การท่องเที่ยวของใครหลายคนอาจจะเป็นในเชิงการได้รับความสุขจากการเดินชมเมือง การได้ทานอาหารอร่อยๆ หรือจะเป็นการได้เปลี่ยนที่นอน แต่สำหรับเรา ทุกทริปจะมีคุณค่าเพิ่มขึ้นตราบเมื่อการได้เดินทางในแต่ละทริป เราได้เจอคนใหม่ๆ สถานที่ใหม่ หรือมุมมองใหม่ในระหว่างการเดินทาง

เรามีความคิดที่จะเดินทางไปเที่ยวทั่วโลกตั้งแต่หลังจบ ม.ปลาย ดีที่มีเพื่อนร่วมทางคนเก่งหนึ่งคน ทำให้แต่ละทริปไม่เหงาและพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกันค่ะ

เกริ่นมาค่อนข้างพอสมควร เข้าสู่หัวข้อการเดินทางของเรากันดีกว่า พม่าเป็นประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกับเรามาก บางวัฒนธรรมเขารับไปจากเรา หรือบางทีเราก็รับมาจากเขา ในบางแง่มุมพอไปมาแล้วก็รู้สึกว่าไม่ต่างกับบ้านตัวเองเท่าไหร่ค่ะ ในมุมมองของเราภาพจำก่อนที่จะไปคือ พม่ายังคงเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้งในเมืองใหญ่ การคมนาคมยังไม่สะดวกมากนัก หรือให้คิดง่ายๆ ก็คือย้อนกลับไปยัง 40-50 ปีให้หลังของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ แต่หลังจากที่เราไปมาแล้ว ทุกอย่างกลับตารปัตรจากสิ่งที่เราคิดมาก พม่ากำลังตามประเทศของเราทัน เพียงแต่เขายังไม่รู้วิธีการประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้อง เป็นประเทศที่ทำให้เราทั้งประทับใจและน่าประหลาดใจในเวลาเดียวกันเลยค่ะ

เนื่องจากเป็นทริปที่เราไปมาตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว และคิดว่าประสบการณ์ที่เราได้รับมาอาจจะมีประโยชน์กับคนอื่นได้บ้างจึงลองมาเขียนลงที่นี่ดูค่ะ อาจจะมีบางส่วนที่เราใช้ข้อมูลจากการบันทึกลงในเฟสบบุ๊คส่วนตัว ยังไงก็ตามหวังว่าช่วยให้ทุกคนได้รู้จักพม่าในมุมมองของเราเพิ่มขึ้นนะคะ

CHAPTER 1 : เหยียบลงสู่ผืนแผ่นดินเมียนม่าร์ (บันทึก ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2560)

พม่าในภาพจำของเรา (โดยส่วนตัว) คือก่อนหน้านี้เราดูรายการหนังพาไป เป็นรายการแนวสารคดีท่องเที่ยวของช่อง TPBS มีตอนหนึ่ง พี่ทั้งสองคนมาจบทริปพม่าที่ย่างกุ้ง ในภาพจำของเราเลยเป็นตามที่พี่บอล พี่ยอดเสนอมาเลย แต่นานแล้ว รายการถ่ายเมื่อปี 2012 ซึ่งภาพจำของเราคือทางเดินรถเป็นหลุมบ่อ ทางเดินคนก็อาจจะสะดุดฟุตบาทได้แบบไทย ระบบขนส่งยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ รถบัสเป็นพัดลมขับดริฟท์ สนามบินนานาชาติเก่าครึแบบสนามบินเชียงใหม่ คนถุยหมากลงพื้นเต็ม.. ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ ไปได้แต่วัด! นี่คือภาพจำของเราจากการที่เดาไปเอง และภาพติดตาจากทัศนคติส่วนตัวที่ถูกบ่มเพาะปลูกฝังมา แต่!!! เราแทบอยากจะบอกว่า มันผิดทั้งหมด ผิดแบบทั้งหมดที่คิดนั่นแหละ!

