สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกสำหรับผมเลย ที่มีโอกาศได้เขียนรีวิวลงพันทิปสักที ก่อนหน้านี้ก็ตั่งใจอยากจะเขียนลงมาหลายรอบแล้ว แต่ติดที่ความขี้เกียจของตัวเองเนี่ยแหละครับ ^^

เข้าเรื่องเลยละกันครับ เนื่องจากช่วงหยุดนักขัตฤกษ์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาศลุยเดี่ยวเที่ยวประจวบ และขึ้นเขาล้อมหมวกที่ได้ยินชื่อเสียงมานาน เลยเก็บภาพมาฝาก และมาแชร์เรื่องราวระหว่างการเดินทางให้เพื่อนๆกันครับ



แวะมาพูดคุย เยี่ยมชมทริปต่างๆของผมได้ที่เพจ "Let's Journey" ได้ครับผม

https://www.facebook.com/LetJourney/



วันแรก : เริมออกเดินทางจาก กทม 11 โมงเช้า ได้ครับ ขับรถคนเดียวมาเรื่อยๆ ระยะทาง 319 กิโล ใช้เวลาประมาณ 4.30 ชั่วโมง



ประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง ก็ถึงตัวเมืองประจวบครับ เลยแวะไปเก็บของที่โอสเทลที่ได้จองไว้ครับ ซึ่งผมจอง De Hostel ราคาคืนละ 440 บาท แต่เป็นห้องน้ำรวม ซึ่งผมไปคนเดียวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ที่พักค่อนข้างโอเครเลยครับ จะอยู่ใกล้กับ รพ.ประจวบ น่าเสียดายผมดันลืมถ่ายรูปที่พักไว้ให้ชมกัน ต้องขอโทษด้วยครับ เมื่อเก็บของเสร็จก็ได้เวลาเที่ยวกัน

โดยที่แรกที่ผมไปก็คือ ศาลหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์ มาถึงประจวบแล้วก็ต้องขอกราบไหว้ศาลหลักเมืองสักหน่อย



ศาลหลักเมืองชึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานเสาหลักเมือง สร้างเป็นแบบสถาปัตยกรรมสมัยลพบุรีมีจตุรมุขยอดปรางค์ 9 ชั้นตามแบบสยามลพบุรี ชั้นสูงสุดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและชั้นที่เหลือประดิษฐานองค์เทพต่างๆ ส่วนหน้าบันแรกนั้น เป็นรูปรอยตราพญาราหูอมจันทร์ และหน้าบันที่เหลือประดิษฐานองค์เทพล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วสองชั้น ส่วนยอดแกะเป็นรูป 4 เศียร 4 พักตร์ ศิลปะศรีวิชัย และลงรักปิดทองด้วยอัญมณีทั้งองค์



หลังจากนั้นเราก็ไปต่อกันที่เขาช่องกระจกครับซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน

ซึ่งเขาช่องกระจก เป็นภูเขาขนาดย่อมสูง 245 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ริมอ่าวประจวบฯ ในบริเวณ วัดธรรมิการามวรวิหาร ยอดเขามีช่องทะลุโปร่งคล้ายกรอบกระจก ทางขึ้นเป็นบันไดคอนกรีต จำนวน 396 ขั้น



บนยอดเขาประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองและพระเจดีย์ ภายในมีพระสถูปบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานและเสด็จพระราชดำเนินขึ้นบันไดไปยังพระเจดีย์บนยอดเขา ทรงประกอบพิธีบรรจุ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2501 พร้อมทั้ง ทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไว้ ณ บริเวณด้านบนนี้ด้วย แต่ระหว่างทางที่เดินขึ้นไปจะต้องเจอกับ ลิงจำนวนมาก ระมัดระวังสิ่งของกันด้วยครับผม



รูปปั้นกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์



วิวจากด้านบนยอดเราสามารถมองเห็นวิว อ่าวประจวบฯ เขาล้อมหมวก และตัวเมืองประจวบฯ ได้ชัดเจนมากเลย



เขาสูงๆที่เห็นนั้นเป็นเขาตาม่องลายครับ



หันไปเจอน้องลิงกำลังป้อนอาหารให้กันด้วย น่ารักไปอีกๆๆ



ถ้าเรามองไปทางทิศตะวันตกก็จะเห็นเขาตะนาวศรีที่อยู่ไหลนู่นๆ และตัวเมืองประจวบ



ชมวิวกันจนเต็มอิ่ม จนพระอาทิตย์เริ่มตกก็ได้เวลาลงแล้ว หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจนำรถไปจอดแถวโอสเทลแล้วค่อยเดินมาที่ “สะพานสราญวิถี” ที่สะพานนี้ในอดีตเป็นสะพานปลาอ่าวประจวบฯ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 1 กิโลเอง อยากบอกว่าบรรยากาศช่วงเย็นที่สะพานนี่ดีมากๆ มีผู้คนมาเดินเล่นถ่ายรูป นำอาหารมานั่งกินกัน ได้บรรยากาศมากๆ



