-- 1 --


หลังจากกระเด้งกระดอนบนรถกระบะโฟร์วีลร่วมชั่วโมง ภาพแรกที่ยังติดตา คือ บาร์กาแฟเล็กๆ ข้างเตาผิงขนาดใหญ่ มีโต๊ะ เก้าอี้ไม้ คงรองรับวงสนทนาขนาดย่อมๆ กลางลมหนาวได้ดี เว้นระยะไปจากห้องรับแขกกลางแจ้ง บ้านหลังเล็กๆ มีปล่องไฟสูงเหมือนในเทพนิยาย ตั้งอยู่ประปรายอยู่กลางดงไม้ใหญ่ยืนต้น มีต้นกาแฟแซมอยู่ทั่วไป โดดเด่นที่สุดคงเป็นบ้านหลังเล็กอยู่บนต้นไม้สูง มีลำต้นเป็นโครงสร้างหลัก ปกคลุมด้วยเรือนยอดไม้ร่มรื่น


ท่ามกลางความร่มรื่น มีลมหนาวพัดผ่านให้พอร่างกายรู้สึกเย็น เสียงใสๆ จากน้ำในลำธารธรรมชาติ ช่วยผ่อนคลาย ทำให้ลืมความตึงเครียดของคนเมือง ทิ้งไว้ข้างหลังได้อย่างไม่ยี่หระ

ยิ่งอยู่นิ่งๆ มองรอบๆ ผมยิ่งอินกับบรรยากาศตรงหน้า ถ้าจะบอกว่า การเดินทางท่ามกลางธรรมชาติ โดยมีบริบทของกาแฟเป็นส่วนประกอบหลักแทนสถานที่ท่องเที่ยวครั้งนี้กำลังโปรยยาเสน่ห์ให้หลงรัก คงไม่มีใครเชื่อ ถ้าไม่ใช่เพื่อนร่วมทางที่ยืนอยู่ที่นั่นด้วยกัน ตอนนั้น


ผมรู้สึกตัวเล็กจิ๋วกับเรื่องกาแฟเมื่อได้รู้จักเพื่อนร่วมทริปหลายคนเป็นบาริสต้าเจ้าของร้านกาแฟ โดยเฉพาะพี่วัลเจ้าของสถานที่ หลังอาหารเที่ยง เวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ผมได้ลิ้มลองกาแฟดีๆ หลายตัวที่มีเสิร์ฟไม่อั้นตรงบาร์กาแฟ


บ่ายแก่ๆ ลมเย็นยังเย็นอยู่ แสงแดดส่องลอดเรือนไม้ช่วยให้เราอุ่นขึ้น ผมได้รู้จักกับรสชาติเทียบของกาแฟโดยเรียนรู้จากผลไม้สด เครื่องเทศและอื่นๆ ที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ จากการชิมและดม จบท้ายด้วยเกมส์ปิดตาทายกลิ่นนับแต้มกัน มันเป็นการทำความรู้จักกับกาแฟเบื้องต้นอย่างน่าสนใจ ไม่ใช่เรื่องจริงจังกาแฟจ๋า


มื้อเย็นใต้แสงเทียนและตะเกียงพายุ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ ขับกล่อมด้วยเสียงเพลงธรรมชาติรอบตัว ยิ่งทำให้วันแรกผ่านไปอย่างไม่เสียดายเวลา เพราะไม่มีไฟฟ้า แถมสัญญาณโทรศัพท์ยังบางเบา เราเลยมีเวลาพูดคุยกันมากขึ้น อากาศเย็นแต่แรงไฟจากฟืนในเตาทำให้รู้สึกอุ่นขึ้น


-- 2 --

ธรรมชาติบริสุทธิ์สะกิดให้ผมตื่นตอนหกโมงกว่าๆ ทำภารกิจส่วนตัว เดินเล่นๆ ถือกล้องถ่ายรูปไปเรื่อยๆ กาแฟกรุ่นๆ รสชาติละมุน กลางแดดอุ่นที่บาร์กาแฟทำให้การเริ่มต้นวันสดใสอย่างบอกไม่ถูก

หลังอาหารเช้า วันนี้เรามีกิจกรรมออกแรงกันนิดหน่อยด้วยการเดินเท้าไปดูการเก็บผลกาแฟในสวน ดูขั้นตอนผลิตต่างๆ

ผมสรุปเอาเองว่า การทำสวนกาแฟก็ไม่ต่างอะไรกับการทำนา กว่าจะได้ข้าวสักเม็ด ต้องอาศัยความอดทน การเอาใจใส่ ที่สำคัญที่สุดคือความรักที่จะทำ ผลผลิตจึงจะออกมาดี

ยิ่งรู้ ยิ่งได้รู้จัก กาแฟน่าจะเป็นศาสตร์หนึ่งที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้จบยากสำหรับคนหลงรัก

ช่วงบ่ายเราได้เรียนรู้การ cupping หรือการชิมกาแฟ รสชาติและกลิ่นสดๆ จากของจริงเมื่อวานบ่าย ได้นำมาใช้เปรียบเทียบกับรสและกลิ่นในกาแฟวันนี้


ถ้าเชื่อในโชคชะตา โลกกาแฟคงลิขิตให้เราได้เจอกัน

ผมรู้จักกาแฟมากขึ้น

พวกเราก็รู้จักกันเพิ่มขึ้น

คืนนั้นเราใช้พื้นที่ห้องนั่งเล่นกลางแจ้งเกินเวลา กว่าจะแยกย้ายกันได้ก็เกือบตีสาม


-- 3 --

รถกระบะพาเราออกจากสวนพี่วัล กระเด้งกระดอนโยกเยกเหมือนเดิม ขณะที่ความรู้สึกวันแรกยิ่งไม่เหมือนวันนี้

ผมคิดใหม่ตอนเหมือนได้กลิ่นดอกกาแฟโชยเข้าจมูก

ถ้าไม่เชื่อในโชคชะตา เคมีของกาแฟคงส่งกลิ่นแรงยั่วยวนดึงดูดให้พวกเราได้รู้จักกันตามหลักวิทยาศาสตร์อยู่ดี


เชื่อสิ


ขอบคุณ

https://www.facebook.com/campuscoffeeroaster/photo...

traveltrap

 วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.28 น.

ความคิดเห็น