชักชวนของพนักงานเมื่อตอนกลางวันสักหน่อย ..

เราสั่งค็อกเทลที่เป็น Signature ของทางร้านมา 2 แก้ว ชื่อว่า ET (Earlgray & Tonic) และ Restsea Violet นั่งชิลล์ๆบน Bean Bag ริมทะเล มีเสียงเพลงคลอเบาๆ ได้บรรยากาศแบบสุดๆ .. เราจ่ายบิลหลังจากหักใช้คูปองเราเที่ยวด้วยกัน เราจ่ายไป 306 บาท

ค่ำคืนสุดท้ายที่เกาะกูดนี้ เราขอเก็บความรู้สึกนี้ไว้ เพื่อหอบเอาความสุขและความสบายใจกลับไปเผชิญหน้ากับงานที่กำลังจะถาโถมเข้ามานับจากนี้ ฮึบๆ .. Good Night จ้า


วันสุดท้ายของการเดินทาง : 6 เมษายน 2565

สวัสดีตอนเช้าคร้าบบบ ~ วันนี้ ต้องเดินทางกลับแล้ว เพราะฉะนั้น เราต้องเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการเติมพลังลงท้อง .. เช้านี้ เราเลือกเมนูอาหารเช้าเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่ได้เป็นข้าวสวยหมูปิ้งมาแทน (สงสัยไม่ได้นึ่งข้าวเหนียว ฮ่าๆ) ส่วนแฟนเราก็เลือกข้าวต้มเหมือนเดิมเช่นเคย

วันนี้ รถจะมารับเราที่ที่พักไปยังท่าเทียบเรืออ่าวสลัดตอน 11.40 น. ยังพอมีเวลา ที่เราจะไปพายคายัคเล่นก่อนกลับซึ่งเป็นกิจกรรมที่เรายังไม่ได้ทำ ..

เอาล่ะ! สนุกเต็มที่แล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง ถึงเวลาเชคเอ้าท์ เคลียร์ค่าใช้จ่ายและออกเดินทางไปยังท่าเทียบเรืออ่าวสลัด .. รอบเรือขากลับของเราเป็นรอบเที่ยง มาถึงท่าเทียบเรือแหลมศอกก็ตกบ่าย รถรางก็จะมารับเราพาไปส่งที่บริษัทบุญศิริเหมือนตอนขามา

พวกเราตัดสินใจว่า จะแวะไปหาอะไรทานอาหารกลางวันกันก่อน คูปองจากสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันยังเหลือ จนมาได้ร้านที่ search ดูมั่วๆเอาที่อยู่ใกล้บริษัทบุญศิริ เราเลยได้ร้านธัญรัต ซีฟู้ด มา .. เราสั่งต้มยำกุ้ง, ยำ 3 ไข่, ปลาดุกผัดฉ่า, กุ้งแช่น้ำปลา มาทานโดยจ่ายไปแค่เพียง 513 บาท (คุ้มๆ)

เมื่อเราขับรถถึง จ.จันทบุรี เราก็ไม่ลืมที่จะซื้อของฝากไปฝากคนที่บ้านที่ร้านรวมของฝาก อาอ๋า .. ตั้งใจจะซื้อทุเรียนกลับไปสักลูกสองลูก แต่ที่ไหนได้ทุเรียนยังไม่สุกจ้า แม่ค้าบอกต้องเอาไปบ่มก่อนถึงจะทานได้ ว้า! เสียดาย เลยได้ระกำไปฝากแทน 555

เมื่อเลือกซื้อของฝากเสร็จแล้ว พวกเราก็จะมุ่งหน้าเข้าจังหวัดฉะเชิงเทราเพื่อไปส่งรุ่นพี่ แล้วค่อยยิงยาวเข้ากรุงเทพมหานครเมืองอันศิวิไลซ์ เป็นอันจบทริปเกาะกูดครั้งสองของเรา .. ขอบคุณ ทุกคนที่ตั้งใจอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ ไหน! ใครอ่านจนจบบ้าง อย่าลืมคอมเม้นท์พูดคุยกันได้นะคะ บ๊าย บาย ค่ะ

ปล. ค่าทริปเที่ยวที่เสียไป ไม่เสียใจเท่าค่าน้ำมันลิตรละเกือบ 40 บาท T^T


ขอบคุณ Sony A7iii + Tamron 17-28 f2.8 Di III RXD และ Sigma 24-70 f2.8 DG DN ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้

แต่งภาพโดยโปรแกรม Lr

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีน้อมรับทุกคำติชม

สามารถติดตามการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง
PAGE : https://www.facebook.com/KeepGoingThailand

และฝากกด LIKE และกด SUBSCRIBE เพื่อเป็นกำลังใจให้การทำวีดีโอการเดินทางของเราในครั้งต่อๆไปด้วยนะคะ
YOUTUBE : https://www.youtube.com/channel/UC8BYq-uSUDO23GYAQ-Ck3kQ

.. เจอกันการเดินทางครั้งต่อไป ..

สรุปค่าใช้จ่าย สำหรับทริปนี้ (สำหรับ 3 คน)

- ค่าที่พัก Hotel Toscana Trad (1 คืน) 1,352 บาท
- ค่าที่พัก Escape Life Koh Kood (2 คืน) 4,800 บาท (ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันจากราคาเต็ม 8,000 บาท)
- ค่าเรือเฟอร์รี่ (ไป-กลับ) 3,000 บาท
- ลาบสารคาม 2 345 บาท
- ข้าวต้มอินเตอร์ 425 บาท
- อาหารกลางวันที่ Rest Sea Resort Koh Kood 580 บาท
- ค่าหมูกระทะ 699 บาท (ใช้สิทธิ์)
- ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซด์ 600 บาท
- ของหวาน million beach cafe & bar 380 บาท
- อาหารกลางวันที่ Rest Sea Resort Koh Kooh 438 บาท (ใช้สิทธิ์)
- อาหารเย็นที่ Siam Beach Resort Koh Kood 630 บาท (ใช้สิทธิ์)
- Cocktail @ Blu Beach Cafe 306 บาท (ใช้สิทธิ์)
- ธัญรัต ซีฟู้ด 513 บาท (ใช้สิทธิ์)
- ค่าน้ำมันรถ 2,360 บาท

รวมทั้งสิ้น 16,428 บาท (เฉลี่ยคนละ 5,476 บาท)

In My Eye

 วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 22.49 น.

ความคิดเห็น