หน้าฝนเที่ยวไหนดี ? หลายคนที่ยังคิดหาสถานที่ท่องเที่ยวไม่ออก ยังไม่รู้ว่าจะเที่ยวไหนดี วันนี้ผมเลยจะมาเสนอสถานที่เที่ยวสำหรับเพื่อนๆที่อยากเที่ยวในหน้าฝน อยากเที่ยวแบบลุยๆ เดินป่า ชมความงามของธรรมชาติ คือ “ภูสอยดาว” นั่นเอง........
เรามาเกริ่นกันคร่าวๆว่าภูสอยดาวคือ ที่ไหนกัน ?
ภูสอยดาว(Phu-soi-dao) เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติ มีพื้นที่ประมาณ 1,000 กว่าไร่ เป็นที่ราบบนเทือกเขาภูสอยดาว ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร สภาพพื้นที่ของลานสนสามใบจะเป็นเนินสูงต่ำสลับกันไป เป็นป่าสนสามใบ พืชชั้นล่างเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งหนึ่ง ที่เป็นเป้าหมายของนักเดินทางสายสายแอดเวนเจอร์ เพราะเป็นเขาที่สูงติดอันดับต้นๆของไทย และความยากในการพิชิตก็ถือว่าอยู่อันดับต้นๆของเส้นทางพิชิตยอดเขาในเมืองไทย ไฮไลต์สำคัญที่ภูสอยดาวนี้อยู่ที่การได้ชมความงามของ "ทุ่งดอกหงอนนาค" บริเวณลานสน ซึ่งจะบานสะพรั่งกันเต็มลานสนให้ชมสวยงามในช่วงหน้าฝน (ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ของทุกปี) ส่วนฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิระหว่าง 1-5 องศาเซลเซียส มีดอกกระดุมเงิน, กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ,ใบเมเปิล ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
สำหรับเส้นทางพิชิตลานสนภูสอยดาว นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าเข้าป่าเป็นระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-6 ชั่วโมง โดยระหว่างเดินเท้าขึ้นสู่ลานสนสามใบภูสอยดาวจะพบสภาพป่าที่สมบูรณ์และสวยงามมาก ซึ่งเส้นทางจะผ่านลำธาร และเดินขึ้นเขาสูงชันทั้งหมด 5 เนิน ได้แก่ เนินส่งญาติ, เนินปราบเซียน, เนินป่าก่อ, เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ แต่ถ้าใครต้องการไปจุดสูงสุดของภูสอยดาว ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทยนั้นจะต้องมาช่วงหน้าหนาว เดือนพฤศจิกายน-มกราคม โดยจะใช้เวลาเดินเท้าจากลานสน ไปกลับ 1 วัน
การเดินทางมายังอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
รถยนต์
- จากจังหวัดพิษณุโลก ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1296 แล้วเลี้ยวขวาที่ทางแยก โป่งแค เข้าสู่ถนนทางหลวงหมายเลข 1143 ผ่านอำเภอชาติตระการ แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1237 ผ่านบ้านบ่อภาคไปบรรจบกับเส้นทางแผ่นดินหมายเลข 1268 ถึงน้ำตกภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว รวมระยะทางประมาณ 176 กิโลเมตร ใช้เวลาการเดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลก ประมาณ 3 ชม
-จากจังหวัดอุตรดิตถ์ใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1047 (อุตรดิตถ์-น้ำปาด) จนถึงอำเภอน้ำปาดแล้วเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1239 ไปอีก 47 กิโลเมตร จึงเข้าสู่ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1268 ไปอีก 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ รวมระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร ใช้เวลาการเดินทางจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ ประมาณ 2.30 ชม
รถโดยสารประจำทาง
- จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถโดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิต สายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ไปลงที่จังหวัดพิษณุโลก จากพิษณุโลก เดินทางด้วยรถโดยสารระหว่างอำเภอ ไปอำเภอชาติตระการ ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร หลังจากนั้นเดินทางต่อด้วยรถสองแถวไปที่ทำการที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตรหรือเหมารถรับจ้างไป-กลับอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
💡 ข้อควรรู้ ก่อนขึ้นภูสอยดาว
1. ด้านบนไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีน้ำประปา โดยเจ้าหน้าที่จะมีถังน้ำเก็บจากน้ำฝนไว้ให้ใช้ครับ
2. การอาบน้ำนั้น ต้องใช้ถังตักจากลำธาร มาเข้าห้องน้ำเพื่ออาบ
3. ด้านบนไม่มีอาหารขายนะครับ ต้องจ้างลูกหาบ ขนอาหารขึ้นไป ทำกินเอง กิโลกรัมละ 30บาท
4. เสื้อกันฝนครับ จำเป็นมากเพราะฝนจะตกๆหยุดๆตลอดครับ
5. ยาสามัญประจำบ้าน,ยานวด,ยาพ่นเผื่อเวลาเดินขึ้นแล้วเป็นตระคริว
6. ใช้รองเท้าแบบมีดอกยาง ผ้าใบหุ้มข้อ หรือแบบแตะรัดส้นแต่ต้องมีดอกยางหนา-ลึก ป้องกันการลื่นครับ
7.ด้านบนอากาศหนาวครับ ควรเตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วยครับ
📜อุปกรณ์ที่ทางอุทยานมีให้เช่า
1.เต้นท์ , แผ่นรองนอน, ถุงนอน เช่าที่ทำการอุทยานด้านล่าง แล้วเราจะต้องจ้างลูกหาบแบกขึ้นไปครับหรือแบกเองครับ (ถ้ามาช่วงหยุดยาว ควรจองออนไลน์มาก่อนนะครับ ไม่งั้นมาถึงอาจจะหมด ถ้าไม่มีเต้นท์นอนเจ้าหน้าที่จะไม่ได้ขึ้นกันนะครับ)
2.ถังน้ำ , ขันน้ำ
4.เตาถ่าน ,เตาสามขา, ถ่าน,คีมคีบถ่าน
4.เตาไฟฟ้า , แก๊สประป๋อง
5.กาต้มน้ำ ,หม้อต้ม
แนะนำให้แวะตลาดชาติกระการเพื่อซื้อเสบียงไว้ทานตอนระหว่างทางขึ้น และำหรับเตรียมทำอาหารด้านบน โดยบริเวณตลาดนั้นมีทั้ง 7-11 ม , โลตัส เมื่อของพร้อม ร่างกายพร้อม ลุยกันต่อเลยครับ....
