" เมื่อไหร่จะได้ไป อยู่มาหลายปี เลื่อนหลายรอบแล้วเนี้ย "
คำของพี่ๆที่สำนักงาน >.<
เราย้ายมาอยู่สุโขทัยได้ประมาณ 3 ปี จะขึ้นก็หลายครั้งอยู่แค่หลังบ้านแท้ๆ ในที่สุดก็ขึ้นค่ะ พร้อมแล้วไปขึ้น { เขาหลวง } กัน วันที่ 6 ตุลาคม 2561 ปลายฝน อากาศกำลังดี ถึงจะเสี่ยงฝนตกไปนิดก็ตามที โดยส่วนตัวเราขึ้นที่นี่เป็นเขาที่ 2 ที่แรกคือ ภูสอยดาว หอบเยี่ยงหมา เดี๋ยวมาดูกันว่า เขาหลวงจะยังไง
เขาหลวงอยู่ในพื้นที่ของอุทธยานแห่งชาติรามคำแหง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย พวกเรานัดเจอกันหน้าโรงพยาบาลคีรีมาศเพื่อทานอาหารเช้าประมาณ 7.30 น. ข้าวเหนียวหมูคนละห่อ วันนี้แอบมีเมฆ ทายกันว่าฝนจะตกมั้ย พี่บอกไม่ตกๆจะเข้าหน้าหนาวก็แบบนี้แหละ
พอขับรถถึงอุทยานพวกเราขึ้นเขากันประมาณ 8.30 น. ก่อนเริ่มกราบไหว้ศาลพระแม่ย่ากันก่อนให้การเดินทางราบรื่น
เดินเท้าระยะทางประมาณ 3.7 กม. มีน้ำเป็นระยะๆ ทางสบายกว่าเดิมมาก (พี่เคยขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว) และมีเต็นท์อุปกรณ์ต่างๆ กะละมัง หม้อ เตาแก๊ส กระทะ อาหารแห้งให้พร้อมแต่ราคาก็เพิ่มตามความสูง ทั้งยังมีบริการลูกหาบคะ แต่เราไม่ได้ใช้แบกกันเอง ส่วนใหญ่เป็นอาหาร เช่น ข้าว, ปลากระป๋อง, น้ำดื่ม, ลูกอม, ไส้กรอก, ผักกาดขาว และไข่ไก่ 10 ฟอง.....ใช่ค่ะ เราเอาไข่ขึ้นไปด้วย พี่บอกจะทำไข่เจียวบนเขา แบ่งๆกันแบก ซึ่งเราไม่รอดตั้งแต่ 500 ม. แรก พี่ๆได้แบ่งของทั้งหมดจากเราไปแบกหมดเลยเหลือแค่กล้องน้อย 1 ตัว และแบกน้ำหนักของตัวเองอีก 65 กิโลขึ้นเขาต่อไป
บรรยากาศรอบตัวก็จะเขียวๆหน่อย ดอกไม้ริมทาง เห็ดต่างๆ น่ารักสดใสในช่วงไม่กี่ร้อยเมตรแรก ^^
ทางชันมากๆๆๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย เราซ้อมเดินๆวิ่งๆ 2 อาทิตย์ก่อนขึ้นแค่นั้นเลย 555 นี่ไงผลกรรม
แต่ก็เดินต่อไป หยุดเดินบ่อยมาก มีคนมาซ้อมขึ้นเขากันเพียบเลย ขึ้นลงกันไวมาก เก่งจังเลย แวะทางข้าวเหนียวหมูที่ห่อมาข้างทาง ณ จุดนี้ อร่อยที่สุดที่เคยกินเลย ล้างหน้าล้างตา กินช้อคโกแลต และไปต่อ
แล้วเราก็ไต่กันมาจนถึงจุดชมวิวนั่นแสดงว่าเกือบครึ่งทางแล้ว พอมองลงไปเห็นที่ทำการอุทยานเล็กนิดเดียวเอง นี่เราขึ้นมาสูงเหมือนกันนะ มีกำลังใจขึ้นมาซัก 10 นาที พี่บอก ไปต่อกัน.....+.+.....เดินนำลิ่วไปนู่น น้องเพิ่งมาถึง รอน้องก่อนนนน
