ป่ะไปเที่ยวอิสตันบูลกัน เมืองที่ Where East meets Westใช้เวลาโดยประมาณชั่วโมงครึ่งจากสนามบิน Kayseri ที่คัปปาโดเกียฉันก็มาถึงที่ Sabiha Gökçen International Airport ซึ่งเป็นสนามบินฝั่งเอเซียของอิสตันบูล ฉันเดินออกมาผู้คนดูวุ่นวาย ฉันคิดถึงคัปปาโดเกียที่แสนสงบเหลือเกิน แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดถึงคัปปาโดเกีย ฉันสะบัดหัว นี่มันเป็นเวลาที่ฉันต้องหารถไปอิสตันบูลฝั่งยุโรป ตามข้อมูลที่ฉันอ่านมามี HAVATAS บัสที่สนามบิน ไปทักษิม ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง แต่โรงแรมของฉันไม่ได้อยู่ทีทักษิม โรงแรมของฉันอยู่แถวๆ Eminonu ดังนั้นฉันจะลงรถที่ ท่าเรือ Kadıköy เพื่อที่นั่งเรือข้ามฟากไป Eminonu นั่งเรือข้ามฟากกินลมชมวิวไม่นานนักก็ถึงท่าเรือ

Tip : สนามบินฝั่งเอเชียไกลนะคะ รถติดมากด้วย ถ้าใครจะต้องขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนี้เผื่อเวลาไว้เยอะๆเลยค่ะ ระวังตกเครื่องน๊าาที่อิสตันบูลฉันตั้งใจสโลว์ไลฟ์ที่นี่ก่อนที่จะกลับไปเจอโลกแห่งความจริง... ลงเรือ เดินหาโรงแรมตามแผนที่ เป็นโรงแรมเล็กๆหาไม่ยากนัก เมื่อถึงโรงแรมฉันยื่นใบจองห้องพักให้เขาดู เขาบอกฉันว่าคุณทำไมไม่พักแบบห้องน้ำรวมล่ะ ราคาถูกกว่าเยอะนะคุณจะได้ประหยัดด้วย ฉันยิ้มคนที่นี่ใจดีจังอยากให้ฉันประหยัดเงิน แต่ไม่เป็นไรฉันบอกเขา ฉันเดินทางคนเดียวฉันเต็มใจที่จะพักห้องเดี่ยวมีห้องน้ำในตัว ฉันมักจะเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน มันไม่สะดวกสำหรับฉันที่จะใช้ห้องน้ำรวม ห้องดอมฉันก็ไม่ชอบไม่ใช่อะไรสมบัติฉันเยอะ ไหนจะโน้ตบุค แทบเล็ต มือถือ และอื่นๆ มันไม่สะดวกใจถ้าจะทิ้งของไว้และถ้าฉันพักห้องรวม ฉันต้องคอยเก็บของไปฝากไว้ตลอด บอกตรงๆฉันขี้เกียจ ฉันเก็บเงินมาเที่ยวอย่างยาวนานฉันก็อยากจะสบายซักหน่อย เท่านั้นแหล่ะเหตุผลของฉัน เข้าห้องพักอาบน้ำพักผ่อนเล็กน้อยเย็นๆฉันก็ออกมาเดินเล่นแถวท่าเรือ Eminonu เดินไปจนถึงสะพานกาลาตาร์


ปล.รูปมีจากหลายๆกล้องปนกันนะคะ ภาพอาจะมีดีบ้างไม่ดีบ้างขออภัยใกล้กับเชิงสะพานกาลาตาร์เป็นที่แซนวิชปลาอันเลื่องลือ บ้างว่าอร่อย บ้างว่าไม่อร่อย วันนี้ฉันจะไปชิมแล้วหาคำตอบด้วยตัวฉันเอง เดินเมียงๆมองๆดูอยู่หลายร้าน ร้านที่คนเยอะๆจะเป็นร้านที่อยู่ใกล้ๆสะพาน ฉันเดินไปเรื่อยจนมาถึงร้านสุดท้าย ฉันเลือกร้านนี้เพราะว่าคนไม่มากนั่งและที่นั่งยังเหลือ ตัดสินใจเสร็จสรรพก็สั่งแซนวิชปลามากินและโค้กหนึ่งกระป๋อง ที่นี่เขาจะมีพวกผักดองใส่แก้วพลาสติคแดงๆ เคยอ่านมาว่ารสชาติเปรี้ยวมาก ฉันไม่ชอบรสเปรี้ยวและฉันยังไม่อยากเสี่ยงท้องเสียจึงไม่ได้สั่งมากิน


