ไปโตเกียว เที่ยวฟูจิ
ตอน นาริตะมีดี ไม่ใช่แค่ทางผ่าน
เที่ยวชมถนนสายโบราณแห่งเมืองนาริตะ
หลังจากเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิในตอนที่แล้ว ก็ได้แค่เก็บภาพความประทับใจมาตลอด หากใครยังไม่ได้รับชม ตอน ฟูจิซัง สวยจับตา งามจับใจ สามารถติดตามย้อนหลังได้ตามลิงค์ด้านล่างได้เลยจ้า
ผมเดินทางจากเมืองคาวากูจิโกะโดยรถบัสด่วนพิเศษไปยังสถานีรถไฟโตเกียวอีกรอบ เพื่อไปต่อรถไฟ JR ไปเที่ยวต่อเมืองนาริตะครับ
ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆก็เดินทางถึงสถานีรถไฟ JR นาริตะครับ
เนื่องจากผมเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ จึงต้องหาห้องพักและค้างคืนที่นี่ 1 คืน เพื่อมีเวลาในการเที่ยวเมืองนี้อย่างเต็มที่
หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาในการสำรวจเมืองนาริตะแห่งนี้
ที่พักของผมเหมือนเดิม เป็นฟูกนอนตามแบบต้นฉบับของคนญี่ปุ่น
เมืองนาริตะนั้นมีดีมากมายไม่ใช่แค่เมืองที่เป็นทางผ่าน เพราะหลายคนคงไปขึ้น-ลงเครื่องที่สนามบินนาริตะ แต่รู้หรือไม่ว่าเมืองนาริตะแห่งนี้ก็ยังซ่อนสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่นะ
ผมเดินเท้าไปเรื่อยๆตามถนน เพื่อไปที่ถนนสำหรับช้อปปิ้ง ชื่อถนนว่า Omotesando Street
ระหว่างทางเจอกับร้านอาหารไทย สังเกตุจากธงชาติ ร้านอาหารไทยแท้แน่นอนครับ อิอิ แต่ว่าร้านปิดวันนี้!
ถนนแห่งนี้มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร สองข้างทางของถนนขนาบไปด้วยตึกเก่าแบบดั้งเดิม ได้อารมณ์ญี่ปุ่นย้อนยุคจริงๆ เหมือนหลุดไปในยุคก่อนเลย! และยังเป็นเส้นทางที่จะนำเรามาสู่วัด Naritasan Shinshoji โดยจะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกเปิดให้เราได้ช้อปก่อนจะเดินไปถึงวัด เรียกว่าที่เดียวได้เที่ยวถึงสามแบบเลยนะครับ
นอกจากนี้ เมืองนาริตะขึ้นชื่อเรื่องปลาไหล ร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จึงมีเมนูปลาไหลอยู่ทุกร้านเลย และยังมีการโชว์การชำแหละปลาไหลแบบสดๆให้ดูด้วย
เดินมาเรื่อยๆจนถึงวัด Naritasan Shinshoji Temple ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่แห่งนาริตะ
วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งเมืองนาริตะที่อยู่ใกล้สนามบินมากที่สุด ในส่วนของความเก่าแก่นั้นขอบอกเลยว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ความเก่าแก่จึงเพิ่มความขลังและศักดิ์สิทธิ์ให้แก่วัดแห่งนี้ ทำให้วัดมีผู้คนมากมายแวะมาสักการะขอพรกัน
ปิดท้ายด้วยการเดินเที่ยวชมวัด ก่อนกลับโรงแรมที่พักเพื่อพักผ่อน เตรียมพร้อมเดินทางกลับในวันถัดไป
เดินทางกลับประเทศไทย
สำหรับผมแล้วการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้นับว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าทางจิตใจมากๆ ผมชอบและรักประเทศนี้ไม่แพ้ประเทศไทยเลย ได้เวลาออกจากห้องพักเก็บความประทับใจมากมายที่พบเจอกับการเดินทางตลอดระยะเวลา 5 วัน
การเดินทางจากเมืองนาริตะไปสนามบินนาริตะใช้เวลาแค่ 10 นาทีโดยประมาณจากสถานีรถไฟนาริตะ
เมื่อถึงสนามบินแล้วผมได้ทำการเช็คอิน และโหลดกระเป๋า รวมถึงแวะซื้อของฝากไปให้เพื่อนๆที่เมืองไทย
เสียงจากกัปตัน
เครื่องได้เทคออฟจากสนามบินนาริตะ กับตันตีโค้งเลี้ยวขวาเพื่อไปยังเส้นทางที่นำทุกท่านในเที่ยวบินนี้สู่ดินแดนขวานทอง เครื่องบินบินผ่านนนานฟ้าของโตเกียวด้วยนะ
เครื่องเทคออฟไปสักพักก็ได้ยินเสียงประกาศจากกัปตัน
"...สวัสดีครับท่านผู้โดยสารทุกท่าน นี่คือเสียงจากกัปตันครับ ท่านผู้โดยสารที่นั่งริมหน้าต่างทางขวาให้มองออกไปหน้าต่างของท่าน ขณะนี้เรากำลังบินผ่านภูเขาไฟฟูจิครับ ผมขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเดินทางกับเรานะครับ ขอบคุณครับ..."
สำหรับทริปครั้งนี้ ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชมนะ
ขอบคุณครับ :)
ฝากติดตามเพจทาง Facebook ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/tiewtamjaiwherever
go see write เล่าเรื่องเที่ยว
วันพฤหัสที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.40 น.