ไต่ไปเรื่อยๆ แวะไปเรื่อยๆ พี่บอกว่าถ้าเห็นปล่องนางนาค ถ้าเจอแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ( พี่บอกแบบนั้นมาเกือบตลอดทาง 55 ) มีตำนานเล่าว่า พระอภัยคามินีกษัตริย์แห่งดินแดนแถบนี้ได้ออกมาจำศีลที่เขาหลวง และมาพบรักกับธิดาพญานาคที่ปลอมตัวเป็นหญิงงามขึ้นมาจาก “ปล่องนางนาค” เรานั่งพักกันบริเวณลานก่อนปล่องนิดนึง ชันจังเลย กิจกรรมเดินไปบ่นไป ก้าวไปอย่าบ่น มีน้องเล็กๆประมาณ 3-4 ขวบ มาขึ้นด้วยเก่งสุดๆเลย
พ้นปล่องมาอีกนิดเราก็ถึงจุดกางเตนท์แล้วค่ะ จัดไปอย่าให้เสียในความชันนี้ โค้งสุดท้ายก่อนถึงลาน
ในที่สุดก็แบกร่างของตัวเองขึ้นมาจนถึง นอนแผ่กลางหญ้าอยู่พักนึงให้อากาศเย็นๆ แดดอุ่นๆปะทะหน้า เวลาประมาณบ่ายสองโมง ใช้เวลาประมาณ 5 ชม.ค่ะ
แล้วเราก็ไปเลือกเตนท์กัน (ลืมถ่ายรูปเต็มๆ หิวข้าว) พี่ๆเลือกในร่มเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าคืนนี้ฝนอาจตกและเราไม่ได้เตรียมผ้าใบไปคลุมเตนท์ จากนั้นก็ทำอาหารเย็น เมนูวันนี้มี ไข่เจียวใส่ทุกอย่าง, ข้าวสวย(ต้ม), ผัดกระหล่ำปลี, หมูยอ ลูกชิ้น ไส้กรอกทอด และ ยำหมูยอ อิ่มกว่าอยู่ในเมืองก็บนเขานี่แหละนะ อุปกรณ์ทุกสิ่งยืมที่ทำการเลยค่ะ พ่อครัวหัวป่าช่วยกันทำอย่างแข็งขัน ส่วนแม่ครัวอย่างเราหั่นๆเสร็จแล้วก็หนีไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ >.< ห้องน้ำดี เย็นชี้นใจสุดๆ อาบเสร็จกลับมาได้กินพอดีเลย
หลังจากกินอิ่มแล้ว ประมาณ 17.30 น. เราไปขึ้นยอดที่เหลือกันค่ะ บนยอดเขาหลวงมีด้วยกัน 4 ยอด คือ ยอดพระเขาเจดีย์ ยอดเขาพระแม่ย่า ยอดเขาภูกา และยอดเขานารายณ์ สามารถเดินวนได้เป็นวงกลม แต่เราเดินแค่ 2 เพราะไม่ไหวแล้ว พวกเราเลือกยอดพระเขาเจดีย์สำหรับดูพระอาทิตย์ตก พี่บอกว่าน่าจะตกฝั่งนี้ก็ไปกันค่ะ เดินไปทางห้องน้ำจะเจอทางลงข้างล่าง ผ่านลำธารเล็กๆน้ำไม่เยอะมาก พอเริ่มเข้าเขตป่าอากาศเริ่มเย็นลง เราพกไม้ค้ำ เสื้อหนาว และ ไฟฉายไปเผื่อเดินกลับ
บนยอดเขาเจดีย์เราจะมองเห็น ยอดเขาภูกา และ ยอดเขาพระแม่ย่า (มองจากซ้ายไปขวา)
รวมถึงเขานารายณ์ที่เราจะขึ้นกันพรุ่งนี้เช้าด้วยค่ะ เรานอนรอดูดาวกันต่อบนยอดเขาเจดีย์ เห็นทั้งเมืองคีรีมาศ ดาวสวยมากๆเลย เราถ่ายไม่ติด อยู่ในความทรงจำไปก่อนละกันนะเต็มฟ้าไปหมดเลย อากาศดีมากมีลมพัดและอากาศเย็นลง บรรยากาศดีห่างไกลเสียงรบกวนจากเมืองหลบความวุ่นวายนั่งดูพระอาทิตย์ตกดูดาวสงบดีค่ะ เราอยู่บนนี้ซักพักใหญ่มีคนเวียนไปมาทั้งกลุ่มวัยรุ่น และผู้ใหญ่ บางคนก็วนไปแล้วทั้ง 4 เขาแล้วเดินกลับมาบอกฝั่งนู้นก็สวย น่าลองไปอยู่นะ แต่....คราวหน้าเนอะ 555 เริ่มหนาวแล้วลมพัดหนักขึ้น ต้องเดินกลับเตนท์แล้วหล่ะ ทางลงค่อนข้างลื่นจากน้ำค้างลงและมืดมาก เราวัดพื้นไป 2 รอบ ควรเหยียบพื้นที่มีใบไม้ เดินไม่นานก็ถึงเตนท์ค่ะ เราก็ตั้งวงกันหน้าเตนท์แต่ได้ไม่นานก็เข้านอน ราตรีสวัสดิ์เขาหลวง