ส่วนแซนวิชปลาสำหรับเรานะคะ มันคือขนมปังใส่ไส้ปลาซาดีน (ปลากระป๋อง) มีผักกาดหอมและหัวหอม รสชาติก็เหมือนกินปลากับขนมปังแหล่ะค่ะ ขนมปังจะเป็นบาเก็ตแข็งๆ กินให้รู้เนาะไหนๆก็ไปแล้ว



หลังจากกินเสร็จฉันก็เดินเล่นดูเขาขายของ แถวๆร้านแซนวิชมีคนมาขายของแบกะดินมากมายเหมือนตลาดนัดบ้านเราตอนกลางคืน ฉันเดินกลับไปที่สะพานกาลาตาร์ด้านล่างซึ่งเป็นร้านอาหารมากมายบริกรรูปหล่อเชื้อเชิญให้ฉันนั่ง แต่ฉันอิ่มแล้วจึงได้แต่ส่ายหัว จากนั้นฉันเดินขึ้นไปด้านบนอีกครั้งเหม่อมองชมวิวแม่น้ำจากบนสะพานมองเห็นนิวมอสก์และมัสยิดสุลัยมาน ซึ่งฉันมีแผนที่จะไปในวันถัดๆไป

เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาแบบไม่เร่งรีบ ฉันกินอาหารเช้าที่โรงแรม วันนี้ฉันจะไปมัสยิดสีฟ้า มัสยิดในฝันที่ฉันอยากเห็นมานานแสนนาน ครั้งแรกที่ฉันเห็นมัสยิดนี้จากหนังสือเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค ฉันก็ใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากเห็นด้วยตัวตาตัวเองซักครั้ง วันนี้แล้วสินะที่ฉันจะได้เห็นมัน ฉันพักอยู่แถว Eminonu ซึ่งนั่งรถทรามเพียงสามสถานีก็ถึงย่าน Sultanahmet ลงจากรถทรามฉันก็เห็นมัสยิดสีฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ถึงแล้วสินะมัสยิดสีฟ้าที่ฉันอยากเห็น


ด้านหน้าของมัสยิดเป็นลานกว้างปลูกดอกไม้น้ำพุมีเก้าอี้นั่งเล่นนะคะ มัสยิดเข้าฟรีค่ะ แต่จะให้เข้าเฉพาะตอนที่ไม่มีการละหมาดเท่านั้น ให้พกผ้าคลุมหัวไปด้วยนะคะสำหรับผู้หญิง ไม่ใส่สั้น แต่งกายสุภาพนะคะ แต่ถ้ามีไม่มีผ้าคลุมเค้ามีให้ยืมค่ะฉันก้าวเดินเข้าไปด้านในด้วยใจสั่นไหว ตื่นเต้น ความรู้สึกเหมือนกำลังจะได้พบสิ่งที่อยากพบมาตลอดชีวิต ยิ่งใหญ่ อลังการ ฉันไม่รู้จริงๆว่าจะเอาคำไหนมาทดแทนความรู้สึกของฉันได้ทั้งหมด ฉันไม่เสียใจเลยที่รอมาอย่างยาวนานเพื่อมาเยือน ณ ที่แห่งนี้


