ไปโตเกียว เที่ยวญี่ปุ่น (ตอน ฟูจิซัง สวยจับตา งามจับใจ)

เที่ยวเมืองคาวากูจิโกะ ถ่ายรูปเจดีย์แดงคู่กับภูเขาไฟฟูจิกันครับ


เสร็จสิ้นภาระกิจตระเวนเที่ยวในโตเกียวเสร็จแล้ว สำหรับใครที่พลาดชมใน ตอน โตเกียว เที่ยวได้ตลอด ก็สามารถคลิกลิงค์ด้านล่างนี้เพื่อย้อนกลับไปชมการเดินทางในวันแรกและท่องเที่ยวในโตเกียวได้ครับ

https://th.readme.me/p/21556


ผมตื่นตั่งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปเมืองคาวากูจิโกะ และขึ้นรถไฟจากสถานี Nakano-shimbashi ไปที่สถานีรถไฟชินจูกุ เพื่อให้ทันรถบัสรอบ 08:55 ตอนเช้า อันที่จริงผมจองล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว ถ้าใครเดินทางไปคาวากูจิโกะด้วยรถบัสผมแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อน เพราะไม่เช่นนั้นรถอาจจะเต็มก็ได้ เหมือนวันนี้ที่ผมเดินทางรถเต็มทุกเที่ยวเลยครับ

รถบัสที่ผมจองเป็นรถบัสด่วนพิเศษออกจากชินจูกุ ของบริษัท Keiko Dentetsu Bus ซึ่งมีสถานีขนส่งอยู่สองที่ด้วยกัน นั้นก็คือ ชินจูกุ กับ ชิบูย่า

แต่ผมเลือกเดินทางออกจากชินจูกุเนื่องจากการเดินทางที่สะดวกและอยู่ใกล้ที่พัก เมื่อผมมาถึงสถานีรถไฟชินจูกุ ก็ได้เดินต่อไปยังสถานีขนส่งผู้โดยสารรถบัสด่วนพิเศษ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟชินจูกุ จุดจำหน่ายตั๋วและชานชาลาตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ครับ

หลังจากผมยื่นเอกสารการจอง พนักงานจะเช็คอีกครั้งหนึ่งว่าตรงกับที่เราจองหรือไม่ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถได้ ผมได้จองที่นั่งไว้ตรงข้างหน้าเลยครับ เพื่อที่สามารถชมวิวได้กว้างกว่าเดิม

นั่งรถไป ชมทัศนียภาพสองข้างทางก็เพลินดีเหมือนกันนะ

ผมนั่งรถจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เจอภูเขาไฟฟูจิอยู่ตรงหน้าแล้วครับ ณ ตอนนั้นผมยังจำภาพและความรู้สึกครั้งแรกที่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ จนต้องร้อง ว้าว! ออกมาโดยไม่รู้ตัว มันยิ่งใหญ่ สวยงงามมากๆๆๆๆ สมคำล่ำลือจริงๆ

ภูเขาไฟฟูจิ ถายจากรถบัสระหว่างทางจากโตเกียวไปเมืองคาวากูจิโกะ

รถบัสพาผมมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟคาวากูชิโกะ เมื่อมาถึงยังไม่ถึงเวลาเชคอินที่โรงแรม ผมเลยต้องเอากระเป๋าสัมภาระไปฝากไว้ก่อนที่ห้องเก็บสัมภาระสถานีรถไฟคาวากูจิโกะนี่แหละครับ ที่นี่เขาจะมีตู้ห้องล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า อยู่ทางวามือสุดใกล้ห้องน้ำ เป็นห้องเล็กๆ ตรงกันข้ามใกล้กับห้องฝากสัมภาระจะเป็นที่แลกเหรียญเพื่อใช้ในการฝากสัมภาระกันครับ


เจดีย์แดง แห่งเมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida City)

หลายๆคนคงคุ้นเคยกับภาพเจดีย์แดงที่มีภาพเบื้องหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ครั้งนี้ผมเลยไม่พลาดที่จะไปเจอกับสถานที่จริงสักครั้งในชีวิต

หลังจากที่ผมฝากสัมภาระไว้ที่สถานีรถไฟคาวากูจิโกะเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่รีรอเดินไปจองตั๋วรถไฟเพื่อเดินทางไปยังเมืองฟูจิโยชิดะ

สถานีรถไฟรวมถึงรถไฟที่นี่ตกแต่งได้น่ารักมาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามไสตของญี่ปุ่น เด็กๆคงชอบกัน ผมก็ชอบนะ อิอิ

และนี่คือขบวนรถไฟที่นำเราไปที่เมืองฟูจิโยชิดะ เราจะต้องไปลงที่สถานีชิโมโยชิดะ แล้วเดินต่ออีก 10 นาที เจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาทีครับ

ด้านหน้าสถานีรถไฟชิโมโยชิดะ

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟชิโมโยชิดะแล้ว จะมีป้ายและแผนที่การเดินทางไปเจดีย์แดงซึ่งตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟ

เดินตามป้ายไปเลยจ้า

เดินมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงบันไดทางเข้าวัดแล้วครับ

เราสามารถขอพรจากที่ได้ด้วยนะ

ขึ้นมาเหนื่อย มองไปด้านหลังหายเหนื่อยเลย

เมืองฟูจิโยชิดะ

เมื่อเดินขึ้นมาใกล้ถึงกับจุดชมวิวแล้ว เราจะเจอเจดีย์แดงตั้งอยู่ตะหง่านตรงข้างหน้าครับ