เป็นสะพานที่สร้างยื่นยาวออกไปในทะเลอ่าวประจวบมาก



และบริเวณตรงข้ามกับสะพานสราญวิธี ก็จะมีหอพระอุปคุต ที่มีองค์พระอุปคุตประดิษฐานอยู่ หันหน้าออกไปทางทะเล ในพุทธประวัติเขาว่าพระอุปคุตนี้ท่านเพ่งดวงอาทิตย์ที่เป็นอุปสรรคในการบำเพ็ญธรรม ใครไปกราบไหว้พระอุปคุตจึงเหมือนการไหว้เพื่อขอพลังให้ก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหลาย



วันที่ผมไปเป็นวันศุกร์พอดี เลยได้เดินถนนคนเดินที่อยู่บริเวณถนนเรียบชายหาดที่อยู่บริเวณด้านหน้าของสะพานเลยครับ ซึ่งจะมีเฉพาะวัน ศุกร์-เสาร์ ช่วงเวลา 5 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่ม ผมก็เลยหากินอาหารเย็นที่นี่เลย หลังจากอิ่มท้องก็เดินกลับไปพักผ่อนกันที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวขึ้นเขาล้อมหมวกในวันพรุ่งนี้เช้า



Day 2 : รีบตื่นตั้งแต่ 05.45 อาบน้ำแต่งตัวเสร็จรีบขับรถไปที่เขาล้อมหมวก ซึ่งตั้งอยู่ที่ภายในกองบิน 5 กองทัพอากาศ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 902 ฟุต ซึ่งเขาล้อมหมวกเป็นภูเขาหินปูน โดยยอดเขาอยู่ระหว่างอ่าวมะนาว และอ่าวประจวบคีรีขันธ์ โดยที่ผมไปถึงประมาณ 6 โมงนิดๆ ซึ่งก็มีคนที่จะเตรียมจะขึ้นเขาเหมือนกันอยู่ประมาณ 10 กว่าคนแล้วครับ ก่อนขึ้นเขาก็ต้องมาลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ที่บริเวณเต้นท์นี้ก่อนนะครับ

สำหรับการลงทะเบียนขึ้นเขาล้อมหมวกนั้น เปิดให้ขึ้นได้ตั้งแต่ 06.00 – 12.00 น. แต่คนที่จะไปขึ้นนั้น ต้องไปลงทะเบียนก่อน 10.30 น. ถึงจะสามารถขึ้น เขาล้อมหมวกได้ แนะนำใครอยากมาแบบคนน้อยๆเดินขึ้นเขาสบายๆ ให้มาแต่เช้าเลยครับ แถมแดดไม่ร้อนด้วย



หลังจากลงทะเบียนเสร็จ ก็ไปที่ศาลเจ้าพ่อเข้าล้อมหมวก เพื่อสักการะท่านก่อนทีจะเริ่มเดินขึ้นเขา



ซึ่งภายในศาลเจ้าเป็นรูปปั้นของเจ้าพ่อเขาล้อมหมวก ที่มีลักษณะเป็นชายชาวจีนมีหนวดเครายาวดูมีเมตตา ในแผ่นศิลาที่ด้านหน้าศาลได้บรรยายไว้ว่า เจ้าพ่อเขาล้อมหมวกเป็นชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ มาตั้งหลักปักฐานที่แผ่นดินนี้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่นั้นได้สร้างคุณงามความดี ให้แก่แผ่นดินจนเป็นที่นับถือของคนทั้งหลาย ตราบจนสิ้นอายุขัยเมื่ออายุ 97 ปี ด้วยพลังแห่งคุณงามความดี และบารมีที่สะสมไว้ของท่าน ส่งผลให้ท่านเป็นดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทพมเหศักดิ์อยู่ที่เขาล้อมหมวกแห่งนี้ ช่วยดลบันดาลและประทานพรให้ความสุขความเจริญแก่สรรพสัตว์ทั้งปวงตลอดไป



แนะนำสิ่งที่ต้องเตรียมก่อนขึ้น :

1. ถุงมือ อันนี้จำเป็นอย่างมากครับ เพราะเราจะต้องมีการจับเชือกแล้วปีนขึ้นไป

2. น้ำเปล่า ขึ้นไปข้างบนมีหิวน้ำแน่นอนครับ

3. รองเท้าผ้าใบ ถ้าไม่ใส่ผ้าใบ เจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้นนะครับ