สาระ : “บลูมอสก์" (Blue Mosque) สุเหร่าสีน้ำเงิน หรือสุเหร่าสีฟ้าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) เป็นสุเหร่าที่มีแรงบันดาลใจมาจากการสร้างที่ต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น สุเหร่าแห่งนี้ประดับด้วยกระเบื้องอัซนิค บนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้า มีหอมินาเร็ตทั้ง 7 หอฉันเดินออกจากมัสยิดสีฟ้าด้วยใจล่องลอย ฉันอยากพักสักนิด ฉันตัดสินใจไปเดินรอบๆมัสยิดสีฟ้า และนั่งพัก ฉันเดินมาหยุดที่ลานฮิปโปโดรม (Hippodrome) มองแท่งเสาโอเบลิกส์อันสูงตระหง่านจินตนาการถึงสมัยโบราณ ฉากที่มีการแข่งม้ากัน สนามที่ซึ่งข้อมูลบอกว่าสามารถจุคนได้ถึงหนึ่งแสนคน ที่ลานนี้มีสามเสา เสาแรกเป็นเสาโอเบลิสก์ฟาโรห์ธุตโมส (Obelisk of Pharaoh Thutmose) ซึ่งคอนคอนสแตนตินมหาราชนำมาจากเมืองคาร์นัคประเทศอียิปในสมัยที่มีการขนย้ายอนุสาวรีย์ต่างๆมาจากอาณาจักรยุคโบราณ เสาที่สองเสางู (Serpentine colum) สลักเป็นรูปสามเหลี่ยมตัวกระหวัดรัดพันกันเดิมตั้งอยู่ที่วิหารเทพอพอลโล่แห่งเมืองเดลฟี และเสาสุดท้าย เสาคอลัมน์คอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.940 แต่ไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด นั่งอ่านข้อมูลพลางชื่นชมคนสมัยโบราณ ฉันคิดว่าพวกเขาเก่งกันจริงๆ



ภาพ : ลานฮิปโปโดรม

หิวแล้ว กินอะไรดีนะ ฉันคิด ฉันยังไม่อยากไปนั่งในร้านอาหาร เพราะหลังจากนี้ฉันมีแผนที่จะไปพระราชวังทอปกาปิต่อ ฉันเห็นแถวๆนั้นมีแซนวิชขาย ฉันเลยเดินไปซื้อประทังหิว ถามว่าอร่อยมั้ย ตอบเลยว่าไม่ แต่... มันทำให้ฉันหายหิวและมีแรงที่จะไปต่อ


ฉันกินเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ฉันมีแรงเดินต่อแล้วที่ต่อไปที่ฉันจะไปคือพระราชวังทอปกาปิ พระราชวังที่เก็บสมบัติไว้มากมายและเป็นที่ประทับของสุลต่านนานกว่า 3 ศตวรรษ ด้านหน้าทางเข้ามีกาดหนุ่มยืนถือปืนคุมอยู่ ฉันอยากไปถ่ายรูปกับเขาจัง แต่คิดๆแล้วเกรงใจฉันไปคนเดียวซะด้วยไม่มีคนถ่ายให้ดังนั้นอย่าดีกว่า ฉันเดินผ่านประตูชั้นแรกเข้าไปเป็นสวนกว้างเห็นน้องทหารยืนอยู่เป็นจุดๆ ด้านซ้ายมือเป็นโบสถ์ฮาเกียไอรีน (Hagia Eirene) เป็นโบสถ์ไบแซนไทน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากฮาเกียโซเฟีย ข้อมูลบอกว่าจากการขุดค้นได้พบซากอาคารที่เชื่อมต่อสองโบสถ์นี้เข้าด้วยกัน ต่อมาบางส่วนถูกรื้อทิ้งเพื่อสร้างกำแพงพระราชวังทำให้โบสถ์ฮาเกียไอรีนอยู่ในเขตกำแพงวัง โบสถ์แห่งนี้ไม่เคยถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดเลย ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปชมข้างใน ซึ่งข้างในยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุง ไม่มีอะไรมากนักใช้เวลาที่นี่เพียงไม่นานฉันก็มุ่งหน้าต่อไปยังพระราชวังทอปกาปิชั้นใน

