"บางครั้งการเดินทางก็ไม่รู้หรอกว่า บางสถานที่เราจะได้ไปไหม เพราะบางครั้งวางแผนว่าจะไปที่นั่นที่นี่แต่มันก็ล้มเหลว บางครั้งตั๋วโปรโมชั่นก็มาล่อใจเหลือเกินทำให้มือลั่นจองตั๋วแบบไร้สติ นั่นก็ทำให้เกิดทริปไปฮ่องกงแบบไม่คาดฝันเช่นกัน"

หลังจากทริปตะลอนฮ่องกงครั้งแรกแบบลุยเดี่ยวมาถึงเกาะฮ่องกง ผมก็ได้ไปเยือนหมู่บ้านประมงไท่โอ ที่ตั้งบนเกาะลันเตาสำหรับในวันที่สองของการเดินทางในดินแดนที่แสนจะวุ่นวาย ผมเลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังส่วนบริเวณเกาะฮ่องกงที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะเพื่อไปสำรวจว่า "ฮ่องกง แห่งนี้ยังมีเส้นทางธรรมชาติอยู่อีกไหม เราในฐานะคนไทยส่วนน้อยที่ชอบแนวธรรมชาติและเบื่อหน่ายกับการชอปปิ้ง การกิน ออกแนวชอบมาลำบากกับชีวิตเลยหาข้อมูลเส้นทางเดินทางเขาทั่วเกาะฮ่องกง จนได้เจอกับเส้นทางหลังมังกร" เส้นทางเส้นนี้เป็นอย่างไรติดตามได้เลยครับ

"การเดินทางสู่เกาะฮ่องกง"

สู่เส้นทางเดินเขาหลังมังกร ธรรมชาติที่มีลมหายใจ

เนื่องจากที่พักผมอยู่ย่านจิมซาสุยดังนั้นการเดินทางไปยังดรากอนแบคส์ก็เลยต้องเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้านี้ก่อนแหละกัน จากสถานีTsim Sha Tsui (สายสีแดง) นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานี Admiralty

สถานี Admiralty (สายสีแดง) แล้วเปลี่ยนขบวนเป็นสายสีน้ำเงิน ไปยังสถานี Sheu Kei Wan (รวมทั้งสิ้น 9 สถานี) ชีวิตดีได้ด้วยบัตรปลาหมึก

เมื่อมาถึงสถานี Shau Kei Wan ลืมถ่ายป้ายภายในสถานีเลย เอาอันนี้ไปแทนเนอะ 555 ก่อนจะไปสถานที่ผมจะเล่าต่อไปขอให้ท่านเตรียมตัวดังต่อไปนี้

1. อย่าเอาของไปเยอะจนลำบากตัว กระเป๋าเล็ก ๆ พอ

2. พกร่มหรือเสื้อกันฝนไปด้วย มิเช่นนั้นจะมีสภาพเหมือนผม (จะเล่าให้ฟัง มันเศร้ามันเหมือนโลกทั้งโลกรุมทำร้ายตัวผม)

3. พกน้ำดื่มไปพอสมควร

4. พกอาหาร ขนม เครื่องดื่มชูกำลังหน่อยก็ดี

5. เสื้อแขนยาว ครีมกันแดด หมวก

6. สำคัญมาก ขับถ่าย ปัสสาวะให้เรียบร้อยเพราะถ้าไปแล้วจะไม่เจอห้องน้ำนะครับ เตื่อนเลย

พอมาถึงสถานี Shau Kei Wan แล้วให้ออกไปทางออก A3 แล้วท่านจะเจอ 7-11 เพื่อนแท้ยามเดินทาง (มั้ง) ตอนแรกผมซื้อเเซนวิชกับน้ำดื่ม แต่พอหยิบแซนวิชมา เหมือนได้ยินพนักงานเซเว่น (เป็นป้าแล้วนะ) พูดภาษาจีนอะไรสักอย่าง ไอ้เราก็นึกว่าคุยกะลูกค้าคนอื่น แต่พอได้ยินอีกเลยหันไปดู ป้าพนักงานเซเว่นชี้มาที่เรา ตกใจสิครับ ตรูทำไรผิดหว่าาา ปรากฏป้าชี้ไปที่เเซนวิชที่ผมถือ และชี้นิ้วไปที่ป้ายว่าซื้อแซนวิชพร้อมน้ำผลไม้ มันคุ้มนะ อ๋อเลยเข้าใจทันทีในบัดดล