ซึ่งจุดที่เราจะไปถ่ายภาพกันต้องขึ้นบันไดไปอีกนิดนึงก็ถึง

และนี่คือภาพที่หลายคนต้องถ่ายครับหากมาเยือนที่นี่

เจดีย์ชูเรโตะ(Chureito Pagoda) เป็นเจดีย์ห้าชั้นบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะ(Fujiyoshida City) และภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้อย่างชัดเจนและงดงาม เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน(Arakura Sengen Shrine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพปี ค.ศ. 1963

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่นี่เพื่อชมทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิร่วมกับเจดีย์ห้าชั้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระบานประมาณกลางเดือนเมษายน และฤดูใบไม้ร่วงประมาณครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤศจิกายน จะเป็นจุดชมธรรมชาติที่นิยมเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากเจดีย์แดงแล้ว ด้านบนนี้ยังเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย

การเข้าชม
ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

วิธีการเดินทาง

จาก Kawaguchiko Station นั่งรถไฟ Fujikyu Railway Line ไปลงที่ Shimo-Yoshida Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที เจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 5 นาที

คาวากูจิโกะ เดินเล่นอย่างเพลินใจ

หลังจากเที่ยวชมความงามของเจดีย์แดงแล้ว ผมก็นั่งรถไฟกลับมายังเมืองคาวากูจิโกะอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน จึงตัดสินใจเดินเล่นรอบๆบริเวณสถานีรถไฟแล้วก็หาร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารเที่ยงกัน ระหว่างทางก็ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย ฟูจิซัง สวยงามมากๆ

ก่อนเช็คอิน ถามเจ้าถิ่นก่อนนะ นั่งหน้ามุ่ยเชียว 5555

เดินไปสักพักจนเจอร้านอาหาร ชื่อ Sanrokuen เป็นร้านปิ้งย่างแบบเสียบไม้ รสชาติดีและได้ทดลองกินอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดังเดิมด้วย แนะนำว่าต้องลอง นอกจากนี้เจ้าของร้านยังพูดไทยได้ด้วย


หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าที่พักแล้ว ผมพักที่เมืองคาวากูจิโกะ แค่ 1 คืน ที่พักก็จองผ่าน Airbnb.com เป็นบ้านของคนญี่ปุ่นเช่นเคย แหะๆ


มาถึงที่พักในช่วงหนังท้องตึง ร่างกายอ่อนล้า เมื่อยขา มันก็คือเวลาพักผ่อนนี่แหละ ผมตั้งใจงีบหลับไปสักพักเพื่อเก็บแรงเอาไว้ แล้วก็ได้วางแผนไว้ว่าในช่วงตอนเย็นจะไปเดินเล่นแถวทะเลสาปคาวากูจิโกะ แต่...แต่แล้วครับ มันคือการพักผ่อนที่ได้พักอย่างเต็มที่จริงๆ ไม่ใช่การงีบหลับแต่มันคือการหลับอย่างจริงจัง ตื่นมาอีกทีฟ้ามืดสนิท ดูนาฬิกาก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว OMG! ผมเลยพลาดการเดินเล่นแถวทะเลสาป คิดตอนนั้นเสียดายเวลามาก แต่ก็มาปลอบใจตัวเองว่าไหนๆก็ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแล้ว ก็โอเคละ พอใจละ เพียงพอแล้ว ผมตื่นมาพร้อมกับความหิวในช่วงเวลาเกือบจะดึกละ ร้านอาหารก็ปิดหมดแล้วจ้า แน่นอนครับต้องไปฝากท้องไว้กับเจ้านี่ แหะๆ


หาของกินที่เซเว่นแถวๆสถานีรถไฟนี่แหละครับ อิอิ


ถึงคราว...อำลาฟูจิซัง

วันรุ่งขึ้น ผมรีบเก็บข้าวของ จัดกระเป๋าเพื่อเดินทางต่อ

ผมได้แต่เก็บภาพความประทับใจ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับภูเขาไฟฟูจิ เดินไปตรงไหนสายตาของผมก็จ้องมองภูเขาไฟฟูจิงอย่างไม่ขาดสายตา ถ้าใครมาญี่ปุ่น อย่างแรกเลยผมแนะนำให้มาเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยตาของตัวเอง แล้วจะพบความน่ามหัศจรรย์ของธรรมชาติ ความยิ่งใหญ่ และความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้ ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมภูเขาไฟฟูจิถึงได้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น

หวังว่าเราได้เจอกันอีกนะ ฟูจิซัง


ตอนต่อไป เมืองนาริตะ มีดีไม่ใช่แค่ทางผ่าน

ผมเดินทางเข้าไปในโตเกียวอีกรอบเพื่อต่อรถไฟไปเมืองนาริตะ เมืองนาริตะมีอะไรที่น่าสนใจ

ติดตามชมตามลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ

https://th.readme.me/p/21658


ฝากติดตามเพจทาง Facebook ด้วยนะครับ

https://www.facebook.com/tiewtamjaiwherever

go see write เล่าเรื่องเที่ยว

 วันพฤหัสที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.40 น.

ความคิดเห็น