ฉันมุ่งตรงผ่านสวนอันกว้างใหญ่เดินผ่านประตูเข้าไปอีกชั้น พระราชวังที่นี่ไม่ได้ออกแนวหรูหราเหมือนอย่างที่ใครๆจินตนาการ แต่ลักษณะเป็นอาคารเป็นหลังๆไปมากกว่า ฉันรู้สึกเหมือนเป็นหมู่บ้านๆหนึ่งในกำแพงสูงล้อมรอบ ส่วนนี้จะมีส่วนชั้นในที่เรียกว่าฮาเร็ม ฮาเร็มในที่นี้เป็นที่อยู่ของสตรีชาววังตั้งแต่พระชนนี และพระสนมทั้งหลายของสุลต่าน ผู้ชายที่จะเข้าไปได้นอกจากองค์สุลต่านแล้วก็มีเด็กอายุไม่ถึง 13 ปีและพวกขัณฑีเท่านั้นเอง ขัณฑีส่วนใหญ่มาจากแอฟริกา ฉันไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปดูเนื่องจากดูนาฬิกาแล้วเวลาฉันคงไม่พอ ฉันอยากดูสมบัติของสุลต่านมากกว่า

ฉันเดินเข้าไปชมสมบัติของสุลต่านในส่วนนี้ห้ามถ่ายรูป ตามโพยที่อ่านมาเค้าบอกว่าห้ามพลาดโคตรเพชร 86 กะรัตและกฤชท็อปกาปึทำจากทองคำประดับมรกตเม็ดใหญ่สามเม็ด ฉันเดินเข้าไปดูยืนจ้องอยู่นานมันเม็ดใหญ่จริงๆแต่หากถามฉัน ฉันไม่มีความรู้เรื่องเครื่องประดับแพงๆหรอกนะเพราะว่าชีวิตของฉันไม่เคยเก็บเงินไว้ซื้อเครื่องประดับหากแต่เก็บเงินไว้เที่ยวซะมากกว่า ออกจากชมส่วนของสมบัติฉันก็ไปเดินชมรอบๆและระเบียงด้านหลังของพระราชวังเป็นจุดชมวิว ที่มองออกไปเห็นทิวทัศน์เมืองอิสตันบูล และตรงนั้นก็มีร้านอาหารสำหรับให้นักเที่ยวหยุดพัก

Tip : ซื้อมิวเซียมพาส 85 TL ค่ะ เพื่อที่จะประหยัดเวลาไม่ต้องไปต่อคิวรอซื้อตั๋วเข้าเป็นแห่งๆ ประหยัดเวลาได้เยอะแยะมากมายเลยค่ะ


ฉันเดินออกจากพระราชวังทางประตูด้านข้าง ไม่รู้หรอกจะทะลุไหนช่างมันเถอะ มาเที่ยวนี่น่ะ หลงทางสิสนุกจะตาย ฉันเดินลงเนินไป เห็นซากปรักหักพังวางข้างทางเรียงราย เดินไปเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่ามันเป็นทางเดินไปพิพิธภัณฑ์ ในพิพิธภัณฑ์มีร้านกาแฟให้นั่งพัก ส่วนด้านในตึกมีหลายชั้นจัดโชว์โบราณวัตถุหลายอย่าง โดยเฉพาะวัตถุโบราณของอียิปต์ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงมีพวกโบราณวัตถุของอียิปต์แต่ฉันสนใจมากเพราะฉันโตมากับการ์ตูนเรื่องคำสาปฟาโรห์...