เช้าที่ 7 ตุลาคม 2651 วันนี้เราขึ้นเขานารายณ์กันค่ะ ไปรอพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก ทางขึ้นก็ลื่นเช่นเคยระวังๆ เสียดายวันนี้เมฆเยอะมาก เราไม่เจอทะเลหมอก แต่อากาศก็ยังเย็นสดชื่น พระอาทิตย์เริ่มขึ้นตอนหกโมงกว่าๆใกล้เจ็ด คนเริ่มขึ้นมาเยอะขึ้นมารอเป็นเพื่อนกัน
พระอาทิตย์ของเรามาแล้วค่ะ และกำลังจะไปแล้วเช่นกัน 555 วันนี้ค่อนข้างขี้อาย เราปีนๆไต่ๆเล่นกันพักใหญ่ๆ ถ่ายรูป แล้วก็ถึงเวลาลงจากยอดเขานารายณ์ เราลงประมาณเกือบ 7.30 น. ไปทำอาหารเช้า อาบน้ำและกลับบ้านกันค่ะ
นี่ไงทางที่เราขึ้นมาตอนตีสี่ครึ่ง มืดและลื่นสุดๆ ขาลงขาสั่นเลย ตอนขึ้นมองไม่เห็นไม่กลัว พอลงเท่านั้นหล่ะ
กลับมาที่เตนท์ทำอาหารกัน เรามีปลากระป๋อง ไข่ และผักกาดอีกหัวใหญ่ๆ รวมถึงไส้กรอกและหมูยอ เลยออกมาเป็น ยำปลากระป๋อง, ยำหมูยอ, ผัดปลากระป๋อง, ไข่เจียวใส่ทุกสิ่ง, ผัดผักกาด และหมูฝอย พร้อมข้าวสวยที่แห้งกว่าเมื่อวานนิดนึง อิ่มอร่อยโดยฝีมือแก๊งพ่อครัวหัวป่า กินกาแฟกันเสร็จก็ลงจากเขาตอนประมาณ 9.00 น.
ขาลงจากเขาเราเก็บกล้องเพราะคิดว่าต้องลงลำบากแน่ๆ ค่อนข้างชันสำหรับเรามากๆ มือใหม่หัดเดินก็งี้แหละนะ แล้วก็จริง เราวัดเขาหลวงไป 3 รอบ พี่ๆวิ่งลง ดูง่าย พอทำบ้างเท่านั้นแหละกำลังขาไม่เท่าเค้า ล้มสิคะรออะไร ค่อยๆเดินลงกันนะคะ เราลงมาช้ากว่าพี่ๆประมาณ 1 ชม. ขาลงจ้างลูกหาบเพราะไม่รอดแล้ว ขาขึ้นพี่แบกของให้สงสารมาก พร้อมกับขยะทั้งหมด ที่นี่ต้องเก็บลงหมดนะคะ เมื่อถึงข้างล่างมีน้องๆที่ลงมาพร้อมกันขอติดรถไปขนส่ง ลาแล้วนะคะเขาหลวง ถ้ามีโอกาสและร่างพร้อมกว่านี้ ฟิตกว่านี้ จะมาอีก จะขึ้นให้ครบทั้ง 4 ยอดเลยค่ะ
- พี่ๆเจ้าหน้าที่ใจดี และตรวจเช็คนับจำนวนคนทั้งขึ้นและลงค่ะ
- ขยะต้องเอาลงทั้งหมด
- ของข้างบนมีขายเกือบครบ อาหารแห้ง น้ำปลา เครื่องครัวต่างๆ
- ตอนเราขึ้นลูกหาบ กก. ละ 25 บาท
- มีน้ำดื่มและที่นั่งพักตลอดทาง
- ไฟฟ้าเปิดถึง 4 ทุ่ม
- ค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 400 ต่อคน รวมของเช่าและอาหารที่ขนขึ้นไป
สุดท้ายทริปนี้ขอบคุณพี่ๆที่ไม่ทิ้งน้องกลางทาง
{ เขาหลวง } ชอบนะ บรรยากาศดีสวย ดาวเพียบ แต่ที่ดีใจสุดคือดันตัวเองขึ้นไปจนได้
เหนื่อยมากปวดขามาก แต่ก็สนุกมากๆค่ะ เจอกันทริปหน้านะคะ
Tiny Diary
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 09.38 น.