ต่อจากรีวิว part 1 https://th.readme.me/p/1973

วันนี้เรามีลุ้นว่าจะได้เจอกับเเสงเหนือที่หน้าน้ำตกเเห่งนี้ แสงเหนือเป็นสิ่งที่เอาเเน่นอนไม่ได้เเต่วันนี้ฟ้าเปิดตอนเที่ยงคืนถึงตีสาม

ตามพยากรณ์ในเวป http://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/

จากเส้นทางการขับรถของวันนี้ทั้งวันเราขับมาไกลพอสมควร

เเต่พอกินข้าวเเล้วนอนสักพักก็เรียกว่าฟื้นพลังได้มากเลยทีเดียว ตื่นมาก็เจอว่ามีรถจอดอยู่ข้างๆจากตอนเเรกที่เรามาถึงจุดนี้เป็นคนเเรก ระหว่างรอเเสงเหนือมาก็เลยลองออกไปเดินดูอะไรสักหน่อย อย่างที่บอกว่าผมไม่รู้ว่าที่เรามาที่นี่มันเป็นน้ำตกแบบไหนผมได้ดูรูปแต่ก็ไม่ได้จำชื่อมา มันตื่นเต้นดีที่เรามาถึงก็มืดมองอะไรไม่เห็นได้ยินเเต่เสียงน้ำตกที่ดังมาเเต่ไกลเราจอดได้ใกล้สุดเท่านี้เเต่ยังได้ยินเสียงของน้ำตก เเสงว่ามันต้องใหญ่มากเเน่ๆ ผมเดินออกมาจากรถตู้พร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เรียกว่านานมากเเล้วที่ไม่ได้มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายขนาดนี้


ยืนมองพร้อมกับอาการที่เย็นราวๆ -1 เรียกว่าหนาวจนตัวสั่น ผมรีบหยิบอุปกรณ์ขาตั้ง กล้อง เเล้วก็ หมวกถุงมือ ไฟฉายที่ติดหัว มาใส่เพื่ออvกไปหามุมถ่ายรูป ออเดินมาสักพักก็ลองเอากล้องตั้งเเล้วถ่ายดู ความรูปสึกเเรกที่เห็นรูปคือ มันสวยอะไรขนาดนี้เเล้วผมก็ลองออกเดินไปหามุมโน้นนี่ไปเรี่อย เเต่พื้นที่เป็นน้ำเเข็งทำให้เดินลำบากเลยกลับมาเอายางที่มีเหล็กเเหลม(ที่เค้าไว้เดินบนน้ำเเข็ง) เอามาติดเข้าที่พื้นรองเท้า เเล้วออกไปเดินอีกรอบ เเล้วก็เจอกับ ตากล้องคนนึงมาจากสก๊อต เค้าถ่ายรูปอยู่ (น่าจะเป็นเจ้าของรถคันข้างๆนี่ละ) ผมเลยเข้าไปลองทักดู สักพักผมก็บอกว่าวันนี้ฟ้าเปิดตอนเที่ยงคืนถึงตีสามคุณจะรอถ่ายรูปที่นี่ไหมเผื่อวันนี้เราจะโชคดีได้เจอเเสงเหนือ เค้าบอกว่าอ่าว หรอวันนี้ตรงนี้ฟ้าเปิดหรอ วันนี้วันสุดท้ายของทริปเเล้วเค้าจะกลับพรุ่งนี้เเล้วมาเจ็ดวันยังไม่เจอเเสงเหนือเลย ผมเลยบอกเมื่อวานเราโชคดีมากๆเลยเจอระหว่างทางก็เลยเปิดรูปให้เค้าได้ดูไป เค้าบอกยูลัคกี้มากเลยนะ รูปสวยมาก ผมก็บอกไปว่าวันนี้อาจจะมีอีกก็ได้นะ เเต่เค้าบอกจะไปกินข้าวเเล้วกลับมาใหม่ เเล้วเค้าก็ขับรถออกไปผมก็เดินถ่ายรูปไปเรื่อยเเถวนั้น จนกระทั่งที่ติดรองเท้าหายไปข้างนึง เดินหาในความมืดตั้งกล้องถ่ายภาพไว้แล้วก็ออกเดินหา เหมือนเล่นเกมกับตัวเอง