พอซื้อเสร็จ ป้าพนักงานเซเว่นเลยถามผมว่า คุณจะไปไหนค่ะ เราบอกจะไป Dragon's ฺBack เราก็นึกว่าป้าเป็นคนฮ่องกงคงจะรู้จักเป็นแน่ ทันใดนั้นเหมือนโลกทั้งโลกพังทลาย ป้าไม่รู้จัก (ในใจคิด ชิบหาย แล้วเเม้คนฮ่องกงไม่รู้จัก นิเราจะไปที่ไหนกันแน่หว่ะ แต่ด้วยความที่อ่านรีวิวกะหนังสือเดินทางมาบ้างเลยตัดสินใจถามป้าเป็น ผมจะไป Shek O ป้ารู้จักทันที ป้าเลยแนะนำทางไปขึ้นรถเมล์ ป้ากล่าว บะบาย (ซึ้งน้ำใจคนฮ่องกงสำหรับการเดินทางวันที่สอง)

พอมาถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วออก ประตูทางออก A3 แล้ว เมื่อเดินออกมาจะเจอสถานีจอดรถบัสสายต่าง ๆ ตอนนี้ท่านต้องตระเวนหาป้ายรถเมล์สาย 9 (สาย Shek O ) เพื่อไปยังสันหลังมังกร ถ่ายป้ายมาให้ดูว่ามาถูกจริง ๆ นะ

จากนั้นก็นั่งรถบัสสาย 9 (สายไป Shek O) ก็จะผ่านตึกรามบ้านช่องและก็เริ่มเข้าสู่บริเวณที่มีแต่ต้นไม้หนาทึบ เอ๊ะหรือเราจะเข้าป่ากันละนี่


ทางไปสันหลังมังกรนั้นจะเป็นทางไปเดียวกับ Shek O ครับซึ่งสถานที่ผมไปครั้งนี้ถือได้ว่าอยู่ทางตอนใต้ของเกาะฮ่องกงเลย (Southern of Hong Kong) อันนีัถ่ายบนรถบัสชั้น 2 รถขับซิ่งมากก ตั้งกล้องมิทัน

บรรยากาศเส้นทางระหว่างทางไปดรากอนแบคส์ เอาจริง ๆ ตั้งแต่สถานี Shau Kei Wan บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนเลยทีเดียว และอีกอย่างไม่ได้เช็คพยากรณ์อากาศด้วยเพราะชะล่าใจแบบว่าเมื่อวานไปนองปิงฟ้าสดใสมาก เลยตัดสินใจทิ้งร่ม เสื้อกันฝนไว้ในห้อง เดี๋ยวตอนท้ายมาดูชะตาชีวิตของผมกันนะครับทุกคน ดรากอนแบคส์อย่างที่บอกไปตอนแรกขนาดคนฮ่องกงบางส่วนยังไม่รู้จักเลย เวลาถามทางเลยต้องบอกไปว่า ไป Shek O แทนทุกคนจะเข้าใจอย่างดี (ในใจคนฮ่องกงบางคนยังไม่รู้ ตัวเองนี่ยังเผือกรู้อีกแหะ) เนื่องจากผมไปวันธรรมดาเลยคิดว่าอาจเป็นคนเดียวที่มาเดินเขา แต่ปรากฏเมื่อถึงป้ายสำหรับขึ้นเขาก็เจอผู้ร่วมชะตากรรมอีก 3 คนเป็นคู่รัก 1 คู่ เด็กน้อย 1 คน และต่างด้าวจากแดนสยามอีก 1 คน รวมทั้งสิ้น 4 คน

ป.ล. สำหรับการเดินทางมายังสันหลังมังกร ให้ขึ้นรถเมล์สาย 9 (สายไป Shek O) ให้ลงป้ายรถบันที่ชื่อ To Tei Wan นะครับ ถามทำไมให้ลงป้ายนี้เดี๋ยวติดตามครับ แต่ถ้าลงก่อนป้าย To Tai Wan ก่อนก็ได้ครับ แต่ >_< " (มันจะชันตั้งแต่ทางขึ้นเลยนะครับ)

เมื่อลงจากรถบัสแล้วก็ยังไม่ใช่ทุกคนจะเดินขึ้นเขาเลยนะครับ ทุกคนรวมทั้งผมเองก็มัวแต่เตรียมตัวจัดกระเป๋า จัดหาข้าวของจำเป็นเพื่อความสะดวกเวลาเดินเขาจะได้หยิบจับได้ง่าย จำได้ว่ากว่าทุกคนจะได้ฤกษ์ขึ้นเขาปาไป 15 นาที (แบบว่าตัวเองรอให้คนอื่นขึ้นไปก่อนด้วยแหละ)

บริเวณทางขึ้นดรากอนแบคส์ทั้งมืดมนดูน่ากลัวจังเลย บริเวณด้านข้างก็จะมีถังขยะให้ทิ้งรวมถึงด้านขวามือก็เป็นห้องน้ำให้เข้าครับ แต่แนะนำว่าให้เข้ามาจากตรงสถานีรถไฟฟ้า Sheu Kei wan เลยดีกว่าครับเพราะสภาพข้างในค่อนข้างจะไม่สะอาด