โบราณวัตถุของกรีก รวมทั้งหัวงูของเสาที่ฮิปโปโดรมก็อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ จำได้มั้ย


ฉันเดินออกจากพิพิธภัณฑ์ก็เย็นแล้ว เดินตามทางไปเรื่อยๆก็มาทะลุที่สวนสาธารณะ Gülhane อ้อ พึ่งรู้ว่าที่นี่มันติดกัน ฉันเลยเดินเข้าไปเดินเล่นนั่งพักคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนที่จะเดินกลับ จากตรงนี้ไม่ไกลโรงแรมฉันมากนัก วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ตอนเย็นไม่อยากไปไหนฉันจึงหาอะไรกินแถวๆโรงแรมและอาบน้ำนอนเอาแรงเผื่อวันถัดไป


วันนี้ฉันตื่นแต่เช้าแพลนของฉันวันนี้ ที่แรกที่ฉันจะไปคือ วิหารอายาโซเฟีย Ayasofya หรือ Hagia Sophia ฉันเคยเห็นในภาพถ่ายมานานแสนนาน เห็นความยิ่งใหญ่ วันนี้แล้วสินะที่ฉันจะได้เข้าไปชม ฉันเดินเข้าไปด้านใน ตะลึงกับความงาม แสงและสีทองของโมเสก ความยิ่งใหญ่ จินตนาการถึงอดีต ซึมซับ มองความเปลี่ยนแปลงจากโบสถ์สู่มัสยิด ฉันจ้องมองภาพโมเสกโบราณ คนสมัยก่อนช่างเก่งกันเหลือเกิน วิหารแห่งนี้มีสองชั้น ฉันใช้เวลาที่ร่วมสามชั่วโมง

สาระ : ประวัติเค้าว่า เริ่มแรกถูกสร้างเป็นโบสถ์คริสต์ ศาสนานิกายออร์ทอดอกซ์ โดยจักรวรรดิ์ไบเซนไทน์ แล้วหลังจากการถูกยึดครองโดยจักรวรรดิ์ออตโตมันในปีค.ศ.1453 จึงเปลี่ยนเป็นมัสยิด โดยเอาปูนขาวโบกทับภาพโมเสคเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แล้วตกแต่งเพิ่มเติมให้มีสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามทดแทน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ อายุประมาณ 1500 ปีส่วนภาพนี้เป็นกริชประดับเพชรที่อยู่ในพระราชวังทอปกาปึค่ะ แต่ภาพนี้เป็นของเรียนแบบโชว์อยู่ในวิหารอายาโซเฟีย


โรงอาบน้ำ Turkish Bath เรียกว่าฮามาม (Hamam)


ใกล้ๆกับฮามามทางเดินไปพระราชวังทอปกาปิมีที่เก็บพระศพของเหล่าสุลต่านและเชื้อพระวงศ์ด้วยนะคะ และส่วนตรงนี้ดูฟรี ใครมีเวลาเหลือลองแวะชมนะคะ


ก่อนที่ฉันจะมาตุรกี ฉันได้อ่านข้อมูลเยอะมาก ฉันได้ลิสต์รายการที่ๆฉันอยากจะไปในอิสตันบูลที่ๆหนึ่งที่ฉันคิดว่ายังไงฉันก็พลาดไม่ได้คืออ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาทัน หรือ บาซิลิกา ซิสเทิร์น (Basilica Cistern) รูปที่ฉันเห็นคือหัวของเมดูซ่าขนาดใหญ่ที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ฉันอยากเห็นมัน!


หัวเมดูซ่าน่ากลัวสมคำร่ำลือ ข้างในมืดมากมาก มีแสงไฟสลัวส่องให้เห็นทางเดินเป็นระยะ ถ้ามีไม่มีผู้คนฉันคิดว่าบรรยากาศที่นี่ดูน่าวังเวงมากจริงๆ