เดินกลับมาที่กล้องถ่ายรูปต่อ


ก็เล็งไปเรื่อยว่าถ้าเเสงเหนือมาทางนี้นะจะเก็บกับภูเขาลูกนี้ หลังจากนั้นก็กลับมาที่รถ น้องหมวยบอกหลังจากนี้ห้ามขับไปไหนเเล้วนะอันตรายเมื่อวานนี่อันตรายมาก เพราะฉะนั้นหลังเที่ยงคืนห้ามขับไปไหนอีก นั้นเเปลว่าคืนนี้เราย้ายที่ไม่ได้เเล้วถ้าไม่เจอเเสงเหนือ เพราะฉะนั้นก็ต้องลองลุ้นดู ถึงเวลานัด เที่ยงคืนตากล้องสก๊อตกลับมาเเต่ไร้วี่เเววของเเสงเหนือ เมื่อดูท่าเเสงเหนือจะไม่มาตามนัดเพราะฉะนั้นก็คง ต้องหาทางเเก้เอาคือ ถ่ายดาวหมุนหลังจากลองถ่ายจนหาตำเเหน่งดาวเหนือได้เเล้วก็เลยขับรถเลื่อนออกมาจอดไกลหน่อยเพื่อให้ได้มุมที่คิดว่าสวยงามเดินไปริมเเม่น้ำที่เป็นน้ำเเข็งตั้งกล้องเเล้วถ่าย เเล้วก็เข้ามาหลบในรถเพราะอากาศหนาวมากตอนนั้นประมาณตี 1 ทุกคนเริ่มมีทีท่าจะมามากขึ้นที่จุดนี้ตอนนี้มีรถสามคันจอดอยู่บริเวณที่จอดรถ ส่วนผมถอยมาตั้งกล้องไกลออกมาหน่อย ใจก็กลัวน้ำจะขึ้นมาพัดขาตั้งกล้องล้ม ไหนจะกลัวเเบทหมด จะทิ้งกล้องถ่ายไว้ยันเช้าก็กลัวกล้องหาย เพราะอาจจะหลับยาวเเล้วตื่นมาไม่ทันเลยกะว่าถ่ายถึงตีสามครึ่งเเล้วกัน ไม่เจอก็ไม่เจอเเละเเสงเหนือวันนี้ สุดท้ายเเสงเหนือก็ไม่มาตามนัดเลยได้มาเป็นดาวหมุนๆเเทน(มุมนี้เดินไปมาหลายรอบจนลื่นล้มเเผ่นน้ำเเข็งเเตกกันเลยทีเดียว)

พอได้ภาพที่คิดว่าพอใจเเล้วบวกกับพรุ่งนี้ต้องขับรถย้อนไปไกลมากเพราะระหว่างรอก็เชคเมฆของพรุ่งนี้ว่าจะเปิดที่ไหน ปรากฏว่าจะเปิดที่ภูเขาไฮไลท์ของทริปซึ้งผมกะไว้ว่าในสี่วันเเรกถ้าฟ้าเปิดที่นี่จะย้อนกลับไปเพราะถ้าเก็บที่นั้นได้เเล้วก็จะได้ไปเที่ยวที่อื่นได้เเบบสบายใจ


สุดท้ายตีสามครึ่งได้รูปมาพอประมาณไว้ทำวีดีโอ เลยเก็บอุปกรณ์นอนละ

.

.

.

.

.

.

หลับตื่นมา10 โมงพระอาทิตย์เริ่มจะขึ้นละออกมาล้างหน้าแปรงฟัน กินไส้กรอกดิบ(ขี้เกียจทอด)เป็นอาหารเช้า เปิดประตูรถออกมาท้องฟ้าดูเป็นใจมาก

เลยขอถ่ายไว้เป็นที่ระลึกนิดนึงระหว่างนั้นก็คิดว่าตามแผนเดิมคือเราไปอาบน้ำที่สระน้ำกลางหุบเขาได้ เเล้วค่อยกลับมาเเสงน่าจะสวยพอดี ก็เลยตัดสินใจ

ไปอาบน้ำกก่อนเพราะห่างเเค่ 15 นาทีจากนี้ สถานที่นี่จัดเป็นสถานที่ๆไม่ค่อยมีคนรู้เพราะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวหลักจึงไม่เเปลกใจที่คนไม่ค่อยมากัน


ระหว่างทางดูสวยดีเลยเเวะถ่ายรูป

วันนี้ใส่เสื้อกับหมวก Doom never give up https://www.facebook.com/DoomNevergiveup/?fref=ts


ออกมาถ่ายรูปเท่ๆนิดนึง นานจะมีจุดที่จอดถ่ายรูปได้แบบชิวๆ ปกติลมเเรกตลอด

พอถ่ายเสร้จก้ขับเข้าไปตามที่หาข้อมุลมาก่อนหน้านี้คือต้องจอดรถเเล้วเดินเข้าไปเองอีก 15 นาที เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำไปเรียบร้อย