4. กางเกงขายาว แนะนำครับเพราะหินข้างบนจะค่อนข้างแหลมคม กันบาดได้หน่อยครับ ใส่ไว้กันแดดได้ด้วย

5. ปลอกแขน หมวก พวกที่จะกันแดดทั้งหลายครับ เพราะข้างบนถ้าสายๆแล้ว แดดแรงมากๆครับ



เวลาประมาณ 06.30 น ก็ได้เวลาที่เริ่มต้นเดินกัน ช่วงเริ่มต้น จะเป็นทางบันไดค่อนข้างชันครับ เดินประมาณ 20-40 นาที หลังจากนั่นก็จะเป็นพื้นดิน โดยมีเชือกให้จับตลอดทาง ใช้เวลาปีนประมาณ 1-2 ชม แล้วแต่สภาพร่างกายแต่ละคนครับ



บางช่วงนี่ ต้องใช้ทักษะการปีนหน้าผา กันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าใส่ถุงมือ ช่วยได้เยอะเลยครับ



ยิ่งใกล้ถึงยอด ยิ่งปีนยากขึ้น ชันเกือบ 90 องศาเลย แต่ไม่ต้องห่วงครับ ตลอดเส้นทางจะมี พี่ๆน้องๆทหารคอยให้ความช่วยเหลือตลอด ปลอดภัยครับผม แต่อย่าลืมต้องไม่ประมาทด้วยนะครับ



เมื่อขึ้นมาเห็นวิวด้านบน ถึงกับว้าวเลย สวยงามมากๆ พระอาทิตย์เริ่มที่จะโผล่พ้นออกมาจากท้องทะเล บรรยากาศดีมากๆเลย



วิวมันดีเลยขอนั่งพักสักนิด ตรงนี้ยังไม่ถึงยอดนะครับ ต้องเดินต่ออีกนิดนึง



ข้อดีที่ขึ้นมาช่วงเช้าๆ ก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วย แถมแดดไม่ร้อนด้วยนะ คนก็ไม่เยอะอีก



แล้วในที่สุดเราก็ขึ้นมาถึงยอดเขาล้อมหมวกกัน ด้านบนยอดก็จะมีหินที่แหลมๆเยอะมากครับ ใระมัดระวังกันด้วยนะ

ที่เห็นด้านหน้าก็เป็นวิวของ อ่าวประจวบนั่นเอง อยู่ด้านบนนี้สามารถมองเห็นได้ 360 องศา เห็นทั้งสามอ่าวของเมืองประจวบเลย



วันที่ไป ด้านบนลมแรงมากเลยครับ ใครใส่หมวกมีปลิวแน่นอน และข้างบนก็จะมีธงชาติไทย ให้เรามาถือ ถ่ายรูปเท่ๆ กันได้ด้วย แต่เวลาถ่ายรูปต้องระมัดระวังนะครับ เพราะข้างล่างเป็นเหวไปเลย อย่าประมาทเด็ดขาดเลยครับ



ด้านบนนี้ก็มีรอยพระพุทธบาทจำลอง พระพุทธรูปปางรำพึง ปางนาคปรก ปางสมาธิ และพระพุทธรูปองเล็กๆอีกหลายองค์



ย้ายมาชมฝั่งมุมที่เห็นวิว อ่าวมะนาวกันบ้าง ด้านขวาก็จะเป็นกองบิน 5 ครับ ซึ่งใครที่ขึ้นมาที่เขาล้อมหมวกก็หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพให้ติดสนามบินนะครับ เนื่องจากเป็นความลับทางราชการ



เนื่องจากผมขึ้นแต่เช้า ซึ่งคนไม่เยอะ ทำให้ได้ถ่ายรูปได้หลายมุมกันจนเพลินเลย มองเวลาอีกที 09.00 โมงแล้ว แดดเริ่มแรงขึ้น บวกกับคนขึ้นมากันเยอะมากขึ้นเรื่อย เลยตัดสินใจลงดีกว่า ทางลงนั้นคือทางเดียวกับที่ขึ้นมาเลยครับ จึงต้องมีการสลับกันขึ้นลง เพื่อความปลอดภัย



ระหว่างทางที่ลงก็ได้พบกับ ค่างแว่นด้วย เห็นเราล้วงกระเป๋าเท่านั้นแหละ จ้องเลยทีเดียว



เวลาลงเราใช้เวลาไม่นานมากครับประมาณ ครึ่งชม ก็ถึงด้านล่างแล้ว ลงมาเจอค่างแว่นอีกแล้ว คราวนี้เลยขอเซลฟี่ด้วยกันสักหน่อย ก่อนออกเดินทางกลับกัน ระหว่างเดินทางกลับก็คิดว่ายังพอมีเวลาเหลือให้แวะเที่ยวได้อีก เพราะไหนๆก็มาถึงประจวบแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวบวกกับยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่ผมยังไม่เคยไปเลย ที่นั่นก็คือ "ถ้ำพญานคร" นั่นเอง หลังจากนั้นก็เปิด google map ขับไปโลด......