ระหว่างเดินเขาไปเรื่อย ๆ เมื่อมองไปด้านล่างก็จะเจอกับเมืองที่อยู่บริเวณด้านล่าง พอเดินไปนิดนึงก็เจอกับด่านโขดหินขวางทางรวมถึงตอนนี้แสงแดดเริ่มส่องแล้ว ฟ้าเริ่มปลอดโปร่ง

อย่าแปลกใจกับสภาพอากาศระหว่างเดินขึ้นเขานะครับ เดี๋ยวแดดออกเดี๋ยวฟ้าครึ้มเดาใจลำบาก ถ้ามีตะไคร้นี่จะปักที่ฮ่องกงเลยแต่กลัวว่าพายุจะเข้าซะก่อน

จากนั้นก็เดินมาตามทางเรื่อย ๆ ก็เจอกับป้ายบอกทางและแล้วสมองก็เริ่มรวนว่าจะไปทางไหนนี้ แต่แล้วสวรรค์ก็เข้าข้างเราสายตาเราก็เหลือบมองลงไปข้างล่างเห็นอะไรบางอย่าง

นี่ไงมองมาตรงพื้นด้านล่างก็เจอป้ายบอกทางไปดรากอนแบคส์ (แต่ทำไมทำป้ายเตี้ยจัง) เดินตามเส้นทางกันโลดดดดและเมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับแหลมพรหมเทพ เอ้ย นั่นมันภูเก็ต ประเทศไทย นี่มันฮ่องกงจะมีแหลมพรหมเทพได้ไง ด้านล่างที่เห็นคือบริเวณที่เรียกว่า เชคโอครับ

เมื่อเดินมาถึงจุดที่สามารถเห็นเชคโอได้แล้ว ก็จะมีทางแยกสองทางครับคือไปทางขวาและทางซ้าย แต่พวกเราทั้ง 4 ชีวิตกลับเดินไปทางขวาตาม ๆ กันไปแบบไม่คิดอะไร

เดินมาได้สักพักหนึ่งก็มีความรู้สึกว่า ตอนนี้มันน่าจะถึงตรงที่เป็นจุดสูงสุดของดรากอนแบคส์ที่เรียกว่า Shek O peak ได้แล้วนะแต่ทำไมมันยังไม่ถึงอีกหว่า สักพักคู่รักหนุ่มสาวชาวฮ่องกงเลยเปิดอากูเกิลแมปเชคเส้นทางใหม่ ไอ้เราก็เลยไปสอบถามด้วยปรากฏว่า มาผิดทางจ้าจริง ๆ ตรงทางแยกต้องไปทางด้านซ้ายมือแต่นี่ทุกคนเดินตามกันมาไปทางด้านขวามือ ตอนนี้เอาไงหล่ะก็ไหน ๆ ก็มาผิดทางแล้วก็ถ่ายรูปวิวแถวนี้ซะเลย เจ๋งไหมหล่ะข้อดีของการหลงทาง

อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าเดินมาผิดทางก็ต้องกลับไปเส้นทางเดิม พอหันหลังไปดูแบบว่านี่เรามัวปล่อยเนื้อปล่อยตัวข้ามเขามากี่ลูกฟระเนี่ย เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกลหลายพันหลายหมื่นลี้นัก

ส่วนเขาลูกด้านหน้า (ภาพบน) คือถ้ายังเดินผิดทางต่อไปก็จะไปเจอเขาลูกนี้ครับแต่ว่าลาก่อนฉันจะไม่ไปหาแกนะ ฉันจะย้อนไปหาเขาตัวจริงที่เป็นเป้าหมายฉัน


หลงทางก็ไม่ทำให้หมดกำลังใจ คนเดินเขาทั้ง 4 ชีวิตก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยการถ่ายภาพบริเวณนี้เป็นที่ระลึกกันซะเลย แลกกันถ่ายรูปให้ (แต่ผมไม่ขอแลกนะขอถ่ายวิวอย่างเดียว) จากนั้นก็เดินตามคู่รักชาวฮ่องกงไปยังทางที่มันถูกต้องเดินฝ่าป่าฝ่าดง

เดินผิดทางมาซะไกลแต่ก็ได้มุมถ่ายภาพตรงบริเวณอื่นแทน ซึ่งตอนนี้ฟ้าเริ่มเปิดแล้วเมืองด้านล่างเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นพร้อมกับแสงแดดอันร้อนแรง

หลังจากเดินย้อนกลับมาทางเดินก็มาเจอป้ายบอกทาง ทายสิต้องไปทางไหนก็ต้องไปทาง TAI TAM GAP ครับ เพราะถ้าไปทาง TO TEI WAN นี่คือกลับไปรอรถบัสตรงทางขึ้นตอนแรกเลย จากนั้นก็เดินตรงไปอย่างเดียวเพื่อขึ้นไปยังจุดสูงสุดของดรากอนแบคส์