คิวของผู้คนที่รอต่อคิวเข้าอ่างเก็บน้ำใต้ดิน


สถานีตำรวจที่อยู่ตรงข้ามกับทางเข้าอ่างเก็บน้ำสำหรับฉันมันสวยมาก


ออกจากอ่างเก็บน้ำใต้ดิน ฉันนั่งรถทรามไปที่สถานี Eminonu เพื่อล่องเรือในช่องแคบบอสฟอรัส สมัยเรียนมัธยมเคยได้ยินชื่อช่องแคบนี้มานานแสนนาน ก็อ่านจากหนังสือและท่องจำว่าเป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกจากยุโรปและเอเชีย ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมต่อกับทะเลดำ (The Black Sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea Of Marmara) ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ แต่ฉันก็ไม่รู้จริงๆหรอกว่า หน้าตามันจะเป็นอย่างไร จนกระทั่งวันนี้ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ฉันเดินไปริมฝั่งทะเลแถว Eminonu มีคนร้องเรียกขึ้นเรือบอกว่าพาชมช่องแคบฉันก็เดินขึ้นเรือไป มาหาเรือเองแบบนี้ถูกกว่าซื้อจากเอเจนซี่นะ เชื่อฉัน ถ้าเราขึ้นเรือเร็วเราก็จะเลือกที่นั่งได้ดี ฉันเลือกที่นั่งฝั่งซ้าย วิวด้านบนนี้ดีนะ ฉันมองเห็นนิวมอสก์จากบนเรือ นั่งในเรือจนคนเกือบเต็มเรือถึงจะออก แอบเวียนหัวนิดหน่อยเพราะว่าเรือโคลงเคลงตลอดเวลา


เรือเริ่มออกจากฝั่ง ลมทะเลสบายๆ ฉันนั่งดูวิว ปล่อยใจลอยละล่อง หากถามฉันว่าถ้าฉันกลับไปอิสตันบูลอีกครั้งฉันจะนั่งเรืออีกมั้ย ฉันคิดว่าฉันจะนั่งนะ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกได้ปล่อยอารมณ์จริงๆ


มัสยิดโดลมาบาเช (Dolmabahçe Mosque)


พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace)


ciragan palace เมื่อก่อนเป็นวังปัจจุบันเป็นโรงแรมไปแล้ว


GALATASARAY UNIVERSITY มหาวิทยาลัยของอิสตันบูล


มัสยิดออร์ตาคอย (Ortaköy Mosque)


สะพานข้ามช่องแคบบอสฟอรัส 2


ป้อมรูเมล(Rumel Fort) ริมฝั่งบอสฟอรัส


หอคอยหญิงงาม (Maiden's Tower)


เป็นพระราชวังอีกแห่งหนึ่งแต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร


เสร็จจากภาระกิจนั่งเรือ ท้องฟ้ายังสว่างอยู่มาก ฉันไปในฤดูร้อนพระอาทิตย์จึงตกช้า มีเวลาก่อนพระอาทิตย์จะตก ฉันจึงคิดว่าน่าจะไปเที่ยวมัสยิดนิวมอสก์และมัสยิดสุไลมาน รวมทั้งแกรนด์บาซาร์และสไปซ์มาเกต



นิวมอสก์ New Mosque

Grand Bazaar


ฉันเดินวกไปวนมาแบบหลงๆในที่สุดฉันก็เดินไปถึงมัสยิดสุไลมาน ฉันใช้เวลาที่นี่ไม่นานนักฉันก็เดินกลับมาที่สไปซ์มาเกต ของขายก็เหมือนๆกับ แกรนด์บาซ่าร์เพียงแต่ถูกกว่า



มัสยิดสุไลมาน

สไปซ์มาเกต



เตอร์กิชดีไลท์

เดินมากก็หิว เดินผ่านเห็นหนุ่มๆตุรกีซื้อเครื่องดื่มสีขาว สอบถามได้ความว่าเป็นโยเกิร์ต ด้วยความอยากลองชิมเลยซื้อมาหนึ่งแก้ว ขอบอกว่าไม่อร่อยเลยสำหรับฉันเพราะว่าเค็มและคาวมากกก เดินไปเรื่อยเจอร้านน่ารักร้านหนึ่งฉันจึงขอหยุดพักสั่งเคบับและชามาดื่ม มาตุรกีต้องเคบับกับชาสินะ