ขับรถมาเรื่อยครับ จนเวลา 11.30 น ก็มาถึงบ้านบางปูครับ สามารถไปจอดรถที่วัดบางปูได้ครับ การเดินทางไปยังถ้ำพญานครมีให้เลือก 2 เส้นทางครับ

คือ การเดินทางโดยเรือ สามารถเช่าเรือจากหมู่บ้านบางปูไปยังหาดแหลมศาลา ราคาประมาณ 400 บาทต่อลำ นั่งได้ประมาณ 7-8 คน ใช้เวลาเดินทางอ้อมเขาประมาณ 20 นาที ใครที่ขี้เกียจเดินก็เลือกทางเรือได้ครับ

อีกเส้นทางก็คือ การเดินด้วยเท้านั่นเอง โดยจะต้องเดินข้ามเขา 2 ลูกเลย กว่าจะถึงถ้ำพญานคร โดยต้องเดินเท้าข้ามเขาเทียนที่มีระยะทางประมาณ 530 เมตร เพื่อมาถึงหาดแหลมศาลา หลังจากนั้นเราต้องเดินทางขึ้นถ้ำอีกประมาณ 430 เมตร ซึ่งแน่นอน สายลุยและประหยัดแบบผมก็ต้องเลือก....เดินกันครับ



ทางเดินข้ามเขาเทียนทางโดยเป็นทางที่ลัดเลาะริมเขา โดยด้านซ้ายเราจะเห็นทะเล ทางเดินก็มีทั้งปูนและแบบพื้นดิน



เดินไปเรื่อยๆ ถ้าเราเริ่มเห็นชายหาดแหลมศาลา ก็รู้เลยว่าใกล้จะถึง...ครึ่งทางแล้ว



ลงจากเขาเทียนมาก็เจอ ชายหาดที่ร่มรื่น เงียบสงบ เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ เราเดินผ่านต้นสนไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางไปถ้ำพญานคร


เดินมาสักพักก่อนถึงทางขึ้นเขาเจอป้ายเตือน "ท่านผู้มีโรคประจำตัว กรุณาพิจารณาก่อนขึ้น" เพื่อ ความปลอดภัย ระหว่างเดินเท้าขึ้นถ้ำ



ตอนนั้นเห็นป้ายนี้กับมองทางขึ้นเขาไป ถึงกับร้องโอ้ๆ อีกตั้ง 430 เมตร ซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณเที่ยงๆ

รู้สึกขาตัวเองล้ามาก จากเขาล้อมหมวกสู่ถ้ำพญานคร แต่ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้วละก็...ลุยกันต่อครับ



ใช้เวลาประมาณครึ่งชม แต่ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแต่ละคนด้วยครับ เมื่อถึงปากถ้ำ ก็เริ่มมีลมเย็นพัดจากด้านบน พอมองขึ้นไปบนเพดานถ้ำจะเห็นว่ามีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ เห็นสะพานหินอยู่ทางปากปล่อง เรียกว่า "สะพานมรณะ"



เดินต่อมาอีกนิด ก็เราก็เจอกับเป้าหมายของเราที่เป็น unseen thailand "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์" เป็นพลับพลาแบบจตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 คราวเสด็จประพาสเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2433 เป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ ทรงสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วส่งมาประกอบทีหลัง โดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมายกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง

แต่ก็น่าเสียดายที่เรามาไม่ทันแสงที่ส่องกระทบมาตรงบริเวณ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์แบบพอดี ซึ่งจะต้องมาถึงถ้ำช่วงเวลา 10.00-11.30 น ก็จะสามารถเห็นแสงมาตกกระทบแบบพอดีเลย



หลังจากนั้นเดินเก็บภาพมุมต่างๆ และก็ขอนั่งพักสักพักใหญ่ๆเลย ก่อนเดินทางกลับกัน เส้นทางกลับก็คือ.....ทางเดิม!!!!!



ก็จบทริปกันไปครับ สำหรับทริปเที่ยวประจวบ 2 วัน 1 คืน หากมีทริปใหม่ก็จะมาแชร์ให้เพื่อนๆให้ชมกันอีกนะครับ

ความคิดเห็น