เดินออกมาจากรถเเล้วมองไปข้างหน้า ผ่านสันหินขึ้นไปมองบอกตามตรงในใจคิดมันอยู่ตรงไหนว่ะเนี่ย เนทก็หาไม่เจอพิกัด ทำไงละทีนี่ เราเห้นฝรั่งสองคนเดินออกมาจากทางข้างหน้าในใจก็คิดว่ามันคงอยู่ข้างหน้านี่ละ เเต่หมวยเราบอกไหนอะ เราก็บอกเชื่อผม มันอยู่ข้างหน้านี่ละ เเต่ทางเดินลำบากหน่อยมีเเต่โขกหิน ผ่านเเม่น้ำเส้นเล็กๆสองสามสาย เดินเหยียบหินแบบระมัดระวัง เพราะกลัวจะลื่นล้ม บางส่วนเป็นน้ำเเข็งบางเหยียบเเตกได้เหมือนกระจก เราก็เหยียบเล่นแก้เครียด เจอกับเเม่น้ำเส้นใหญ่ไม่เห็นสระน้ำสักนิด ตอนนั้นเองน้องหมวยบอกกลับเหอะ เดินไม่ไหวเเล้วมันไม่รู้อยู่ตรงไหน เเต่ในใจผมก็คิดว่ามันต้องอยู่ในนี้เเหละ ด้วยความที่แบกโดรนไปด้วยเลยเอาโดรนบินสำรวจทางดู สักพักนึงมองไปในมือถือก็เจอสระน้ำหลบอยู่หลังเขาลูปข้างหน้าด้านซ้ายมือ เราก็โชวว่ามันมีจริงๆนะ เดินต่อเถอะ น้องหมวยเลยยอมสู้ต่อเดินไป เราเดินผ่านเขา เเม่น้ำ หิน เนิน จนมาเจอกับ

ตอนที่เจอคือรู้สึกภูมิใจมาก เพราะมันคือสระน้ำส่วนตัวกลางหุบเขาจริงๆไม่มีใครเลยมีห้องอยู่สามห้องไว้เก็บของอากาศเย็นจนหนาวแต่ใจก็อยากเล่นเพราะเตรียมมาเเล้ว พอลงน้ำไปอุ่นกว่าน้ำในเเม่น้ำปกติ เพราะเค้าบอกว่าน้ำนี่ต่อท่อมาจากน้ำบนเขาที่อุ่นตามสภาพอากาศว่าจะอุ่นมากน้อยขนาดไหนเราไม่สามารถกะเอาได้ต้องมาลอง เเต่ส่วนที่ใกล้ท่อจะอุ่นจนร้อนเลยเเต่ส่วนนั้นน้ำจะลึกมากจนหาก้นสระไม่ได้ เล่นน้ำไปสักพักมีฝรั่งมาสองคนมองมาที่เราทำหน้าตกใจ เค้าบอกว่าไม่คิดว่าจะมีคนมาเจอสถานที่นี้ (เราก็คิดในใจว่าอืม เราก็ไม่คิดว่าจะหาเจอเหมือนกัน) ฝรั่งคนนึงก็เล่นน้ำกับพวกเราสักพักมีคู่รักตามมาเจอก็ตกใจพวกเราเหมือนกัน

ตอนอยู่ในน้ำอะไม่หนาวหรอกเเต่พอจะขึ้นนี่ละสั่นเลยรีบเเต่งตัวเลย เเล้วทุกคนก็เริ่มขึ้นจากน้ำเเล้วออกเดินออกจากสระน้ำพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย


ผมขับรถกลับมาที่มุมเดิมเพราะหวังจะได้ฟ้าที่สวยขึ้น


ของถ่ายกับน้ำตกสักนิด ตั้งกล้องเเล้ววิ่งสุดเเรงไปที่จุดที่เล็งไว้ วิ่งไปมาจนคนแถวนั้นเเตกตื่น กว่าจะได้รูปนี้มา


ถ่ายจนหนำใจเเล้วก็ออกเดินทางต่อย้อนกลับไปจุดหมายต่อไป

ระหว่างทางก็โดนดักให้ถ่ายรูปจากคุณม้าอีกเเล้ว คือเห็นคนจอดถ่ายหลายคนระหว่างทางก็คิดนะว่าเวลายังมีเหลือเเวะสักนิดยังไม่มีรูปม้าเท่ๆเลย


อย่างว่าขับย้อนกลับมาก็ต้องผ่านที่เดิมขอเเวะสักนิดละกันถ่ายสองสามรูปก็พอ
วันนี้ไม่มีคนไปถ่ายด้านหลังเลย เพราะน้ำกลายเป็นน้ำเเข็งหมดเลยจนผมเองลื่นไปห้าหกครั้ง เรียกว่าอันตรายมากบางช่วงลื่นจนติดเหล็กยึดรองเท้ายังลื่นล้มหลุนมาเลยเเต่ไม่มีคนเลยตลกขำตัวเองอยู่กับพื้น ล้มได้เเต่กล้องห้ามหล่นพื้น โคลนเยอะมากจนน่ากลัว เเต่ก็พยายามถ่ายๆไป เเล้วก็ออกเดินทางต่อ


(รูปด้านหลังเดียวทำเสร็จจะมาอัพนะครับ มันทำยากนิดนึง)



facebook : https://www.facebook.com/whereveego

IG: whereveego

ติดตามผลงานได้นะครับ

facebookส่วนตัว: vee verapat

whereveego

 วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 03.51 น.

ความคิดเห็น