วันนี้ฉันย้ายโรงแรมจากย่านเมืองเก่ามาย่านเมืองใหม่ที่เรียกว่าย่านทักษิม ไม่มีอะไรมากฉันแค่อยากย้ายที่นอนก็เท่านั้นเอง ฉันจองโรงแรมจาก booking.com โดยดูจากรูป โรงแรมสวยดี อาหารเช้าก็ดี แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้คือโรงแรมอยู่บนเนินที่สูงมาก ฉันต้องเดินขึ้นเขาลงเขาจากโรงแรมทุกวัน

หลังจากจัดการเรื่องโรงแรมเสร็จ ที่ๆฉันจะไปวันนี้ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก สถานที่นั้นคือพระราชวังโดลมาบาร์เช่ Dolmabahce Palace ซึ่งเป็นพระราชวังสไตล์ยุโรป ภายในห้ามถ่ายภาพแต่สามารถถ่ายรอบๆได้ พระราชวังแห่งนี้อยู่ติดกับช่องแคบบอสฟอรัส


จากนั้นก็ไปต่อกันที่ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือมาจากยุคไบแซนไทน์ มีความสูง 62 เมตร คืออายุเจ็ดร้อยกว่าปี วิวบนนั้นสวยมากก

เรือลำที่เรามองเห็นจากช่องแคบบอสฟอรัส

มุมนี้เห็นทั้งสามสถานที่สำคัญ พระราชวังทอปกาปึ อายาโซเฟีย และบลูมอส์ก


ทางเดินขึ้นหอคอยกาลาตาร์ไปชมวิว


ออกจากหอคอยฉันเดินลงไปขึ้นรถรางที่สถานี Tünel ฉันไม่ได้ไปไหน ฉันนั่งลงไปแล้วก็นั่งขึ้นมาไม่มีอะไรมากแค่อยากลองนั่งรถรางเก่าแก่เท่านั้นเอง^^


ออกจากสถานี Tünel ฉันเดินมาตามถนนสายช้อปปิ้งที่เรียกว่าถนน Istiklal ซึ่งย่านนี้เป็นย่านช้อปปิ้งคนเดินกันคึกคัก


เดินจนสุดถนนก็จะเจอจตุรัสทักษิม ซึ่งเส้นทางนี้จะมีรถรางโบราณวิ่งผ่านเป็นระยะประมาณ 3 กม.ค่ะ


ตะวันเริ่มตกดินแล้วที่จตุรัสทักษิม


ที่นี่มีของกินมาก ฉันลองชิมไปหลายอย่าง น้ำส้มที่ตุรกีอร่อยมากใครมาควรจะลอง อีกอย่างที่พลาดไม่ได้คือ ข้าวซึ่งอยู่ในหอยแมลงภู่ไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่มีขายอยู่แถวๆข้างทาง รวมทั้งเคบับมีให้เห็นตลอด


วันนี้วันสุดท้าย ในอิสตันบูลตื่นมาแต่เช้า มานั่งชิวริมทะเล หาอะไรกิน เขียนบันทึก หากถามว่าจะกลับมาอีกมั้ยตุรกี ขอตอบว่าถ้ามีโอกาสคงมาอีก ประทับใจอะไรหลายๆอย่างที่นี่ เป็นประเทศที่รู้สึกว่าไม่น่าเบื่อเลย หลังจากกินเสร็จก็ได้เวลากลับไปสนามบิน นั่งรถรางจาก Kabatas และไปต่อเมโทรเพื่อไปสนามบิน


จบแล้วนะคะทริปตุรกี เขียนกว่าจะจบ ตอนเราหาข้อมูลก็หาจากที่นี่ตอนนี้ก็อยากแชร์กลับบ้าง เราเดินทางด้วยสายการบินเตอร์กิชนะคะ อาหารอร่อยดีค่ะ สำหรับใครที่อยากถามอะไรส่งข้อความหลังไมค์มานะคะยินดีตอบค่ะ สวัสดี


Patches

 วันพฤหัสที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.20 น.

ความคิดเห็น