ต่อจากนี้ขอพูดถึง เมียนม่าร์ แบบความจริงที่เราเห็นด้วยสายตาและความเห็นส่วนตัวของเรา

♡ สนามบินนานาชาติย่างกุ้ง
อย่างที่เราบอกไปเราตั้งแง่ในใจว่าสนามบินนี้ต้องเหมือนแบบสนามบินเชียงใหม่ แต่พอเรามาถึงแบบด้วยความที่เราคาดหวังน้อยด้วยมั้ง เราเลยประทับใจมาก สนามบินแห่งนี้ยังเป็นสนามบินเล็กๆ ตามที่ประเทศที่จะเพิ่งเปิดแห่งนี้มี ในใจเราให้ที่นี่เรียกว่า มินิสุวรรณภูมิเลย ทุกอย่างดูค่อนข้างใหม่และดูไฮคลาสแบบสนามบินนานาชาติพึงจะเป็น ลงจากเครื่องมาเห็นการจัดแต่งที่ต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์แล้วอิ่มยิ้มพิมใจ เทศกาลแห่งความสุขก็มาเยือนถึงพม่าเช่นกัน แม้ที่นี่จะเป็นเมืองพุทธ

♡ ห้างใหม่ย่านเดียวกับที่พัก (Junction City)
เป็นห้างที่ดูใหม่จริงๆ มีร้านค้าแบรนด์ดังระดับโลกให้เราได้เดินเล่น แอร์เย็นสบาย มีความหรูหราพอสมควร ให้ฟีลเหมือนเดินเดอะมอลล์งามวงศ์วาน อยู่บ้านเราก็คงไม่เท่าไหร่ใช่ไหม แต่น่าตื่นตาตื่นใจเพราะที่นี่คือพม่า เขากำลังจะเดินไปถึงจุดที่เราอยู่ เพราะเขายังมีหลายส่วนให้ได้ต่อยอดอีกเป็นกระบวน


♡ สวนสาธารณะใจกลางเมืองย่างกุ้ง
ที่แห่งนี้เป็นที่เดียวกันกับที่ตั้งอนุสาวรีย์แห่งอิสรภาพของชาวเมียนม่าร์ ที่นี่มีต้นไม้และเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของพม่าโดยแท้จริง คนพม่ามาเดินเล่น นั่งเล่น พาลูกมาเล่นสนามเด็กเล่น คู่รักมาจู๋จี๋ แก๊งเพื่อนมาเม้ามอยออนนี่อปป้า(จริงจัง! ระหว่างเดินได้ยินเพลงของ Blackpink กะว่าจะทักแล้วว่ายูติ่งเหมือนกันหรอ แต่ต้องทำตัวเป็นบุคคลปกติต่อไป) เนี่ยแหละทุกคนมาอยู่ที่นี่ อากาศดีมาก ๆ เหมาะกับมานั่งกินลมชมวิว อยู่เฉย ๆ ไม่มีไรทำที่สุด แต่รอบนอกมีเด็กมาขายของโปสการ์ดแบบยื่นใส่ให้เรางี้ สิ่งที่ทำคือเราต้องไม่สนใจที่สุด เด็กมันจะได้ไม่ตื๊อ..

เรื่องนี้จะไม่พูดถึงก็ไม่ได้ การมาครั้งนี้เรามีผู้สนับสนุนค่ะ คู่ซี้ร่วมทริปของเรามีเพื่อนเป็นชาวพม่าซึ่งไปรู้จักกันในงานประชุมแลกเปลี่ยนนานาชาติที่ประเทศญี่ปุ่น สมัยม.ปลาย จนตอนนี้เข้ามหาลัยกันไปหมดแล้ว เพื่อนชาวพม่าคนนี้เรียนแพทย์อยู่ที่พม่าเนี่ยแหละค่ะ เค้าให้มุมมองอะไรใหม่ ๆ กับเรามากเลยทั้งเรื่องทัศนคติ และวัฒนธรรมของประเทศเขา สิ่งที่เราอยากจะแชร์หลักๆ ก็คงเป็นเรื่องการใช้ชีวิตในมหาลัย ลองอ่านดูนะคะ :)

พูดถึงผู้สนับสนุนหลักสำคัญในเมืองย่างกุ้งที่พาเราไปเที่ยวทริปนี้ก็คือ ปีเตอร์ พอเราบอกว่าจะมาย่างกุ้ง เขาเลยอาสาพาเราเที่ยวเลย อาจจะคิดกันว่าเขามาแค่เป็นไกด์ให้เรา ไม่เลย... เขาจัดการให้เราทุกอย่าง บ้านนางมีคนขับรถเลยให้คนขับรถให้และพาเที่ยวตลอดวัน แถมเลี้ยงข้าว เป็นไกด์ เป็นล่าม เป็นทุกอย่างให้เธอแล้วสุด ๆ อยากกราบเขาที่ทำให้วันแรกในพม่าของเราเปี่ยมไปด้วยความสุข เพราะความสะดวกสบายที่ได้รับมาก ๆ ปีเตอร์เป็นผู้ชายที่สุภาพ และเฟรนด์ลี่มาก เรากับเขาเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่แบบใส่ใจเราด้วยทั้ง ๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน เรียกว่า ประทับใจ

ตลอดวันเราคุยแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่สนามบิน จนเขามาส่งที่โรงแรมและโบกมือลากัน เราเลยได้อะไรมาหลาย ๆ อย่างมาก

Q. มหาลัยพม่ามีรับน้องเหมือนไทยไหม
A. มี ในงานรับน้องจะจัดเหมือนงานเลี้ยง ทุกคนมาเต้น มากิน มาดื่มอะไรด้วยกัน ทำกิจกรรม ระหว่างงานจะมีการประกวดหนุ่มหล่อสาวสวยด้วย (ฟีลเดียวกับ FRESSHY BOY&GIRL) แต่ที่นี่จะมีสามลำดับในการเรียก อันดับ 1 King & Queen อันดับ 2 Prince & Princess Popular Vote (คนที่ยอดไลค์ในเฟสเยอะๆ) คือ Mr.Famous & Ms.Famous จะประกวดกันภายในคณะ ไม่มีรอบมหาลัย

Q. ตอนเรียนมัธยมมีแยกสายไหม?
A. ไม่มี เรียนตามที่อยากจะเรียน คือไม่มีเหมือนเราที่เรียนจับฉ่าย ประเภทที่ว่าเรียนสายวิทย์ แล้วต้องเรียนประวัติศาสตร์ด้วย อะไรแบบนี้

Q. การสอบเข้ามหาวิทยาลัย
A. สอบครั้งเดียวใช้ทำทุกอย่าง ถ้าคะแนนน้อยจะเน้นไปที่แต่ละวิชามากกว่า วิชาไหนแย่ก็สอบใหม่ปีหน้า ไม่มีโควตา ใช้ข้อสอบอย่างเดียว

Q. ตอนจะสอบมีโด้พกาแฟไรงี้ไหม
A. กระทิงแดงเลยจ้า (ชี้ระหว่างเดินซุปเปอร์)

Q. งานที่เงินเดือนดีคนที่นี่นิยมทำ นิยมเรียน (ยกเว้นนักธุรกิจ)
A. วิศวกร ที่นี่มีมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีโดยเฉพาะด้วย

Q. ชมรมของมหาวิทยาลัย
A. มีเยอะมาก และสมาชิกในชมรมก็เยอะเหมือนกัน อย่างปีเตอร์อยู่ชมรมปีนเขา มีสมาชิกชมรม 150+ คน วันนี้ทางชมรมก็นัดกันไปปีนเขา นัดกันเจอตอนตีสามเพื่อรวมตัว เขาซื้อแก้วเล็กๆ (กระจอก) ที่ทำจากไม้ไผ่ไปด้วย เอาไว้กินน้ำระหว่างทาง แบบเดินผ่านน้ำตกก็กินน้ำจากน้ำตกได้ไรงี้ (อันนี้แซว5555)

Q. การเคี้ยวหมาก
A. คนรุ่นเก่าประมาณ 35+ บางคนยังเคี้ยวหมากอยู่ แล้วชอบถุยลงพื้น แต่ต่ำกว่านั้นมาก็ไม่มีคนเคี้ยวแล้ว หมากหาซื้อง่ายมาก (เดินไปหน้าปากซอยโรงแรมเรามีร้านขายหมาก)

Q. เทศกาลของที่นี่
A. ที่เหมือนกันไทยก็มี Water Festival (แนวเดียวกับสงกรานต์) มีเทศกาลที่ให้ไปทำบุญที่วัดฟังพระสวดอะไรงี้ด้วย

Q. ไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นที่นี่
A. ค่อนข้างเหมือนไทย ดูหนัง ช็อปปิ้ง ไปร้องคาราโอเกะ นั่งคุยจิบชากับเพื่อน

[ร้านอาหารหรูราคาไม่แพงกลางย่างกุ้ง (อาหารอร่อยมาก)]

การพูดคุยของเราก็จะประมาณนี้กัน ในวันแรกของการเหยียบลงผืนแผ่นดินพม่าของเราเรียกได้ว่า เพอร์เฟคเพราะมีบุคคลผู้ใจดีช่วยเหลืออยู่ แต่วันต่อๆ ไปที่เราต้องดำเนินชีวิตด้วยตัวเองกัน มีอะไรให้ว้าวอีกมากมายในพม่าเลยค่ะ เนื่องจากกล่าวทีเดียวอาจจะยาวเกินไปขอยกเรื่องราวในวันถัดไปไว้ในบทความต่อไปนะคะ ^_^

เมบิ๊น_MayFlight

 วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.41 น.

ความคิดเห็น