หลังจากหลงมานานในที่สุดก็มาถึงจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางดรากอนแบคส์ ที่เรียกว่า SHEK O PEAK กันแล้วโดยจุดตรงนี้ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวสูงสุดบน Shek O Peakเป็นที่ที่เหมาะสำหรับหยุดพักเหนื่อย พร้อมเพลิดเพลินไปกับวิวแบบพาโนรามาของ Shek O, Tai Long Wan และเกาะ Tung Lung

บริเวณตรงจุด Shek O Peak ก็จะมีเก้าอี้ให้นั่งสำหรับพักผ่อนหย่อนใจกันด้วย แต่ข้าน้อยคงมิกล้าเพราะแดดแรงเก้าอี้คงร้อนระอุน่าดู แต่ถ้ามาช่วงหน้าหนาวหรือเช้ากว่านี้นิดหน่อยตรงนี้ก็จะเป็นมุมถ่ายภาพที่สวยงามเลยทีเดียว มองออกไปเห็นทะเลที่กว้างไกลออกไป

เมื่อเราก้าวไปข้างหน้าก็อย่าลืมมองย้อนไปข้างหลัง แล้วก็ตกกะใจกับตัวเองว่า "นี่ตัวเองเดินหลงทางข้ามเขามากี่ลูกหวะ" เขาในประเทศไทยยังไม่เคยจะเดินนี่ริอาจโกอินเตอร์เลยทีเดียว

เดินชมวิวตรงนี้ได้สักพักก็เดินทางต่อเพื่อลงจากเขาเมื่อมองเส้นทางที่จะลงเขาก็ไม่ต่างจากตอนขึ้นเขา

โหเส้นทางยังอีกยาวไกลนัก ทางลงก็จะมีขั้นบันไดที่ค่อนข้างชันเวลาเดินก็ระมัดระวังด้วยนะครับ

เมื่อลงมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอป้ายบอกทางครับผมเดินทางแค่ครึ่งเส้นทางก็ขอตัวกลับเข้าเมืองดีกว่าโดยไปทาง TAI TAM GP ระยะทางพอ ๆ กับเส้นทางไปถนนเชคโอเลย (ถนนเชคโอก็เป็นถนนที่ลงจากรถบัสมาครับเส้นนั้นก็เป็นเส้นที่เรียกว่า ถนนเชคโอ) จากนั้นผมก็เดินทางกลับก็อย่างที่บอกครับใช้เวลาพอสมควร และที่สำคัญระหว่างเดินฟ้าก็ครึ้มอีกรอบและแล้วฝนตกหนักมากกกกกกก ทำให้ไม่มีภาพถ่ายหลังจากนี้แล้วครับเพราะต้องเดินไปป้ายรถบัส ระหว่างเดินตากฝนก็เจอครอบครัวชาวฮ่องกงที่เป็นพ่อแม่ ลูกชายและลูกสาวกำลังเดินขึ้นเขามาทั้ง ๆ ที่ฝนตก ผมก็ได้รับความช่วยเหลือนิดหน่อยคือว่า ไปคุยกับเขาเรื่องสภาพอากาศ (แต่จริง ๆ ขอหลบฝนแปบนึง) ซึ่งครอบครัวที่ผมเจอก็ชวนผมคุยท่ามกลางฝนตกหนักเลยได้ความว่า วันนี้พายุทีสตอร์มพัดเข้าฮ่องกงทำให้มีฝนตกครับ จากนั้นผมก็ไม่อยากรบกวนเวลาเดินเขาก็เลยขอลาและแยกย้ายกันครับพร้อมกับตากฝนอย่างเดียวดายเพื่อเข้าเมืองต่อไปครับ

ข้อมูลการเดินทางไปดรากอนแบคส์ :

http://www.discoverhongkong.com/th/see-do/great-outdoors/hikes/dragons-back-hiking-tour.jsp (ภาษาไทย)

http://www.discoverhongkong.com/ca/see-do/great-outdoors/hikes/dragons-back-hiking-tour.jsp (ENGLISH)

สุดท้ายนี้ขอบคุณสำหรับการเดินทางที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นและขอบคุณสำหรับผู้อ่านทุกคนที่ติดตามการเดินทางของผม และครั้งต่อไปก็พบกับรีวิวตัวใหม่ได้กับการไปเยือนเกาะมันเทศ ไต้หวันรอบสอง รับรองรอบนี้สนุกไม่แพ้รอบแรกครับ ส่วนครั้งนี้ขอลาไปก่อนครับ ไว้พบกันใหม่ครับ

"เพราะชีวิตคือการเดินทาง BY สองเท้าก้าวตะลุย"



เพราะโลกนั้นกว้าง

 วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 14.48 น.

ความคิดเห็น