ผมเดินทางมาถึงอุทยานประมาณ 8 โมง เริ่มต้นด้วยการเสียค่าธรรม
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะพาเรานั่งรถไป
น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตกขนาดกลางในลำห้วยน
หายใจลึกๆ คิดในใจ ค่อยๆไปเดี่ยวก็ถึง 6.5 กม เอง
โดยเส้นทางจะผ่านลำธาร เดินขึ้นเขาสูงชันทั้งหมด 5 เนิน ได้แก่ เนินส่งญาติ, เนินปราบเซียน, เนินป่าก่อ, เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 4-6 ชม ลักษณะเส้นทางก็เจอทุกรูปแบบครับ ทั้งแบบแนวราบเดินแรื่อยๆ หรือขึ้นเขาชันๆ แบบโคลน
รหว่างทางก็มีวิวสวย มีมอสเขียวๆให้ชมความงามกันเป็นระยะๆ
ยิ่งสูงการเดินก็เริ่มลำบาก เพราะเจอหมอกปกคลุม ยิงช่วงท้ายๆเป็น เนินมรณะ เป็นทางเดินขึ้นเขาชันๆ ทางแคบๆ ต้องระมัดระวังมากๆเลยนะครับ
ในที่สุดก็มาถึงลานสนภูสอยดาว
บรรยากาศด้านบนต่างจากด้านล
ถ้าใครมาช่วงหน้าฝนนี้ ก็จะพบเจอกับ ดอกหงอนนาคที่อยู่เต็มลานสน
ระหว่างเราก็เดินผ่านทางไปน้ำตกสายทิพย์ แต่ด้วยที่หมอกลงหนามาก เราเลยตัดสินใจไปจุดกางเต้นท์กันเลยดีกว่า
นี่แหละครับที่ทำการด้านบน เป็นบ้านไม้เล็ก เรามารอรับของจากลูกหาบ และติดต่อเช่าของเพิ่มเติมไ
ส่วนจุดกางเต้นท์ก็เลือกทำเลกันเลยครับ ส่วนเรื่องการอาบน้ำ ้ราจะต้องไปตักน้ำที่ลำธารมาอาบในห้องน้ำเองนะครับ
เนื่องจากกลุ่มผมดันโชคร้าย เนื่องจากมีเหตุนิดหน่อยทำให้ ลูกหาบที่จ้างมาช้ากว่าปกติมาก มาถึง 3 ทุ่มได้ ทำให้มื้อเย็นที่วางแผนจะมาทำกินกันต้องจบลง แต่ยังโชคดีที่มีมาม่า กับ ปลากระป่องพกติดตัวมาบ้าง ทำให้รอดคืนนี้ไปได้
เช้าวันที่สอง วันนี้เราต้องเดินทางกลับแล้ว อากาศเมื่อคืนหนาวมากๆ แถมมีฝนตกอีก เช้ามาหมอกหนาเช่นเคย
ระหว่างชมดอกหงอนนาคในช่วงเช้า ก่อนเดินทางลงจากภู
ขาลงหมอกจัดเช่นเดิม ลงด้วยความระมัดระวังนะครับ
ทริปนี้เป็นทริป 2 วัน 1 คืนที่บอกเลยว่า ใช้ร่างกายคุ้มมากๆ แต่บอกเลยว่าคุ้มมากๆ กับการเดินขึ้นมาบนลานสนภูสอยดาว ใครที่อยากจะลองพิสูจน์ร่างกาย และจิตใจ ของตัวเอง ภูสอยดาวตอบโจทย์นั้นแน่นอนครับ
ไว้ติดตามกันทริปต่อไปนะครับ กับ Let's journey : ไปเที่ยวกัน
https://www.facebook.com/LetJourney/
Tae's Journey
วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.07 น.